เลิฟซิก-ฮอร์โมน ทำอะไรคนดูถึงติดงอมแงม -- เดลินิวส์ออนไลน์ วันพฤหัสบดี 18 กันยายน 2557

"ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น" และ "เลิฟซิก เดอะซีรี่ส์" ละครซีรี่ส์เฉพาะกลุ่มสองเรื่องใหม่ถูกใจวัยรุ่น เพราะอะไรถึงทำให้ละครตกเป็นกระแสได้ดีจนมีการพูดถึงบนสื่ออินเทอร์เน็ตอย่างล้นหลาม


จากการเติบโตของสื่อวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทยและการเปลี่ยนผ่านจากระบบอะนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอล ทำให้วงการสื่อแขนงต่างๆ หันมาลงทุนในสื่อโทรทัศน์ดิจิตอลมากขึ้น ทั้งในระบบฟรีทีวี และเคเบิล โดยสังเกตได้จากเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ที่มีอัตราการเติบโตร้อยละ 10 ต่อปี การผลิตเนื้อหาเพื่อป้อนเข้าสู่รายการช่องโทรทัศน์จึงมีมากขึ้น ไม่ถูกจำกัดเนื้อหาเหมือนในอดีต ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของคนสมัยนี้เริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะด้านความบันเทิงหลายคนเริ่มมองหาภาพยนตร์หรือละครซีรี่ส์แปลกใหม่ทั้งของไทยและต่างประเทศได้ง่ายขึ้น และพฤติกรรมการรับชมนี่เองทำให้วงการสื่อบันเทิงไทยได้เปลี่ยนไป

หลังจากที่มีการผลิตสื่อบันเทิงตอบโจทย์คนเฉพาะกลุ่มของละครซีรี่ส์เรื่อง "ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น" และ "เลิฟซิก เดอะซีรี่ส์" ในวันนี้ได้ทำให้วงการสื่อโทรทัศน์ไทย มีทางเลือกในการผลิตเนื้อหาหรือคอนเท้นต์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยจะเห็นว่าละครทั้งสองเรื่องนี้ไม่ได้ถูกนำมาฉายบนสื่อโทรทัศน์ในช่องกระแสหลักที่มีกลุ่มคนติดตามอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลับเลือกฉายบนช่องโทรทัศน์ที่มีผู้ติดตามน้อยกว่า และอีกเรื่องหนึ่งเลือกที่จะฉายในช่องเคเบิลของตัวเองและในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น จนกระทั้งสามารถสร้างเรตติ้งละครโทรทัศน์ของตัวเองได้อย่างล้นหลามทัดเทียมกับสื่อโทรทัศน์ช่องกระแสหลัก

ปัจจัยที่ทำให้ละครเรื่อง "ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น" และ "เลิฟซิก เดอะซีรี่ยส์" กลายเป็นละครเรตติ้งดีนั้น ก็เพราะว่าเนื้อหาหรือคอนเท้นต์ในละครเป็นเรื่องราวของคนสมัยใหม่ มีการสะท้อนถึงสภาพปัญหาและข้อเท็จจริงของสังคมไทยด้วยความเป็นจริง มีการหยิบเอาวิถีชีวิตของคนปัจจุบันมาเล่าในเรื่องราวใหม่จนสามารถสร้างผลกระทบต่อสังคมได้ทั้งในเชิงบวกและลบ สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนไทยในยุคสมัยนี้ได้อย่างดี ต่างจากละครสื่อโทรทัศน์ช่องกระแสหลักที่มักสร้างอิงจากนวนิยายที่ถ่ายทอดเรื่องราวในรูปแบบเดิมๆ มานานกว่า 30 ปี

ขณะเดียวกันปัจจัยที่ทำให้คนเลือกชมละครเฉพาะกลุ่มสองเรื่องนี้จนมีเรตติ้งที่ดีขึ้น และเป็นที่ฮือฮาในอินเทอร์เน็ตก็เพราะ ผู้ชมในยุคนี้มีสื่อเป็นเครื่องมือของตัวเอง โดยเฉพาะการใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่าง "ทวิตเตอร์" ที่พบว่ามีการติดแฮชแทก (#) ชื่อละคร พร้อมกับคำบรรยายความรู้สึกส่วนตัว โดยพฤติกรรมการใช้สื่อโซเชียลมีเดียดังกล่าวกลายเป็นคลื่นน้ำที่แแผ่ขยายต่อกันเป็นทอดๆ จนทำให้ผู้ชมคนอื่นๆ เกิดความรู้สึกอยากติดตามขึ้นมาบ้าง และบางรายอาจถึงขั้นอยากทวีตความรู้สึกนี้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เพราะอาจกลัวว่าตกเทรนด์นั่นเอง

ดังนั้นจะเห็นว่าละครยุคสมัยนี้มีปัจจัยมากมายทำให้เกิดกระแสได้ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือเนื้อหาหรือคอนเท้นต์ที่มีความใกล้ชิดกับคนไทยมากกว่าเรื่องเทพบุตรนิยายชวนเพ้อฝัน ซึ่งไม่สามารถตอบโจทย์คนไทยที่มีพฤติกรรมวิพากษ์วิจารณ์และยึดหลักในความถูกต้องเป็นจริงในขณะนี้ได้

เดลินิวส์ออนไลน์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่