ถึงแม้ทางสภามหาลัยจะมีมติให้คุณรัชตะใช้ดุลพินิจว่าจะเลือกดำรงตำแหน่งใด ซึ่งคุณรัชตะขอเวลา 3 สัปดาห์นั้น เพื่อศึกษาดูงานในกระทรวงสาธารณสุขก่อนว่ามีมากน้อยเพียงใด ผมคิดว่าคุณรัชตะยังจับประเด็นไม่ถูกนะครับ
คุณรัชตะครับ ประเด็นของปัญหา มันไม่ใช่อยู่ที่งานมากงานน้อยเท่านั้นนะครับ ไม่ใช่แค่สามารถดูแลทั้งสองแห่งได้หรือไม่เท่านั้นนะครับ มันยังมีเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยนะครับ มันทับซ้อนอย่างไรนั้น คงไม่ยากที่อธิการบดีอย่างคุณรัชตะจะเข้าใจ ใช่ไหมครับ
คุณรัชตะครับ ผมเข้าใจดีครับ ถ้าต้องเลือกกันจริงๆ คุณรัชตะคงเลือกที่จะเป็นรัฐมนตรีมากกว่าอธิการบดีเป็นแน่ เพราะตำแหน่งมันใหญ่กว่ากันมาก และยังเป็นการได้มาโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง โอกาสแบบนี้หาได้บ่อยที่ไหนกัน จริงไหมครับคุณรัชตะ
เพียงแต่ที่ยังรีรออยู่นั้น คงเป็นเพราะตำแหน่งรัฐมนตรีที่ได้มานั้น มันอาจมีอายุแค่หนึ่งปี จึงทำให้คุณรัชตะอิหลักอิเหลื่ออยู่จนบัดนี้
แต่คุณรัชตะครับ กว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีในตอนนี้ คุณรัชตะต้องทำงานร่วมกับกลุ่ม กปปส.ออกมาขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยเจตนาต้องการปฏิรูปประเทศไม่ใช่หรือครับ ต้องการปฏิรูปการเมืองไม่ใช่หรือครับ คงไม่ใช่การต่อสู้ เพียงหวังตำแหน่งรัฐมนตรีควบคู่กับตำแหน่งอธิการบดีใช่ไหมครับ
คุณรัชตะออกมาต่อต้าน เพื่อให้นักการเมืองมีจิตสำนึกสูงกว่าคนธรรมดา เพื่อให้นักการเมืองมีจริยธรรมสูงกว่าคนธรรมดา เพื่อให้นักการเมืองมีคุณธรรมเหนือกว่าคนธรรมดา แล้วเหตุไฉนเมื่อมีอำนาจแล้ว คุณรัชตะกลับไม่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ล่ะครับ
คุณรัชตะครับ จริงอยู่ที่คุณรัชตะไม่ใช่นักการเมือง และการควบสองตำแหน่งนั้น มันไม่ผิดกฎหมาย เพียงแต่คุณรัชตะคงลืมไปสินะ “สามัญสำนึกต้องมาก่อนกฎหมาย” “จริยธรรมและคุณธรรมต้องมาก่อนกฎหมาย” มิเช่นนั้นมันจะแตกต่างกับเหล่านักการเมืองที่คุณรัชตะเพียรต่อต้านหรือครับ
หรือการเรียกร้องจิตสำนึกของนักการเมือง การเรียกร้องจริยธรรมของนักการเมือง เป็นเพียงวาทกรรม เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งเท่านั้นเอง
คุณรัชตะครับ ความเป็นหมอก็ต้องมีจริยธรรมของการเป็นหมอ การเป็นอธิการบดีก็ต้องมีจริยธรรมของการเป็นอธิการบดี การเป็นรัฐมนตรี แม้ไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็เป็นข้าราชการการเมือง ดังนั้นสมควรแล้วหรือครับที่คุณรัชตะจะควบสองตำแหน่งโดยไม่แคร์กับกระแสสังคม?
คุณรัชตะครับ มีกรรมการสองท่านในมหาวิทยาลัยของท่าน เมื่อได้รับตำแหน่งทางการเมือง ยังรู้จักละอายพอที่จะรีบลาออก โดยไม่ต้องรอให้ใครเอาปี๊บมาคลุมหัวไล่ แล้วอธิการบดีอย่างท่านละครับ จะทนไปถึงวันที่ 15 ตุลาคมเชียวหรือ
ทำไมไม่ถือโอกาสนี้ สร้างต้นแบบ สร้างแบบอย่างให้เหล่านักศึกษาเห็นความแตกต่างระหว่างคนดีอย่างคุณรัชตะกับนักการเมืองผู้เลวร้ายล่ะครับ ทำไมไม่ทำให้สังคมรับรู้ถึงการเสียสละ โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่ง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างที่คุยนักคุยหนาล่ะครับ
นักศึกษาของท่านยอมเสียสละชั่วโมงการเรียน เพื่อเข้าชุมนุมกับพวกท่าน ก็เพราะต้องการการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่หรือครับ แล้วคุณรัชตะล่ะครับ จะไม่ยอมเสียสละเพื่อให้สังคมได้เห็นถึง การทำเพื่อชาติโดยไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตน
แต่ถ้าคุณรัชตะยังเสียดาย จนยอมที่จะผิดกฎของทางมหาวิทยาลัยที่ต้องการให้มหาวิทยาลัยปลอดการเมือง
แต่ถ้าคุณรัชตะยังเสียดาย จนยอมทิ้งสปิริตทางจิตวิญญาณด้วยการทำงานสองอย่างที่มีลักษณะแตกต่างกัน
แต่ถ้าคุณรัชตะยังเสียดาย แล้วต่อไปจะสอนลูกศิษย์ได้อย่างไรว่า อธิการบดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ผมจึงอยากเห็นคุณรัชตะผู้ที่เป็นถึงอธิการบดีทำตัวให้แตกต่างจากนักการเมืองที่คุณรัชตะรังเกียจ เป็นคุณรัชตะที่ไม่เคยเห็นผลประโยชน์ส่วนตัวมากไปกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ และยังเป็นแบบอย่างให้เหล่าคนที่ยกตัวเองเป็นคนดี ได้ปฏิบัติตามสมกับที่โอ้อวดเป็นคนดีเสียที
ดังนั้นผมจึงได้แต่มุ่งหวังว่า เมื่อคุณรัชตะเข้าใจอะไรที่สังคมคลางแคลง เข้าใจประเด็นที่สังคมสงสัย แล้วรีบลาออกเสียตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เพื่อทำงานในหน้าที่ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพียบพร้อมด้วยคุณภาพ และคงไม่ต้องรอถึงการประชุมสภามหาวิทยาลัยในวันที่ 15 ตุลานะครับ
นายแพทย์รัชตะครับ ลาออกจากอธิการบดีเถิดครับ
คุณรัชตะครับ ประเด็นของปัญหา มันไม่ใช่อยู่ที่งานมากงานน้อยเท่านั้นนะครับ ไม่ใช่แค่สามารถดูแลทั้งสองแห่งได้หรือไม่เท่านั้นนะครับ มันยังมีเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยนะครับ มันทับซ้อนอย่างไรนั้น คงไม่ยากที่อธิการบดีอย่างคุณรัชตะจะเข้าใจ ใช่ไหมครับ
คุณรัชตะครับ ผมเข้าใจดีครับ ถ้าต้องเลือกกันจริงๆ คุณรัชตะคงเลือกที่จะเป็นรัฐมนตรีมากกว่าอธิการบดีเป็นแน่ เพราะตำแหน่งมันใหญ่กว่ากันมาก และยังเป็นการได้มาโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง โอกาสแบบนี้หาได้บ่อยที่ไหนกัน จริงไหมครับคุณรัชตะ
เพียงแต่ที่ยังรีรออยู่นั้น คงเป็นเพราะตำแหน่งรัฐมนตรีที่ได้มานั้น มันอาจมีอายุแค่หนึ่งปี จึงทำให้คุณรัชตะอิหลักอิเหลื่ออยู่จนบัดนี้
แต่คุณรัชตะครับ กว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีในตอนนี้ คุณรัชตะต้องทำงานร่วมกับกลุ่ม กปปส.ออกมาขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยเจตนาต้องการปฏิรูปประเทศไม่ใช่หรือครับ ต้องการปฏิรูปการเมืองไม่ใช่หรือครับ คงไม่ใช่การต่อสู้ เพียงหวังตำแหน่งรัฐมนตรีควบคู่กับตำแหน่งอธิการบดีใช่ไหมครับ
คุณรัชตะออกมาต่อต้าน เพื่อให้นักการเมืองมีจิตสำนึกสูงกว่าคนธรรมดา เพื่อให้นักการเมืองมีจริยธรรมสูงกว่าคนธรรมดา เพื่อให้นักการเมืองมีคุณธรรมเหนือกว่าคนธรรมดา แล้วเหตุไฉนเมื่อมีอำนาจแล้ว คุณรัชตะกลับไม่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ล่ะครับ
คุณรัชตะครับ จริงอยู่ที่คุณรัชตะไม่ใช่นักการเมือง และการควบสองตำแหน่งนั้น มันไม่ผิดกฎหมาย เพียงแต่คุณรัชตะคงลืมไปสินะ “สามัญสำนึกต้องมาก่อนกฎหมาย” “จริยธรรมและคุณธรรมต้องมาก่อนกฎหมาย” มิเช่นนั้นมันจะแตกต่างกับเหล่านักการเมืองที่คุณรัชตะเพียรต่อต้านหรือครับ
หรือการเรียกร้องจิตสำนึกของนักการเมือง การเรียกร้องจริยธรรมของนักการเมือง เป็นเพียงวาทกรรม เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งเท่านั้นเอง
คุณรัชตะครับ ความเป็นหมอก็ต้องมีจริยธรรมของการเป็นหมอ การเป็นอธิการบดีก็ต้องมีจริยธรรมของการเป็นอธิการบดี การเป็นรัฐมนตรี แม้ไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็เป็นข้าราชการการเมือง ดังนั้นสมควรแล้วหรือครับที่คุณรัชตะจะควบสองตำแหน่งโดยไม่แคร์กับกระแสสังคม?
คุณรัชตะครับ มีกรรมการสองท่านในมหาวิทยาลัยของท่าน เมื่อได้รับตำแหน่งทางการเมือง ยังรู้จักละอายพอที่จะรีบลาออก โดยไม่ต้องรอให้ใครเอาปี๊บมาคลุมหัวไล่ แล้วอธิการบดีอย่างท่านละครับ จะทนไปถึงวันที่ 15 ตุลาคมเชียวหรือ
ทำไมไม่ถือโอกาสนี้ สร้างต้นแบบ สร้างแบบอย่างให้เหล่านักศึกษาเห็นความแตกต่างระหว่างคนดีอย่างคุณรัชตะกับนักการเมืองผู้เลวร้ายล่ะครับ ทำไมไม่ทำให้สังคมรับรู้ถึงการเสียสละ โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่ง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างที่คุยนักคุยหนาล่ะครับ
นักศึกษาของท่านยอมเสียสละชั่วโมงการเรียน เพื่อเข้าชุมนุมกับพวกท่าน ก็เพราะต้องการการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่หรือครับ แล้วคุณรัชตะล่ะครับ จะไม่ยอมเสียสละเพื่อให้สังคมได้เห็นถึง การทำเพื่อชาติโดยไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตน
แต่ถ้าคุณรัชตะยังเสียดาย จนยอมที่จะผิดกฎของทางมหาวิทยาลัยที่ต้องการให้มหาวิทยาลัยปลอดการเมือง
แต่ถ้าคุณรัชตะยังเสียดาย จนยอมทิ้งสปิริตทางจิตวิญญาณด้วยการทำงานสองอย่างที่มีลักษณะแตกต่างกัน
แต่ถ้าคุณรัชตะยังเสียดาย แล้วต่อไปจะสอนลูกศิษย์ได้อย่างไรว่า อธิการบดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ผมจึงอยากเห็นคุณรัชตะผู้ที่เป็นถึงอธิการบดีทำตัวให้แตกต่างจากนักการเมืองที่คุณรัชตะรังเกียจ เป็นคุณรัชตะที่ไม่เคยเห็นผลประโยชน์ส่วนตัวมากไปกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ และยังเป็นแบบอย่างให้เหล่าคนที่ยกตัวเองเป็นคนดี ได้ปฏิบัติตามสมกับที่โอ้อวดเป็นคนดีเสียที
ดังนั้นผมจึงได้แต่มุ่งหวังว่า เมื่อคุณรัชตะเข้าใจอะไรที่สังคมคลางแคลง เข้าใจประเด็นที่สังคมสงสัย แล้วรีบลาออกเสียตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เพื่อทำงานในหน้าที่ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพียบพร้อมด้วยคุณภาพ และคงไม่ต้องรอถึงการประชุมสภามหาวิทยาลัยในวันที่ 15 ตุลานะครับ