คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
รถปอ. สยองขวัญ (โหดกว่าแท็กซี่เยอะ)
ในวันที่ฟ้าสีหม่น ฝนตกประปราย แต่ก็ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่หดหู่พอสมควร
คนบนรถโดยสารมีไม่มาก บางช่วงก็ติดขัด ตะกุกตะกัก บางช่วงที่รถเคลื่อนที่ก็ส่าย
ไปมาน่าตกใจ ผู้โดยสารหลายคน มองหน้ากัน แล้วพุ่งตรงไปที่คนขับ สำรวจว่ามี
ลักษณะเมาสุราหรือสารเสพติดหรือปล่าว หลาย ๆ คนพึมพัมว่าไม่น่าใช่ แต่ที่น่าหวั่นใจ
กว่านั้นก็คือ คนขับตาแข็ง ๆ มองกระจกมองหลังอยู่ชนิดที่ว่า นาทีต่อนาที เหมือนจ้อง
ใครบางคน แต่ ณ บริเวณนั้น ไม่มีผู้โดยสารยืนเลยแม้แต่คนเดียว คนที่นั่งบนรถเริ่มกระสับ
กระส่าย พยายามมองตามคนขับว่า มองอะไร ในขณะที่ รถก็ส่ายไปมา แซงบ้าง ปาดบ้าง
จนถูกบีบแตรจากรถคันอื่น ๆ บนถนน แต่คนขับ ก็ยังมีพฤติกรรมเช่นเดิม จ้องตาเขม็งไปที่กระจก
มองหลัง สลับกับการขับขี่ที่แสนจะทุลักทุเล
จนในที่สุด ผู้โดยสารแทบทั้งรถ ก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พร้อม ๆ กับเสียงโวยวายของคนขับ
ที่เบี่ยงรถจอดเข้าข้างทางและเหยียบเบรคอย่างแรงจนผู้โดยสาร รวมถึงกระเป๋ารถ ปอ. เกือบจะเสีย
การทรงตัว ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนขับทิ้งพวงมาลัย และกระโดดตัวลอยออกจากเบาะ
ด้วยใบหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา เหมือนคนเสียสติ พูดสั้น ๆ ว่า "เฮ้ย" วิ่งตัวสั่นออกไปนอกรถ
ผู้โดยสารบางคนนั่งตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด บางคนทนไม่ไหว ก็ตัดสินใจลงจากรถเพื่อไปต่อคันใหม่ เริ่มเกิด
ความสับสนอลหม่านว่าเกิดอะไรกับคนขับ กระเป๋ารถ ปอ. วิ่งตามคนขับที่วิ่งป่าราบเหมือนเจอบางสิ่งปริศนา
ด้วยความรวดเร็ว ผู้โดยสารที่ยังไม่ลง ซึ่งเหลืออยู่ไม่มาก มองไปที่หน้าต่างด้านนอก ใจสั่นระรัว หลาย ๆ คน
ตั้งคำถามว่า คนขับมองเห็นอะไรกันแน่
ซักพัก กระเป๋ารถ ปอ. เดินมาด้วยท่าทางอ่อนแรง สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก พร้อมทั้งบอกว่า ให้ผู้โดยสารที่เหลือลง
จากรถ คนขับไม่สามารถขับต่อได้อีกแล้ว ผู้โดยสารหลายคนรีบลงมาอย่างรวดเร็ว บ้างก็รีบร้อน พยายามจะแซงกัน
ที่คิดกันไว้ว่ารถคันนี้มีอะไรผิดปกติ เหมือนจะเป็นความจริงเข้าไปทุกที หวั่นใจว่าเคยมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับรถนี้หรือปล่าว
เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ผู้โดยสารก็คลายความกังวล เพราะลงจากรถกันหมดแล้ว จึงพากันตั้งสติ สอบถาม กระเป๋า
รถ ปอ. ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเสียขวัญอยู่พอสมควร ว่า จริง ๆ แล้วมันเกิดเรื่องอะไร บนรถคันนั้น กระเป๋ารถ ปอ.
จึงเล่าความจริงทั้งหมดให้ผู้โดยสารที่ยืนล้อมวงรอฟังเรื่องราวที่เกิดกับคนขับว่า
"คนขับมองกระจกตลอดเวลา เพราะไม่ต้องการให้รถคันอื่นแซง เนื่องจากต้องการรีบมาให้ถึงจุดนี้ เพราะปวดขี้มาตลอดทาง
แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน ขี้แตกคากางเกง ไม่มีตัวเปลี่ยน จึงต้องรอให้เพื่อนเอากางเกงมาให้ใหม่ ไม่สามารถขับต่อไปได้ ฝากขอโทษ
ทุกคนด้วย"
ในวันที่ฟ้าสีหม่น ฝนตกประปราย แต่ก็ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่หดหู่พอสมควร
คนบนรถโดยสารมีไม่มาก บางช่วงก็ติดขัด ตะกุกตะกัก บางช่วงที่รถเคลื่อนที่ก็ส่าย
ไปมาน่าตกใจ ผู้โดยสารหลายคน มองหน้ากัน แล้วพุ่งตรงไปที่คนขับ สำรวจว่ามี
ลักษณะเมาสุราหรือสารเสพติดหรือปล่าว หลาย ๆ คนพึมพัมว่าไม่น่าใช่ แต่ที่น่าหวั่นใจ
กว่านั้นก็คือ คนขับตาแข็ง ๆ มองกระจกมองหลังอยู่ชนิดที่ว่า นาทีต่อนาที เหมือนจ้อง
ใครบางคน แต่ ณ บริเวณนั้น ไม่มีผู้โดยสารยืนเลยแม้แต่คนเดียว คนที่นั่งบนรถเริ่มกระสับ
กระส่าย พยายามมองตามคนขับว่า มองอะไร ในขณะที่ รถก็ส่ายไปมา แซงบ้าง ปาดบ้าง
จนถูกบีบแตรจากรถคันอื่น ๆ บนถนน แต่คนขับ ก็ยังมีพฤติกรรมเช่นเดิม จ้องตาเขม็งไปที่กระจก
มองหลัง สลับกับการขับขี่ที่แสนจะทุลักทุเล
จนในที่สุด ผู้โดยสารแทบทั้งรถ ก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พร้อม ๆ กับเสียงโวยวายของคนขับ
ที่เบี่ยงรถจอดเข้าข้างทางและเหยียบเบรคอย่างแรงจนผู้โดยสาร รวมถึงกระเป๋ารถ ปอ. เกือบจะเสีย
การทรงตัว ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนขับทิ้งพวงมาลัย และกระโดดตัวลอยออกจากเบาะ
ด้วยใบหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา เหมือนคนเสียสติ พูดสั้น ๆ ว่า "เฮ้ย" วิ่งตัวสั่นออกไปนอกรถ
ผู้โดยสารบางคนนั่งตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด บางคนทนไม่ไหว ก็ตัดสินใจลงจากรถเพื่อไปต่อคันใหม่ เริ่มเกิด
ความสับสนอลหม่านว่าเกิดอะไรกับคนขับ กระเป๋ารถ ปอ. วิ่งตามคนขับที่วิ่งป่าราบเหมือนเจอบางสิ่งปริศนา
ด้วยความรวดเร็ว ผู้โดยสารที่ยังไม่ลง ซึ่งเหลืออยู่ไม่มาก มองไปที่หน้าต่างด้านนอก ใจสั่นระรัว หลาย ๆ คน
ตั้งคำถามว่า คนขับมองเห็นอะไรกันแน่
ซักพัก กระเป๋ารถ ปอ. เดินมาด้วยท่าทางอ่อนแรง สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก พร้อมทั้งบอกว่า ให้ผู้โดยสารที่เหลือลง
จากรถ คนขับไม่สามารถขับต่อได้อีกแล้ว ผู้โดยสารหลายคนรีบลงมาอย่างรวดเร็ว บ้างก็รีบร้อน พยายามจะแซงกัน
ที่คิดกันไว้ว่ารถคันนี้มีอะไรผิดปกติ เหมือนจะเป็นความจริงเข้าไปทุกที หวั่นใจว่าเคยมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับรถนี้หรือปล่าว
เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ผู้โดยสารก็คลายความกังวล เพราะลงจากรถกันหมดแล้ว จึงพากันตั้งสติ สอบถาม กระเป๋า
รถ ปอ. ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเสียขวัญอยู่พอสมควร ว่า จริง ๆ แล้วมันเกิดเรื่องอะไร บนรถคันนั้น กระเป๋ารถ ปอ.
จึงเล่าความจริงทั้งหมดให้ผู้โดยสารที่ยืนล้อมวงรอฟังเรื่องราวที่เกิดกับคนขับว่า
"คนขับมองกระจกตลอดเวลา เพราะไม่ต้องการให้รถคันอื่นแซง เนื่องจากต้องการรีบมาให้ถึงจุดนี้ เพราะปวดขี้มาตลอดทาง
แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน ขี้แตกคากางเกง ไม่มีตัวเปลี่ยน จึงต้องรอให้เพื่อนเอากางเกงมาให้ใหม่ ไม่สามารถขับต่อไปได้ ฝากขอโทษ
ทุกคนด้วย"
แสดงความคิดเห็น
ประสบการณ์ขนหัวลุกของพี่แท็กซี่ มาแชร์กันค่ะ!
แท็กซี่ : เคยเจอไหม
เพื่อนคนที่ 1 : ไม่เคยเจออ้ะพี่ พี่เคยเจอหรอครับ ?
แท็กซี่ : เคยเจอสิ๊ เจอบ่อยด้วย !!
เพื่อนคนที่ 2 : เล่าเลยพี่ๆๆๆๆๆๆ เล่าเลยยยยเอาแบบที่เจอ แบบประสบการณ์สุดๆเลยอ่ะ
เราคิดในใจ : เอิ่มมมม!! นี่ไม่ปรึกษากันเลยหรอว่าอยากฟังรึป่าว? (แค่เปิดเดอะช็อก เราก็อยากจะปิดหูไม่อยากฟังละนะ)
ในแท็กซี่มี 3 คนนั่งหลัง เพื่อนอีกคนนั่งเบาะหน้าข้างๆกับคนขับ (เรานั่งตรงกลางเบาะหลัง) แล้วพี่แท็กซี่ก็ปิดวิทยุ ความเงียบดังขึ้นได้ยินเสียงลมกระทบกับกระจก เพื่อนสองคนที่นั่งข้างๆเรา เบียดชิดแล้วเกาะเบาะพี่แท็กซี่ อีกคนเกาะเบาะที่เพื่อนอยู่ข้างหน้านั่ง ทุกคนหลังไม่ชิดเบาะเลยจร้าาา แล้วพี่แท็กซี่ก็เริ่มเล่าเหตุการณ์!!!
เหตุการณ์ที่ 1 : พี่ไปส่งนักศึกษาอยู่มหาวิทยาลัย...(ชื่อดังที่เอ่ยไปแล้วทุกคนรู้จัก) ตอนนั้นประมาณเที่ยงคืน แล้วตอนขาออกนักศึกษาบอกว่า"ขากลับพี่ออกทางเดิมนะครับ" แท็กซี่ : "ทำไมอ้ะ" นักศึกษา : (ทางลัดมันมืดอ่ะครับ ออกทางเดิมดีกว่า) แล้วนักศึกษาก็จ่ายตังค์แล้วออกไปจากรถแท็กซี่ แต่พี่แท็กซี่ก็คิดในใจว่า ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ออกทางลัดใกล้กว่าเยอะ เราไม่ได้กลัวอะไรอยู่แล้ว แล้วพี่แท็กซี่ก็ออกทางลัดค่ะ!! ทางลัดมันมืดจริงๆ พี่แท็กซี่เลยเปิดไฟสูง ไฟสาดไปเจอตึกๆหนึ่งเป็นตึกประมาณ 7-8 ชั้น ซึ่งชั้น2เปิดไฟแค่ดวงเดียว เป็นไฟหลอดเล็กๆ สลัวๆ .. มองไกลๆ เห็นยามยืนอยู่หน้าตึก กำลังกวักมือเรียกแท็กซี่ให้จอดรถ ดูเหมือนจะมีผู้โดยสารจะขึ้นรถต่อไป เมื่อถึงตึกพี่แท็กซี่ก็ได้จอดรถ แล้วยามคนที่กวักรถก็วิ่งเข้าไปในตึก พี่แท็กซี่ก็คิดในใจ"สงสัยวิ่งไปตามผู้โดยสาร" พี่แท็กซี่รอประมาณ 5 นาทีแต่ก็ยังไม่มีใครลงมา เลยลงจากรถไปยืนอยู่ข้างๆรถ รออีกประมาณ 5 นาที เลยตัดสินใจตะโกนเรียกคนข้างบน "จะไปไหมครับบบ!! รอนานแล้วนะครับ ถ้าไม่ไปจะได้ไปหาผู้โดยสารต่อ" ทันใดนั้น ไฟชั้นสองก็ถูกปิดลง ด้วยความเงียบและมืดที่มีเพียงไฟสองดวงจากรถแท็กซี่ส่องไปยังพื้นที่ข้างหน้า!! พี่แท็กซี่ก็คิดในใจ... สงสัยลงมากันแร๊ะ!!!
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!! มีคนกระโดดจากตึกลงมากองตรงพื้นที่หน้ารถที่จอดอยู่ค่ะ ในสภาพนอนคว่ำ เลือดไหลอาบไปทั้งพื้น พี่แท็กซี่เลยรีบวิ่งไปหาที่คนๆนั้น หากมีชีวิตอยู่จะได้ช่วยเหลือทัน... ในขณะที่มือกำลังเอื้อมไปถึงตัวหญิงสาวคนนั้น! ทันใดนั้นหญิงคนนั้นก็ใช้เข่าดันตัวเองลุกขึ้นมายืน แล้วเดินผ่านเข้าไปในตึก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น! พี่แท็กซี่ยืนนิ่ง ขาแข็งทำอะไรไม่ถูก เวลาผ่านไปเพียงเสี้ยวเวลา.. หญิงสาวคนนั้นกระโดดตึกมากองอยู่ตรงหน้าของพี่แท็กซี่เป็นรอบที่ 2 แล้วใช้เข่าดันตัวเองขึ้น เดินผ่านร่างของพี่แท็กซี่ไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะนั้นพี่แท็กซี่รีบตั้งสติ" กุจะรอให้มันมาโดดให้ดูอีกไมว่ะ" เหยียบให้มิด!!! กระดงกระดองเต่าที่อยู่ในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เบรคสักอัน มารู้ตัวอีกทีกางเกงที่ใส่อยู่เปียกไปทั้งหมด "อ๋ออ!! กุฉี่ราดดดด" ><"
ตัวเราได้ฟังแล้วเรารู้สึกขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูกค่ะ แล้วพี่แท็กซี่ก็บอกพวกเราว่า.. " ถ้ามีอะไรอ่ะให้บอก.. บอกว่าไปทางลัดมันมืด!! จะพูดอ้อมๆทำไม ถ้าบอกว่าผีดุ ใครมันจะกล้าไปว่ะ " เราว่าก็จริงนะ 55555555
เราเลยถามพี่แท็กซี่ว่า : แล้วยามคนที่เรียกไปไหนแล้วอ่ะคะ ?
พี่แท็กซี่ : ยังคิดว่า มันยังใช่คนอยู่อีกหรอ ???
เรา : ...???.. เออว่ะ!
พี่แท็กซี่บอกมาว่า : ใครที่มันเจอจริงๆอ้ะ ไม่มีหรอกแบบในบ้านผีปอป วิ่งไล่กัน ถ้าเจอแบบจ่ะๆ!! เราจะยืนนิ่ง ขาเราจะแข็งมากเหมือนโดนสะตั้นไว้ จะก้าวขายังลำบาก จะคิดอะไรไม่ออก เหมือนวูบไปเลย!! (อันนี้จริงไหมคะ?? เราอยากรู้คนที่เคยเจอเขารู้สึกกันยังไงค่ะ)
เหตุการณ์ที่ 2 : มีคนมาเรียกแท็กซี่อยู่ที่หน้าซอย บอกพี่แท็กซี่ให้ไปรับคนป่วยในหมู่บ้านที่อยู่ในซอยบอกให้ไปส่งที่โรงพยาบาล.... เป็น รพ.ขนาดใหญ่ที่อยู่ในระแวกนั้น! เมื่อถึงเป็นบ้านไม้ทรงไทย คนที่มาด้วยก็ลงจากแท็กซี่เพื่อไปรับคนป่วยขึ้นรถ แล้วในระหว่างที่รอ.. ก็มีคนอุ้มคนป่วยลงมามีคนอุ้มประมาณสามคน แล้วมีพระรูปหนึ่งเดินนำหน้า ในช่วงที่มีคนอุ้มคนป่วย แขนของคนป่วยห้อยลงมาจากผ้าเป็นแขนสีขาว ตรงทื่อ ไม่กระดุกกระดิก! แล้วพระก็เปิดประตูแท็กซี่ออกมาตรงที่นั่งข้างหน้าข้างคนขับแต่ยังไม่ได้ขึ้น พี่แท็กซี่จึงขยับตัวไปเอื้อมมือปิดประตูเข้ามา เพราะคิดว่านี่คงไม่ใช่คนป่วย ยังไงก็ไม่ใช่แน่นอนนน !! แล้วขับรถออกไป.. แล้วขับออกไปเพื่อหาผู้โดยสารคนใหม่ แต่เมื่อมีผู้โดยสารเขาเรียกเรียกรถแท็กซี่ เขาเรียกคันข้างหลังไม่มีใครเรียกคันพี่แท็กซี่เลย พี่แท็กซี่ก็เริ่ม เอ้ะใจ!! อะไรอ่าา งงง!! แล้วพี่แท็กซี่เลยไปจอดรถแท็กซี่ที่อยู่คิวในห้างแห่งหนึ่ง จอดเป็นคิวแรกเลย! แต่ก็ยังไม่มีใครขึ้นมา แต่ผู้โดยสารกลับขึ้นคันที่อยู่ข้างหลัง จนคิวผ่านไปเรื่อยๆ ทำให้พี่แท็กซี่ตัดสินใจขับออกไปจากคิวนั้น!!! ขับไปอีกหน่อยก็ถึงโรงพยาบาลที่เป็นเป็นปลายทางของคนที่มาเรียกพี่แท็กซี่ในตอนแรก พี่แท็กซี่เลยตัดสินใจจอดรถแล้วเดินออกไปเปิดประตู แล้วพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า "จะมาโรงพยาบาลใช่ไหมครับ ถึงแล้วนะครับ ผมจะทำมาหากินครับพี่" แล้วพี่แท็กซี่ก็ปิดประตู พอขึ้นรถเข้าฝั่งคนขับ ก็มีผู้โดยสารเดินออกมาจาก รพ. ขึ้นรถพี่แท็กซี่ให้ไปส่ง แล้วพูดกับพี่แท็กซี่ว่า "ทำไมไม่ไปส่งคนป่วยข้างในอ่ะค่ะ เหนเขาเดินกระเพลกๆไม่ค่อยไหว" พี่แท็กซี่หน้าชาาาาเลยยยจร้าาาาา ได้แต่ยิ้มรับบบบ ><"
เหตุการณ์ที่ 3 : พี่แท็กซี่ไปส่งผู้โดยสาร สองคน ประมาณว่าเป็นแฟนกันอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่อยู่แถวฟิวเจอร์ ซึ่งสองคนนั้นอยู่แขนก็จะมีฝ้ายผูกข้อมือเหมือนไปทำบุญกันมาค่ะ ในระหว่างที่อยู่บนทางด่วน สองคนนั้นก็คุยกันตามประสาคนทั่วไปอ่ะค่ะ แล้วพี่แท็กซี่ก็มองกระจกไปข้างหลัง ตรงคานด้านหลังรถอ่ะค่ะ มีมือดำๆเกาะอยู่ท้ายรถ ทั้งด้ายซ้ายและด้านขวา แต่ไม่มีตัว !! จึงเหยียบคันเร่ง 130-140 km/hr เพื่อที่จะให้มือนั้นหลุดออกไป สบัดก็แล้ว เหยียบสุดๆก็แล้ว มือนั้นก็ไม่หลุดออกไป แล้วผู้โดยสารสองคนนั้นก็นั่งเงียบบ กริบบ!! พี่แท็กซี่บอกว่า"สงสัยในใจเขาคิดว่าพูดอะไรหรือทำอะไรให้ไม่พอใจหรือป่าว? 55555 แต่ไม่ใช่จ่ะ ไม่เกี่ยว" พี่แท็กซี่ใช้เวลาแค่แปปเดียวไปส่งสองคนนั้น เข้าคอนโด เมื่อสองคนนั้นลงจากรถพี่แท็กซี่ พี่แท็กซี่จึงสังเกตมือดำๆคือนั้น แต่มือนั้นก็หายไปแล้ววว พี่แท็กซี่เลยเปิดกระจกออกมาตะโกนบอกสองคนนั้นว่า "ไปทำบุญด้วยนะหนู" แล้วพี่แท็กซี่ก็รีบเหยียบรถออกไป ฟิ้ววววววว )) ) )
เราคิดว่า : บางทีเรานั่งแท็กซี่ไปเห็นพี่เขาซิ่งๆๆๆ ในใจเราก็คงแบบ เอิ่มมมม!! เบาๆก็ได้ แต่ที่จริงอาจเป็นเหตุการณ์อย่างนี้ก็ได้นะจ่ะ 5555555
แล้วพี่แท็กซี่ก็ส่งพวกเราถึงที่ ม.ค่ะ ( อ้อ!! ในระหว่างเมือเวลาที่พี่เขาเล่าเรื่องนี้เขาจะจับเพราะที่คอตลอดเลยค่ะ แต่พอพูดเรื่องธรรมดาก็ไม่จับนะคะ ) พอพี่เขามาส่งพวกเรา ก็จ่ายตังค์เพื่อนคนที่ 1 ก็บ่นๆ "ปวดต้นคอจัง" พี่แท็กซี่ก็แซวๆว่า "มีคนขี่คออยู่รึปล่าววววว ??" เพื่อนๆก็หัวเราะกัน ส่วนใจเราก็คิดนะคะ พี่เขาพูดจริงหรือแซวเล่นหว่าาา ในใจก็เป็นห่วงเพื่อนนะคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ละก็.............................................. (หึหึ)
แล้วเพื่อนๆ มีพี่แท็กซี่คนไหนเล่าประสบการณ์ให้ฟังบ้าง ช่วยกันมาแชร์ด้วยนะคะ อยากฟังเรื่องราวของเพื่อนๆบ้างค่ะ ^^"