ผู้หญิงคนหนึ่งตัดสินใจจีบผู้ชายก่อน กระทู้จากประสบการณ์ส่วนตัว
สวัสดีคะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่ากระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อแชร์ประสบการณ์การเข้าหาผู้ชาย (ประมาณว่าจีบ อ่อย แล้วแต่คนนิยาม) เพราะเรามักมีความทรงจำไม่ดีเกี่ยวกับผู้ชายที่เขามาจีบเราก่อน เช่น คบไปแล้วไม่ตรงสเปกบ้าง ไม่เข้ากันบ้าง เราเลยตัดสินใจจะหาผู้ชายที่เราเลือกเขามาเป็นแฟนคะ มาเริ่มกันเลยคะ
1. เราเตรียมมีสมุดโน๊ตเล็กๆ ไว้สำหรับการเขียนเรื่องราวทั้งหมด เริ่มจากการเขียนสเปคผู้ชายที่เราชอบ โดยเราจะเขียนกว้างๆ “ผู้ชายสูงกว่า ไหล่ใหญ่ อัธยาสัยดี มีความรับผิดชอบ” โดจจะเขียน list ไว้เป็นข้อๆ (ใครมีคนที่ชอบอยู่แล้วข้ามไปนะคะ)
2. พิจารณาสภาพแวดล้อมตัวเองก่อนว่าที่ทำงานเรา หรือแหล่งที่เราอยู่ที่คนเข้าเกณฑ์ข้อ 1 หรือไม่
3. เมื่อเจอเป้าหมาย “ล็อคเป้าคะ” อย่างเพิ่งจู่โจม สังเกตุวิเคราะห์ ก่อนว่าเขามีแฟนรึยัง เป็นยังไงชอบไปไหน ทำอะไร เราใช้เวลาชั้นตอนนี้อยู่ประมาณ 3-4 สัปดาห์ เหมือนคนโรคจิตเนอะ สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเขา จดทุกอย่างลงสมุดคะ
- สถานที่ๆจะมีโอกาสเจอเขาได้บ่อยๆ
- โสดรึป่าว หรือมีคนที่แอบชอบหรือไม่
- นิสัยใจคอคร่าวๆ ถามๆเอาจากแหล่งข่าว หรือสังเกตุเอาจากพฤติกรรม
4. เริ่มจู่โจม โดยไปให้เขาเห็นหน้าคะ ไปให้เห็นบ่อยๆ ประหนึ่งว่า” บังเอิญ “ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราจะเจอเขาได้ที่ไหนบ้าง ทำให้มันเป็นเรื่องบังเอิญทุกอย่าง แต่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นนะคะ เช่น แรกๆ แค่บังเอิญเดินสวนกัน หลังๆ อาจจะบังเอิญต้องกลับพร้อมกันบ้าง บังเอิญมีงานต้องติดต่อบ้าง เราว่าสักประมาณ 1- 2 เดือน ได้ผล ในระหว่างนั้นเราก็สังเกตเขาไปด้วยว่าพฤติกรรมเขาถูกทางกับผู้ชายที่เราตั้งสเปคไว้รึป่าว จดทุกอย่างลงสมุดคะ
5. ข้อ 4-5 ทำร่วมไปพร้อมๆกันนะคะ เริ่มสืบประวัติรักย้อนหลังของเขาคะ จากเฟส หลอกถาม ถามเพื่อน เริ่มเรียนรู้ผู้หญิงคนเก่าของเขาคะ ว่า ทำไมเขาถึงเคยรักผู้หญิงคนก่อนหน้านี้ หรือทำไมเขาชอบผู้หญิงคนนี้ แล้วลองพิจารณาเทียบกับตัวเราเอง ควบคู่ไปกับการทำความรู้จักเขาคะ (เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นแบบผู้หญิงคนเก่านะ แค่รู้ไว้ละลองพิจารณากับตัวเองเพื่อหาความเหมาะสม) เริ่มกดไลค์หรือคอมเมนต์ในเฟสเขาบ่อยขึ้น (แต่ไม่ใช้ทุกอัน) พยายามเลือกอันที่เขาสนใจเหมือนเรา จะได้ดูไม่จงใจไป และโพสอะไรที่เขาสนใจเหมือนกัน เช่น ผู้ชายคนที่เราชอบเขาชอบเล่นเกมส์หนึ่งมาก อยากรู้จักก็แค่ไปลองเล่นเกมส์นั้นดูบ้าง สำคัญคือแต่อย่าเพิ่งทักแชทนะคะ
6. ถ้าเขาโอเค ใช่สำหรับเรา (โดยการนั่งอ่านและคิดทบทวนจากบันทึกที่เราจดไว้) และเราก็รู้สึกโอเคสำหรับเขา ก็มาเริ่มเดินหน้าความสัมพันธ์ต่อคะ คือ เริ่มเข้าไปมีบทบาทในชีวิตเขามากขึ้น จากที่ทำความรู้จักด้วยความบังเอิญกันมาสักพัก เริ่มเปลี่ยนความบังเอิญ ให้เป็นความตั้งใจคะ เช่น ชวนไปกินข้าว หรือไปไหนด้วยกัน ในฐานะเพื่อน วิธีการขอเบอร์ของเราคือ “หาเรื่องอะไรก็ได้ที่จะได้คุยกันยาวๆ ยิ่งเป็นเรื่องที่เขาสนใจจะดีมาก แบบขอความรู้อะไรแบบนี้ แล้วใช้มุกว่าเราพิมพ์แชทไม่ค่อยถนัดอ่ะ คือโทร.สะดวกกว่า ขอเบอร์โทรได้ไหม”
7. เริ่มเข้าไปมีบทบาท และอิทธิพลในชีวิตเขามากขึ้น อันนี้ยากหน่อยนะคะ แต่ละเคสจะแตกต่างกัน ส่วนของเรา ผู้ชายคนนี้เรียนคณะเดียวกับเราคะ ทำให้เรากับเขาสามารถคุยกันเรื่องเรียนได้ เรื่องการบ้าน เรื่องงาน พอเริ่มสนิทกันจะให้เราลองแสดงความสามารถด้านดี ของเราให้เขาเห็น เช่น อาจจะช่วยเขาดูเรื่องวิชาที่เขาไม่เข้าใจ หรือย้ำเขาเรื่องการบ้าน และที่สำคัญอย่างลืมแสดงมุมน่ารักเล็กๆ ให้เขาเห็นอย่างเป็นตัวของตัวเอง อย่ามั่นใจเกินไป ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อห้ามสำหรับเราคือ ไม่ปฎิบัติตัวต่อเขาอย่างเพื่อนปกติคะคะ แบบไม่สนิท ไม่เล่นหัว ไม่หยาบ ให้เขารู้สึกว่ามีเส้นกั้นบางๆ เสมอๆ
8. เริ่มห่วงใย และแสดงให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกในใจทีละนิด แต่ “ทำให้มันเป็นเหมือนเรื่องไม่ตั้งใจ” สำหรับเรา ใช้วิธี แกล้งเพ้อคะ แบบ โทรไปหา แล้วก็พูดว่า “ไม่รู้สิ อยู่ๆก็คิดถึง งงเหมือนกัน 555” อย่ามากกว่านั้นคะ ให้ผู้ชายเขาเริ่มรู้ตัว
9. เริ่มตีตัวออกห่าง จากที่เจอบ่อยๆ ก็ให้ถอยๆ ออกมา เพื่อดูว่าเขามีใจให้เรารึป่าว ถ้าเราห่างแล้วเขาตาม หรือเขาแสดงท่าทีอะไร เราค่อยกลับไปคะ แต่รักษาระยะห่างไว้จนเขาเริ่มผิดสังเกต
10. เมื่อเขาผิดสังเกตเขาจะถามคะ ทีนี้มันจะชัดมาก ว่าเขาคิดกับเราแบบเพื่อน หรือมากกว่านั้น เราอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่มันแยกได้จริงๆ
11. ถ้าเรารู้สึกว่าเขาสนใจในตัวเรา อาจจะเป็นว่าเขาใส่ใจ เขาดูเทคแคร์ เริ่มแสดงท่าทีชัดๆ ว่าเราชอบเขาคะ แต่ต้องไม่พูดนะคะ ไปเรื่อย ๆให้มันดูสับสน งงๆ กลางๆ
12 ขออนุญาติเล่าเรื่องของตัวเองคะ เรากับเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้น มันเหมือนว่าเราจะเริ่มรู้ไปเองว่าเราชอบกัน แต่เราก็จะเล่นตัวไปเรื่อยๆ จนเขาเอ่ยปากถามเราเอง เราตอบว่า “ไม่รู้สิ เราสับสนเหมือนกัน ขอเวลาคิดสักหน่อยนะ” และเราก็จะถามต่อว่า “ถามเราแบบนี้คิดอะไรกับเรารึป่าว” นี่หล่ะคะ เรารอประโยคนี้ เขาตอบมาว่า “เราไม่รู้สิ แค่อยู่กับเธอแล้วเรามีความสุข เราอาจจะชอบเธอก็ได้นะ” WIN พูดเลยว่าตอนนั้นรู้สึกชนะอย่างแรง แต่ยังคะ เรายังบอกว่า “เราสับสนนะ เราไม่แน่ใจ ขอเวลาให้เราดูใจตัวเองก่อนนะ แล้วเราจะให้คำตอบ”
13. หลังจากนั้นเขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาเราเองเลยคะ โทรหา ไปรับไปส่ง จนสุดท้ายพอถึงเวลาเหมาะสม คือเพื่อนเริ่มแซว เราก็ตัดสินใจบอกว่าเราชอบเขาคะ สรุปคือ เป็นแฟนกันมาจนถึงตอนนี้ก็ 4 ปีแล้ว ^^
เราเคยใช้วิธีนี้จีบผู้ชายมา 3 คนแล้วนะคะ คนแรกคบ 3 ปี เลิกเพราะไกลกัน คนที่ 2 คบ 3 ปีเลิกเพราะทะเลาะกัน เขาบอกเลิกเรา เพราะประชดเรา แต่เราเลิกจริง และคนปัจจุบัน คืออาจจะไม่ได้ผลกับทุกคนนะ แต่เป็นประสบการณ์ที่เราอยากแชร์
สุดท้ายเรามองว่าความรัก ความสัมพันธ์ และการเรียนรู้กันจริงๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้คะ หลังจากที่เราตัดสินใจคบกันเป็นแฟนแล้ว ซึ่งเราศึกษาทำการบ้านมาก่อนเราได้เปรียบมากตรงที่เรารู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร นิสัยแบบไหน ซึ่งสำคัญมาก ส่วนที่เหลือค่อยๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกันไป เราเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้แฟนเราฟัง เขาขำใหญ่เลยคะ บอกว่า ไม่รู้มาก่อนเลยนะ ก็ว่าอยู่ “ทำไมเจอเธอบ่อยจัง”
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
ผู้หญิงคนหนึ่งตัดสินใจจีบผู้ชายก่อน กระทู้จากประสบการณ์ส่วนตัว
สวัสดีคะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่ากระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อแชร์ประสบการณ์การเข้าหาผู้ชาย (ประมาณว่าจีบ อ่อย แล้วแต่คนนิยาม) เพราะเรามักมีความทรงจำไม่ดีเกี่ยวกับผู้ชายที่เขามาจีบเราก่อน เช่น คบไปแล้วไม่ตรงสเปกบ้าง ไม่เข้ากันบ้าง เราเลยตัดสินใจจะหาผู้ชายที่เราเลือกเขามาเป็นแฟนคะ มาเริ่มกันเลยคะ
1. เราเตรียมมีสมุดโน๊ตเล็กๆ ไว้สำหรับการเขียนเรื่องราวทั้งหมด เริ่มจากการเขียนสเปคผู้ชายที่เราชอบ โดยเราจะเขียนกว้างๆ “ผู้ชายสูงกว่า ไหล่ใหญ่ อัธยาสัยดี มีความรับผิดชอบ” โดจจะเขียน list ไว้เป็นข้อๆ (ใครมีคนที่ชอบอยู่แล้วข้ามไปนะคะ)
2. พิจารณาสภาพแวดล้อมตัวเองก่อนว่าที่ทำงานเรา หรือแหล่งที่เราอยู่ที่คนเข้าเกณฑ์ข้อ 1 หรือไม่
3. เมื่อเจอเป้าหมาย “ล็อคเป้าคะ” อย่างเพิ่งจู่โจม สังเกตุวิเคราะห์ ก่อนว่าเขามีแฟนรึยัง เป็นยังไงชอบไปไหน ทำอะไร เราใช้เวลาชั้นตอนนี้อยู่ประมาณ 3-4 สัปดาห์ เหมือนคนโรคจิตเนอะ สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเขา จดทุกอย่างลงสมุดคะ
- สถานที่ๆจะมีโอกาสเจอเขาได้บ่อยๆ
- โสดรึป่าว หรือมีคนที่แอบชอบหรือไม่
- นิสัยใจคอคร่าวๆ ถามๆเอาจากแหล่งข่าว หรือสังเกตุเอาจากพฤติกรรม
4. เริ่มจู่โจม โดยไปให้เขาเห็นหน้าคะ ไปให้เห็นบ่อยๆ ประหนึ่งว่า” บังเอิญ “ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราจะเจอเขาได้ที่ไหนบ้าง ทำให้มันเป็นเรื่องบังเอิญทุกอย่าง แต่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นนะคะ เช่น แรกๆ แค่บังเอิญเดินสวนกัน หลังๆ อาจจะบังเอิญต้องกลับพร้อมกันบ้าง บังเอิญมีงานต้องติดต่อบ้าง เราว่าสักประมาณ 1- 2 เดือน ได้ผล ในระหว่างนั้นเราก็สังเกตเขาไปด้วยว่าพฤติกรรมเขาถูกทางกับผู้ชายที่เราตั้งสเปคไว้รึป่าว จดทุกอย่างลงสมุดคะ
5. ข้อ 4-5 ทำร่วมไปพร้อมๆกันนะคะ เริ่มสืบประวัติรักย้อนหลังของเขาคะ จากเฟส หลอกถาม ถามเพื่อน เริ่มเรียนรู้ผู้หญิงคนเก่าของเขาคะ ว่า ทำไมเขาถึงเคยรักผู้หญิงคนก่อนหน้านี้ หรือทำไมเขาชอบผู้หญิงคนนี้ แล้วลองพิจารณาเทียบกับตัวเราเอง ควบคู่ไปกับการทำความรู้จักเขาคะ (เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นแบบผู้หญิงคนเก่านะ แค่รู้ไว้ละลองพิจารณากับตัวเองเพื่อหาความเหมาะสม) เริ่มกดไลค์หรือคอมเมนต์ในเฟสเขาบ่อยขึ้น (แต่ไม่ใช้ทุกอัน) พยายามเลือกอันที่เขาสนใจเหมือนเรา จะได้ดูไม่จงใจไป และโพสอะไรที่เขาสนใจเหมือนกัน เช่น ผู้ชายคนที่เราชอบเขาชอบเล่นเกมส์หนึ่งมาก อยากรู้จักก็แค่ไปลองเล่นเกมส์นั้นดูบ้าง สำคัญคือแต่อย่าเพิ่งทักแชทนะคะ
6. ถ้าเขาโอเค ใช่สำหรับเรา (โดยการนั่งอ่านและคิดทบทวนจากบันทึกที่เราจดไว้) และเราก็รู้สึกโอเคสำหรับเขา ก็มาเริ่มเดินหน้าความสัมพันธ์ต่อคะ คือ เริ่มเข้าไปมีบทบาทในชีวิตเขามากขึ้น จากที่ทำความรู้จักด้วยความบังเอิญกันมาสักพัก เริ่มเปลี่ยนความบังเอิญ ให้เป็นความตั้งใจคะ เช่น ชวนไปกินข้าว หรือไปไหนด้วยกัน ในฐานะเพื่อน วิธีการขอเบอร์ของเราคือ “หาเรื่องอะไรก็ได้ที่จะได้คุยกันยาวๆ ยิ่งเป็นเรื่องที่เขาสนใจจะดีมาก แบบขอความรู้อะไรแบบนี้ แล้วใช้มุกว่าเราพิมพ์แชทไม่ค่อยถนัดอ่ะ คือโทร.สะดวกกว่า ขอเบอร์โทรได้ไหม”
7. เริ่มเข้าไปมีบทบาท และอิทธิพลในชีวิตเขามากขึ้น อันนี้ยากหน่อยนะคะ แต่ละเคสจะแตกต่างกัน ส่วนของเรา ผู้ชายคนนี้เรียนคณะเดียวกับเราคะ ทำให้เรากับเขาสามารถคุยกันเรื่องเรียนได้ เรื่องการบ้าน เรื่องงาน พอเริ่มสนิทกันจะให้เราลองแสดงความสามารถด้านดี ของเราให้เขาเห็น เช่น อาจจะช่วยเขาดูเรื่องวิชาที่เขาไม่เข้าใจ หรือย้ำเขาเรื่องการบ้าน และที่สำคัญอย่างลืมแสดงมุมน่ารักเล็กๆ ให้เขาเห็นอย่างเป็นตัวของตัวเอง อย่ามั่นใจเกินไป ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อห้ามสำหรับเราคือ ไม่ปฎิบัติตัวต่อเขาอย่างเพื่อนปกติคะคะ แบบไม่สนิท ไม่เล่นหัว ไม่หยาบ ให้เขารู้สึกว่ามีเส้นกั้นบางๆ เสมอๆ
8. เริ่มห่วงใย และแสดงให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกในใจทีละนิด แต่ “ทำให้มันเป็นเหมือนเรื่องไม่ตั้งใจ” สำหรับเรา ใช้วิธี แกล้งเพ้อคะ แบบ โทรไปหา แล้วก็พูดว่า “ไม่รู้สิ อยู่ๆก็คิดถึง งงเหมือนกัน 555” อย่ามากกว่านั้นคะ ให้ผู้ชายเขาเริ่มรู้ตัว
9. เริ่มตีตัวออกห่าง จากที่เจอบ่อยๆ ก็ให้ถอยๆ ออกมา เพื่อดูว่าเขามีใจให้เรารึป่าว ถ้าเราห่างแล้วเขาตาม หรือเขาแสดงท่าทีอะไร เราค่อยกลับไปคะ แต่รักษาระยะห่างไว้จนเขาเริ่มผิดสังเกต
10. เมื่อเขาผิดสังเกตเขาจะถามคะ ทีนี้มันจะชัดมาก ว่าเขาคิดกับเราแบบเพื่อน หรือมากกว่านั้น เราอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่มันแยกได้จริงๆ
11. ถ้าเรารู้สึกว่าเขาสนใจในตัวเรา อาจจะเป็นว่าเขาใส่ใจ เขาดูเทคแคร์ เริ่มแสดงท่าทีชัดๆ ว่าเราชอบเขาคะ แต่ต้องไม่พูดนะคะ ไปเรื่อย ๆให้มันดูสับสน งงๆ กลางๆ
12 ขออนุญาติเล่าเรื่องของตัวเองคะ เรากับเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้น มันเหมือนว่าเราจะเริ่มรู้ไปเองว่าเราชอบกัน แต่เราก็จะเล่นตัวไปเรื่อยๆ จนเขาเอ่ยปากถามเราเอง เราตอบว่า “ไม่รู้สิ เราสับสนเหมือนกัน ขอเวลาคิดสักหน่อยนะ” และเราก็จะถามต่อว่า “ถามเราแบบนี้คิดอะไรกับเรารึป่าว” นี่หล่ะคะ เรารอประโยคนี้ เขาตอบมาว่า “เราไม่รู้สิ แค่อยู่กับเธอแล้วเรามีความสุข เราอาจจะชอบเธอก็ได้นะ” WIN พูดเลยว่าตอนนั้นรู้สึกชนะอย่างแรง แต่ยังคะ เรายังบอกว่า “เราสับสนนะ เราไม่แน่ใจ ขอเวลาให้เราดูใจตัวเองก่อนนะ แล้วเราจะให้คำตอบ”
13. หลังจากนั้นเขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาเราเองเลยคะ โทรหา ไปรับไปส่ง จนสุดท้ายพอถึงเวลาเหมาะสม คือเพื่อนเริ่มแซว เราก็ตัดสินใจบอกว่าเราชอบเขาคะ สรุปคือ เป็นแฟนกันมาจนถึงตอนนี้ก็ 4 ปีแล้ว ^^
เราเคยใช้วิธีนี้จีบผู้ชายมา 3 คนแล้วนะคะ คนแรกคบ 3 ปี เลิกเพราะไกลกัน คนที่ 2 คบ 3 ปีเลิกเพราะทะเลาะกัน เขาบอกเลิกเรา เพราะประชดเรา แต่เราเลิกจริง และคนปัจจุบัน คืออาจจะไม่ได้ผลกับทุกคนนะ แต่เป็นประสบการณ์ที่เราอยากแชร์
สุดท้ายเรามองว่าความรัก ความสัมพันธ์ และการเรียนรู้กันจริงๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้คะ หลังจากที่เราตัดสินใจคบกันเป็นแฟนแล้ว ซึ่งเราศึกษาทำการบ้านมาก่อนเราได้เปรียบมากตรงที่เรารู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร นิสัยแบบไหน ซึ่งสำคัญมาก ส่วนที่เหลือค่อยๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกันไป เราเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้แฟนเราฟัง เขาขำใหญ่เลยคะ บอกว่า ไม่รู้มาก่อนเลยนะ ก็ว่าอยู่ “ทำไมเจอเธอบ่อยจัง”
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ