ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ผู้ผลิตรายการโอดช่อง 3 แอนะล็อกจอดำกระทบรายได้ "เซิร์ซ เอนเตอร์เทนเม้นท์" ระบุหากออกอากาศคู่ขนานจะกระทบกับผู้ผลิตหลายรายเพราะผังรายการถูกวางไว้แล้ว ด้าน "บรอดคาซท์" ชี้หากจอดำผู้ผลิตขาดทุน 30-40% ต่อรายการต่อ 1 ตอน
นายวิบูลย์ ลีรัตนขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซิร์ซ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ "ก้าวต่อไป...ดิจิทัลทีวีไทย" ว่า หลังจากทีวีดิจิทัลเริ่มออกอากาศมากว่า 4 เดือน การแข่งขันและภาพรวมธุรกิจทีวีดิจิทัลไทยยังไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน เนื่องจากกฎเกณฑ์ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน ในฐานะผู้ผลิตรายการ (คอนเทนต์โพรไวเดอร์) ก็ต้องรอให้กฎเกณฑ์ชัดเจน เพื่อให้การทำงานเดินหน้าต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม จากกรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีคำสั่งให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวียุติการแพร่ภาพในวันที่ 28 กันยายนนี้ เนื่องจากช่อง 3 แอนะล็อกสิ้นสุดการถูกคุ้มครองการเป็นโทรทัศน์ทั่วไป (ฟรีทีวี) ทำให้ผู้ชมทั่วประเทศหรือคิดเป็น 70% ของครัวเรือนทั้งหมด รับชมรายการช่อง 3 แอนะล็อกผ่านจานดาวเทียมและเคเบิลทีวีไม่ได้นั้น เชื่อว่าทางช่อง 3 จะหาแนวทางที่ดีที่สุด
ในมุมมองผู้ผลิตรายการ หากช่อง 3 แอนะล็อกจอดำจริง บริษัทก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายเบื้องต้นของช่อง 3 คือ ลดค่าโฆษณาลง 70% หรือตามสัดส่วนผู้ชมที่หายไป อาจจะส่งผลให้บริษัทต้องขาดทุน เช่น เรื่องเด่นเย็นนี้ ต้องขาดทุนประมาณ 30-40% ต่อรายการต่อการออกอากาศ 1 ตอน เป็นต้น และรายการอื่น ๆ ก็ต้องขาดทุนในตัวเลขที่ใกล้เคียงกัน
ขณะเดียวกัน หากต้องนำช่อง 3 แอนะล็อกมาออกอากาศคู่ขนานระบบดิจิทัล ในช่องเอชดี 33 ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรายการที่เตรียมนำเสนอรายการต่อช่องเอชดี 33 จนถึงกระทบต่อผังรายการรวมของสถานีที่เตรียมวางไว้หมดแล้ว เนื่องจากช่อง 3 แอนะล็อกและช่องเอชดี 33 เป็นคนละนิติบุคคลกัน ทำให้รายการที่จะออกอากาศในช่องเอชดี 33 ก็ต้องถูกระงับการออกอากาศไปด้วย
"บริษัทต้องเลื่อนรายการ "กัปตันการ์ตูน" ที่เตรียมออนแอร์ในช่องเอชดี 33 ในเดือนตุลาคมนี้ออกไปก่อน ปัจจุบันมีรายการออกอากาศช่องทีวีดิจิทัล 2 รายการ คือ บ้านพระราม 4 และข่าวท็อปนิวส์ ออกอากาศช่องเอสดี 28"
สอดรับกับนางอรุโณชา ภานุพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด กล่าวว่า ผู้ผลิตรายการกังวลว่าละครหรือรายการที่ออกอากาศอยู่นั้น ผู้ชมทั่วประเทศจะได้รับชมหรือไม่ ถ้าหากผู้บริโภคที่รับชมผ่านดาวเทียมและเคเบิลทีวีไม่สามารถรับชมช่อง 3 แอนะล็อกได้ นั่นหมายถึง จำนวนผู้ชมประมาณ 70% ของครัวเรือนทั่วประเทศจะหายไป หากช่อง 3 จอดำจริงก็จะกระทบต่อผู้ผลิตรายการทั้งหมดของสถานี ซึ่งผู้ผลิตรายการเองอาจจะต้องขาดทุนประมาณ 30-40% ต่อรายการต่อการออกอากาศ 1 ตอน
ปัจจุบันบริษัทผลิตรายการให้ช่อง 3 รวม 4 รายการ คือ น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ รักจัดเต็ม สัมผัสพิศวง ในลักษณะการเช่าเวลา และรายการ "ว้าว อิงลิช" ซึ่งเป็นรายการใหม่ เตรียมออกอากาศเดือนตุลาคมนี้ ทางช่องแฟมิลี่ 13 ส่วนละครนั้นเป็นการรับจ้างผลิตให้แก่ช่อง 3 ปัจจุบันมีละครที่กำลังออนแอร์ 1 เรื่องคือ "ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู" และเรื่องบางระจันที่เตรียมออนแอร์ปลายปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ "ยศสินี ณ นคร" ผู้จัดละครชื่อดังของช่อง 3 ก็ออกมาโพสต์ข้อความ ทำนองต้องตัดละครรอยฝันตะวันเดือด จาก 13 ตอน ให้เหลือ 12 ตอน เพื่อให้ทันกำหนดจอจอดำ ขณะที่คณะกรรมการ กสท มีมติให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมให้ช่อง 7 และ 9 ที่ออกอากาศคู่ขนานลง 4 % เป็นเวลา 5 ปี และลดหย่อนให้กับทีวีดิจิตอลรายใหม่ 2% เป็นเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทีวีของประเทศไทย
ผู้ผลิตช่อง3โอดจอดำกระทบหนัก กลัวคนดูหาย-เลื่อนผังอุตลุด-ขาดทุนทันที40%
ผู้ผลิตรายการโอดช่อง 3 แอนะล็อกจอดำกระทบรายได้ "เซิร์ซ เอนเตอร์เทนเม้นท์" ระบุหากออกอากาศคู่ขนานจะกระทบกับผู้ผลิตหลายรายเพราะผังรายการถูกวางไว้แล้ว ด้าน "บรอดคาซท์" ชี้หากจอดำผู้ผลิตขาดทุน 30-40% ต่อรายการต่อ 1 ตอน
นายวิบูลย์ ลีรัตนขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซิร์ซ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ "ก้าวต่อไป...ดิจิทัลทีวีไทย" ว่า หลังจากทีวีดิจิทัลเริ่มออกอากาศมากว่า 4 เดือน การแข่งขันและภาพรวมธุรกิจทีวีดิจิทัลไทยยังไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน เนื่องจากกฎเกณฑ์ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน ในฐานะผู้ผลิตรายการ (คอนเทนต์โพรไวเดอร์) ก็ต้องรอให้กฎเกณฑ์ชัดเจน เพื่อให้การทำงานเดินหน้าต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม จากกรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีคำสั่งให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวียุติการแพร่ภาพในวันที่ 28 กันยายนนี้ เนื่องจากช่อง 3 แอนะล็อกสิ้นสุดการถูกคุ้มครองการเป็นโทรทัศน์ทั่วไป (ฟรีทีวี) ทำให้ผู้ชมทั่วประเทศหรือคิดเป็น 70% ของครัวเรือนทั้งหมด รับชมรายการช่อง 3 แอนะล็อกผ่านจานดาวเทียมและเคเบิลทีวีไม่ได้นั้น เชื่อว่าทางช่อง 3 จะหาแนวทางที่ดีที่สุด
ในมุมมองผู้ผลิตรายการ หากช่อง 3 แอนะล็อกจอดำจริง บริษัทก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายเบื้องต้นของช่อง 3 คือ ลดค่าโฆษณาลง 70% หรือตามสัดส่วนผู้ชมที่หายไป อาจจะส่งผลให้บริษัทต้องขาดทุน เช่น เรื่องเด่นเย็นนี้ ต้องขาดทุนประมาณ 30-40% ต่อรายการต่อการออกอากาศ 1 ตอน เป็นต้น และรายการอื่น ๆ ก็ต้องขาดทุนในตัวเลขที่ใกล้เคียงกัน
ขณะเดียวกัน หากต้องนำช่อง 3 แอนะล็อกมาออกอากาศคู่ขนานระบบดิจิทัล ในช่องเอชดี 33 ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรายการที่เตรียมนำเสนอรายการต่อช่องเอชดี 33 จนถึงกระทบต่อผังรายการรวมของสถานีที่เตรียมวางไว้หมดแล้ว เนื่องจากช่อง 3 แอนะล็อกและช่องเอชดี 33 เป็นคนละนิติบุคคลกัน ทำให้รายการที่จะออกอากาศในช่องเอชดี 33 ก็ต้องถูกระงับการออกอากาศไปด้วย
"บริษัทต้องเลื่อนรายการ "กัปตันการ์ตูน" ที่เตรียมออนแอร์ในช่องเอชดี 33 ในเดือนตุลาคมนี้ออกไปก่อน ปัจจุบันมีรายการออกอากาศช่องทีวีดิจิทัล 2 รายการ คือ บ้านพระราม 4 และข่าวท็อปนิวส์ ออกอากาศช่องเอสดี 28"
สอดรับกับนางอรุโณชา ภานุพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด กล่าวว่า ผู้ผลิตรายการกังวลว่าละครหรือรายการที่ออกอากาศอยู่นั้น ผู้ชมทั่วประเทศจะได้รับชมหรือไม่ ถ้าหากผู้บริโภคที่รับชมผ่านดาวเทียมและเคเบิลทีวีไม่สามารถรับชมช่อง 3 แอนะล็อกได้ นั่นหมายถึง จำนวนผู้ชมประมาณ 70% ของครัวเรือนทั่วประเทศจะหายไป หากช่อง 3 จอดำจริงก็จะกระทบต่อผู้ผลิตรายการทั้งหมดของสถานี ซึ่งผู้ผลิตรายการเองอาจจะต้องขาดทุนประมาณ 30-40% ต่อรายการต่อการออกอากาศ 1 ตอน
ปัจจุบันบริษัทผลิตรายการให้ช่อง 3 รวม 4 รายการ คือ น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ รักจัดเต็ม สัมผัสพิศวง ในลักษณะการเช่าเวลา และรายการ "ว้าว อิงลิช" ซึ่งเป็นรายการใหม่ เตรียมออกอากาศเดือนตุลาคมนี้ ทางช่องแฟมิลี่ 13 ส่วนละครนั้นเป็นการรับจ้างผลิตให้แก่ช่อง 3 ปัจจุบันมีละครที่กำลังออนแอร์ 1 เรื่องคือ "ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู" และเรื่องบางระจันที่เตรียมออนแอร์ปลายปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ "ยศสินี ณ นคร" ผู้จัดละครชื่อดังของช่อง 3 ก็ออกมาโพสต์ข้อความ ทำนองต้องตัดละครรอยฝันตะวันเดือด จาก 13 ตอน ให้เหลือ 12 ตอน เพื่อให้ทันกำหนดจอจอดำ ขณะที่คณะกรรมการ กสท มีมติให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมให้ช่อง 7 และ 9 ที่ออกอากาศคู่ขนานลง 4 % เป็นเวลา 5 ปี และลดหย่อนให้กับทีวีดิจิตอลรายใหม่ 2% เป็นเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทีวีของประเทศไทย