หึๆๆๆ ภาษีมรดกจพเก็บ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
แต่ที่แน่และง่ายๆคือ Vat10% มาแน่นอน
จับตา “ภาษีมรดก” ยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจล่าช้า และมีสิทธิ์แท้งได้เหมือนรัฐบาลพรรคการเมืองที่ผ่านมา วงในระบุ สมาชิก สนช.หลายกลุ่มไม่เห็นด้วย-แม้เป็นข้าราชการ ก็จัดอยู่ในกลุ่มคนรวย มีทรัพย์สินกว่า 50 ล้านบาท ขณะที่บรรดาพ่อค้า นักธุรกิจ นักการเมือง รู้ช่องทางเลี่ยงภาษีมรดก ด้านกระทรวงการคลังต้องตอบโจทย์ว่าทุกคนที่ได้รับมรดกเกิน 50 ล้านต้องจ่ายภาษีใช่หรือไม่
นโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการขยายฐานการจัดเก็บภาษีไปยังภาษีประเภทใหม่ เช่น ภาษีมรดก ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจและวิพากษ์วิจารณ์กันในขณะนี้ โดยฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าการจัดเก็บภาษีมรดก นอกจากจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังสามารถลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้
ส่วนอีกฝ่ายเชื่อว่านโยบายนี้ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง เพราะคนรวยหรือบรรดาเศรษฐี นักธุรกิจ จะรู้จักวิธีการหลบเลี่ยงและบางรายมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญชี้ช่องทางจึงสามารถดำเนินการเลี่ยงภาษีได้โดยง่าย
ดังนั้นแม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะบอกว่าภาษีมรดกที่จะออกมาบังคับใช้นั้น ไม่กระทบกับคนยากจน และผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับมรดกตกทอดก็ตาม แต่ก็มีความเสี่ยงว่ากฎหมายฉบับนี้อาจจะถูกดึงเรื่องไว้ หรือล้มแบบไม่เป็นท่าก็ได้
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ช่วงแรกที่มีการออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะคลอดกฎหมายภาษีมรดก ออกมาเพื่อจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมนั้น ดูจะได้รับเสียงขานรับจากชนชั้นกลาง และคนยากคนจน ที่ไม่มีทรัพย์สินและมรดกที่จะตกทอดมายังทายาทต่างๆ ส่วนคนที่มีทรัพย์สินอยู่บ้าง ก็จะเกิดแรงกระเพื่อม เพราะภาษีมรดกนั้นจะทำให้ทายาทที่ได้รับมรดกต้องไปหาเงินมาเสียภาษีให้รัฐ
ดังนั้นเมื่อกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ออกมาประกาศชัดเจนว่า การจัดเก็บภาษีมรดกจะไม่ให้กระทบกับผู้มีรายได้น้อย และจะเก็บกับผู้ที่มีมรดกโอนให้ลูกหลานเกิน 50 ล้านขึ้นไปจึงจะเข้าข่ายเสียภาษีมรดก โดยทรัพย์สินที่เป็นมรดกนั้นจะต้องมีการขึ้นทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์ เช่น รถยนต์ บ้าน ที่ดิน เงินฝากหรือพันธบัตร หุ้น เป็นต้น
สนช.เตะตัดขาภาษีมรดก จับตา “บิ๊กตู่” หาทางถอย!
แต่ที่แน่และง่ายๆคือ Vat10% มาแน่นอน
จับตา “ภาษีมรดก” ยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจล่าช้า และมีสิทธิ์แท้งได้เหมือนรัฐบาลพรรคการเมืองที่ผ่านมา วงในระบุ สมาชิก สนช.หลายกลุ่มไม่เห็นด้วย-แม้เป็นข้าราชการ ก็จัดอยู่ในกลุ่มคนรวย มีทรัพย์สินกว่า 50 ล้านบาท ขณะที่บรรดาพ่อค้า นักธุรกิจ นักการเมือง รู้ช่องทางเลี่ยงภาษีมรดก ด้านกระทรวงการคลังต้องตอบโจทย์ว่าทุกคนที่ได้รับมรดกเกิน 50 ล้านต้องจ่ายภาษีใช่หรือไม่
นโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการขยายฐานการจัดเก็บภาษีไปยังภาษีประเภทใหม่ เช่น ภาษีมรดก ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจและวิพากษ์วิจารณ์กันในขณะนี้ โดยฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าการจัดเก็บภาษีมรดก นอกจากจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังสามารถลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้
ส่วนอีกฝ่ายเชื่อว่านโยบายนี้ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง เพราะคนรวยหรือบรรดาเศรษฐี นักธุรกิจ จะรู้จักวิธีการหลบเลี่ยงและบางรายมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญชี้ช่องทางจึงสามารถดำเนินการเลี่ยงภาษีได้โดยง่าย
ดังนั้นแม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะบอกว่าภาษีมรดกที่จะออกมาบังคับใช้นั้น ไม่กระทบกับคนยากจน และผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับมรดกตกทอดก็ตาม แต่ก็มีความเสี่ยงว่ากฎหมายฉบับนี้อาจจะถูกดึงเรื่องไว้ หรือล้มแบบไม่เป็นท่าก็ได้
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ช่วงแรกที่มีการออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะคลอดกฎหมายภาษีมรดก ออกมาเพื่อจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมนั้น ดูจะได้รับเสียงขานรับจากชนชั้นกลาง และคนยากคนจน ที่ไม่มีทรัพย์สินและมรดกที่จะตกทอดมายังทายาทต่างๆ ส่วนคนที่มีทรัพย์สินอยู่บ้าง ก็จะเกิดแรงกระเพื่อม เพราะภาษีมรดกนั้นจะทำให้ทายาทที่ได้รับมรดกต้องไปหาเงินมาเสียภาษีให้รัฐ
ดังนั้นเมื่อกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ออกมาประกาศชัดเจนว่า การจัดเก็บภาษีมรดกจะไม่ให้กระทบกับผู้มีรายได้น้อย และจะเก็บกับผู้ที่มีมรดกโอนให้ลูกหลานเกิน 50 ล้านขึ้นไปจึงจะเข้าข่ายเสียภาษีมรดก โดยทรัพย์สินที่เป็นมรดกนั้นจะต้องมีการขึ้นทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์ เช่น รถยนต์ บ้าน ที่ดิน เงินฝากหรือพันธบัตร หุ้น เป็นต้น