สวัสดีครับ
อ.ต้น
กระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกที่จะเขียนเกี่ยวกับการเริ่มธุรกิจ การเตรียมตัวของคนที่เรียกตัวเองว่า มนุษย์เงินเดือน หรือลูกจ้างว่าจะทำอย่างไรถ้าต้องทำทั้ง 2 อย่าง
ตามความเป็นจริง ก็ยังจะอยู่สอนเป็นอาจารย์ประจำตามโรงเรียน จนกว่าเขาจะให้ออก เพราะผมไม่มีใบประกอบอาชีพครู
[จริงๆ ผมไม่รู้เลยนะ ได้ยินมาหลายกระเเส เเต่ตัวเองอยู่วงในพอสมควร เลยรู้ว่าใบประกอบอาชีพ บางที่ก็ไม่จำเป็น เเต่อนาคตก็ไม่เเน่]
ไม่มีใบ เเต่วิญญาณเป็นครูครับ เป็นอาจารย์ประจำมันเหนื่อยนะ เรื่องการขัดเกลาเด็ก เเต่ชินเเล้วล่ะ ตั้งเเต่กลับมาเมืองไทยจะครบ 11 ปีในเดือนตุลาคม 57 ก็กระโดดมาทำงานเป็นอาจารย์ประจำเลยครับ พ.ย. 46 รับเงิน 7000 บ.
ผมไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องมีใบ เเต่ก็ไม่ได้มีอคติ ขอเป็นว่า ขอให้เห็นแก่เด็ก ขอยกตัวอย่างการสอนภาษาอังกฤษ ขอร้องล่ะ สอนให้ดีได้ไหม ไม่ใช่มีใบเเล้วยังเหมือนเดิม เรียนมา 10 ปี ยิ่งเรียน ยิ่งงง
นี่คือความเห็นส่วนตัวผมนะครับ จากมุมมองผม ซึ่งมีส่วนมาจากการอ่านหนังสือ How to ฝรั่งเเละไทยมากว่า 25 ปี ส่วนใหญ่อ่านฉบับภาษาอังกฤษเพื่อฝึกภาษาอังกฤษด้วยครับ จึงยินดีเปิดรับความคิดเห็น ผมว่าไม่มีผิด ไม่มีถูก เเละถึงแม้ผมจะขยับไปเริ่มธุรกิจอย่างจริงจังเมื่อผมอายุ 43 ผมก็ยังมองว่าตัวเองเป็นครูมากกว่านักธุรกิจ
ปฐมบท : การเตรียมตัว... การทำฝันให้เป็นจริง
ผมเริ่มเรียนพิเศษกับสถาบัน mac เเถวๆ สนามศุภฯ เมื่อปี 2528 เวลานั้นผมก็จดจำอาจารย์ที่สอนผม มาเริ่มสอนนักเรียนประถมต้นกับม.ต้นเลยครับ ปี 2528 ผมกำลังศึกษาอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 เห็นผมดื้อๆ กวนๆ ชอบถามคำถาม ผมจะเเอบศึกษาคนตั้งเเต่เล็กๆเเล้ว ผมเลือกสอนภาษาอังกฤษ เพราะตัวเองชอบภาษาอังกฤษตั้งเเต่ 8 ขวบเเล้ว ส่วนวิชาอื่นที่เรียนได้ดีคือไทยเเละสังคมศึกษา เเต่ผมเลือกภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่ามันต้องเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีฐานะอย่างผมเเน่ๆ เลยในอนาคต
จากปี 2528 ผมก็เลยฝันมาเรื่อยว่า อย่างน้อยก่อนตาย ต้องมีโรงเรียนของตัวเอง เเต่ขอเป็นครูสอนในโรงเรียนด้วยเเล้วกัน ปี 28 ผมรู้เเล้วว่าผมอยากทำงานอะไร 1 ในนั้นคือครู ผู้สื่อข่าวผมก็ชอบนะ เเละไกด์ด้วย
ปีนี้ปี 57 ปลายปี 57 เกือบๆ 30 ปีเลยหรือนี่ การเรียนพิเศษกับสถาบัน mac เเละต่อมา Home of English ช่างจุดประกายฝันวัยเด็กจริงๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณครับ
พ.ย. 57 ก้าวเเรก ก้าวจริงบนหนทางสู่ธุรกิจ+งานประจำ
อ.ต้น
กระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกที่จะเขียนเกี่ยวกับการเริ่มธุรกิจ การเตรียมตัวของคนที่เรียกตัวเองว่า มนุษย์เงินเดือน หรือลูกจ้างว่าจะทำอย่างไรถ้าต้องทำทั้ง 2 อย่าง
ตามความเป็นจริง ก็ยังจะอยู่สอนเป็นอาจารย์ประจำตามโรงเรียน จนกว่าเขาจะให้ออก เพราะผมไม่มีใบประกอบอาชีพครู
[จริงๆ ผมไม่รู้เลยนะ ได้ยินมาหลายกระเเส เเต่ตัวเองอยู่วงในพอสมควร เลยรู้ว่าใบประกอบอาชีพ บางที่ก็ไม่จำเป็น เเต่อนาคตก็ไม่เเน่]
ไม่มีใบ เเต่วิญญาณเป็นครูครับ เป็นอาจารย์ประจำมันเหนื่อยนะ เรื่องการขัดเกลาเด็ก เเต่ชินเเล้วล่ะ ตั้งเเต่กลับมาเมืองไทยจะครบ 11 ปีในเดือนตุลาคม 57 ก็กระโดดมาทำงานเป็นอาจารย์ประจำเลยครับ พ.ย. 46 รับเงิน 7000 บ.
ผมไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องมีใบ เเต่ก็ไม่ได้มีอคติ ขอเป็นว่า ขอให้เห็นแก่เด็ก ขอยกตัวอย่างการสอนภาษาอังกฤษ ขอร้องล่ะ สอนให้ดีได้ไหม ไม่ใช่มีใบเเล้วยังเหมือนเดิม เรียนมา 10 ปี ยิ่งเรียน ยิ่งงง
นี่คือความเห็นส่วนตัวผมนะครับ จากมุมมองผม ซึ่งมีส่วนมาจากการอ่านหนังสือ How to ฝรั่งเเละไทยมากว่า 25 ปี ส่วนใหญ่อ่านฉบับภาษาอังกฤษเพื่อฝึกภาษาอังกฤษด้วยครับ จึงยินดีเปิดรับความคิดเห็น ผมว่าไม่มีผิด ไม่มีถูก เเละถึงแม้ผมจะขยับไปเริ่มธุรกิจอย่างจริงจังเมื่อผมอายุ 43 ผมก็ยังมองว่าตัวเองเป็นครูมากกว่านักธุรกิจ
ปฐมบท : การเตรียมตัว... การทำฝันให้เป็นจริง
ผมเริ่มเรียนพิเศษกับสถาบัน mac เเถวๆ สนามศุภฯ เมื่อปี 2528 เวลานั้นผมก็จดจำอาจารย์ที่สอนผม มาเริ่มสอนนักเรียนประถมต้นกับม.ต้นเลยครับ ปี 2528 ผมกำลังศึกษาอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 เห็นผมดื้อๆ กวนๆ ชอบถามคำถาม ผมจะเเอบศึกษาคนตั้งเเต่เล็กๆเเล้ว ผมเลือกสอนภาษาอังกฤษ เพราะตัวเองชอบภาษาอังกฤษตั้งเเต่ 8 ขวบเเล้ว ส่วนวิชาอื่นที่เรียนได้ดีคือไทยเเละสังคมศึกษา เเต่ผมเลือกภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่ามันต้องเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีฐานะอย่างผมเเน่ๆ เลยในอนาคต
จากปี 2528 ผมก็เลยฝันมาเรื่อยว่า อย่างน้อยก่อนตาย ต้องมีโรงเรียนของตัวเอง เเต่ขอเป็นครูสอนในโรงเรียนด้วยเเล้วกัน ปี 28 ผมรู้เเล้วว่าผมอยากทำงานอะไร 1 ในนั้นคือครู ผู้สื่อข่าวผมก็ชอบนะ เเละไกด์ด้วย
ปีนี้ปี 57 ปลายปี 57 เกือบๆ 30 ปีเลยหรือนี่ การเรียนพิเศษกับสถาบัน mac เเละต่อมา Home of English ช่างจุดประกายฝันวัยเด็กจริงๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณครับ