ชีวิตเมียฝรั่งไม่แตกต่างกับเมียไทยนัก!!


เมียฝรั่งจริงๆไม่ต่างจากเป็นเมียไทยเลย
โชคชะตาฟ้าลิขิตมาให้คนสองคนเจอกันและตกหลุมรักพร้อมที่จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่คนที่เป็นเมียฝรั่งนั้นจริงๆแล้วพวกเค้ารอให้โชคชะตาฟ้าลิขิตให้ชีวิตคู่ของพวกเค้าบังเกิดเกิดขึ้น หรือ ตัวเค้าเองกำหนดชะตาตัวเอง
ผู้หญิงทุกคนอยากได้อยากรวยอยากสวยกันทั้งนั้น และเกิดเป็นหญิงแสนลำบากต้องสวยใสฉลาดตามทันและความรับผิดชอบในครอบครัวนั้นหนักกว่าคนธรรมดาสามัญ
ต้องส่งเงินให้พ่อแม่ ถ้าท่านแก่เฒ่าต้องปรนนิบัติ ต้องเป็นเมียของผัว ต้องดูแลลูก ต้องให้เงินใช้จ่ายในบ้านสะพัดเพื่อทุกคนมีความสุข  สาระพัดต้อง
แล้วมันเกี่ยวกีบเมียฝรั่งไง????
เกี่ยวสิ เมียฝรั่งเป็นหญิงที่นำความรับผิดชอบเข้าสู่ตัวเองและเชื่อว่าไม่มีใครทำได้เหมือนตัว เมียฝรั่งหลายคนตัดสินใจโดย เอาตัวเองเข้าแลกเพื่อให้ชีวิตครอบครัวทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้อง สบายขึ้น หวังว่าชีวิตทุกคนจะดีขึ้นจริง  หรือเข้าใจในสัจจะธรรมว่า" รักนี้กินไม่ได้ "เลยตัดสินใจขว้าโอกาสหาชีวิตที่ดีกว่า ความจริง ** บางคนโชคดีก็ได้ดีไป...แต่หลายคนที่อยู่สถานะ "หนีเสือปะจรเข้" ***  นั้น very sad
ความจริงชีวิตคู่มักเหมือนกันไม่แตกต่างตั้งแต่ต้นจนจบไม่ว่าแต่งกะไทยหรือแต่งกะฝรั่ง อย่าลืมว่าทั้งสองสายพันธุ์ต่างก็เป็น ผู้ชาย !!!!!
เริ่มจาก การแต่งงานต้องมีสินสอดทองหมั้น แต่ถ้ามีผัวฝรั่งจะถูกเรียกเก็บโบนัสเพราะ ความเห่อ คิดไปต่างๆนาๆว่า ฝรั่งรวย ความจริงข้อนี้ถ้าคนที่แต่งงานกับฝรั่งแล้วมาอยู่ต่างประเทศคลุกเคล้าไปกับคนเมืองเค้า จะเข้าใจว่า ที่นี้เมื่อมีลูกสาวแต่งงาน ฝ่ายพ่อกับแม่เจ้าสาวเค้าจัดงานแต่งให้ พ่อแม่จะช่วยให้คู่บ่าวสาวในด้านความจำเป็นในการก่อตั้งชีวิตคู่ เช่น อาจช่วยชื้อบ้านรถหรือค่าใช้จ่ายในบ้านก่อน หากทางฝ่ายชายจะช่วยก็จะทำเหมือนกัน คือพ่อแม่ทั้งคู่มีความตั้งใจช่วยให้นกน้อยๆของพวกเค้าไปสร้างรังใหม่ได้อย่างมีความสุข หรือไม่คู่บ่าวสาวบางคู่ก็ตัดสินใจจูงแขนบอกพ่อกับแม่ตัวว่าจะอยู่ด้วยกันแล้วน่ะพรุ่งไปเป็นสักขีพยานให้ด้วยที่โบสถ์ไม่เสียอะไรนอกจากได้คำอวยพรจากบาทหลวงและจ่านค่าธรรมเนียมทะเบียนสมรส
สำหรับพี่ไทยต้องเรียกเก็บเงินสินสอดทองหมั้นอันดับแรก อย่างว่าถ้าเป็นฝรั่งขอโบนัสเพิ่มแถมเรียกเก็บทีหลัง  "ใช่" ถ้าเรามองในการเรียกเก็บเงินสินสอดนั้นไม่ได้ทำให้ชีวิตของคู่บ่าวสาวง่ายขึ้น แถมทางพ่อแม่ของเจ้าสาวเตรียมพร้อมที่จะประกาศว่าขายลูกสาวตัวได้เท่าไหร่ :;:/- อืม สมควรที่จะเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจหรือเปล่า;:/-/ แปลกน่ะสิ่งที่เราบางคนเข้าใจว่า ความรัก เมื่อคนสองคนรักกันอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จึงจัดงานแต่งเพื่อให้สังคมเข้าใจว่าต่อจากนี้ไปเค้าสองคนจะอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย กิจกรรมเหล่านี้กลับเป็นค่านิยมที่ผิดๆ เช่น การเรียกสินสอดทองหมั้น พิธีแต่ง งานสังสรรค์ กลับกลายเป็นสิ่งที่ประกาศความมั่งมี
กลับมาที่เมียฝรั่งที่ไม่รู้ว่าจริงๆคือตนเอง อยู่สถานะ "หนีเสือปะจระเข้" นั้น หากแม่กะพ่อขอเงินแล้วเมียฝรั่งไม่มี คือ ไม่ให้ สิ่งที่ได้รับคือคำ ด่า สบถ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ หล่อนโดนสบถจนลืมสามีตัวเองลืมภาษาบ้านเกิดเมืองตัวเอง นอนไม่หลับ เพราะ พ่อแม่ สบถจนเชื่อว่าตนเองเป็นลูก "อกตัญญู" จนส่งผลให้ชีวิตคู่สั่นคลอน พอเลิกกัน โดนด่าอีกว่าเป็นอี้นางโสไม่รู้จักพอ"โง่ " จับเค้าไม่อยู่ไปต่างๆนาๆ ถ้าจริงๆตรงนี้มามองอีกว่าการแต่งงานไม่ว่ากับชาติไหนๆ มันคือจุดเริ่มต้น ไม่ใช่เส้นชัย
จริงๆทางฝ่ายหญิงไทยเข้าใจว่า เงินที่หามาได้นั้น ทั้งคู่ ต้องกินต้องใช้ต้องจ่ายค่าหลายค่า เช่น จดทะเบียนรถค่าน้ำค่าไฟค่าประปาค่าประกัน สาระพัดค่า บางคนต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน จะคิดเป็นตัวเลขให้ดูว่า ค่าเช่าบ้าน ถ้าเช่าในเมือง (ต้องอธิบายนิดหน่อยว่าไม่ทุกคนเป็นเจ้าของบ้าน คนฝรั่งก็เหมือนพี่ไทยเราฉลาดมากน้อยเท่ากันดังนั้นคนที่มีบ้านส่วนใหญ่เค้าก็กู้ บางคนเป็นเจ้าของบ้านได้เพราะเค้าขยันเก็บและอดทนถึงเป็นเจ้าของบ้านได้ --- ชีวิตคล้ายน่ะ --- บางคนพ่อแม่รวยเลยมีบ้านเป็นของตัวเองรวยอันนี้ก็มรดกตกทอด !?!?) ถ้าเช่าในเมืองใหญ่ บ้านขึ้นอยู่ว่ามีกี่ห้องนอน ถ้าเป็น หอหรืออพาร์ทเมนที่เราเข้าใจ หรือบ้านเป็นหลัง  แต่จะตกอยู่ประมาณ 150 - 400 ดอลล์ ขึ้นไป ต่ออาทิตย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลแล้วสภาพบ้านอะไรทำนองนี้  กฎในการเช่าบ้านก็กระชับมาก เข้ามาในสภาพไหนออกให้เป็นสภาพนั้นไม่งั้นเงินมัดจำหาย แต่ถ้าออกมานอกเมืองคืออยู่ในเมืองเล็กๆ ราคาเช่าบ้านจะอยู่ที่ประมาณ ต่ำกว่า 250 ดอลล์ แต่เป็นบ้านมีห้องนอนสวนหลังบ้าน ถ้าเมืองที่มีคนมากหน่อยก็จะเพิ่มไปตามลำดับ
แต่สำหรับคนที่มีบ้านต้องจ่ายค่าหนี้อย่างว่าต้องจ่ายมากจ่ายน้อยขึ้นอยู่จำนวนเงินที่กู้ -/-/-/- นี้แค่เพิ่งเริ่มน่ะ อย่าเพิ่งท้ออ่านต่อเถอะ
นอกจากค่าเช่าบ้านค่าหนี้ค่าประกันค่ารถค่าอะไรต่อมิอะไร แล้วบางคนอาจ ฉงน ว่า เอ้าแล้วรายได้ล่ะ อันนี้ขึ้นอยู่ทำงานอะไร ต้องคิดถึงความเป็นจริงว่า คนต่างประเทศใช่พูดภาษาไทยไม่ ดังนั้นพูดอังกฤษไม่ได้ งานคงจะหายากสแต่ถ้าได้นิดหน่อยงานก็จะไปตามนั้นตั้งแต่ คนล้างจาน ทำความสะอาดทั้งบ้านหรือโรงแรม งานเกี่ยวกับฟาร์ม คือเก็บผลไม้หรือพืชต่างๆตามฤดู พูดง่ายๆ คืองานที่ต้องอาศัยแรง ไม่กล้างานพวกนี้ก็ไม่มา งานคืองาน และงานแบบนี้ รายได้ที่ได้คือประมาณ 200-250 ดอลล์ ต่อวัน แต่ไม่ได้ทำทุกวัน และขึ้นอยู่ว่าทำกี่ชั่วโมง บางคนถ้าอังกฤษดีหน่อย งานก็จะดีขึ้นตามลำดับ แต่รายได้ของชนชั้นแรงงานก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ถ้ามีคนบอกว่ามาทำงานต่างประเทศดีน่ะเงิน เราต้องมองว่าค่าเช่าค่าเดินทางค่ากินเท่าไหร่ ใช่หลับหูหลับตามเค้ามาเพราะเห็นว่าฝรั่งพวกนี้มีเงินเที่ยว คิดว่ารวย อืมจริงๆ อยากให้คิดยาวๆๆสักนิด เพราะอย่าลืมว่าคนเหมือนกันต้องกินต้องใช้ต้องสนองกิเลสเช่นกัน ดังนั้นฝรั่งที่มาเที่ยวได้เค้าเก็บออม ใช่จู่ๆอยากไปเที่ยวเงินก็หล่นมาจากท้องฟ้าซ่ะเมื่อไหร่
สิ่งหนึ่งที่อยากให้เราๆคนไทยหยุดคิดสักนิดหนึ่งคือ คนที่เค้ามีกินมีใช้ มีบ้านมีช่องคือเอาง่ายๆ คนรวยๆ พวกนี้เค้าต้องอดออมเก็บเหมือนคนทั่วๆไป เสี่ยงกับการลงทุน เจ็บกับชีวิตมาหลายรอบ แต่ก็ไม่ยอมท้อพยายามจนได้ สิ่งหนึ่งที่คนเราลืมไปว่าคนที่อยู่บนโลกนี้ไม่ว่าดำขาวใสสวยรวยจนขี้เหร่บ๋องตาเข ยังไง ก็คนทั้งนั้นที่มีเวลาเท่ากันทั้งโลกคือยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน หายใจ กิน เรอเมื่ออิ่ม พูดดังเมื่อโกรธ รักเมื่อให้ เกลียดเมื่อไม่ได้ ผิดหวังเมื่อไม่ใส่ใจ เอาเปรียบเมื่อเห็นแก่ตัว คนพวกนี้มีชีวิตไม่แตกต่างกับเราๆๆ มีปัญหาเหมือนกับเราๆๆ เพียงแต่เรามองว่าตัวเราด้อยกว่าเพราะเราคนไทยพูดภาษาไทย ดันมีวัฒนธรรมที่แปลกๆ ในเรื่องของความกตัญญูกตเวที ที่ลูกๆ ไม่ได้ขอมาเกิด แต่กลับต้องตอบแทนบุญคุณ หรือต้องนับพี่นับน้อง เป็นน้องเป็นนุ่งต้องสงบปากสงบคำอืม.....????
หลายคนอาจมองว่าพูดมากอีกล่ะ แต่อย่าลืมว่าการอยู่ต่างประเทศ นอกจากต้องนึกถึงเรื่องค่าใช้จ่ายค่าเช่าบ้านค่าจิปาทะ ค่าวีซ่าแล้ว ต้องคำนึงถึงภาษา จะอือเมื่อเค้าถามว่า "Have you just knocked your husband off ? " ถ้าผงกหัวแล้วตอบ yes เรื่องยาวถึงตำรวจ ....... ขอเตือน
ความสุขไม่ได้อยู่ที่เงินเสมอไป บางคนแย้ง 'เอ้า!'แล้วไอ้ความสุขนี้อยู่ที่ไหน เหมือนกับเราถามตัวเองว่า การมองหน้าแม่แล้วแม่ยิ้มกลับบอกเราว่า "ไม่เป็นไรลูกคราวหน้าเอาใหม่" พร้อมกับยึดแขนทั้งสองข้างของแม่เพื่อให้เราเดินเข้าไปกอดแม่เเน้นๆ เป็นการสร้างความเข้มแข็งภายในใจและเก็บความสูญเสียและความผิดหวังทั้งหลายให้เป็นสิ่งที่ไม่มีค่าเพราะมันเป็นอดีต และคิดถึงปัจจุบันคือ แม่กอดเรา สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เงินชื้อไหม??
สรุปไม่ว่าเมียไทยเมียฝรั่งเมียแขกเมียจีนฮ่องกงไต้หวั่นสิงคโปร์มาเลเชียฮ้อฮ่าหรือเมียดาราต่างก็ต้องมีความรับผิดชอบในครอบครัวเช่นกันไม่แตกต่างกันน่ะว่าม่ะ!?!?!?!?!?!?!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่