ขอแชร์ประสบการณ์ อันแสนโหดร้ายของช่างซ่อมรถและความไม่รู้ของเรา
เหตุเกิดจาก รถเราความร้อนขึ้นสูง heater เตือนจนเครื่อง down แต่ไม่ถึงกับเครื่องดับ เราจึงเอารถเข้าอู่ อธิบายถึงอาการที่เป็น โดยได้รับคำตอบจากช่างว่าต้องใช้เวลาในการรื้อเครื่องจะได้รู้สาเหตุที่ความร้อนขึ้น โดยใช้เวลาถึง 4ชม. ตอนนั้นเป็นช่วงเย็น เล้ว ซึ่งเราบอกกับช่างว่าคืนนี้ต้องขับรถไปรับญาติที่ดอนเมือง (ตอนนั้นเราอยู่สระบุรี) รถจะขับไป-กลับไปไหวมั๊ย ช่างบอกว่าค่อยๆขับไป ไหวอยู่เล้วไม่ได้ไกลมาก จัดไป! ขับไปเลยจร้า
กลับมาสระบุรีรีบเอารถเข้าอู่ให้ช่างเช็คช่างบอกว่าวาล์วหม้อน้ำรั่ว ความร้อนเลยขึ้น ต้องเปลี่ยนวาล์วใหม่ (รถเราเป็นรถฮอนด้า city ปี 2010 วิ่งมา ~ 150,000โล) จัดไป! เปลี่ยนวาล์ว+ค่าแรง เสียหายไป 2,000 บาท เค กลับบ้านนอนอย่างสบายใจ
รุ่งขึ้นจะขับรถไปข้างนอก ขับๆไปรถสั่นๆๆๆๆพับๆๆๆ หวิดจะดับ เลยเอารถมาให้ที่อู่ดูอีกว่าทำไมรถถึงสั่นขนาดนี้ ช่างบอกให้ทิ้งรถไว้เลยเด่วเช็คให้ เสร็จวันถัดมา ช่างบอกว่าฝาสูบโก่ง เสื้อพัง น้ำพุ่ง คืออะไร? I dont know?? ค่าซ่อม 20,000 บาทไม่รู้ว่าจะพอรึป่าว แถมรถอาจจะไม่ดีเหมือนเดิม จะมีปัญหาเรื่องเครื่องร้อนอีกเรื่อยๆ ให้ดีต้องเปลี่ยนยกเครื่องใหม่เลยดีกว่า ค่าเครื่องใหม่+ค่าแรง ช่างคิด 49,500 บาท โอ้วว OMG! คร่า เย้ยยย รุนแรงขนาดเน้เลยหร๊ออออ ตอนแรกบอกไม่เป็นรัยมากไง เอ๊ะ! รู้สึกแปลกๆ
เราเลยเริ่มหาข้อมูลจากอากู๋ เท่าที่ดูอาการเครื่องไม่ถึงกับดับแค่สั่นๆ ค่าซ่อม(คิดเอง)ไม่น่าเกิน 10k ไม่น่าต้องถึงกับยกเครื่อง อ่ะเคร เพื่อความมั่นใจ&แน่ใจ เราตัดสินใจจ้างรถยก ยกรถเราจากสระบุรีมาซ่อมที่กรุงเทพกับอู่พี่ที่เรารู้จักแถว ม.กรุงเทพ (ขอบอกว่าพี่เค้าใจดีมาก ไม่มีเอาเปรียบ ผญ โง่ๆแบบเราด้วย) เสียค่ารถยกไป 2,500 บาท เครไม่แพงรับได้ แต่แม่จ้าววว ช่างคิดค่ารื้อเครื่อง 3,000 บาท เอ๊ะ 2! ไม่ได้ซ่อมรัยนิ เราก็เออๆๆๆ จ่ายๆไป
วันรุ่งขึ้น เรามารอรถยกที่อู่ในกรุงเทพ รอจนรถยก+รถเราที่ซ่อมมาถึง จะเอารถลงมา แต่พี่คนขับบอกว่ารถต้องเข็นเพราะไม่มีเครื่องยนต์ เอ๊ะ 3! ช่างรื้อเครื่องออกแต่ไม่เก็บเครื่องเข้าที่ให้ เอามากองไว้หลังรถ แต่คิดค่ารื้อเครื่องเราไป 3,000 บาท เฮ้ยย!!! What?? ตกใจค่ะ ตกใจจริงๆ ตอนนี้กำลังกังวลกะพี่ช่างคนใหม่ว่าอะไหล่ที่ถอดมาจะครบ? แล้วสภาพในรถคือเละ เบาะหนังข้างคนขับมีรอยถลอกและขาด หลังรถที่ใส่เครื่องมา น้ำมันเครื่องหกใส่พรม เหม็นน้ำมันมากกก ซึ่งจากที่คุยกะพี่ช่างคนใหม่ บอกว่าเสื้อไม่ได้เปนรอยอย่างที่ช่างคนเก่าบอก จะมีก้อฝาสูบที่โก่งแต่ไม่มาก ไสฝาก็อยู่เล้ว ค่าซ่อมไม่น่าเกิน 5,000 บาท แต่เนื่องจากสภาพรถที่ถูกถอดเครื่องมาซะเละ จึงต้องมีค่าติดตั้งเครื่องใหม่ด้วย (เครื่องเละมากจิงๆจนพี่ช่างคนใหม่บอกว่า รื้อเครื่องแบบกะว่าตัองเปลี่ยนเครื่องใหม่แน่นอน) ทั้งๆที่อาการไม่ได้เป็นมากขนาดต้องรื้อมาทั้งเครื่องแบบนี้ แถมพี่บอกว่าถ้าเครื่องความร้อนขึ้น สิ่งแรกที่ต้องเช็คคือหม้อน้ำ ซึ่งดูไม่ยากเลยถ้าวาร์ลหม้อน้ำรั่ว/เสีย แต่ช่างคนเก่ากลับชุ่ยไม่เช็ค และเราก็โง่เชื่อว่ารถขับต่อไปไหว จากแค่เปลี่ยนวาร์ลหม้อน้ำ เลยเถิดจนหมดเป็นหมื่น
ที่มาแชร์ประสบการณ์วันนี้คือ ไม่อยากให้คัยมาเจอเหตุการณ์แบบเรา เหตุจากความชุ่ยของช่างที่มักง่ายว่ารถไม่น่าเป็นรัยมาก เลยมาถึงความโลภของช่างคงคิดว่า งานนี้สบายมีหมูมาให้กิน รถเราแค่วาร์ลหม้อน้ำรั่ว จิงๆควรจะจบตั้งแต่เปลี่ยนวาร์ล และสุดท้ายความโง่ของเราเอง ต้องขอขอบคุณอู่พร ณ เมืองสระบุรีมากนะค่ะสำหรับบทเรียนราคาแพงครั้งนี้
ขอแชร์ประสบการณ์ อันแสนโหดร้ายของช่างซ่อมรถ
เหตุเกิดจาก รถเราความร้อนขึ้นสูง heater เตือนจนเครื่อง down แต่ไม่ถึงกับเครื่องดับ เราจึงเอารถเข้าอู่ อธิบายถึงอาการที่เป็น โดยได้รับคำตอบจากช่างว่าต้องใช้เวลาในการรื้อเครื่องจะได้รู้สาเหตุที่ความร้อนขึ้น โดยใช้เวลาถึง 4ชม. ตอนนั้นเป็นช่วงเย็น เล้ว ซึ่งเราบอกกับช่างว่าคืนนี้ต้องขับรถไปรับญาติที่ดอนเมือง (ตอนนั้นเราอยู่สระบุรี) รถจะขับไป-กลับไปไหวมั๊ย ช่างบอกว่าค่อยๆขับไป ไหวอยู่เล้วไม่ได้ไกลมาก จัดไป! ขับไปเลยจร้า
กลับมาสระบุรีรีบเอารถเข้าอู่ให้ช่างเช็คช่างบอกว่าวาล์วหม้อน้ำรั่ว ความร้อนเลยขึ้น ต้องเปลี่ยนวาล์วใหม่ (รถเราเป็นรถฮอนด้า city ปี 2010 วิ่งมา ~ 150,000โล) จัดไป! เปลี่ยนวาล์ว+ค่าแรง เสียหายไป 2,000 บาท เค กลับบ้านนอนอย่างสบายใจ
รุ่งขึ้นจะขับรถไปข้างนอก ขับๆไปรถสั่นๆๆๆๆพับๆๆๆ หวิดจะดับ เลยเอารถมาให้ที่อู่ดูอีกว่าทำไมรถถึงสั่นขนาดนี้ ช่างบอกให้ทิ้งรถไว้เลยเด่วเช็คให้ เสร็จวันถัดมา ช่างบอกว่าฝาสูบโก่ง เสื้อพัง น้ำพุ่ง คืออะไร? I dont know?? ค่าซ่อม 20,000 บาทไม่รู้ว่าจะพอรึป่าว แถมรถอาจจะไม่ดีเหมือนเดิม จะมีปัญหาเรื่องเครื่องร้อนอีกเรื่อยๆ ให้ดีต้องเปลี่ยนยกเครื่องใหม่เลยดีกว่า ค่าเครื่องใหม่+ค่าแรง ช่างคิด 49,500 บาท โอ้วว OMG! คร่า เย้ยยย รุนแรงขนาดเน้เลยหร๊ออออ ตอนแรกบอกไม่เป็นรัยมากไง เอ๊ะ! รู้สึกแปลกๆ
เราเลยเริ่มหาข้อมูลจากอากู๋ เท่าที่ดูอาการเครื่องไม่ถึงกับดับแค่สั่นๆ ค่าซ่อม(คิดเอง)ไม่น่าเกิน 10k ไม่น่าต้องถึงกับยกเครื่อง อ่ะเคร เพื่อความมั่นใจ&แน่ใจ เราตัดสินใจจ้างรถยก ยกรถเราจากสระบุรีมาซ่อมที่กรุงเทพกับอู่พี่ที่เรารู้จักแถว ม.กรุงเทพ (ขอบอกว่าพี่เค้าใจดีมาก ไม่มีเอาเปรียบ ผญ โง่ๆแบบเราด้วย) เสียค่ารถยกไป 2,500 บาท เครไม่แพงรับได้ แต่แม่จ้าววว ช่างคิดค่ารื้อเครื่อง 3,000 บาท เอ๊ะ 2! ไม่ได้ซ่อมรัยนิ เราก็เออๆๆๆ จ่ายๆไป
วันรุ่งขึ้น เรามารอรถยกที่อู่ในกรุงเทพ รอจนรถยก+รถเราที่ซ่อมมาถึง จะเอารถลงมา แต่พี่คนขับบอกว่ารถต้องเข็นเพราะไม่มีเครื่องยนต์ เอ๊ะ 3! ช่างรื้อเครื่องออกแต่ไม่เก็บเครื่องเข้าที่ให้ เอามากองไว้หลังรถ แต่คิดค่ารื้อเครื่องเราไป 3,000 บาท เฮ้ยย!!! What?? ตกใจค่ะ ตกใจจริงๆ ตอนนี้กำลังกังวลกะพี่ช่างคนใหม่ว่าอะไหล่ที่ถอดมาจะครบ? แล้วสภาพในรถคือเละ เบาะหนังข้างคนขับมีรอยถลอกและขาด หลังรถที่ใส่เครื่องมา น้ำมันเครื่องหกใส่พรม เหม็นน้ำมันมากกก ซึ่งจากที่คุยกะพี่ช่างคนใหม่ บอกว่าเสื้อไม่ได้เปนรอยอย่างที่ช่างคนเก่าบอก จะมีก้อฝาสูบที่โก่งแต่ไม่มาก ไสฝาก็อยู่เล้ว ค่าซ่อมไม่น่าเกิน 5,000 บาท แต่เนื่องจากสภาพรถที่ถูกถอดเครื่องมาซะเละ จึงต้องมีค่าติดตั้งเครื่องใหม่ด้วย (เครื่องเละมากจิงๆจนพี่ช่างคนใหม่บอกว่า รื้อเครื่องแบบกะว่าตัองเปลี่ยนเครื่องใหม่แน่นอน) ทั้งๆที่อาการไม่ได้เป็นมากขนาดต้องรื้อมาทั้งเครื่องแบบนี้ แถมพี่บอกว่าถ้าเครื่องความร้อนขึ้น สิ่งแรกที่ต้องเช็คคือหม้อน้ำ ซึ่งดูไม่ยากเลยถ้าวาร์ลหม้อน้ำรั่ว/เสีย แต่ช่างคนเก่ากลับชุ่ยไม่เช็ค และเราก็โง่เชื่อว่ารถขับต่อไปไหว จากแค่เปลี่ยนวาร์ลหม้อน้ำ เลยเถิดจนหมดเป็นหมื่น
ที่มาแชร์ประสบการณ์วันนี้คือ ไม่อยากให้คัยมาเจอเหตุการณ์แบบเรา เหตุจากความชุ่ยของช่างที่มักง่ายว่ารถไม่น่าเป็นรัยมาก เลยมาถึงความโลภของช่างคงคิดว่า งานนี้สบายมีหมูมาให้กิน รถเราแค่วาร์ลหม้อน้ำรั่ว จิงๆควรจะจบตั้งแต่เปลี่ยนวาร์ล และสุดท้ายความโง่ของเราเอง ต้องขอขอบคุณอู่พร ณ เมืองสระบุรีมากนะค่ะสำหรับบทเรียนราคาแพงครั้งนี้