ในวันทีา่ฉันทุกข์ ฉันผลักเธอออกไม่ให้ร่วมทุกข์ เลยทำให้วันที่ฉันสุข ฉันไม่มีเธอมาร่วมสุขกับฉัน มันทุกข์พอๆ กันเลย
วันนั้นฉันทุกข์ แม้ว่าอะไรๆ ก็ดูดี แต่ที่ทำฉันทุกข์คือ ความไม่พอใจในตัวเอง งานการก็มีทำ พ่อแม่จัดหามาให้แล้วทุกอย่าง ฉันเลยมีทุกอย่างยกเว้นความภูมิใจในตัวเอง งานที่ฉันใฝ่ฝันที่ไม่มีใครสักคนเห็นคุณค่าของมัน ทั้งครอบครัว ทั้งตัวเธอ
ตอนนั้นคนที่เชื่อในสิ่งเดียวกับฉัน และมีความฝันร่วมกันนั้นกลับเป็นเพื่อนสนิทที่ฉันโคตรรัก ขนาดที่ว่าถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเกย์ฉันอาจจะคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ก็ใครล่ะจะอยู่ๆ ก็เดินมาเจอกันได้ ได้ร่วมงานกัน คุยกันถูกคอ มีความฝันประหลาดๆ เหมือนกัน คิดเหมือนกัน ไม่ต้องพูดแต่เข้าใจกัน เข้าใจในสิ่งที่ใครๆ ไม่เข้าใจ ฉันอยู่กับเพื่อนคนนี้แล้วสบายใจ มันเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจตลอดเวลา เป็นคนที่ทำให้ฉันมั่นใจในความฝันของตัวเอง และถ้าคนขี้กลัวอย่างฉันจะเดินทางไปตามหามันละก็ ฉันก็ขอมีเพื่อนอย่างมันนี่แหละไปด้วยกัน อะไรฉันก็ไม่กลัวอีกแล้ว เพื่อนคนนี้เข้ามาปะส่วนที่เธอ .. แฟนเก่าของฉัน .. ให้ฉันไม่ได้ และฉันโทษเธอว่า เธอมันไม่เข้าใจอะไรเลย
ฉันจึงตัดสินใจว่า ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องเดินทาง เดินทางคือเดินทางจริงๆ ออกนอกประเทศ เพราะในประเทศไม่มีงานที่ฉันฝันจะทำ ฉันต้องการไปพิสูจน์ว่าความฝันของฉันเป็นไปได้ ไปกับเพื่อนคนนี้นั่นแหละ ฉันเอาตัวออกห่างเธอมากขึ้นๆ เพราะเมื่อเทียบกับเพื่อนของฉันคนนั้น ฉันรู้สึกว่ามันชัดเจนว่าเธอไม่เข้าใจฝันของฉันเลย
สุดท้ายฉันบอกเลิก แถมยังบอกไปอีกว่าไม่ต้องรอ เพราะฉันจะเดินทาง และฉันรู้ว่ามันจะนาน ฉันคิดว่า เราควรจะจากกันด้วยรอยยิ้ม ด้วยใจที่เป็นอิสระ อนาคตรอฉันอยู่ และฉันพร้อมที่จะรับทุกประสบการณ์จากมัน โดยไม่มีกำหนดเวลาที่จะต้องกลับ พูดง่ายๆ ฉันไม่อยากให้ใครรอ เพราะฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยากกลับมายืนในจุดนี้รึเปล่า ฉันอยากจะหนีจากชีวิตเดิมๆ ไปหาชีวิตใหม่ที่ฉันฝัน และฉันจะทิ้งเธอไว้ในโลกใบเดิมเพราะฉันรู้สึกว่า .. เธอไม่เข้าใจอะไรเลย ..
ฉันรู้ตัวว่าฉันเปลี่ยนไปเยอะมากเพราะเพื่อน ความทุกข์เพราะความจำยอมต่อชีวิตว่าไม่มีทางไปถึงฝันนั้นหายไปเพราะเพื่อนคนนี้ เพราะมันทำให้ฉันรู้ว่า ยังมีมันอีกคนที่เชื่อว่า มันเป็นไปได้ ฉันพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปจนสุดขอบโลกเพื่อตามหาฝันนั้น เพราะเพื่อนฉันยืนยันว่ามันมีอยู่จริง
เธอไปเจอบันทึกที่ฉันเขียนถึงเพื่อนคนนี้โดยบังเอิญหลังจากที่ฉันบอกเลิกกับเธอ เธอเสียใจมากที่รู้ว่าเหตุผลที่ซ่อนอยู่อีกชั้นคือ เพื่อนคนนี้นั่นเอง
ฉันขอโทษ
แล้วฉันกับเพื่อนก็พาตัวเองออกนอกประเทศ และได้ทำงานที่เราฝันกันจริงๆ จนได้ แล้วฉันกับเธอ .. แฟนเก่าของฉัน .. ก็ขาดการติดต่อกันไป จากแฟนกลายเป็นแฟนเก่า และไม่ช้าก็คงจะกลายเป็นคนแปลกหน้า ส่วนฉันกับเพื่อนน่ะเหรอ ที่คอมพานีต่างบ้านต่างเมือง เราทะเลาะกันรุนแรง คงเพราะใกล้ชิดกันมากเกินไป ปีแรกฉันไม่เคยร้องไห้เพราะคิดถึงเธอ แต่ฉันร้องไห่ใจจะขาดแทบทุกวันเพราะเพื่อน เราทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้น ไม่เข้าใจกันมากขึ้น ทั้งที่เพื่อนคนเดียวกันนี่แหละที่เคยบอกว่า ดีใจที่มีเพื่อนอย่างเธอเดินร่วมทาง แล้วจนป่านนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เราทะเลาะกันคืออะไรจำได้แต่ความเจ็บที่ทำให้หลายต่อหลายคืนต้องตื่นขึ้นมาสะบัดหัวเร่าๆ ให้ไม่ต้องคิดเนื่องมัน ใครจะเชื่อ แฟนเก่าที่ฉันทำทุเรศๆ ไว้ ส่งข้อความถามอย่างห่วงในว่าฉันกับเพื่อนเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ทะเลาะกันรึเปล่า .. แน่นอน ฉันปฏิเสธ ฉันไม่ให้เขาเข้ามาร่วมทุกข์กับฉัน ฉันแข็งแรง ฉันอยู่ได้
ผ่านมาเป็นปีเพื่อนคนนี้กลับไทยไปก่อน และฉันอยู่ต่อ ชีวิตมีความสุขขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้น เพราะการทำงานและสังคมเริ่มลงตัว งานที่ทำมีความหมายกับตัวเองและกับสังคม ได้ค้นพบศักยภาพตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเอง กล้าพูดได้ว่าพบแล้วจุดมุ่งหมายของชีวิต ในประเทศที่เจริญก้าวหน้า สะดวกสบาย แม้จะแพงกว่าเมืองไทยไปหมดซะทุกอย่าง แต่ด้วยระดับเงินเดือนก็ทำให้พออยู่ได้สบายๆ คุณภาพชีวิตก็ดี เพื่อนฝูงก็เยอะ เจ้านายก็ไว้ใจ ได้ทำในสิ่งที่รัก จะมีอะไรดีไปกว่านั้น แล้วฉันก็เริ่มมีผู้ชายคนใหม่เข้ามาในชีวิต
แต่เดทกันได้สองสามทีก็รู้สึกคิดถึงเธอขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อยากรู้เธอเป็นอย่างไร จะถามตรงๆ ก็ไม่กล้า เลยลอบถามเพื่อนผู้หญิงที่ออฟฟิศที่เธอทำงาน ที่ฉันก็รู้จักเหมือนกัน เพื่อนถามว่าคิดถึงเธอแล้วทำไมไม่บอกเธอ ฉันบอกฉันไม่กล้า แต่ก็แค่อยากรู้ว่าสบายดีไหม คิดถึง เพื่อนถามคิดถึงแล้วยังรักรึเปล่า ฉันบอกว่าไม่แน่ใจ เพื่อนถาม แล้วถ้าไม่แน่ใจ หลายปีก่อนนั้นตัดสินใจเดินออกไปทำไม ฉันบอกเพราะฉันรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเธอที่จะต้องมารอคนที่ไม่รู้ว่าจะชีวิตจะพัดตัวเองไปทางไหน แถมยังไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเองอีก เพื่อนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น สักพักฉันก็เปลี่ยนกลับมา บอกเพื่อนไปอีกครั้งว่าคิดถึงเธอจริงๆ นะ เพื่อนตอบกลับมา (typing อย่างนาน) ว่า "เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะตอนนีเราเป็นแฟนเขาอยู่"
ฟ้าไม่เคยผ่ากลางหัว แต่เดาว่าความรู้สึกคงคล้ายๆ กัน หลังจากช็อกไปสามวิก็ละล่ำละลักขอโทษเพื่อนอย่างแรง แล้วเราก็ตัดสินใจว่าจะทิ้งเรื่องเธอไว้ในอดีต เพราะตอนนี้เธอก็มีคนใหม่แล้ว เราเองก็มีเหมือนกัน เราพยายามลืมเรื่องเขา แล้วสนใจแต่กับเรื่องปัจจุบัน แต่สุดท้ายก็ไปไม่ไหว ยิ่งวันยิ่งคิดถึงเธอ จะหนุ่มไหนเข้ามาก็ไปไม่รอดสักราย ทุกคนยิ่งทำให้เราคิดถึงเธอมากขึ้นๆ ทุกที
ก็เลยอยู่คนเดียวมาตลอด เพราะยังตัดความรู้สึกจากเธอไม่ได้ เธอคือแฟนคนแรกนี่นะ และเป็นคนเดียวที่คบกันจริงจัง จำได้ว่าเราเคยพูดถึงเรื่องอนาคตร่วมกันด้วย ตอนเขาบวชคุณแม่เขายังให้ฉันเข้าร่วมขบวนอยู่ด้วยกันจนจบพิธีเหมือนญาติสนิท จนมีคนแซวว่าบวชก่อนจะเบียด จนกระทั่งเจอเพื่อนคนนั้นเนี่ยแหละ ที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่.. ชีวิตหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้ ฉันต้องไปทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้เสียก่อน ก่อนที่ฉันจะแก่ (เอาล่ะ ฉันฝันอยากเป็นนักเต้น contemporary dance ในคอมพานี ซึ่งตอนนี้ก็ได้เป็นแล้ว และนั่นทำให้ฉันหางานในเมืองไทยไม่ได้ เพราะมันแทบไม่มี ตลาดมันแคบมาก คนจะดูไม่มี และทำให้ฉันต้องรีบทำเสียแต่อายุยังน้อย แต่ก็ไม่น้อยเท่าไหร่แล้ว 30 แล้ว)
ชีวิตตอนนี้จะว่าไปก็มีความสุขมาก แต่ยิ่งมีความสุขเท่าไหร่ ก็ยิ่งคิดถึงเธอมากขึ้นเท่านั้น มันบอกไม่ถูก อยากให้เธอมามีความสุขร่วมกัน อยากให้เธอบินมาดูการแสดง อยากไปรับเธอที่สนามบิน อยากเล่าให้เธอฟังถึงคลาสเต้นที่ฉันสอนคนแก่บนรถเข็น อยากเล่าให้เธอฟังถึงแววตาที่มีความสุขของคนแก่เหล่านั้น อยากเล่าให้เธอฟังถึงงานใหม่ๆ ที่คอมพานีจะทำ อยากด่าเจ้านายให้เธอฟัง อยากพาเธอเดินชมเมืองไปกินข้าวมันไก่อร่อยๆ ที่ไม่มีในหนังสือนำเที่ยว อยากมีเธอรออยู่ที่เมืองไทยเพื่อเป็นเหตุผลที่ฉันจะได้กลับไปแล้วบอกกับเธอว่า .. ฉันทำตามความฝันของฉันได้แล้วนะ
แต่มันไม่มีทางหรอก เพราะชีวิตมันตลก มองกลับไปถามว่าถ้าแก้ไขได้ อยากแก้ไขอะไร ฉันก็คงตอบไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุผลของมัน ถ้าวันนั้นฉันไม่เดินจากมา ฉันก็คงหาตัวเองไม่เจอ และไม่มีความสุขกับชีวิตและการงานอย่างที่เป็นทุกวันนี้ ฉันก็คงหลงไปหลงมาไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต เป็นคนจับจดอย่างที่เคยเป็นมาตลอดถึงอายุ 25-26 สุดท้ายก็คงลงเอยด้วยการทะเลาะกับเธออยู่ดี ดีไม่ดีฉันอาจจะโทษเธอด้วยซ้ำที่ขัดขวางความฝันของฉัน แต่พอออกเดินทางมาแล้ว เจอเหตุการณ์เยอะมากกกกกกกก เจอเรื่องร้ายๆ ด้วยตัวเองจนรู้ว่าชีวิตนี้จะเอาอะไรกันแน่ ได้เจอวิถีชีวิตที่ชอบ ได้เจองานที่ใช่ ได้ความฝันมาอยู่ในมือ คนแรกที่ฉันอยากจะแบ่งปันความรู้สึกนั้นด้วยกลับเป็นเธอ แต่เธอไม่อยู่ร่วมสุขกับฉันตรงนี้อีกแล้ว
ผลลัพธ์ไม่ได้บอกว่าการตัดสินใจนั้นผิด อดีตนั้นกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ถึงจะแก้ได้ก็ไม่รู้จะแก้ตรงไหน
ถามว่าสุขดีไหมก็สุขดี อาจเพราะเลยวัยรุ่นอารมณ์แรงมาแล้ว
ตอนนี้มีงานทำ มีสังคมต้องเข้า มีความรับผิดชอบที่ต้องรับผิดชอบ
แต่เดินไปเจออะไรๆ มันก็คิดถึงเธออยู่ได้แบบเนืองๆ ทุกทีสิน่า
ก็ได้แต่หวังไป ลมๆ แล้งๆ
อยากให้เธออยู่ตรงนี้
..
ขอบคุณที่อ่านจนจบ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษที่เขียนขึ้นมา แค่อยากระบายอะไรๆ ที่อยู่ข้างในออกไป ลงเฟสบุ๊คไม่ได้ เดี๋ยวเพื่อนหาว่าบ้า เลยใช้ล็อกอินพันทิพอันนี้แหละ ไม่ค่อยได้ใช้ ไม่มีใครรู้จัก โลก internet มันก็ดีอย่างนี้แหละ ตรงที่ ไม่รู้จักกันก็คุยกันได้
ขอบคุณที่รับฟังค่ะ
ป.ล. tag ห้องไหนดีเนี่ย มึน *_*
เคยไหม วันที่ทุกข์ผลักเขาออกไม่ให้ร่วมทุกข์ วันที่สุขเลยไม่มีใครร่วมสุขด้วย มันทุกข์ยิ่งกว่าเสียอีก
วันนั้นฉันทุกข์ แม้ว่าอะไรๆ ก็ดูดี แต่ที่ทำฉันทุกข์คือ ความไม่พอใจในตัวเอง งานการก็มีทำ พ่อแม่จัดหามาให้แล้วทุกอย่าง ฉันเลยมีทุกอย่างยกเว้นความภูมิใจในตัวเอง งานที่ฉันใฝ่ฝันที่ไม่มีใครสักคนเห็นคุณค่าของมัน ทั้งครอบครัว ทั้งตัวเธอ
ตอนนั้นคนที่เชื่อในสิ่งเดียวกับฉัน และมีความฝันร่วมกันนั้นกลับเป็นเพื่อนสนิทที่ฉันโคตรรัก ขนาดที่ว่าถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเกย์ฉันอาจจะคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ก็ใครล่ะจะอยู่ๆ ก็เดินมาเจอกันได้ ได้ร่วมงานกัน คุยกันถูกคอ มีความฝันประหลาดๆ เหมือนกัน คิดเหมือนกัน ไม่ต้องพูดแต่เข้าใจกัน เข้าใจในสิ่งที่ใครๆ ไม่เข้าใจ ฉันอยู่กับเพื่อนคนนี้แล้วสบายใจ มันเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจตลอดเวลา เป็นคนที่ทำให้ฉันมั่นใจในความฝันของตัวเอง และถ้าคนขี้กลัวอย่างฉันจะเดินทางไปตามหามันละก็ ฉันก็ขอมีเพื่อนอย่างมันนี่แหละไปด้วยกัน อะไรฉันก็ไม่กลัวอีกแล้ว เพื่อนคนนี้เข้ามาปะส่วนที่เธอ .. แฟนเก่าของฉัน .. ให้ฉันไม่ได้ และฉันโทษเธอว่า เธอมันไม่เข้าใจอะไรเลย
ฉันจึงตัดสินใจว่า ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องเดินทาง เดินทางคือเดินทางจริงๆ ออกนอกประเทศ เพราะในประเทศไม่มีงานที่ฉันฝันจะทำ ฉันต้องการไปพิสูจน์ว่าความฝันของฉันเป็นไปได้ ไปกับเพื่อนคนนี้นั่นแหละ ฉันเอาตัวออกห่างเธอมากขึ้นๆ เพราะเมื่อเทียบกับเพื่อนของฉันคนนั้น ฉันรู้สึกว่ามันชัดเจนว่าเธอไม่เข้าใจฝันของฉันเลย
สุดท้ายฉันบอกเลิก แถมยังบอกไปอีกว่าไม่ต้องรอ เพราะฉันจะเดินทาง และฉันรู้ว่ามันจะนาน ฉันคิดว่า เราควรจะจากกันด้วยรอยยิ้ม ด้วยใจที่เป็นอิสระ อนาคตรอฉันอยู่ และฉันพร้อมที่จะรับทุกประสบการณ์จากมัน โดยไม่มีกำหนดเวลาที่จะต้องกลับ พูดง่ายๆ ฉันไม่อยากให้ใครรอ เพราะฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยากกลับมายืนในจุดนี้รึเปล่า ฉันอยากจะหนีจากชีวิตเดิมๆ ไปหาชีวิตใหม่ที่ฉันฝัน และฉันจะทิ้งเธอไว้ในโลกใบเดิมเพราะฉันรู้สึกว่า .. เธอไม่เข้าใจอะไรเลย ..
ฉันรู้ตัวว่าฉันเปลี่ยนไปเยอะมากเพราะเพื่อน ความทุกข์เพราะความจำยอมต่อชีวิตว่าไม่มีทางไปถึงฝันนั้นหายไปเพราะเพื่อนคนนี้ เพราะมันทำให้ฉันรู้ว่า ยังมีมันอีกคนที่เชื่อว่า มันเป็นไปได้ ฉันพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปจนสุดขอบโลกเพื่อตามหาฝันนั้น เพราะเพื่อนฉันยืนยันว่ามันมีอยู่จริง
เธอไปเจอบันทึกที่ฉันเขียนถึงเพื่อนคนนี้โดยบังเอิญหลังจากที่ฉันบอกเลิกกับเธอ เธอเสียใจมากที่รู้ว่าเหตุผลที่ซ่อนอยู่อีกชั้นคือ เพื่อนคนนี้นั่นเอง
ฉันขอโทษ
แล้วฉันกับเพื่อนก็พาตัวเองออกนอกประเทศ และได้ทำงานที่เราฝันกันจริงๆ จนได้ แล้วฉันกับเธอ .. แฟนเก่าของฉัน .. ก็ขาดการติดต่อกันไป จากแฟนกลายเป็นแฟนเก่า และไม่ช้าก็คงจะกลายเป็นคนแปลกหน้า ส่วนฉันกับเพื่อนน่ะเหรอ ที่คอมพานีต่างบ้านต่างเมือง เราทะเลาะกันรุนแรง คงเพราะใกล้ชิดกันมากเกินไป ปีแรกฉันไม่เคยร้องไห้เพราะคิดถึงเธอ แต่ฉันร้องไห่ใจจะขาดแทบทุกวันเพราะเพื่อน เราทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้น ไม่เข้าใจกันมากขึ้น ทั้งที่เพื่อนคนเดียวกันนี่แหละที่เคยบอกว่า ดีใจที่มีเพื่อนอย่างเธอเดินร่วมทาง แล้วจนป่านนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เราทะเลาะกันคืออะไรจำได้แต่ความเจ็บที่ทำให้หลายต่อหลายคืนต้องตื่นขึ้นมาสะบัดหัวเร่าๆ ให้ไม่ต้องคิดเนื่องมัน ใครจะเชื่อ แฟนเก่าที่ฉันทำทุเรศๆ ไว้ ส่งข้อความถามอย่างห่วงในว่าฉันกับเพื่อนเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ทะเลาะกันรึเปล่า .. แน่นอน ฉันปฏิเสธ ฉันไม่ให้เขาเข้ามาร่วมทุกข์กับฉัน ฉันแข็งแรง ฉันอยู่ได้
ผ่านมาเป็นปีเพื่อนคนนี้กลับไทยไปก่อน และฉันอยู่ต่อ ชีวิตมีความสุขขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้น เพราะการทำงานและสังคมเริ่มลงตัว งานที่ทำมีความหมายกับตัวเองและกับสังคม ได้ค้นพบศักยภาพตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเอง กล้าพูดได้ว่าพบแล้วจุดมุ่งหมายของชีวิต ในประเทศที่เจริญก้าวหน้า สะดวกสบาย แม้จะแพงกว่าเมืองไทยไปหมดซะทุกอย่าง แต่ด้วยระดับเงินเดือนก็ทำให้พออยู่ได้สบายๆ คุณภาพชีวิตก็ดี เพื่อนฝูงก็เยอะ เจ้านายก็ไว้ใจ ได้ทำในสิ่งที่รัก จะมีอะไรดีไปกว่านั้น แล้วฉันก็เริ่มมีผู้ชายคนใหม่เข้ามาในชีวิต
แต่เดทกันได้สองสามทีก็รู้สึกคิดถึงเธอขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อยากรู้เธอเป็นอย่างไร จะถามตรงๆ ก็ไม่กล้า เลยลอบถามเพื่อนผู้หญิงที่ออฟฟิศที่เธอทำงาน ที่ฉันก็รู้จักเหมือนกัน เพื่อนถามว่าคิดถึงเธอแล้วทำไมไม่บอกเธอ ฉันบอกฉันไม่กล้า แต่ก็แค่อยากรู้ว่าสบายดีไหม คิดถึง เพื่อนถามคิดถึงแล้วยังรักรึเปล่า ฉันบอกว่าไม่แน่ใจ เพื่อนถาม แล้วถ้าไม่แน่ใจ หลายปีก่อนนั้นตัดสินใจเดินออกไปทำไม ฉันบอกเพราะฉันรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเธอที่จะต้องมารอคนที่ไม่รู้ว่าจะชีวิตจะพัดตัวเองไปทางไหน แถมยังไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเองอีก เพื่อนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น สักพักฉันก็เปลี่ยนกลับมา บอกเพื่อนไปอีกครั้งว่าคิดถึงเธอจริงๆ นะ เพื่อนตอบกลับมา (typing อย่างนาน) ว่า "เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะตอนนีเราเป็นแฟนเขาอยู่"
ฟ้าไม่เคยผ่ากลางหัว แต่เดาว่าความรู้สึกคงคล้ายๆ กัน หลังจากช็อกไปสามวิก็ละล่ำละลักขอโทษเพื่อนอย่างแรง แล้วเราก็ตัดสินใจว่าจะทิ้งเรื่องเธอไว้ในอดีต เพราะตอนนี้เธอก็มีคนใหม่แล้ว เราเองก็มีเหมือนกัน เราพยายามลืมเรื่องเขา แล้วสนใจแต่กับเรื่องปัจจุบัน แต่สุดท้ายก็ไปไม่ไหว ยิ่งวันยิ่งคิดถึงเธอ จะหนุ่มไหนเข้ามาก็ไปไม่รอดสักราย ทุกคนยิ่งทำให้เราคิดถึงเธอมากขึ้นๆ ทุกที
ก็เลยอยู่คนเดียวมาตลอด เพราะยังตัดความรู้สึกจากเธอไม่ได้ เธอคือแฟนคนแรกนี่นะ และเป็นคนเดียวที่คบกันจริงจัง จำได้ว่าเราเคยพูดถึงเรื่องอนาคตร่วมกันด้วย ตอนเขาบวชคุณแม่เขายังให้ฉันเข้าร่วมขบวนอยู่ด้วยกันจนจบพิธีเหมือนญาติสนิท จนมีคนแซวว่าบวชก่อนจะเบียด จนกระทั่งเจอเพื่อนคนนั้นเนี่ยแหละ ที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่.. ชีวิตหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้ ฉันต้องไปทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้เสียก่อน ก่อนที่ฉันจะแก่ (เอาล่ะ ฉันฝันอยากเป็นนักเต้น contemporary dance ในคอมพานี ซึ่งตอนนี้ก็ได้เป็นแล้ว และนั่นทำให้ฉันหางานในเมืองไทยไม่ได้ เพราะมันแทบไม่มี ตลาดมันแคบมาก คนจะดูไม่มี และทำให้ฉันต้องรีบทำเสียแต่อายุยังน้อย แต่ก็ไม่น้อยเท่าไหร่แล้ว 30 แล้ว)
ชีวิตตอนนี้จะว่าไปก็มีความสุขมาก แต่ยิ่งมีความสุขเท่าไหร่ ก็ยิ่งคิดถึงเธอมากขึ้นเท่านั้น มันบอกไม่ถูก อยากให้เธอมามีความสุขร่วมกัน อยากให้เธอบินมาดูการแสดง อยากไปรับเธอที่สนามบิน อยากเล่าให้เธอฟังถึงคลาสเต้นที่ฉันสอนคนแก่บนรถเข็น อยากเล่าให้เธอฟังถึงแววตาที่มีความสุขของคนแก่เหล่านั้น อยากเล่าให้เธอฟังถึงงานใหม่ๆ ที่คอมพานีจะทำ อยากด่าเจ้านายให้เธอฟัง อยากพาเธอเดินชมเมืองไปกินข้าวมันไก่อร่อยๆ ที่ไม่มีในหนังสือนำเที่ยว อยากมีเธอรออยู่ที่เมืองไทยเพื่อเป็นเหตุผลที่ฉันจะได้กลับไปแล้วบอกกับเธอว่า .. ฉันทำตามความฝันของฉันได้แล้วนะ
แต่มันไม่มีทางหรอก เพราะชีวิตมันตลก มองกลับไปถามว่าถ้าแก้ไขได้ อยากแก้ไขอะไร ฉันก็คงตอบไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุผลของมัน ถ้าวันนั้นฉันไม่เดินจากมา ฉันก็คงหาตัวเองไม่เจอ และไม่มีความสุขกับชีวิตและการงานอย่างที่เป็นทุกวันนี้ ฉันก็คงหลงไปหลงมาไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต เป็นคนจับจดอย่างที่เคยเป็นมาตลอดถึงอายุ 25-26 สุดท้ายก็คงลงเอยด้วยการทะเลาะกับเธออยู่ดี ดีไม่ดีฉันอาจจะโทษเธอด้วยซ้ำที่ขัดขวางความฝันของฉัน แต่พอออกเดินทางมาแล้ว เจอเหตุการณ์เยอะมากกกกกกกก เจอเรื่องร้ายๆ ด้วยตัวเองจนรู้ว่าชีวิตนี้จะเอาอะไรกันแน่ ได้เจอวิถีชีวิตที่ชอบ ได้เจองานที่ใช่ ได้ความฝันมาอยู่ในมือ คนแรกที่ฉันอยากจะแบ่งปันความรู้สึกนั้นด้วยกลับเป็นเธอ แต่เธอไม่อยู่ร่วมสุขกับฉันตรงนี้อีกแล้ว
ผลลัพธ์ไม่ได้บอกว่าการตัดสินใจนั้นผิด อดีตนั้นกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ถึงจะแก้ได้ก็ไม่รู้จะแก้ตรงไหน
ถามว่าสุขดีไหมก็สุขดี อาจเพราะเลยวัยรุ่นอารมณ์แรงมาแล้ว
ตอนนี้มีงานทำ มีสังคมต้องเข้า มีความรับผิดชอบที่ต้องรับผิดชอบ
แต่เดินไปเจออะไรๆ มันก็คิดถึงเธออยู่ได้แบบเนืองๆ ทุกทีสิน่า
ก็ได้แต่หวังไป ลมๆ แล้งๆ
อยากให้เธออยู่ตรงนี้
..
ขอบคุณที่อ่านจนจบ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษที่เขียนขึ้นมา แค่อยากระบายอะไรๆ ที่อยู่ข้างในออกไป ลงเฟสบุ๊คไม่ได้ เดี๋ยวเพื่อนหาว่าบ้า เลยใช้ล็อกอินพันทิพอันนี้แหละ ไม่ค่อยได้ใช้ ไม่มีใครรู้จัก โลก internet มันก็ดีอย่างนี้แหละ ตรงที่ ไม่รู้จักกันก็คุยกันได้
ขอบคุณที่รับฟังค่ะ
ป.ล. tag ห้องไหนดีเนี่ย มึน *_*