ความเดิมตอนที่แล้ว
http://pantip.com/topic/32563170
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ผมเลยไม่จำเป็นต้องกระดี๊กระด๊าเร่งรีบกับภารกิจประจำวันใดๆ
พอเอ้อละเหยอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่กับบ้านเสร็จ ผมก็เข้าห้องครัวทำเบรกฟาสต์ง่ายๆ ไข่ดาวสองฟองไส้กรอกสองชิ้นขนมปังปิ้งสองแผ่นกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ขับรถออกไปรับเสื้อผ้าที่ร้านซักรีดเจ้าประจำกลับมาเลือกชุดซึ่งคิดว่าเท่ที่สุด ใส่แล้วหล่อที่สุด แล้วก็สวมมันซะให้สมใจ วันนี้ไม่ใช่แค่สอนหนังสือเด็กมัธยมแค่นั้น ผมยังมีธุระสำคัญอีกเรื่องในตอนเย็นด้วย วันนี้จึงจำเป็นต้องหล่ออย่างช่วยไม่ได้
เช็กความเท่ในกระจกเสร็จ ผมก็พร้อมแล้วสำหรับการออกไปเผชิญโลกภายนอกตามยถากรรม แหะๆ
นัดกับเด็กสาวคู่รักวัยใสไว้สิบโมง ผมมาถึงก่อนเวลานัดด้วยซ้ำไป เช้าวันอาทิตย์แบบนี้ ร้านสะดวกซื้อของอาฮัวดูคึกคักดีตั้งแต่เช้ายันสาย เอ หรือว่าวันธรรมดาก็ไม่ต่างกัน เพราะผมไม่เคยได้เห็นตอนวันธรรมดาซักที
หันรีหันขวางอยู่หน้าร้านได้อึดใจ ม๊าของอาฮัวก็มาทักทาย วันนี้ดูแกยิ้มแย้มแช่มชื่นดี แถมยังขอบอกขอบใจผมยกใหญ่ กับการอาสาเป็นครูบาอาจารย์จำเป็นให้กับลูกสาวของแก ม๊าบอกว่า วิชาคณิตศาสตร์ต้องให้ครูพิเศษผู้จบสาขาวิชาชีพแบบผมเป็นคนสอน จะได้เก่งเหมือนผม
ผมเป็นฝ่ายยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งบ้าง
ปลื้มใจกับคำชมของม๊าได้ครู่เดียว ม๊าของอาฮัวก็เชิญผมเข้าในร้าน แต่พอผ่านชั้นวางของไม่กี่แผง แกก็ส่งผมแค่นั้น เชิญผมทำตัวตามสบายได้เลย แกขอออกไปรับมือกับลูกค้าก่อน โอเค ไม่มีปัญหา ผมรู้ทางเข้าออกบ้านหลังนี้แล้วล่ะ จึงไม่มีปัญหาว่าต้องไปทางไหน? ยังไง? ในใจนึกไปเห็นสวนดอกไม้หลังบ้านซึ่งยังจำได้ไม่เคยลืม วันนี้จะได้ยลดอกไม้งามอีกหนแล้วสินะ
แล้วผมก็ทะลุออกมาสู่ลานหลังบ้าน
ร่างบอบบางร่างหนึ่ง กำลังนั่งสาละวนอยู่กับกระถางบอนไซบนพื้นราวกับกำลังอยู่ในสวนสวรรค์คนเดียว ผมมองไม่ถนัดเพราะร่างนั้นหันหลังให้ พอก้าวเข้าไปใกล้ไม่ถึงวา จึงได้เห็นเค้าหน้าดาราเกาหลีด้านข้างพอลางๆ เออ .... วันนี้อาฮัวมาแปลกแฮะ
"
ดูแลต้นไม้ก็เป็นเหรอ? สาวน้อย" ผมเอ่ยทักทาย
ทว่า ...
ผู้หญิงซึ่งลุกขึ้นมาพร้อมกับกระถางบอนไซนั้น ไม่ใช่อาฮัวแต่อย่างใด
แม้ใบหน้าของเธอจะละม้ายคล้ายอาฮัวราวกับพิมพ์เดียวกัน แต่เรื่องอายุ เธออายุมากกว่าเด็กสาวลูกศิษย์ผมแน่นอน วงหน้าซึ่งคนมักใช้ชมหญิงงามกันนักกันหนาว่า
'ปากนิดจมูกหน่อย ' นั่นล่ะใช่เลย แล้วก็
'คิ้วคางเหมือนดั่งนางฟ้า ' นี่ก็ใช่อีก
'ตาคมเหมือนดั่ง...' เดี๋ยว ! มีเรื่องสายตาเรื่องเดียวนี่แหละ ที่ทำให้ผมตัวเย็นวาบ นึกคำชมไม่ออก
"
คุณเป็นใคร? แล้วเข้ามาหลังบ้านนี้ได้ยังไง?" เสียงใสชวนฟัง แต่ฟังแล้วมันรู้สึกขุ่นๆยังไงไม่รู้
"
เอ่อ....."
"
ป๊ะ !! ม๊า !! ขโมยเข้าบ้าน อาฮัวอยู่ไหน?!!......อาฮัว !! ขโมยเข้าบ้าน !!"
เย๊ยย.... ย ... ! .....
ความซวยมาเยือนแต่เช้าเสียแล้วตรู
ผมกระโดดเหย็งถอยหลังพรืด โบกมือว่อนเป็นจราจรเมาแดดไปโดยไม่รู้ตัว เจ้าของร่างบอบบางยกกระถางเรือจำลองขึ้นมาด้วยท่า
คลีนแอนด์เจอร์ค เตรียมเปล่งเสียง สู้โว๊ย ! กระถางเรือเซรามิกลอยหราอยู่ที่ระดับแนวหัวไหล่ในท่าคลีน ยังไม่เจอร์ค อาการแบบนี้รู้ได้เลยว่า แม่เจ้าประคุณเธอพร้อมแล้วสำหรับการเจอร์ค ที่แค่ยกขึ้นท่วมหัวแล้วทุ่มตูมมาข้างหน้า
ร่างอรชรอ้อนแอ้นเบื้องหน้าผม ดูอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะเป็นนักกีฬายกน้ำหนักไปได้ สีหน้าท่าทางของเธอ เห็นแล้วยิ่งทำให้นึกสงสารหนักเข้าไปอีก เพราะมันช่างเหมือนกับเธอกำลังแบกโลกเอาไว้คนเดียวไม่มีผิด
เสียงอธิบายลุกลี้ลุกลนของผมกับเสียงเรียกคนในบ้านของเธอดังผสมผสานกันราวกับหนุ่มบาวสาวปานกำลังแย่งไมค์กัน และคงเป็นกุศลผลบุญแต่ชาติปางก่อนของผมแน่นอน ที่ทำให้อาหมวยฮัวโผล่ออกมาได้จังหวะพอดี
"
มีอะไรกันเหรอ? อาเจ๊ฮัน !" ตอนแรกถามอีกคน แต่พอหันมาเจอหน้าผม อาฮัวเลยถึงบางอ้อ "
โอ๊ะ ! อาฮัวลืมบอกเจ๊ไปว่าจะมีอาจารย์มาติวหนังสือให้ที่บ้าน แล้วนี่ก็คืออาจารย์ของอาฮัว ไม่ใช่ขโมยหรอก"
แม้เหตุการณ์จะชงักนิ่งไปชั่วขณะ แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจกับ '
เจ๊ฮันนี่' อยู่ดี
พอรายงานตัวแจ้งชื่อเสียงเรียงนามเสร็จ ผมก็ค่อยๆถอยออกมาหาโต๊ะหินอ่อนกลางลานหลังบ้าน ว่าที่นักยกน้ำหนัก ไม่ใช่สิ ว่าที่นักทุ่มน้ำหนักค่อยๆวางกระถางลงกับพื้น อาฮัวเองก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองคนโน้นทีคนนี้ที
"
มีอะไรกัน?" คราวนี้เป็นป๊าของอาฮัวที่โผล่เข้ามา
แม้จะเป็นอาหมวยน้อย แต่อาฮัวก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว คำอธิบายของอาหมวยคนเล็กผสมกับการสอดแทรกของอาหมวยอีกคน ฟังแล้วน่ามึนหัวจนอยากจะถอนด้วยเบียร์ซักขวด แต่
'ป๊า'ซึ่งดูเป็นคนมีเหตุผลยู่แล้ว พอฟังคำชี้แจงไม่กี่ประโยค แกก็เข้าใจเหตุการณ์ได้ในทันที ป๊าหันมาขอโทษผม ผมบอกไม่เป็นไร ผมเองก็ผิดที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาคนเดียว แทนที่จะรอให้อาฮัวไปรับมาจากหน้าบ้าน
เราทั้งสี่คนแย่งกันพูดอีกคนละสองสามคำ แล้วป๊าก็หายออกไปทางหน้าร้านตามเดิม
อาหมวยใหญ่กับอาหมวยเล็กยังเสวนากันอีกชั่วครู่ ก่อนที่อาฮัวจะหันกลับมาเชื้อเชิญให้ผมรอที่โต๊ะ แล้วเธอก็หายไป เหลือกันแต่
อาหมวย
'ฮันนี่'กับผมสองคน ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ 'อาจารย์นะนี่อาจารย์ กระผมมาในฐานะอาจารย์นะ จะบอกให้' เธอสะบัดหน้าหันกลับไปทำอะไรกุกกักกับหมู่มวลกระถางต้นไม้ของเธอเช่นเดิม สักพักเดียว ผมก็เห็นเธอถอดถุงมือยางกันเลอะเดินมาทางผม
"
อาจารย์บ้าบออะไร หน้าตายังกะโจรห้าร้อย หนวดเคราก็ไม่โกน" เออแฮะ ยังกับได้ยินเสียงพูดในใจของผมเลย
เธอเอ่ยแค่ถากๆมาก็จริง แต่เหมือนเลือดกำเดาของผม แทนที่จะออกทางจมูก มันดันไปไหลอยู่เต็มสองหูจนหูอื้อ
พอร่างอ้อนแอ้นเฉี่ยวหน้าโต๊ะผมไป อีกประโยคหนึ่งก็ตามมาอีก "
นี่ป๊าอนุญาตหรอกนะ ไม่งั้นล่ะน่าดู"
โห . . . อาหมวยใหญ่คนนี้ดูท่าจะไม่เบานะเนี่ย
แล้วผมก็หลุดปากตามหลังเธอไป "
หน้าตาเนื้อตัวมอมยังไม่พอ ปากยังมอมด้วยแฮะ"
แปลกใจที่เหมือนกับเธอไม่ได้ยิน เพราะเห็นเดินผ่านเลยไปที่ก๊อกน้ำอีกฟากเสียเฉยๆ เธอล้างมืออยู่สักพัก เช็ดไม้เช็ดมือเสร็จก็หันกลับเดินผ่านมาทางผมอีกหน และตอนที่กำลังผ่านหน้าไปนั้น เจ๊ฮันนี่ก็เล่นเอาผมอ้าปากค้าง
"
หน้าตาเสือสมิงยังไม่พอ ปากยังกะสุนัขด้วยแน่ะ"
....
☻ รักสับสน .... ในห้องถนนนักเขียน (2)☻
http://pantip.com/topic/32563170
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ผมเลยไม่จำเป็นต้องกระดี๊กระด๊าเร่งรีบกับภารกิจประจำวันใดๆ
พอเอ้อละเหยอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่กับบ้านเสร็จ ผมก็เข้าห้องครัวทำเบรกฟาสต์ง่ายๆ ไข่ดาวสองฟองไส้กรอกสองชิ้นขนมปังปิ้งสองแผ่นกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ขับรถออกไปรับเสื้อผ้าที่ร้านซักรีดเจ้าประจำกลับมาเลือกชุดซึ่งคิดว่าเท่ที่สุด ใส่แล้วหล่อที่สุด แล้วก็สวมมันซะให้สมใจ วันนี้ไม่ใช่แค่สอนหนังสือเด็กมัธยมแค่นั้น ผมยังมีธุระสำคัญอีกเรื่องในตอนเย็นด้วย วันนี้จึงจำเป็นต้องหล่ออย่างช่วยไม่ได้
เช็กความเท่ในกระจกเสร็จ ผมก็พร้อมแล้วสำหรับการออกไปเผชิญโลกภายนอกตามยถากรรม แหะๆ
นัดกับเด็กสาวคู่รักวัยใสไว้สิบโมง ผมมาถึงก่อนเวลานัดด้วยซ้ำไป เช้าวันอาทิตย์แบบนี้ ร้านสะดวกซื้อของอาฮัวดูคึกคักดีตั้งแต่เช้ายันสาย เอ หรือว่าวันธรรมดาก็ไม่ต่างกัน เพราะผมไม่เคยได้เห็นตอนวันธรรมดาซักที
หันรีหันขวางอยู่หน้าร้านได้อึดใจ ม๊าของอาฮัวก็มาทักทาย วันนี้ดูแกยิ้มแย้มแช่มชื่นดี แถมยังขอบอกขอบใจผมยกใหญ่ กับการอาสาเป็นครูบาอาจารย์จำเป็นให้กับลูกสาวของแก ม๊าบอกว่า วิชาคณิตศาสตร์ต้องให้ครูพิเศษผู้จบสาขาวิชาชีพแบบผมเป็นคนสอน จะได้เก่งเหมือนผม
ผมเป็นฝ่ายยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งบ้าง
ปลื้มใจกับคำชมของม๊าได้ครู่เดียว ม๊าของอาฮัวก็เชิญผมเข้าในร้าน แต่พอผ่านชั้นวางของไม่กี่แผง แกก็ส่งผมแค่นั้น เชิญผมทำตัวตามสบายได้เลย แกขอออกไปรับมือกับลูกค้าก่อน โอเค ไม่มีปัญหา ผมรู้ทางเข้าออกบ้านหลังนี้แล้วล่ะ จึงไม่มีปัญหาว่าต้องไปทางไหน? ยังไง? ในใจนึกไปเห็นสวนดอกไม้หลังบ้านซึ่งยังจำได้ไม่เคยลืม วันนี้จะได้ยลดอกไม้งามอีกหนแล้วสินะ
แล้วผมก็ทะลุออกมาสู่ลานหลังบ้าน
ร่างบอบบางร่างหนึ่ง กำลังนั่งสาละวนอยู่กับกระถางบอนไซบนพื้นราวกับกำลังอยู่ในสวนสวรรค์คนเดียว ผมมองไม่ถนัดเพราะร่างนั้นหันหลังให้ พอก้าวเข้าไปใกล้ไม่ถึงวา จึงได้เห็นเค้าหน้าดาราเกาหลีด้านข้างพอลางๆ เออ .... วันนี้อาฮัวมาแปลกแฮะ
"ดูแลต้นไม้ก็เป็นเหรอ? สาวน้อย" ผมเอ่ยทักทาย
ทว่า ...
ผู้หญิงซึ่งลุกขึ้นมาพร้อมกับกระถางบอนไซนั้น ไม่ใช่อาฮัวแต่อย่างใด
แม้ใบหน้าของเธอจะละม้ายคล้ายอาฮัวราวกับพิมพ์เดียวกัน แต่เรื่องอายุ เธออายุมากกว่าเด็กสาวลูกศิษย์ผมแน่นอน วงหน้าซึ่งคนมักใช้ชมหญิงงามกันนักกันหนาว่า 'ปากนิดจมูกหน่อย ' นั่นล่ะใช่เลย แล้วก็ 'คิ้วคางเหมือนดั่งนางฟ้า ' นี่ก็ใช่อีก 'ตาคมเหมือนดั่ง...' เดี๋ยว ! มีเรื่องสายตาเรื่องเดียวนี่แหละ ที่ทำให้ผมตัวเย็นวาบ นึกคำชมไม่ออก
"คุณเป็นใคร? แล้วเข้ามาหลังบ้านนี้ได้ยังไง?" เสียงใสชวนฟัง แต่ฟังแล้วมันรู้สึกขุ่นๆยังไงไม่รู้
"เอ่อ....."
"ป๊ะ !! ม๊า !! ขโมยเข้าบ้าน อาฮัวอยู่ไหน?!!......อาฮัว !! ขโมยเข้าบ้าน !!"
เย๊ยย.... ย ... ! .....
ความซวยมาเยือนแต่เช้าเสียแล้วตรู
ผมกระโดดเหย็งถอยหลังพรืด โบกมือว่อนเป็นจราจรเมาแดดไปโดยไม่รู้ตัว เจ้าของร่างบอบบางยกกระถางเรือจำลองขึ้นมาด้วยท่า
คลีนแอนด์เจอร์ค เตรียมเปล่งเสียง สู้โว๊ย ! กระถางเรือเซรามิกลอยหราอยู่ที่ระดับแนวหัวไหล่ในท่าคลีน ยังไม่เจอร์ค อาการแบบนี้รู้ได้เลยว่า แม่เจ้าประคุณเธอพร้อมแล้วสำหรับการเจอร์ค ที่แค่ยกขึ้นท่วมหัวแล้วทุ่มตูมมาข้างหน้า
ร่างอรชรอ้อนแอ้นเบื้องหน้าผม ดูอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะเป็นนักกีฬายกน้ำหนักไปได้ สีหน้าท่าทางของเธอ เห็นแล้วยิ่งทำให้นึกสงสารหนักเข้าไปอีก เพราะมันช่างเหมือนกับเธอกำลังแบกโลกเอาไว้คนเดียวไม่มีผิด
เสียงอธิบายลุกลี้ลุกลนของผมกับเสียงเรียกคนในบ้านของเธอดังผสมผสานกันราวกับหนุ่มบาวสาวปานกำลังแย่งไมค์กัน และคงเป็นกุศลผลบุญแต่ชาติปางก่อนของผมแน่นอน ที่ทำให้อาหมวยฮัวโผล่ออกมาได้จังหวะพอดี
"มีอะไรกันเหรอ? อาเจ๊ฮัน !" ตอนแรกถามอีกคน แต่พอหันมาเจอหน้าผม อาฮัวเลยถึงบางอ้อ "โอ๊ะ ! อาฮัวลืมบอกเจ๊ไปว่าจะมีอาจารย์มาติวหนังสือให้ที่บ้าน แล้วนี่ก็คืออาจารย์ของอาฮัว ไม่ใช่ขโมยหรอก"
แม้เหตุการณ์จะชงักนิ่งไปชั่วขณะ แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจกับ 'เจ๊ฮันนี่' อยู่ดี
พอรายงานตัวแจ้งชื่อเสียงเรียงนามเสร็จ ผมก็ค่อยๆถอยออกมาหาโต๊ะหินอ่อนกลางลานหลังบ้าน ว่าที่นักยกน้ำหนัก ไม่ใช่สิ ว่าที่นักทุ่มน้ำหนักค่อยๆวางกระถางลงกับพื้น อาฮัวเองก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองคนโน้นทีคนนี้ที
"มีอะไรกัน?" คราวนี้เป็นป๊าของอาฮัวที่โผล่เข้ามา
แม้จะเป็นอาหมวยน้อย แต่อาฮัวก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว คำอธิบายของอาหมวยคนเล็กผสมกับการสอดแทรกของอาหมวยอีกคน ฟังแล้วน่ามึนหัวจนอยากจะถอนด้วยเบียร์ซักขวด แต่'ป๊า'ซึ่งดูเป็นคนมีเหตุผลยู่แล้ว พอฟังคำชี้แจงไม่กี่ประโยค แกก็เข้าใจเหตุการณ์ได้ในทันที ป๊าหันมาขอโทษผม ผมบอกไม่เป็นไร ผมเองก็ผิดที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาคนเดียว แทนที่จะรอให้อาฮัวไปรับมาจากหน้าบ้าน
เราทั้งสี่คนแย่งกันพูดอีกคนละสองสามคำ แล้วป๊าก็หายออกไปทางหน้าร้านตามเดิม
อาหมวยใหญ่กับอาหมวยเล็กยังเสวนากันอีกชั่วครู่ ก่อนที่อาฮัวจะหันกลับมาเชื้อเชิญให้ผมรอที่โต๊ะ แล้วเธอก็หายไป เหลือกันแต่
อาหมวย'ฮันนี่'กับผมสองคน ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ 'อาจารย์นะนี่อาจารย์ กระผมมาในฐานะอาจารย์นะ จะบอกให้' เธอสะบัดหน้าหันกลับไปทำอะไรกุกกักกับหมู่มวลกระถางต้นไม้ของเธอเช่นเดิม สักพักเดียว ผมก็เห็นเธอถอดถุงมือยางกันเลอะเดินมาทางผม
"อาจารย์บ้าบออะไร หน้าตายังกะโจรห้าร้อย หนวดเคราก็ไม่โกน" เออแฮะ ยังกับได้ยินเสียงพูดในใจของผมเลย
เธอเอ่ยแค่ถากๆมาก็จริง แต่เหมือนเลือดกำเดาของผม แทนที่จะออกทางจมูก มันดันไปไหลอยู่เต็มสองหูจนหูอื้อ
พอร่างอ้อนแอ้นเฉี่ยวหน้าโต๊ะผมไป อีกประโยคหนึ่งก็ตามมาอีก "นี่ป๊าอนุญาตหรอกนะ ไม่งั้นล่ะน่าดู"
โห . . . อาหมวยใหญ่คนนี้ดูท่าจะไม่เบานะเนี่ย
แล้วผมก็หลุดปากตามหลังเธอไป "หน้าตาเนื้อตัวมอมยังไม่พอ ปากยังมอมด้วยแฮะ"
แปลกใจที่เหมือนกับเธอไม่ได้ยิน เพราะเห็นเดินผ่านเลยไปที่ก๊อกน้ำอีกฟากเสียเฉยๆ เธอล้างมืออยู่สักพัก เช็ดไม้เช็ดมือเสร็จก็หันกลับเดินผ่านมาทางผมอีกหน และตอนที่กำลังผ่านหน้าไปนั้น เจ๊ฮันนี่ก็เล่นเอาผมอ้าปากค้าง
"หน้าตาเสือสมิงยังไม่พอ ปากยังกะสุนัขด้วยแน่ะ"
....