รัฐเล็งยืดจ่ายหนี้จำนำข้าวยาว30ปี
“ปรีดิยาธร” เผยแผนสางหนี้จำนำข้าว 7 แสนล้านบาท
เล็งขยายระยะเวลาชำระหนี้จาก 5 ปีเป็น 30 ปี
ไม่ชำระหนี้ใน 10 ปีแรก อัดข้าวไทยเผชิญความชั่วมา 2 ปี
ชี้ส่งออกข้าวไทยจะดีขึ้นใน 3 ปีข้างหน้า
ด้าน"พาณิชย์"ตั้งมิสเตอร์ข้าวดูแล
พร้อมร่วม 5 องค์กรชาวนาเกาะติดราคาข้าวเริ่มสัปดาห์หน้า
ยันราคาข้าวเปลือกไม่ต่ำกว่า 8,500 บาทต่อตัน
ผลพวงจากการจำนำข้าวสร้างภาระหนี้ให้รัฐบาลมากกว่า 7แสนล้าน
ส่งผลให้รัฐบาลขาดเงินในโครงการลงทุน
ทำให้ต้องวางแผนในการยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไปให้นานที่สุด
โดยอาจใช้เวลายาว 30 ปี
ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างการชี้แจงนโยบายรัฐบาล
ให้กับหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า
รัฐบาลจะเร่งบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่เกิดขึ้นมาในช่วงรัฐบาลก่อน
โดยเฉพาะหนี้ที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว
ที่ส่งผลให้เกิดภาระหนี้สูงถึง 7 แสนล้านบาท
โดยจะขยายระยะเวลาใช้หนี้ออกไปเป็น 30 ปี
โดยในช่วง 10 ปีแรกวางแผนว่าจะยังไม่มีการชำระหนี้
เนื่องจากหากใช้หนี้ตามแผนเดิมที่วางไว้ว่าจะต้องชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 5 ปี
แต่การใช้หนี้ให้แล้วเสร็จใน 5 ปี จะส่งผลให้ไม่มีงบประมาณแผ่นดินมาใช้ในการพัฒนาประเทศด้านอื่น
โดยแนวทางการขยายเวลาการชำระหนี้เป็นแนวทางที่ทำได้และไม่มีความน่าเป็นห่วง
“เดิมสินค้าเกษตรของไทยเป็นจุดแข็งอันดับต้นๆ ของโลกมาตลอด
เช่น ยางพาราเป็นอันดับหนึ่ง น้ำตาลเป็นอันดับสอง
แต่ข้าวเจอความชั่วไป 2 ปี เป็นอันดับที่สาม
ซึ่งคาดว่าอีก 3 ปี ไทยจะกลับมาส่งออกข้าวได้อันดับหนึ่งเนื่อง
จากตลาดส่งออกข้าวยังอยู่ในมือผู้ส่งออก” ม.ร.ว.ปรีดียาธรกล่าว
สำหรับแนวทางการดูแลผลผลิตทางการเกษตร จะต้องทำให้สำเร็จภายใน 1 ปี
โดยปรับวิธีการให้เหมาะสม ซึ่งพืชแรกที่จะเร่งแก้ไขคือ ยางพาราที่มีปัญหาราคาตกต่ำ
เพราะปัจจุบันการใช้ยางพาราในประเทศมีสัดส่วนเพียง 10%
จึงต้องหาแนวทางส่งเสริมเพิ่มขึ้น เช่น การส่งเสริมให้กลุ่มสหกรณ์แปรรูปเพิ่มมูลค่า
และส่งเสริมให้สหกรณ์เพิ่มบทบาทในการแปรรูปและส่งออกเพื่อเพิ่มการต่อรองกับผู้ส่งออกรายใหญ่
ขณะเดียวกันยังต้องทำควบคู่กับภาคอุตสาหกรรมที่จะเน้นการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้
และยังขอฝากให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงมหาดไทยเร่งแก้ไขปัญหาก
การลักลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรมในเขตชุมชนอย่างรวดเร็ว
กดลิงค์เพื่ออ่านฉบับเต็มค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20140918/605562/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A730%E0%B8%9B%E0%B8%B5.html
ที่มา : bangkokbiznews 20/09/2557
…………………………………………………………………………………………………
นี่คือผลิตผลของนโยบายพรรคเพื่อไทยที่ภูมิใจเสนอต่อประชาชนไทย..
“ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
นโยบายที่อ้างนักหนาว่า
“ช่วยชาวนา”...แต่ไม่บอกว่า
ชาวนาที่ร่ำรวยก็ได้ประโยชน์จากงบช่วยเหลือครั้งนี้(ที่ไม่สมควรต้องช่วยเลย)
จนถึงชาวนาระดับปานกลาง ที่ก็ไม่อยู่ในฐานะเดือดร้อนมากจนต้องช่วยขนาดนี้ด้วย
แต่กลุ่มชาวนายากจนที่สังคมยินดีช่วยกลับได้เพียงเศษเสี้ยวของเงินภาษีที่รัฐทุ่มไป!!
<><> รัฐขอยืดหนี้ เพราะต้องจัดสรรงบประมาณมาลงทุนพัฒนาประเทศก่อน <><>
“ปรีดิยาธร” เผยแผนสางหนี้จำนำข้าว 7 แสนล้านบาท
เล็งขยายระยะเวลาชำระหนี้จาก 5 ปีเป็น 30 ปี
ไม่ชำระหนี้ใน 10 ปีแรก อัดข้าวไทยเผชิญความชั่วมา 2 ปี
ชี้ส่งออกข้าวไทยจะดีขึ้นใน 3 ปีข้างหน้า
ด้าน"พาณิชย์"ตั้งมิสเตอร์ข้าวดูแล
พร้อมร่วม 5 องค์กรชาวนาเกาะติดราคาข้าวเริ่มสัปดาห์หน้า
ยันราคาข้าวเปลือกไม่ต่ำกว่า 8,500 บาทต่อตัน
ผลพวงจากการจำนำข้าวสร้างภาระหนี้ให้รัฐบาลมากกว่า 7แสนล้าน
ส่งผลให้รัฐบาลขาดเงินในโครงการลงทุน
ทำให้ต้องวางแผนในการยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไปให้นานที่สุด
โดยอาจใช้เวลายาว 30 ปี
ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างการชี้แจงนโยบายรัฐบาล
ให้กับหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า
รัฐบาลจะเร่งบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่เกิดขึ้นมาในช่วงรัฐบาลก่อน
โดยเฉพาะหนี้ที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว
ที่ส่งผลให้เกิดภาระหนี้สูงถึง 7 แสนล้านบาท
โดยจะขยายระยะเวลาใช้หนี้ออกไปเป็น 30 ปี
โดยในช่วง 10 ปีแรกวางแผนว่าจะยังไม่มีการชำระหนี้
เนื่องจากหากใช้หนี้ตามแผนเดิมที่วางไว้ว่าจะต้องชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 5 ปี
แต่การใช้หนี้ให้แล้วเสร็จใน 5 ปี จะส่งผลให้ไม่มีงบประมาณแผ่นดินมาใช้ในการพัฒนาประเทศด้านอื่น
โดยแนวทางการขยายเวลาการชำระหนี้เป็นแนวทางที่ทำได้และไม่มีความน่าเป็นห่วง
“เดิมสินค้าเกษตรของไทยเป็นจุดแข็งอันดับต้นๆ ของโลกมาตลอด
เช่น ยางพาราเป็นอันดับหนึ่ง น้ำตาลเป็นอันดับสอง
แต่ข้าวเจอความชั่วไป 2 ปี เป็นอันดับที่สาม
ซึ่งคาดว่าอีก 3 ปี ไทยจะกลับมาส่งออกข้าวได้อันดับหนึ่งเนื่อง
จากตลาดส่งออกข้าวยังอยู่ในมือผู้ส่งออก” ม.ร.ว.ปรีดียาธรกล่าว
สำหรับแนวทางการดูแลผลผลิตทางการเกษตร จะต้องทำให้สำเร็จภายใน 1 ปี
โดยปรับวิธีการให้เหมาะสม ซึ่งพืชแรกที่จะเร่งแก้ไขคือ ยางพาราที่มีปัญหาราคาตกต่ำ
เพราะปัจจุบันการใช้ยางพาราในประเทศมีสัดส่วนเพียง 10%
จึงต้องหาแนวทางส่งเสริมเพิ่มขึ้น เช่น การส่งเสริมให้กลุ่มสหกรณ์แปรรูปเพิ่มมูลค่า
และส่งเสริมให้สหกรณ์เพิ่มบทบาทในการแปรรูปและส่งออกเพื่อเพิ่มการต่อรองกับผู้ส่งออกรายใหญ่
ขณะเดียวกันยังต้องทำควบคู่กับภาคอุตสาหกรรมที่จะเน้นการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้
และยังขอฝากให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงมหาดไทยเร่งแก้ไขปัญหาก
การลักลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรมในเขตชุมชนอย่างรวดเร็ว
กดลิงค์เพื่ออ่านฉบับเต็มค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่มา : bangkokbiznews 20/09/2557
…………………………………………………………………………………………………
นี่คือผลิตผลของนโยบายพรรคเพื่อไทยที่ภูมิใจเสนอต่อประชาชนไทย..
“ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
นโยบายที่อ้างนักหนาว่า “ช่วยชาวนา”...แต่ไม่บอกว่า
ชาวนาที่ร่ำรวยก็ได้ประโยชน์จากงบช่วยเหลือครั้งนี้(ที่ไม่สมควรต้องช่วยเลย)
จนถึงชาวนาระดับปานกลาง ที่ก็ไม่อยู่ในฐานะเดือดร้อนมากจนต้องช่วยขนาดนี้ด้วย
แต่กลุ่มชาวนายากจนที่สังคมยินดีช่วยกลับได้เพียงเศษเสี้ยวของเงินภาษีที่รัฐทุ่มไป!!