ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/32581120
ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/32585161
ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/32588884
ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/32594034
สามสิบนาทีต่อมา ทุกคนก็บินอยู่ฟากฟ้าอันหนาวเย็น ปกคลุมด้วยเมฆเทาของซุโอมุส ด้วยสไตรเกอร์พร้อมอาวุธประจำตัว แต่ก็ยังไร้วี่แววของครูฝึกสอน
“รึว่าจ่า บิชชอป จะแอบอยู่แถวๆนี้ให้เราตกใจเล่น” ฮารุกะสงสัย
“บ้าน่า”
ทันใดนั้นก็มีพลุสัญญาญควันสีขาว ลอยขึ้นมาจากชายป่าห่างออกไป ใกล้ทะเลสาบ ทุกคนในกองบินอาสาจึงบินไปยังต้นควัน ก่อนจะได้เจอกับ จ่าบิชชอป โบกมือเรียกทุกคนอยู่ด้านล่าง โดยจุดที่เธอยืนอยู่มีสัญลักษณ์วงเวทที่เพิ่งวาดเสร็จอยู่
“ทุกคน ลงมารวมตัวกันตรงนี้ค่ะ”
เสียงใสของสาวผมน้ำตาลจากบริทาเนียโบกมือร้องเรียกทุกคนอย่างร่าเริง จ่าบิชชอป สวมสไตรเกอร์ สปิท ไฟร์ มาร์คทู พร้อมทั้งสะพาย สไนเปอร์ไรเฟิล ต่อต้านรถถัง บอยส์ มาร์ค วัน ที่มีความยาวมากกว่าส่วนสูงของเธอเองเสียอีก ไว้ข้างหลัง มันเป็นอาวุธที่วิทช์ส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้ เพราะแม้จะมีความรุนแรงสูงถึงขนาดทีเดียวปิดฉาก แต่เพราะยิงได้ทีล่ะนัด อีกทั้งส่วนใหญ่นิวรอยยังบินไปมาตลอดเวลาจึงยากแก่การใช้งานอย่างมาก
“คุณเป็นพลซุ่มยิงเหรอคะ จ่า” โทโมโกะถามขณะร่อนลง
“บางครั้งบางคราวน่ะค่ะ”
วิลม่าตอบยิ้มๆ ก่อนที่จะยื่นกระดาษให้ทุกคน ในนั้นเป็นเอกสารอธิบายความเกี่ยวกับ ทักษะเวท ก่อนที่วิลม่าจะเล่าให้ฟังว่า วิทช์ส่วนหนึ่งในโลกหลายคนทักษะเวทติดตัวมา บ้างก็ตามสายเลือด บ้างก็เป็นพรสวรรค์ เช่นวิทช์ที่ใช้เวทรักษาก็จะมีความเป็นไปได้ว่า คนในตระกูลจะใช้เวทรักษาได้มาก่อน แต่ทั้งนี้ทักษะเวทก็ยังสามารถฝึกฝนขึ้นมาได้ หากเรียนรู้ให้ถูกทาง
“ยังไงเหรอคะ ?” แคทเธอรีนถาม
วิลมาอธิบายต่อว่า นอกจากทักษะเวทที่ตกทอดกันมาตามสายเลือดแล้ว ปกติแล้วทักษะเวทจะถูกแบ่งออกเป็นหลักใหญ่ๆ สามประเภท สี่รูปแบบ ซึ่งพอพูดถึงตรงนี้ วิลม่า ก็กางโล่เวทมนตร์ของเธอขึ้น
“เคยมีใครสังเกตไหม ว่าทำไมรูปร่างของโล่เวทมนตร์ ของวิทช์แต่ล่ะคนถึงต่างกัน รวมถึง วงเวทขนาด เล็ก-กลาง-ใหญ่ ที่อยู่รอบๆ โล่มนตราด้วย ?”
กล่าวจบ จ่าวิลม่า ก็กดโล่เวทมนตร์ของตัวเองลงกับ วงเวทขนาดใหญ่ที่ถูกวาดลงบนพื้น ทันใดนั้นเองวงเวทรอบนอกของเธอก็กระจายออกออกจากวงหลักไปอยู่ในจุดต่างๆกัน โดยวงเล็กสุดของเธอได้อยู่ตรงจุดสามเหลี่ยมด้านในสุดขางขวา ขณะที่วงกลาง กับ ใหญ่ ไปอยู่ที่วงกลมมุมซ้ายบนกับล่าง
“ตามกระดาษที่แจกให้ทุกคน จะเป็นว่า ฉันจัดอยู่ในประเภทเปลี่ยนแปลง ในด้านวัตถุและกายภาพอย่างล่ะครึ่ง ดังนั้นทักษะเวทของฉันจึงเป็นแบบนี้...”
พูดจบจ่าวิลม่าก็หายตัวไปอีกครั้งพร้อมกับสไตรเกอร์และอาวุธประจำตัวของเธอ ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นที่เดิมที่เธอยืนอยู่ก่อนหน้า
“สุดยอดไปเลย !”
คำชมอย่างประทับใจพร้อมกับเสียงปรอบมือดังมาจากทางแคทเธอรีน ขณะที่อุรซุล่านึกนึงพี่สาวของตนที่สามารถใช้เวทลมพายุที่รุนแรงจนสามารถทำลายนิวรอยได้ในครั้งเดียว กับ ร้อยเอก บาร์คฮอร์นเพื่อนของพี่ที่มีพละกำลังผิดจากวิทช์คนอื่นๆหลายร้อยเท่า
“จ่าคะ แล้วสายไหนเก่งที่สุดเหรอคะ ?” ฮารุกะ เริ่มถามแต่ด้วยความสนใจ
“นั่นสินะ...” วิลม่าเริ่มคิด “จริงๆแล้วไม่มีสายไหนที่เก่งที่สุดหรอก มันขึ้นอยู่กับตัววิทช์คนนั้นมากกว่า แต่ถ้าน่าอิจฉาที่สุดคงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง...”
พูดจบจ่าวิลม่าบิชชอปก็เอา กิ่งไม้วาดวงกลมเล็กไว้ที่ส่วนเสริมพลัง วงกลางและใหญ่ซ้อนทับกันที่คำว่าเวทมนตร์
“สายที่เสริมพลังเฉพาะด้านเวทมนตร์แบบเจาะจงนี่แหละ ที่แม้ไม่ต้องฝึกอะไรเลยก็เก่งได้ วิทช์ที่อยู่สายนี้จะมีโล่ห์เวทมนต์ที่ใหญ่กว่าของคนอื่น บ้างก็มีหลายชั้นซ้อนกัน ยิ่งหากคนๆนั้นมีเวทที่สืบทอดกันมาตามสายเลือดอย่างเวทรักษา พลังของการรักษานั้นก็จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปด้วย”
“จ่าคะ !” ฮารุกะยกมืออีกครั้ง
“คะ ?”
“แล้วของทักษะเวทของเรืออากาศตรี บิวร์ลิ่งเป็นแบบไหนคะ ? ทำไมเขาถึงไม่เคยใช้ให้พวกเราดูเลย”
“...” วิลม่าเงียบไปครู่หนึ่ง “นั่นสินะ... เอาไว้ถามเจ้าตัวเองดีกว่านะคะ...”
“เอ๋...”
ฮารุกะกับเซนจูพิน่าออกอาการเซงที่ วิลม่าไม่ยอมเล่าเรื่องของบิวร์ลิ่งให้ฟัง ก่อนจะเรียกให้แต่ล่ะคน ทดสอบสายเวทมนตร์ของตนตามลำดับชั้นยศ
อีกด้านหนึ่ง ณ โรงเก็บอาวุธ ห่างจากโรงนอนออกไป บิวร์ลิงได้เดินเข้ามาตรวจเช็คของที่ส่งมา ทั้งอาวุธและกระสุน ก่อนจะไปสะดุดตากับสิ่งหนึ่งเข้า
มันคือลังไม้จากบริทาเนีย โดยแปะกระดาษจ่าไว้ด้านบนว่าส่งถึงเธอโดยตรง ซึ่งพอเปิดดูก็พบกับสิ่งที่เธอพยายามจะลืม มันคือ มีดกรูข่าพิเศษที่เธอเคยใช้สมัยยังถูกขนานนามว่า “จิ้งจอกเงิน” แต่ล่ะเล่มถูกหลอมขึ้นโดยนักเล่นแร่แปรธาตุแห่ง บริทาเนีย และยังผสมเลือดของเธอเข้าไปด้วยเป็นสื่อกลางที่ทำให้สามารถถ่ายทอดพลังเวทได้ง่ายขึ้น
บิวลิ่งจับมันขึ้นมาดู ก่อนจะทำให้ภาพที่เคยเกิดขึ้นในอดีตลอยเข้ามาในหัว วันนั้นเป็นวันที่อากาศอบอุ่น มีเด็กสาวสองคนหนึ่งคนผมแดงอีกหนึ่งผมเงินกำลังนอนเล่นบนทุ่งหญ้าเขียว มองดูเมฆขาวเคลื่อนคล้อยผ่านไป
“นี่ อลิซ...” สาวผมแดงทักขึ้น
“อะไรเหรอ...”
“เธอชอบวิลม่ารึเปล่า...?”
“...”
ไม่มีเสียงตอบจากหญิงสาวผู้เยือกเย็น ถ้าถามว่าใครคือวิทช์ที่น่ารักที่สุดในบริทาเนีย เก้าในสิบคนจะเอ่ยชื่อวิลม่าออกมา เรียกว่าเป็นดอกไม้งามกลางสนามรบเลยก็ว่าได้
“ทุกครั้งที่เธอลงจอดพร้อมกับสถิติการทำลายพวกนิวรอยที่เพิ่มขึ้น ทุกคนดูเหมือนทุกคนทั้งทหาร เหล่าช่างรวมถึงประชาชนชาวบริทาเนียจะชื่นชมเธอราวกับวีรสตรี เลยนะ รู้ตัวรึเปล่า แม้แต่วิลม่าเองก็ด้วย”
“งั้นเหรอ...” สาวผมเงินเริ่มเข้าใจเหตุผลแล้วว่าหลังๆทำไมเธอถึงเดินผ่านย่านการค้าแล้วได้ของฝากจากพ่อค้าแม้ค้า ทั้งของกินดอกไม้กลับมาที่ฐาน โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลยซักนิด
“เอางี้ไหม...? เรามาแข่งกัน ถ้าใครทำลายยานของนิวรอยได้ถึงสองร้อยลำก่อน อีกฝ่ายจะต้องสนับสนุนให้ ผู้ชนะกับวิลม่าสมรักกัน”
สาวผมเงินเงียบไปครู่หนึ่ง โดยไม่รู้สึกแปลกใจนัก กับเพื่อนร่วมรบที่พูดเรื่องที่ชอบผู้หญิงด้วยกันออกมา เพราะเหล่าวิทช์ ต้องกิน นอน รบ ด้วยกัน รวมถึงฝากชีวิตไว้กับอีกฝ่ายจะเกิดความรู้สึกแบบนี้บ้างก็ไม่แปลก และวิลม่าเองก็น่ารักมากจริงๆเสียด้วย
“แต่เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับคนสองคนไม่ใช่เหรอ... เดิมพันอะไรนี่คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอกมั้ง ?”
“เถอะน่า... ให้ฉันได้มีโอกาสบ้างเถอะ” สาวผมแดงลุกขึ้นพร้อมกับหันลงมามองอีกฝ่ายที่ยังนอนอยู่ด้วยแววตาจริงจัง
“ก็ได้...”
สามเดือนหลังจากนั้น วิทช์สาวผมแดงก็ได้ทำสถิติอย่างบ้าคลั่ง ตีตื้นสหายร่วมรบขึ้นมา ขณะที่สาวผมเงินยังคงทำลายพวกนิวรอยได้มากเป็นปกติ จนทั้งคู่มีสถิติเสมอกันที่ร้อยเก้าสิบเก้า เหนือฟากฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกและควันจากการเผาไหม้ของเมืองเหนือคาร์ลสแลนด์
“พวกมันถอยหนีไปแล้ว วันนี้กลับกันเถอะ” สาวผมเงินกล่าวก่อนจะหันหลังกลับไปยังฐาน
“อีกแค่ตัวเดียว...”
เสียงพูพึมพำในลำคอ จนเหมือนกระซิบ ของสาวผมแดงเอ่ยขึ้น ก่อนที่ใบพัดสไตรเกอร์ของเธอจะพุ่งทะยานเต็มกำลังเพื่อไล่ตามเหล่านิวรอยที่ร่นถอยไปแนวหลังข้าศึก
“เอ็มม่า !!!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อเธออย่างร้อนรนไล่หลังมาจากเพื่อนที่ผู้ไม่เคยแสดงอารมณ์ตื่นตกใจให้เห็นเลยซักครั้งตั้งแต่รู้จักกันมา ทำเอาจนอยากจะหันกลับไปมองดูสักครั้ง คงจะเป็นภาพที่ตลกน่าดู
แต่สาวผมแดงก็ไม่ได้หันกลับไป...
เคร้ง !
เสียงของบิวร์ลิ่งทำมีดกรูข่าของเธอตก และด้วยพลังเวทที่มันได้กลับมาสัมผัสเจ้าของเดิมอีกครั้ง ทำให้ส่วนคมของมันจมลงไปในพื้นหิน ราวกับส้อมที่ปักลงบนเค้ก
“ขอโทษนะ เอ็มม่า...”
สาวผมเงินซบหน้าลงบนลังไม้ที่บรรจุมีดส่งมาให้เธอ ซึ่งในลังหนึ่งมีมีดทั้งหมดสามสิบหกเล่ม ต่อซ้อนกันขึ้นมาถึงสามชั้น...
STRIKE WITCHES กองบินส่วนเกินแห่งซุโอมุส [อดีต]
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/32585161
ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/32588884
ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/32594034
สามสิบนาทีต่อมา ทุกคนก็บินอยู่ฟากฟ้าอันหนาวเย็น ปกคลุมด้วยเมฆเทาของซุโอมุส ด้วยสไตรเกอร์พร้อมอาวุธประจำตัว แต่ก็ยังไร้วี่แววของครูฝึกสอน
“รึว่าจ่า บิชชอป จะแอบอยู่แถวๆนี้ให้เราตกใจเล่น” ฮารุกะสงสัย
“บ้าน่า”
ทันใดนั้นก็มีพลุสัญญาญควันสีขาว ลอยขึ้นมาจากชายป่าห่างออกไป ใกล้ทะเลสาบ ทุกคนในกองบินอาสาจึงบินไปยังต้นควัน ก่อนจะได้เจอกับ จ่าบิชชอป โบกมือเรียกทุกคนอยู่ด้านล่าง โดยจุดที่เธอยืนอยู่มีสัญลักษณ์วงเวทที่เพิ่งวาดเสร็จอยู่
“ทุกคน ลงมารวมตัวกันตรงนี้ค่ะ”
เสียงใสของสาวผมน้ำตาลจากบริทาเนียโบกมือร้องเรียกทุกคนอย่างร่าเริง จ่าบิชชอป สวมสไตรเกอร์ สปิท ไฟร์ มาร์คทู พร้อมทั้งสะพาย สไนเปอร์ไรเฟิล ต่อต้านรถถัง บอยส์ มาร์ค วัน ที่มีความยาวมากกว่าส่วนสูงของเธอเองเสียอีก ไว้ข้างหลัง มันเป็นอาวุธที่วิทช์ส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้ เพราะแม้จะมีความรุนแรงสูงถึงขนาดทีเดียวปิดฉาก แต่เพราะยิงได้ทีล่ะนัด อีกทั้งส่วนใหญ่นิวรอยยังบินไปมาตลอดเวลาจึงยากแก่การใช้งานอย่างมาก
“คุณเป็นพลซุ่มยิงเหรอคะ จ่า” โทโมโกะถามขณะร่อนลง
“บางครั้งบางคราวน่ะค่ะ”
วิลม่าตอบยิ้มๆ ก่อนที่จะยื่นกระดาษให้ทุกคน ในนั้นเป็นเอกสารอธิบายความเกี่ยวกับ ทักษะเวท ก่อนที่วิลม่าจะเล่าให้ฟังว่า วิทช์ส่วนหนึ่งในโลกหลายคนทักษะเวทติดตัวมา บ้างก็ตามสายเลือด บ้างก็เป็นพรสวรรค์ เช่นวิทช์ที่ใช้เวทรักษาก็จะมีความเป็นไปได้ว่า คนในตระกูลจะใช้เวทรักษาได้มาก่อน แต่ทั้งนี้ทักษะเวทก็ยังสามารถฝึกฝนขึ้นมาได้ หากเรียนรู้ให้ถูกทาง
“ยังไงเหรอคะ ?” แคทเธอรีนถาม
วิลมาอธิบายต่อว่า นอกจากทักษะเวทที่ตกทอดกันมาตามสายเลือดแล้ว ปกติแล้วทักษะเวทจะถูกแบ่งออกเป็นหลักใหญ่ๆ สามประเภท สี่รูปแบบ ซึ่งพอพูดถึงตรงนี้ วิลม่า ก็กางโล่เวทมนตร์ของเธอขึ้น
“เคยมีใครสังเกตไหม ว่าทำไมรูปร่างของโล่เวทมนตร์ ของวิทช์แต่ล่ะคนถึงต่างกัน รวมถึง วงเวทขนาด เล็ก-กลาง-ใหญ่ ที่อยู่รอบๆ โล่มนตราด้วย ?”
กล่าวจบ จ่าวิลม่า ก็กดโล่เวทมนตร์ของตัวเองลงกับ วงเวทขนาดใหญ่ที่ถูกวาดลงบนพื้น ทันใดนั้นเองวงเวทรอบนอกของเธอก็กระจายออกออกจากวงหลักไปอยู่ในจุดต่างๆกัน โดยวงเล็กสุดของเธอได้อยู่ตรงจุดสามเหลี่ยมด้านในสุดขางขวา ขณะที่วงกลาง กับ ใหญ่ ไปอยู่ที่วงกลมมุมซ้ายบนกับล่าง
“ตามกระดาษที่แจกให้ทุกคน จะเป็นว่า ฉันจัดอยู่ในประเภทเปลี่ยนแปลง ในด้านวัตถุและกายภาพอย่างล่ะครึ่ง ดังนั้นทักษะเวทของฉันจึงเป็นแบบนี้...”
พูดจบจ่าวิลม่าก็หายตัวไปอีกครั้งพร้อมกับสไตรเกอร์และอาวุธประจำตัวของเธอ ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นที่เดิมที่เธอยืนอยู่ก่อนหน้า
“สุดยอดไปเลย !”
คำชมอย่างประทับใจพร้อมกับเสียงปรอบมือดังมาจากทางแคทเธอรีน ขณะที่อุรซุล่านึกนึงพี่สาวของตนที่สามารถใช้เวทลมพายุที่รุนแรงจนสามารถทำลายนิวรอยได้ในครั้งเดียว กับ ร้อยเอก บาร์คฮอร์นเพื่อนของพี่ที่มีพละกำลังผิดจากวิทช์คนอื่นๆหลายร้อยเท่า
“จ่าคะ แล้วสายไหนเก่งที่สุดเหรอคะ ?” ฮารุกะ เริ่มถามแต่ด้วยความสนใจ
“นั่นสินะ...” วิลม่าเริ่มคิด “จริงๆแล้วไม่มีสายไหนที่เก่งที่สุดหรอก มันขึ้นอยู่กับตัววิทช์คนนั้นมากกว่า แต่ถ้าน่าอิจฉาที่สุดคงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง...”
พูดจบจ่าวิลม่าบิชชอปก็เอา กิ่งไม้วาดวงกลมเล็กไว้ที่ส่วนเสริมพลัง วงกลางและใหญ่ซ้อนทับกันที่คำว่าเวทมนตร์
“สายที่เสริมพลังเฉพาะด้านเวทมนตร์แบบเจาะจงนี่แหละ ที่แม้ไม่ต้องฝึกอะไรเลยก็เก่งได้ วิทช์ที่อยู่สายนี้จะมีโล่ห์เวทมนต์ที่ใหญ่กว่าของคนอื่น บ้างก็มีหลายชั้นซ้อนกัน ยิ่งหากคนๆนั้นมีเวทที่สืบทอดกันมาตามสายเลือดอย่างเวทรักษา พลังของการรักษานั้นก็จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปด้วย”
“จ่าคะ !” ฮารุกะยกมืออีกครั้ง
“คะ ?”
“แล้วของทักษะเวทของเรืออากาศตรี บิวร์ลิ่งเป็นแบบไหนคะ ? ทำไมเขาถึงไม่เคยใช้ให้พวกเราดูเลย”
“...” วิลม่าเงียบไปครู่หนึ่ง “นั่นสินะ... เอาไว้ถามเจ้าตัวเองดีกว่านะคะ...”
“เอ๋...”
ฮารุกะกับเซนจูพิน่าออกอาการเซงที่ วิลม่าไม่ยอมเล่าเรื่องของบิวร์ลิ่งให้ฟัง ก่อนจะเรียกให้แต่ล่ะคน ทดสอบสายเวทมนตร์ของตนตามลำดับชั้นยศ
อีกด้านหนึ่ง ณ โรงเก็บอาวุธ ห่างจากโรงนอนออกไป บิวร์ลิงได้เดินเข้ามาตรวจเช็คของที่ส่งมา ทั้งอาวุธและกระสุน ก่อนจะไปสะดุดตากับสิ่งหนึ่งเข้า
มันคือลังไม้จากบริทาเนีย โดยแปะกระดาษจ่าไว้ด้านบนว่าส่งถึงเธอโดยตรง ซึ่งพอเปิดดูก็พบกับสิ่งที่เธอพยายามจะลืม มันคือ มีดกรูข่าพิเศษที่เธอเคยใช้สมัยยังถูกขนานนามว่า “จิ้งจอกเงิน” แต่ล่ะเล่มถูกหลอมขึ้นโดยนักเล่นแร่แปรธาตุแห่ง บริทาเนีย และยังผสมเลือดของเธอเข้าไปด้วยเป็นสื่อกลางที่ทำให้สามารถถ่ายทอดพลังเวทได้ง่ายขึ้น
บิวลิ่งจับมันขึ้นมาดู ก่อนจะทำให้ภาพที่เคยเกิดขึ้นในอดีตลอยเข้ามาในหัว วันนั้นเป็นวันที่อากาศอบอุ่น มีเด็กสาวสองคนหนึ่งคนผมแดงอีกหนึ่งผมเงินกำลังนอนเล่นบนทุ่งหญ้าเขียว มองดูเมฆขาวเคลื่อนคล้อยผ่านไป
“นี่ อลิซ...” สาวผมแดงทักขึ้น
“อะไรเหรอ...”
“เธอชอบวิลม่ารึเปล่า...?”
“...”
ไม่มีเสียงตอบจากหญิงสาวผู้เยือกเย็น ถ้าถามว่าใครคือวิทช์ที่น่ารักที่สุดในบริทาเนีย เก้าในสิบคนจะเอ่ยชื่อวิลม่าออกมา เรียกว่าเป็นดอกไม้งามกลางสนามรบเลยก็ว่าได้
“ทุกครั้งที่เธอลงจอดพร้อมกับสถิติการทำลายพวกนิวรอยที่เพิ่มขึ้น ทุกคนดูเหมือนทุกคนทั้งทหาร เหล่าช่างรวมถึงประชาชนชาวบริทาเนียจะชื่นชมเธอราวกับวีรสตรี เลยนะ รู้ตัวรึเปล่า แม้แต่วิลม่าเองก็ด้วย”
“งั้นเหรอ...” สาวผมเงินเริ่มเข้าใจเหตุผลแล้วว่าหลังๆทำไมเธอถึงเดินผ่านย่านการค้าแล้วได้ของฝากจากพ่อค้าแม้ค้า ทั้งของกินดอกไม้กลับมาที่ฐาน โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลยซักนิด
“เอางี้ไหม...? เรามาแข่งกัน ถ้าใครทำลายยานของนิวรอยได้ถึงสองร้อยลำก่อน อีกฝ่ายจะต้องสนับสนุนให้ ผู้ชนะกับวิลม่าสมรักกัน”
สาวผมเงินเงียบไปครู่หนึ่ง โดยไม่รู้สึกแปลกใจนัก กับเพื่อนร่วมรบที่พูดเรื่องที่ชอบผู้หญิงด้วยกันออกมา เพราะเหล่าวิทช์ ต้องกิน นอน รบ ด้วยกัน รวมถึงฝากชีวิตไว้กับอีกฝ่ายจะเกิดความรู้สึกแบบนี้บ้างก็ไม่แปลก และวิลม่าเองก็น่ารักมากจริงๆเสียด้วย
“แต่เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับคนสองคนไม่ใช่เหรอ... เดิมพันอะไรนี่คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอกมั้ง ?”
“เถอะน่า... ให้ฉันได้มีโอกาสบ้างเถอะ” สาวผมแดงลุกขึ้นพร้อมกับหันลงมามองอีกฝ่ายที่ยังนอนอยู่ด้วยแววตาจริงจัง
“ก็ได้...”
สามเดือนหลังจากนั้น วิทช์สาวผมแดงก็ได้ทำสถิติอย่างบ้าคลั่ง ตีตื้นสหายร่วมรบขึ้นมา ขณะที่สาวผมเงินยังคงทำลายพวกนิวรอยได้มากเป็นปกติ จนทั้งคู่มีสถิติเสมอกันที่ร้อยเก้าสิบเก้า เหนือฟากฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกและควันจากการเผาไหม้ของเมืองเหนือคาร์ลสแลนด์
“พวกมันถอยหนีไปแล้ว วันนี้กลับกันเถอะ” สาวผมเงินกล่าวก่อนจะหันหลังกลับไปยังฐาน
“อีกแค่ตัวเดียว...”
เสียงพูพึมพำในลำคอ จนเหมือนกระซิบ ของสาวผมแดงเอ่ยขึ้น ก่อนที่ใบพัดสไตรเกอร์ของเธอจะพุ่งทะยานเต็มกำลังเพื่อไล่ตามเหล่านิวรอยที่ร่นถอยไปแนวหลังข้าศึก
“เอ็มม่า !!!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อเธออย่างร้อนรนไล่หลังมาจากเพื่อนที่ผู้ไม่เคยแสดงอารมณ์ตื่นตกใจให้เห็นเลยซักครั้งตั้งแต่รู้จักกันมา ทำเอาจนอยากจะหันกลับไปมองดูสักครั้ง คงจะเป็นภาพที่ตลกน่าดู
แต่สาวผมแดงก็ไม่ได้หันกลับไป...
เคร้ง !
เสียงของบิวร์ลิ่งทำมีดกรูข่าของเธอตก และด้วยพลังเวทที่มันได้กลับมาสัมผัสเจ้าของเดิมอีกครั้ง ทำให้ส่วนคมของมันจมลงไปในพื้นหิน ราวกับส้อมที่ปักลงบนเค้ก
“ขอโทษนะ เอ็มม่า...”
สาวผมเงินซบหน้าลงบนลังไม้ที่บรรจุมีดส่งมาให้เธอ ซึ่งในลังหนึ่งมีมีดทั้งหมดสามสิบหกเล่ม ต่อซ้อนกันขึ้นมาถึงสามชั้น...