☻ รักสับสน .... ในห้องถนนนักเขียน (2)☻

กระทู้สนทนา
ความเดิมตอนที่แล้ว
http://pantip.com/topic/32563170



                  เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด  ผมเลยไม่จำเป็นต้องกระดี๊กระด๊าเร่งรีบกับภารกิจประจำวันใดๆ

                  พอเอ้อละเหยอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่กับบ้านเสร็จ  ผมก็เข้าห้องครัวทำเบรกฟาสต์ง่ายๆ ไข่ดาวสองฟองไส้กรอกสองชิ้นขนมปังปิ้งสองแผ่นกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ขับรถออกไปรับเสื้อผ้าที่ร้านซักรีดเจ้าประจำกลับมาเลือกชุดซึ่งคิดว่าเท่ที่สุด  ใส่แล้วหล่อที่สุด  แล้วก็สวมมันซะให้สมใจ  วันนี้ไม่ใช่แค่สอนหนังสือเด็กมัธยมแค่นั้น ผมยังมีธุระสำคัญอีกเรื่องในตอนเย็นด้วย วันนี้จึงจำเป็นต้องหล่ออย่างช่วยไม่ได้

                  เช็กความเท่ในกระจกเสร็จ  ผมก็พร้อมแล้วสำหรับการออกไปเผชิญโลกภายนอกตามยถากรรม แหะๆ

                  นัดกับเด็กสาวคู่รักวัยใสไว้สิบโมง ผมมาถึงก่อนเวลานัดด้วยซ้ำไป เช้าวันอาทิตย์แบบนี้ ร้านสะดวกซื้อของอาฮัวดูคึกคักดีตั้งแต่เช้ายันสาย  เอ  หรือว่าวันธรรมดาก็ไม่ต่างกัน เพราะผมไม่เคยได้เห็นตอนวันธรรมดาซักที

                  หันรีหันขวางอยู่หน้าร้านได้อึดใจ ม๊าของอาฮัวก็มาทักทาย วันนี้ดูแกยิ้มแย้มแช่มชื่นดี แถมยังขอบอกขอบใจผมยกใหญ่ กับการอาสาเป็นครูบาอาจารย์จำเป็นให้กับลูกสาวของแก ม๊าบอกว่า วิชาคณิตศาสตร์ต้องให้ครูพิเศษผู้จบสาขาวิชาชีพแบบผมเป็นคนสอน จะได้เก่งเหมือนผม

                  ผมเป็นฝ่ายยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งบ้าง

                  ปลื้มใจกับคำชมของม๊าได้ครู่เดียว  ม๊าของอาฮัวก็เชิญผมเข้าในร้าน แต่พอผ่านชั้นวางของไม่กี่แผง แกก็ส่งผมแค่นั้น เชิญผมทำตัวตามสบายได้เลย แกขอออกไปรับมือกับลูกค้าก่อน โอเค ไม่มีปัญหา ผมรู้ทางเข้าออกบ้านหลังนี้แล้วล่ะ จึงไม่มีปัญหาว่าต้องไปทางไหน?  ยังไง?  ในใจนึกไปเห็นสวนดอกไม้หลังบ้านซึ่งยังจำได้ไม่เคยลืม  วันนี้จะได้ยลดอกไม้งามอีกหนแล้วสินะ

                  แล้วผมก็ทะลุออกมาสู่ลานหลังบ้าน

                  ร่างบอบบางร่างหนึ่ง กำลังนั่งสาละวนอยู่กับกระถางบอนไซบนพื้นราวกับกำลังอยู่ในสวนสวรรค์คนเดียว ผมมองไม่ถนัดเพราะร่างนั้นหันหลังให้ พอก้าวเข้าไปใกล้ไม่ถึงวา จึงได้เห็นเค้าหน้าดาราเกาหลีด้านข้างพอลางๆ  เออ .... วันนี้อาฮัวมาแปลกแฮะ

                  "ดูแลต้นไม้ก็เป็นเหรอ? สาวน้อย" ผมเอ่ยทักทาย

                  ทว่า ...

                  ผู้หญิงซึ่งลุกขึ้นมาพร้อมกับกระถางบอนไซนั้น ไม่ใช่อาฮัวแต่อย่างใด

                  แม้ใบหน้าของเธอจะละม้ายคล้ายอาฮัวราวกับพิมพ์เดียวกัน แต่เรื่องอายุ เธออายุมากกว่าเด็กสาวลูกศิษย์ผมแน่นอน วงหน้าซึ่งคนมักใช้ชมหญิงงามกันนักกันหนาว่า 'ปากนิดจมูกหน่อย ' นั่นล่ะใช่เลย  แล้วก็ 'คิ้วคางเหมือนดั่งนางฟ้า '  นี่ก็ใช่อีก 'ตาคมเหมือนดั่ง...'  เดี๋ยว !  มีเรื่องสายตาเรื่องเดียวนี่แหละ  ที่ทำให้ผมตัวเย็นวาบ นึกคำชมไม่ออก

                  "คุณเป็นใคร? แล้วเข้ามาหลังบ้านนี้ได้ยังไง?" เสียงใสชวนฟัง แต่ฟังแล้วมันรู้สึกขุ่นๆยังไงไม่รู้
                  "เอ่อ....."

                  "ป๊ะ !!  ม๊า !!  ขโมยเข้าบ้าน  อาฮัวอยู่ไหน?!!......อาฮัว !!  ขโมยเข้าบ้าน !!"

                  เย๊ยย.... ย ... ! .....
                  ความซวยมาเยือนแต่เช้าเสียแล้วตรู

                  ผมกระโดดเหย็งถอยหลังพรืด โบกมือว่อนเป็นจราจรเมาแดดไปโดยไม่รู้ตัว เจ้าของร่างบอบบางยกกระถางเรือจำลองขึ้นมาด้วยท่า
คลีนแอนด์เจอร์ค  เตรียมเปล่งเสียง สู้โว๊ย ! กระถางเรือเซรามิกลอยหราอยู่ที่ระดับแนวหัวไหล่ในท่าคลีน ยังไม่เจอร์ค อาการแบบนี้รู้ได้เลยว่า  แม่เจ้าประคุณเธอพร้อมแล้วสำหรับการเจอร์ค ที่แค่ยกขึ้นท่วมหัวแล้วทุ่มตูมมาข้างหน้า

                  ร่างอรชรอ้อนแอ้นเบื้องหน้าผม  ดูอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะเป็นนักกีฬายกน้ำหนักไปได้  สีหน้าท่าทางของเธอ เห็นแล้วยิ่งทำให้นึกสงสารหนักเข้าไปอีก เพราะมันช่างเหมือนกับเธอกำลังแบกโลกเอาไว้คนเดียวไม่มีผิด

                  เสียงอธิบายลุกลี้ลุกลนของผมกับเสียงเรียกคนในบ้านของเธอดังผสมผสานกันราวกับหนุ่มบาวสาวปานกำลังแย่งไมค์กัน  และคงเป็นกุศลผลบุญแต่ชาติปางก่อนของผมแน่นอน  ที่ทำให้อาหมวยฮัวโผล่ออกมาได้จังหวะพอดี

                  "มีอะไรกันเหรอ? อาเจ๊ฮัน !" ตอนแรกถามอีกคน แต่พอหันมาเจอหน้าผม อาฮัวเลยถึงบางอ้อ "โอ๊ะ ! อาฮัวลืมบอกเจ๊ไปว่าจะมีอาจารย์มาติวหนังสือให้ที่บ้าน แล้วนี่ก็คืออาจารย์ของอาฮัว  ไม่ใช่ขโมยหรอก"

                  แม้เหตุการณ์จะชงักนิ่งไปชั่วขณะ  แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจกับ 'เจ๊ฮันนี่' อยู่ดี

                  พอรายงานตัวแจ้งชื่อเสียงเรียงนามเสร็จ ผมก็ค่อยๆถอยออกมาหาโต๊ะหินอ่อนกลางลานหลังบ้าน  ว่าที่นักยกน้ำหนัก  ไม่ใช่สิ  ว่าที่นักทุ่มน้ำหนักค่อยๆวางกระถางลงกับพื้น อาฮัวเองก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองคนโน้นทีคนนี้ที

                  "มีอะไรกัน?" คราวนี้เป็นป๊าของอาฮัวที่โผล่เข้ามา

                  แม้จะเป็นอาหมวยน้อย แต่อาฮัวก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว คำอธิบายของอาหมวยคนเล็กผสมกับการสอดแทรกของอาหมวยอีกคน ฟังแล้วน่ามึนหัวจนอยากจะถอนด้วยเบียร์ซักขวด แต่'ป๊า'ซึ่งดูเป็นคนมีเหตุผลยู่แล้ว พอฟังคำชี้แจงไม่กี่ประโยค แกก็เข้าใจเหตุการณ์ได้ในทันที ป๊าหันมาขอโทษผม ผมบอกไม่เป็นไร ผมเองก็ผิดที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาคนเดียว แทนที่จะรอให้อาฮัวไปรับมาจากหน้าบ้าน

                  เราทั้งสี่คนแย่งกันพูดอีกคนละสองสามคำ แล้วป๊าก็หายออกไปทางหน้าร้านตามเดิม

                  อาหมวยใหญ่กับอาหมวยเล็กยังเสวนากันอีกชั่วครู่ ก่อนที่อาฮัวจะหันกลับมาเชื้อเชิญให้ผมรอที่โต๊ะ แล้วเธอก็หายไป  เหลือกันแต่
อาหมวย'ฮันนี่'กับผมสองคน  ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  'อาจารย์นะนี่อาจารย์  กระผมมาในฐานะอาจารย์นะ จะบอกให้' เธอสะบัดหน้าหันกลับไปทำอะไรกุกกักกับหมู่มวลกระถางต้นไม้ของเธอเช่นเดิม สักพักเดียว ผมก็เห็นเธอถอดถุงมือยางกันเลอะเดินมาทางผม

                  "อาจารย์บ้าบออะไร หน้าตายังกะโจรห้าร้อย หนวดเคราก็ไม่โกน" เออแฮะ ยังกับได้ยินเสียงพูดในใจของผมเลย

                  เธอเอ่ยแค่ถากๆมาก็จริง แต่เหมือนเลือดกำเดาของผม แทนที่จะออกทางจมูก มันดันไปไหลอยู่เต็มสองหูจนหูอื้อ

                  พอร่างอ้อนแอ้นเฉี่ยวหน้าโต๊ะผมไป  อีกประโยคหนึ่งก็ตามมาอีก "นี่ป๊าอนุญาตหรอกนะ  ไม่งั้นล่ะน่าดู"

                  โห . . .   อาหมวยใหญ่คนนี้ดูท่าจะไม่เบานะเนี่ย
                  แล้วผมก็หลุดปากตามหลังเธอไป "หน้าตาเนื้อตัวมอมยังไม่พอ  ปากยังมอมด้วยแฮะ"

                  แปลกใจที่เหมือนกับเธอไม่ได้ยิน เพราะเห็นเดินผ่านเลยไปที่ก๊อกน้ำอีกฟากเสียเฉยๆ เธอล้างมืออยู่สักพัก เช็ดไม้เช็ดมือเสร็จก็หันกลับเดินผ่านมาทางผมอีกหน และตอนที่กำลังผ่านหน้าไปนั้น เจ๊ฮันนี่ก็เล่นเอาผมอ้าปากค้าง

                  "หน้าตาเสือสมิงยังไม่พอ  ปากยังกะสุนัขด้วยแน่ะ"

                  ....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่