....เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนี้ผมเรียนอยู่มัธยมปลาย ผมได้ยินคำว่า "เขียนโปรแกรม" เป็นครั้งแรก โดยมีครูที่สอนคอมพิวเตอร์ ท่านบอกกับผมว่าอาจารย์ของท่านสามารถ "เขียนโปรแกรมควบคุมเวลาเปิดปิดสปริงเกอร์น้ำให้ไหลได้ตามเวลาที่ตั้งไว้" ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาอย่างผม เคยใช้แต่ Ms-Office 95 Lotus123 ก็สุดยอดแล้วในยุกนั้น แต่นี้ "เขียนโปรแกรม" โอ้วว...มันเป็นความรู้สึกที่เท่ห์ เจ๋งเป้งอย่างบอกไม่ถูก
....จากนั้นความอยากมีอยากได้อยากเป็นมันก็เพาะเชื้อวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่ตอนนั้น ผมและเพื่อนตั้งแก๊งขึ้นมาชือว่า Comthree เพราะมีคนที่ชอบคอมพิวเตอร์เหมือนกันอยู่สามคน ผมไม่เคยไปสอบเอ็นทรานซ์เพราะสมัครโควตาคอมฯศึกษาสถาบันราชภัฏเลยได้ เป็นสายเอกหนึ่งเดียวใจเดียวเท่านั้น! และเส้นทางนี้แหละจำทำให้ผมเขียนโปรแกรมได้ และก็เป็นอย่างที่ผมคิดผมได้เรียน ปริญญาตรีด้วยทุนรัฐบาลส่งเรียน ( กยศ.) โอกาสได้เรียนวิเคราะห์ระบบ และเขียนโปรแกรมด้วย vb6 ในยุคที่มีอินเตอร์เน็ตความเร็ว 56kb และด้วยความที่ผมเป็นคนหัวช้า(ตอนประถมเคยถูกจัดอันดับการเรียนให้อยู่รองสุดท้าย และคนสุดท้ายเรียนซ้ำชั้นมาแล้ว 2 ปี) ผมจึงมีคติความเชื่อประจำตัวเสมอวว่า "ไอ้เรามันเป็นคนคนขาสั้น ถ้าอยากอยากตามเพื่อนทันก็ต้องก้าวให้เร็วขึ้น คนอื่นเขาทำหนึ่งจะทำสอง คนอื่นทำสองต้องทำสามสี่ คนอื่นนอนผมจะตื่นมาเขียนโปรแกรม" เป็นเอามากขนาดนั้นเลยนะครับ 5555 และแล้วผมเรียนจบด้วยดีกรีเกรด A จากโปรเจ็คจบ ณ ตอนนั้นความรู้สึกมันยิ่งใหญ่มาก "กูคือหนึ่งในตองอู และอาชีพที่จะเป็นไปได้มีเพียง โปรแกรมเมอร์หรือไม่ก็อาจารย์สอนมหาลัยเท่านั้น!" นั้น!.....
....ดังนั้นเมื่อผมเรียนจบผมจึงไปสมัครงานในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์เพื่อตามฝันของตัวเอง ที่บางเขน กรุงเทพฯ ผ่านเว็บไซต์หางาน ซึ่งต้องการเดินทางไปสัมภาษณ์งาน และการต้องเดินทางไปทำงานคนเดียวต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งครอบครัวชาวนาอย่างผม มีเงินเป็นรายปี
....ตอนเรียนแม่ผมกู้เงินธกส ซื้อเครืองคอมพิวเตอร์รุ่น AMD K6-2 ให้ในราคา 26,000 บาท จะว่าไปมันก็เป็นทั้งเพื่อนและครูยังไงเราจะไม่ทิ้งกัน...แต่ผมก็ต้องขายมันในราคา 7,000 บาทให้พี่สาว ฮาาา...เพื่อเป็นทุนไปสมัครงานที่บางเขน และผมก็ได้งานที่นั้นด้วยเงินเดือน 8,000 บาท จากความยิ่งใหญ่ในกะลา เมื่อออกจากที่ครอบ ไปเจอการเขียนโปรแกรมเพื่อใช้งานจริงในบริษัทซอฟต์แวร์ ต้องเขียนแบบ Framework เพื่อทำงานเริ่มกับโปรแกรมเมอร์คนอื่นได้ เรืองการเขียนโปรแกรม vb6 ที่ต้องเขียนแบบคลาส ซึ่งผมไม่เคยศึกษามาก่อน
....จากที่ตัวใหญ่คับกะลาตอนนี้มองท้องฟ้ามันกว้างใหญ่เหลือเกิน กลับก็ไม่ได้และต้องไปต่อให้ถึง ผมโชคดีที่มีรุ่นพี่ที่ไม่ห่วงวิชายอมถ่ายทอดความรู้ให้ ผมเลยตัดสินใจอีกครั้งไปซื้อเครืองคอมพิวเตอร์ที่เขาโละจากโรงงานในราคา 3,000 บาท แรม 32 Mb. ดูหนังไม่ได้ แต่เพียงพอต่อการคอมไพล์โค้ด vb6 ได้....ตอนกลางวันทำงานทั้งเขียนโปรแกรมและซัพพอร์ตลูกค้า ตอนกลางคืนกลับถึงห้องต้องไปนั่งหัดเขียนโปรแกรม ไม่งั้นไม่ผ่านโปรสามเดือนแน่...
แน่นอนครับ 8,000 บาทที่กรุงเทพถ้าไม่ประหยัด อยู่ง่ายกินง่ายรับรองไม่พอใช้ผ่านไปหนึ่งปีเมื่อรุ่นพี่ลาออก และเด็กบ้านนอกอย่างผมมีความคิดถึงบ้านเป็นทุนอยู่แล้วจึงตัดสินใจกลับบ้าน.......
.....ผ่านมาหลายปีอายุผมเริ่มมากขึ้น แต่ผมก็ยังคงเขียนโปรแกรมเหมือนเดิม และผมไม่ได้แข่งกับใครแล้ว..มีเพียงคนเดี่ยวตอนนี้ที่ผมต้องเอาชนะให้ได้คือตัวผมเอง ความฝันผมไล่เก็บความฝันมาตลอดทั้ง การเปิดร้านขายอุปกรณ์คอม ครูสอนมัธยม อาจารย์สอนอาชีวะศึกษา อาจารย์มหาลัย มีซอฟต์แวร์ที่ใช้งานและขายได้จริงจนสามารถส่งผมเรียนต่อได้จนจบ ป.โท
....เมื่อท้องฟ้ามันสูงใหญ่มีทางเลือกอยู่เพียงเดินบนดิน หรือจะติดปีกบินไปให้ไกลถึงปลายฝัน ถึงจะตกจะเจ็บก็ช่างมัน....ตอนนี้ผมก็ออกมาไล่ตามความฝันอีกครั้ง ผมเขียนโปรแกรมอยู่ก็จริงแต่มันเป็นโปรแกรมสำหรับธุรกิจของผมกับหุ้นส่วนธุรกิจที่มีความรักและความสามารถในอาชีพที่ต่างกัน ผมมีเงินเดือน 30K+กำไรจากการขาย ผมทำงานอยู่บ้านของตัวเอง ประชุมและคุยกับเพื่อนผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องรีดผ้า ไม่ต้องลงเวลา ใส่รองเท้าฟองน้ำ นุ่งกางเกงขาก๊วย มีเวลาไปรับไปส่งลูก และมีภรรยาที่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ
...ด้วยเหตุผลที่ว่า "ชีวิตคนเรามันสั้น" ผมว่าก็เพียงพอแล้วสำหรับการคิดและทำอะไรบางอย่างที่อยากทำ...พรุ่งนี้ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเป็นยังไง แต่ผมว่า "ทำวันนี้ให้ดีทีสุดก็พอ"
--ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ^^
ชีวิตโปรแกรมเมอร์กับการตามฝัน (ดราม่าเล็กน้อยครับ)
....จากนั้นความอยากมีอยากได้อยากเป็นมันก็เพาะเชื้อวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่ตอนนั้น ผมและเพื่อนตั้งแก๊งขึ้นมาชือว่า Comthree เพราะมีคนที่ชอบคอมพิวเตอร์เหมือนกันอยู่สามคน ผมไม่เคยไปสอบเอ็นทรานซ์เพราะสมัครโควตาคอมฯศึกษาสถาบันราชภัฏเลยได้ เป็นสายเอกหนึ่งเดียวใจเดียวเท่านั้น! และเส้นทางนี้แหละจำทำให้ผมเขียนโปรแกรมได้ และก็เป็นอย่างที่ผมคิดผมได้เรียน ปริญญาตรีด้วยทุนรัฐบาลส่งเรียน ( กยศ.) โอกาสได้เรียนวิเคราะห์ระบบ และเขียนโปรแกรมด้วย vb6 ในยุคที่มีอินเตอร์เน็ตความเร็ว 56kb และด้วยความที่ผมเป็นคนหัวช้า(ตอนประถมเคยถูกจัดอันดับการเรียนให้อยู่รองสุดท้าย และคนสุดท้ายเรียนซ้ำชั้นมาแล้ว 2 ปี) ผมจึงมีคติความเชื่อประจำตัวเสมอวว่า "ไอ้เรามันเป็นคนคนขาสั้น ถ้าอยากอยากตามเพื่อนทันก็ต้องก้าวให้เร็วขึ้น คนอื่นเขาทำหนึ่งจะทำสอง คนอื่นทำสองต้องทำสามสี่ คนอื่นนอนผมจะตื่นมาเขียนโปรแกรม" เป็นเอามากขนาดนั้นเลยนะครับ 5555 และแล้วผมเรียนจบด้วยดีกรีเกรด A จากโปรเจ็คจบ ณ ตอนนั้นความรู้สึกมันยิ่งใหญ่มาก "กูคือหนึ่งในตองอู และอาชีพที่จะเป็นไปได้มีเพียง โปรแกรมเมอร์หรือไม่ก็อาจารย์สอนมหาลัยเท่านั้น!" นั้น!.....
....ดังนั้นเมื่อผมเรียนจบผมจึงไปสมัครงานในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์เพื่อตามฝันของตัวเอง ที่บางเขน กรุงเทพฯ ผ่านเว็บไซต์หางาน ซึ่งต้องการเดินทางไปสัมภาษณ์งาน และการต้องเดินทางไปทำงานคนเดียวต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งครอบครัวชาวนาอย่างผม มีเงินเป็นรายปี
....ตอนเรียนแม่ผมกู้เงินธกส ซื้อเครืองคอมพิวเตอร์รุ่น AMD K6-2 ให้ในราคา 26,000 บาท จะว่าไปมันก็เป็นทั้งเพื่อนและครูยังไงเราจะไม่ทิ้งกัน...แต่ผมก็ต้องขายมันในราคา 7,000 บาทให้พี่สาว ฮาาา...เพื่อเป็นทุนไปสมัครงานที่บางเขน และผมก็ได้งานที่นั้นด้วยเงินเดือน 8,000 บาท จากความยิ่งใหญ่ในกะลา เมื่อออกจากที่ครอบ ไปเจอการเขียนโปรแกรมเพื่อใช้งานจริงในบริษัทซอฟต์แวร์ ต้องเขียนแบบ Framework เพื่อทำงานเริ่มกับโปรแกรมเมอร์คนอื่นได้ เรืองการเขียนโปรแกรม vb6 ที่ต้องเขียนแบบคลาส ซึ่งผมไม่เคยศึกษามาก่อน
....จากที่ตัวใหญ่คับกะลาตอนนี้มองท้องฟ้ามันกว้างใหญ่เหลือเกิน กลับก็ไม่ได้และต้องไปต่อให้ถึง ผมโชคดีที่มีรุ่นพี่ที่ไม่ห่วงวิชายอมถ่ายทอดความรู้ให้ ผมเลยตัดสินใจอีกครั้งไปซื้อเครืองคอมพิวเตอร์ที่เขาโละจากโรงงานในราคา 3,000 บาท แรม 32 Mb. ดูหนังไม่ได้ แต่เพียงพอต่อการคอมไพล์โค้ด vb6 ได้....ตอนกลางวันทำงานทั้งเขียนโปรแกรมและซัพพอร์ตลูกค้า ตอนกลางคืนกลับถึงห้องต้องไปนั่งหัดเขียนโปรแกรม ไม่งั้นไม่ผ่านโปรสามเดือนแน่...
แน่นอนครับ 8,000 บาทที่กรุงเทพถ้าไม่ประหยัด อยู่ง่ายกินง่ายรับรองไม่พอใช้ผ่านไปหนึ่งปีเมื่อรุ่นพี่ลาออก และเด็กบ้านนอกอย่างผมมีความคิดถึงบ้านเป็นทุนอยู่แล้วจึงตัดสินใจกลับบ้าน.......
.....ผ่านมาหลายปีอายุผมเริ่มมากขึ้น แต่ผมก็ยังคงเขียนโปรแกรมเหมือนเดิม และผมไม่ได้แข่งกับใครแล้ว..มีเพียงคนเดี่ยวตอนนี้ที่ผมต้องเอาชนะให้ได้คือตัวผมเอง ความฝันผมไล่เก็บความฝันมาตลอดทั้ง การเปิดร้านขายอุปกรณ์คอม ครูสอนมัธยม อาจารย์สอนอาชีวะศึกษา อาจารย์มหาลัย มีซอฟต์แวร์ที่ใช้งานและขายได้จริงจนสามารถส่งผมเรียนต่อได้จนจบ ป.โท
....เมื่อท้องฟ้ามันสูงใหญ่มีทางเลือกอยู่เพียงเดินบนดิน หรือจะติดปีกบินไปให้ไกลถึงปลายฝัน ถึงจะตกจะเจ็บก็ช่างมัน....ตอนนี้ผมก็ออกมาไล่ตามความฝันอีกครั้ง ผมเขียนโปรแกรมอยู่ก็จริงแต่มันเป็นโปรแกรมสำหรับธุรกิจของผมกับหุ้นส่วนธุรกิจที่มีความรักและความสามารถในอาชีพที่ต่างกัน ผมมีเงินเดือน 30K+กำไรจากการขาย ผมทำงานอยู่บ้านของตัวเอง ประชุมและคุยกับเพื่อนผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องรีดผ้า ไม่ต้องลงเวลา ใส่รองเท้าฟองน้ำ นุ่งกางเกงขาก๊วย มีเวลาไปรับไปส่งลูก และมีภรรยาที่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ
...ด้วยเหตุผลที่ว่า "ชีวิตคนเรามันสั้น" ผมว่าก็เพียงพอแล้วสำหรับการคิดและทำอะไรบางอย่างที่อยากทำ...พรุ่งนี้ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเป็นยังไง แต่ผมว่า "ทำวันนี้ให้ดีทีสุดก็พอ"
--ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ^^