โดยส่วนตัว ไม่แน่ใจว่าแบบนี้เรียกว่ารักแรกพบมั้ย แต่ได้เจอผู้ชายคนนึงผ่านโชเชียลแอพ คุยกันไม่นานเค้าก็ชวนให้ออกไปเจอ ด้วยที่ว่าอยู่ในช่วงอารมณ์เบื่อๆ เลยตัดสินใจไปเจอ มาคิดๆดู คนที่ไม่เคยเห็นแม้แต่รูปแถมคุยผ่านแอพไม่กี่ประโยคทำไมเรากล้าไปเจอ แต่ก็เชฟตัวเองนะคะ รู้ว่าจะปลอดภัยเลยไป
ครั้งแรกที่เจอเค้าตอนเปิดประตูออกมา ความรู้สึกที่มีคือ ภาพข้างหน้ามันวิ้งๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆที่ส่งมาให้ อาจจะเพราะไฟในโรงแรมมันสว่างมากก็ได้เลยเห็นภาพนั้นแบบวิ้งๆ 555 ตอนนั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรนะคะ คุยกับเค้าแบบปกติ แต่ก็คิดว่าทำไมพึ่งเคยเจอกันแต่คุยกันได้แบบว่าเหมือนรู้จักกันมาหลายสิบปี จนถึงเวลาต้องกลับเค้าก็มาส่งถึงบ้าน เหตการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแทบจะจำได้ทุกอย่าง ไม่ได้คิดว่าจะจดจำแต่มันก็เหมือนฝังอยู่ในหัว ถัดมาอีกวันก็นัดเจอทานข้าวเย็นด้วยกัน ช่วงเวลานั้น ที่เริ่มคุยกันแบบจริงจังมากขึ้น ทานข้าวเสร็จเค้าก็บอกว่าเค้าต้องไปเรียนต่อที่สหรัฐฯ สองปี ตอนนั้นก็รู้สึกชาวูบเพราะนั่นคือ จะไม่ได้เจอกันอีกแน่นอน เค้ากุมมือตลอดเวลาที่นั่งด้วยกันในร้าน พยายามไม่พูดถึงเรื่องอนาคต เค้าก็เลยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง เราเองก็ไม่อยากที่จะคิดถึงอนาคตเลยปล่อยเลยตามเลย เย็นวันนั้นเราทั้งใช้เวลาร่วมกันนานพอสมควร เค้าใช้เวลาแม้กระทั่งนาทีสุดท้ายยืนมองส่งเราจนหายเข้าบ้านเหมือนครั้งแรก และวันนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอเค้า
หลังจากวันนั้นเราก็ยังคงติดต่อกันมาตลอด ทำให้รู้ว่าเค้าก็รู้สึกแบบเดียวกับเราตั้งแต่ครั้งแรก และทุกๆครั้งที่เราบอกว่าเราเศร้าที่เรากับเค้าจะไม่ได้เจอกันอีก เค้าก็จะบอกว่า Fate brought us together, let fate guide us through.
วันนี้เองก็ยังได้รู้อีกว่า การที่เราคิดถึงใครสักคนมากๆ แล้วมันทรมานขนาดใหน
รักแรกพบ คุณเชื่อมั้ยว่ามันมีจริง และเชื่อในรักแรกพบมั้ย ?
ครั้งแรกที่เจอเค้าตอนเปิดประตูออกมา ความรู้สึกที่มีคือ ภาพข้างหน้ามันวิ้งๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆที่ส่งมาให้ อาจจะเพราะไฟในโรงแรมมันสว่างมากก็ได้เลยเห็นภาพนั้นแบบวิ้งๆ 555 ตอนนั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรนะคะ คุยกับเค้าแบบปกติ แต่ก็คิดว่าทำไมพึ่งเคยเจอกันแต่คุยกันได้แบบว่าเหมือนรู้จักกันมาหลายสิบปี จนถึงเวลาต้องกลับเค้าก็มาส่งถึงบ้าน เหตการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแทบจะจำได้ทุกอย่าง ไม่ได้คิดว่าจะจดจำแต่มันก็เหมือนฝังอยู่ในหัว ถัดมาอีกวันก็นัดเจอทานข้าวเย็นด้วยกัน ช่วงเวลานั้น ที่เริ่มคุยกันแบบจริงจังมากขึ้น ทานข้าวเสร็จเค้าก็บอกว่าเค้าต้องไปเรียนต่อที่สหรัฐฯ สองปี ตอนนั้นก็รู้สึกชาวูบเพราะนั่นคือ จะไม่ได้เจอกันอีกแน่นอน เค้ากุมมือตลอดเวลาที่นั่งด้วยกันในร้าน พยายามไม่พูดถึงเรื่องอนาคต เค้าก็เลยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง เราเองก็ไม่อยากที่จะคิดถึงอนาคตเลยปล่อยเลยตามเลย เย็นวันนั้นเราทั้งใช้เวลาร่วมกันนานพอสมควร เค้าใช้เวลาแม้กระทั่งนาทีสุดท้ายยืนมองส่งเราจนหายเข้าบ้านเหมือนครั้งแรก และวันนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอเค้า
หลังจากวันนั้นเราก็ยังคงติดต่อกันมาตลอด ทำให้รู้ว่าเค้าก็รู้สึกแบบเดียวกับเราตั้งแต่ครั้งแรก และทุกๆครั้งที่เราบอกว่าเราเศร้าที่เรากับเค้าจะไม่ได้เจอกันอีก เค้าก็จะบอกว่า Fate brought us together, let fate guide us through.
วันนี้เองก็ยังได้รู้อีกว่า การที่เราคิดถึงใครสักคนมากๆ แล้วมันทรมานขนาดใหน