ก่อนอื่นเราขอบอกเลยนะว่า เราเข้าใจว่าผู้ชายส่วนมากมีความต้องการ และเราไม่รังเกียจที่พ่อจะมีเมียใหม่ แต่อะไรๆมันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป จนทำให้เรารับไม่ทัน และสับสน ว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี??? มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะ...
แม่เราเสียเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2556 ด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก หลังจากจัดงานศพเรียบร้อยแล้วเรากับพ่อก็กลับไปทำงาน ซึ่งเรากับพ่อทำงานอยู่คนละบริษัทกัน เราทำงานเขียนแบบอยู่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งต้องไปประจำอยู่ตามไซต์งานต่างๆ ส่วนพ่อเราขับรถเครนอยู่อีกบริษัทหนึ่งซึ่งก็ต้องอยู่ตามหน้าไซต์งานเหมือนกัน แล้วบังเอิญว่าบริษัทที่เรากับพ่อทำงานอยู่ได้รับงานจากบริษัทเดียวกัน จึงทำให้เรากับพ่อได้ทำงานอยู่ไซต์งานเดียวกัน หรือพูดง่ายๆคือเรากับพ่อได้ทำงานอยู่ใกล้ๆกันนั้นเอง เราย้ายมาอยู่ไซต์งานนี้เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2556 ส่วนพ่อเราย้ายมาเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2556 ซึ่งบริษัทของเราทั้งคู่ต่างก็เช่าที่พักให้แก่พนักงานของตน แต่พอดีว่าพ่อเราเจอกับเพื่อนเก่าซึ่งพักอยู่ที่เเคมป์คนงานพ่อเราจึงไปๆมาๆระหว่างแคมป์คนงานกับที่พักเสมอๆ ซึ่งตอนนั้นเราไม่เอะใจอะไรเลยเมื่อเราโทรหาพ่อทีไรพ่อก็จะบอกว่าอยู่แคมป์คนงานอยู่เสมอ จนมาช่วงหลังปีใหม่พ่อเราก็มาพูดกับเราว่า เหงา อยากมีคนมาดูแลเลยมาขออนุญาตเราเพื่อจะมีเมียใหม่ เราเองก็ไม่ได้คิดไรมากก็เลยตอบไปว่า ถ้าคิดว่าดีก็ทำไป โตๆกันแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่วันเราก็มารู้ว่าพ่อเรามีเมียใหม่มาได้สักพักแล้ว ก็เป็นคนงานที่อยู่ในแคมป์นั้นแหละ เราก็ไม่ได้อะไรนะแต่มันติดอยู่ตรงที่ว่าเมียใหม่พ่อเราไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคนเขมรนี่ซิแถมตอนนั้นเค้ายังไม่มีบัตรต่างด้าวหรืออะไรเลย เราเองก็ไม่ได้รังเกียจคนเขมรนะถึงเค้าจะทำอะไรให้เราลำบากมากขึ้นก็เหอะ เพราะเมื่อก่อนเวลาที่พ่อเราขาดเหลืออะไรเราก็จะหามาให้พ่อเสมอ แต่พอเรารู้ว่าพ่อมีเมียใหม่มันทำให้เราช่วยเหลือพ่ออย่างไม่สนิทใจอะ และสิ่งที่ทำให้เรายิ่งรับไม่ได้และสับสนคือ ต้นเดือน ก.พ. พ่อมาบอกเราว่าเมียเค้าท้อง ตอนนั้นเราอึ้งนะเราคิดว่ามันเร็วเกินไปมั้ย พ่อเรามาทำงานที่นี่ได้ 3 เดือนได้เมียหนึ่งคน แถมกำลังท้องอีกต่างหากมันจะเป็นไปได้หรอ พอเรารู้ว่าเมียพ่อท้องตอนแรกๆเราก้ยังไปหาพ่ออยู่ และเราก็สังเกตุนิสัยของเมียพ่อไปในทีเดียว แรกๆเค้าก็เกรงใจเรานะไม่เรียกร้องอะไร ไม่มายุ่งกับเรา ถึงขั้นบอกกับพ่อเราว่าถ้าเค้ากับลูกที่อยู่ในท้องทำให้ครอบครัวเรามีปัญหา ขอแค่พ่อบอกว่าเลิกเค้าคำเดียวแล้วเค้ากับลูกจะกลับไปอยู่เขมรทันที เราก็เลยพอทำใจได้ อีกอย่างเราสงสารเด็กด้วยแหละเพราะไม่รู้อะไรด้วย แต่คนเราพอนานๆไปสันดารที่แท้จริงก็เริ่มออก พอเห็นเราให้โน่นให้นี่พ่อ ช่วยโน่นช่วยนี่พ่อ เค้าก็เริ่มที่จะเรียกร้องมากขึ้นเค้าไม่กล้ามาขอกลับเราหลอกแต่จะพูดกับพ่อเรา แล้วพ่อเราจะมาขอเราอีกที ก่อนช่วงสงกรานต์พ่อมาบอกเราว่าอยากได้รถยนต์สักคันเพราะเพื่อนเค้าไม่กล้าให้เมียเค้าอาศัยรถกลับบ้านช่วงสงกรานต์ด้วยเพราะกลัวมีปัญหากลางทาง ด้วยความที่พ่อมาขอร้องเราก็เลยหารถมือสองให้พ่อคันหนึ่งให้พ่อผ่อนดาวว์เอา ส่วนช่วงแรกที่พ่อผ่อนดาวว์อยู่เราก็จะผ่อนค่างวดรถให้พ่อไปก่อน หลังจากได้รถยนต์หนึ่งคัน เรื่องอื่นมันก็ตามมาอีกเช่น เงินที่พ่อต้องส่งกลับไปเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านหลังๆมาพ่อชอบมาบ่นให้ฟังว่าเงินไม่พอใช้ ไม่พอซื้อข้าวให้เมียเค้าที่กำลังท้องกิน ด้วยความสงสารเราก็รับค่าใช้จ่ายตรงนั้นมาเอง หลังจากนั้น พ่อก็ชอบมาบ่นว่าไม่มีตังซื้อข้าวกิน เรากับแฟนเราก็จะซื้อกับข้าวเข้าไปกินกับพ่อตอนเย็นเป็นประจำเพราะไม่อยากให้พ่ออด ต่อมาก็เป็นพวกเครื่องครัวรวมไปถึงของใช้ส่วนตัว และสิ่งที่ทำให้เรายิ่งไม่ชอบเมียพ่อคือ เวลาไปหาพ่อแล้วพ่อพูดว่าจะเอาเงินไปช่วยเราทำโน่น นี่ นั้น เมียเค้าจะพูดสวนมาทันทีว่า ไม่มีตัง จะเอาตังที่ไหนไปทำ แล้วก็จะหันมามองหน้าเรา ซึ่งหลังๆมาเราว่ามันชักจะไม่ใช่และ เพราะพ่อเราเองก็มีรายได้เดือนละหมื่นกว่าๆ มีภาระแค่ค่าผ่อนรถเดือนละ 5000 แล้วที่เหลือหายไปไหนหมด จนล่าสุดที่ทำให้เราทนไม่ไหวคือ พ่อขอร้องให้เราซื้อนมบำรุงคนท้องให้ โดยบอกว่าเมียเค้าอยากได้ เราก็อึ้งเลยสิ เมียเค้าไม่ใช่แม่เรานะ แต่เป็นเพราะพ่อไงเราก็เลยซื้อให้ จนล่าสุดเมียพ่อคลอดลูกเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2557 เรายิ่งอึ้งว่าทำไมมันคลอดเร็วจัง พ่อเรามาทำงานที่นี่แค่ 10 เดือนได้ลูก 1 คน มันเร็วไปมั้ย ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ยุ่งกับพ่ออีกเลย เพราะพ่อเปลี่ยนไปมากปิดบังเราอีกหลายๆเรื่อง และที่สำคัญ ก่อนแม่เราเสียได้สั่งเราไว้ว่า ถ้าแม่ตายไปแล้ว แล้วพ่อไปมีลูกมีเมียใหม่ ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเค้าทั้งสิ้นไม่ว่าเค้าจะขอให้ช่วยอะไรก็ตาม นอกจากพ่อไม่สบายเท่านั้นค่อยเข้าไปช่วย เพราะค้าเลือกที่จะมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว เราเองก็คิดแบบเดียวกับแม่ก็เลยเลิกยุ่งกับพ่อไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น อยากถามว่าเราทำถูกรุทำผิดกันแน่อะ ตอนนี้เราสับสนมาก...
เราควรทำอย่างไรกับพ่อดี เมื่อพ่อมีเมียใหม่พร้อมลูก หลังแม่เราเสียได้ไม่นาน...
แม่เราเสียเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2556 ด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก หลังจากจัดงานศพเรียบร้อยแล้วเรากับพ่อก็กลับไปทำงาน ซึ่งเรากับพ่อทำงานอยู่คนละบริษัทกัน เราทำงานเขียนแบบอยู่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งต้องไปประจำอยู่ตามไซต์งานต่างๆ ส่วนพ่อเราขับรถเครนอยู่อีกบริษัทหนึ่งซึ่งก็ต้องอยู่ตามหน้าไซต์งานเหมือนกัน แล้วบังเอิญว่าบริษัทที่เรากับพ่อทำงานอยู่ได้รับงานจากบริษัทเดียวกัน จึงทำให้เรากับพ่อได้ทำงานอยู่ไซต์งานเดียวกัน หรือพูดง่ายๆคือเรากับพ่อได้ทำงานอยู่ใกล้ๆกันนั้นเอง เราย้ายมาอยู่ไซต์งานนี้เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2556 ส่วนพ่อเราย้ายมาเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2556 ซึ่งบริษัทของเราทั้งคู่ต่างก็เช่าที่พักให้แก่พนักงานของตน แต่พอดีว่าพ่อเราเจอกับเพื่อนเก่าซึ่งพักอยู่ที่เเคมป์คนงานพ่อเราจึงไปๆมาๆระหว่างแคมป์คนงานกับที่พักเสมอๆ ซึ่งตอนนั้นเราไม่เอะใจอะไรเลยเมื่อเราโทรหาพ่อทีไรพ่อก็จะบอกว่าอยู่แคมป์คนงานอยู่เสมอ จนมาช่วงหลังปีใหม่พ่อเราก็มาพูดกับเราว่า เหงา อยากมีคนมาดูแลเลยมาขออนุญาตเราเพื่อจะมีเมียใหม่ เราเองก็ไม่ได้คิดไรมากก็เลยตอบไปว่า ถ้าคิดว่าดีก็ทำไป โตๆกันแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่วันเราก็มารู้ว่าพ่อเรามีเมียใหม่มาได้สักพักแล้ว ก็เป็นคนงานที่อยู่ในแคมป์นั้นแหละ เราก็ไม่ได้อะไรนะแต่มันติดอยู่ตรงที่ว่าเมียใหม่พ่อเราไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคนเขมรนี่ซิแถมตอนนั้นเค้ายังไม่มีบัตรต่างด้าวหรืออะไรเลย เราเองก็ไม่ได้รังเกียจคนเขมรนะถึงเค้าจะทำอะไรให้เราลำบากมากขึ้นก็เหอะ เพราะเมื่อก่อนเวลาที่พ่อเราขาดเหลืออะไรเราก็จะหามาให้พ่อเสมอ แต่พอเรารู้ว่าพ่อมีเมียใหม่มันทำให้เราช่วยเหลือพ่ออย่างไม่สนิทใจอะ และสิ่งที่ทำให้เรายิ่งรับไม่ได้และสับสนคือ ต้นเดือน ก.พ. พ่อมาบอกเราว่าเมียเค้าท้อง ตอนนั้นเราอึ้งนะเราคิดว่ามันเร็วเกินไปมั้ย พ่อเรามาทำงานที่นี่ได้ 3 เดือนได้เมียหนึ่งคน แถมกำลังท้องอีกต่างหากมันจะเป็นไปได้หรอ พอเรารู้ว่าเมียพ่อท้องตอนแรกๆเราก้ยังไปหาพ่ออยู่ และเราก็สังเกตุนิสัยของเมียพ่อไปในทีเดียว แรกๆเค้าก็เกรงใจเรานะไม่เรียกร้องอะไร ไม่มายุ่งกับเรา ถึงขั้นบอกกับพ่อเราว่าถ้าเค้ากับลูกที่อยู่ในท้องทำให้ครอบครัวเรามีปัญหา ขอแค่พ่อบอกว่าเลิกเค้าคำเดียวแล้วเค้ากับลูกจะกลับไปอยู่เขมรทันที เราก็เลยพอทำใจได้ อีกอย่างเราสงสารเด็กด้วยแหละเพราะไม่รู้อะไรด้วย แต่คนเราพอนานๆไปสันดารที่แท้จริงก็เริ่มออก พอเห็นเราให้โน่นให้นี่พ่อ ช่วยโน่นช่วยนี่พ่อ เค้าก็เริ่มที่จะเรียกร้องมากขึ้นเค้าไม่กล้ามาขอกลับเราหลอกแต่จะพูดกับพ่อเรา แล้วพ่อเราจะมาขอเราอีกที ก่อนช่วงสงกรานต์พ่อมาบอกเราว่าอยากได้รถยนต์สักคันเพราะเพื่อนเค้าไม่กล้าให้เมียเค้าอาศัยรถกลับบ้านช่วงสงกรานต์ด้วยเพราะกลัวมีปัญหากลางทาง ด้วยความที่พ่อมาขอร้องเราก็เลยหารถมือสองให้พ่อคันหนึ่งให้พ่อผ่อนดาวว์เอา ส่วนช่วงแรกที่พ่อผ่อนดาวว์อยู่เราก็จะผ่อนค่างวดรถให้พ่อไปก่อน หลังจากได้รถยนต์หนึ่งคัน เรื่องอื่นมันก็ตามมาอีกเช่น เงินที่พ่อต้องส่งกลับไปเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านหลังๆมาพ่อชอบมาบ่นให้ฟังว่าเงินไม่พอใช้ ไม่พอซื้อข้าวให้เมียเค้าที่กำลังท้องกิน ด้วยความสงสารเราก็รับค่าใช้จ่ายตรงนั้นมาเอง หลังจากนั้น พ่อก็ชอบมาบ่นว่าไม่มีตังซื้อข้าวกิน เรากับแฟนเราก็จะซื้อกับข้าวเข้าไปกินกับพ่อตอนเย็นเป็นประจำเพราะไม่อยากให้พ่ออด ต่อมาก็เป็นพวกเครื่องครัวรวมไปถึงของใช้ส่วนตัว และสิ่งที่ทำให้เรายิ่งไม่ชอบเมียพ่อคือ เวลาไปหาพ่อแล้วพ่อพูดว่าจะเอาเงินไปช่วยเราทำโน่น นี่ นั้น เมียเค้าจะพูดสวนมาทันทีว่า ไม่มีตัง จะเอาตังที่ไหนไปทำ แล้วก็จะหันมามองหน้าเรา ซึ่งหลังๆมาเราว่ามันชักจะไม่ใช่และ เพราะพ่อเราเองก็มีรายได้เดือนละหมื่นกว่าๆ มีภาระแค่ค่าผ่อนรถเดือนละ 5000 แล้วที่เหลือหายไปไหนหมด จนล่าสุดที่ทำให้เราทนไม่ไหวคือ พ่อขอร้องให้เราซื้อนมบำรุงคนท้องให้ โดยบอกว่าเมียเค้าอยากได้ เราก็อึ้งเลยสิ เมียเค้าไม่ใช่แม่เรานะ แต่เป็นเพราะพ่อไงเราก็เลยซื้อให้ จนล่าสุดเมียพ่อคลอดลูกเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2557 เรายิ่งอึ้งว่าทำไมมันคลอดเร็วจัง พ่อเรามาทำงานที่นี่แค่ 10 เดือนได้ลูก 1 คน มันเร็วไปมั้ย ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ยุ่งกับพ่ออีกเลย เพราะพ่อเปลี่ยนไปมากปิดบังเราอีกหลายๆเรื่อง และที่สำคัญ ก่อนแม่เราเสียได้สั่งเราไว้ว่า ถ้าแม่ตายไปแล้ว แล้วพ่อไปมีลูกมีเมียใหม่ ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเค้าทั้งสิ้นไม่ว่าเค้าจะขอให้ช่วยอะไรก็ตาม นอกจากพ่อไม่สบายเท่านั้นค่อยเข้าไปช่วย เพราะค้าเลือกที่จะมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว เราเองก็คิดแบบเดียวกับแม่ก็เลยเลิกยุ่งกับพ่อไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น อยากถามว่าเราทำถูกรุทำผิดกันแน่อะ ตอนนี้เราสับสนมาก...