depressed girl notebook (บันทึกผู้ป่วยซึมเศร้า)

พอดีเขียนบันทึกลงบล็อกเลยเอามาแบ่งปันที่นี่ด้วยค่า

คำถามที่ไร้คำตอบ
สิ่งนึงที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าการเป็นโรคซึมเศร้ามันเป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่าหลายสิ่ง คือการไม่รู้ว่ามันจะหายได้ยังไง จุดสิ้นสุดของความทุกข์ทรมาณมันอยู่ที่ตรงไหน  มันไม่มีคำตอบที่ตายตัวเลย  มันไม่เหมือนไข้หวัดที่แม้คุณจะทรมาณ เหนื่อย เพลีย ปวดหัวตัวร้อน กินข้าวไม่ลง แต่คุณก็รู้ว่าสักวันหนึ่งในไม่ช้า คุณก็จะกลับมาปกติ  ถ้าคุณอ้วนแล้วคุณอยากผอม คุณก็อย่าทานเยอะ ออกกำลังกาย  แต่กับอาการทางจิตที่เป็นหล่ะ มันไม่มีคำตอบตายตัวเลย ฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันควรจะทำอย่างไงให้ตัวเองกลับมาเป็นปกติได้  หลายคนบอกว่าพบจิตแพทย์ ทำตามที่จิตแพทย์สั่ง กินยา นู่นนี่นั่นดีที่สุด ฉันก็ทำตามนั้น ฉันไปพบจิตแพทย์ กินยาตามที่แพทย์สั่งไม่เคยขาด แต่สิ่งที่ฉันพบ จากการได้พูดคุยกับเพื่อนผู้ป่วยทางจิตเวชที่เจอ บางคนทานยามา 4 ปีบ้าง 6 บ้าง หนักกว่านั้นก็ล่อไป 8 ปี สิ่งที่ทุกคนพูดเหมือนๆกันคือ หยุดยาไม่ได้ หยุดแล้วอาการกำเริบ คนที่นอนไม่หลับก็บอกว่าหยุดแล้วนอนไม่หลับ อีกรายหนึ่งบอกว่าถ้าไม่ได้กินยาจะโมโหร้าย ถึงขั้นฆ่าลูกฆ่าผัวได้ ตอนนี้ก็กินมาปีที่ 6 แล้ว  อีกคนบอกฉันนอนไม่หลับ ถ้าไม่ได้กินยาจะนอนไม่ได้เลยนี่ก็กินมาปีที่ 8 แล้ว  ฉันฟังเสียงเล่าจากผู้ป่วยซึ่งวัยวุฒิก็เยอะกว่าฉันมากโขเล่า สิ่งที่คิดขึ้นมาตอนนั้นคือ  นี่ชีวิตกูต้องพึ่งยาไปตลอดชีวิตเลยเหรอ ไม่เอาเหอะกว่าจะตายคงได้เป็นโรคไตโรคตับไปอีกแน่ๆ อีกอย่างคือ แม้ฉันจะทานยาตามแพทย์สั่งแล้ว อาการหลายอาการก็ยังคงอยู่กับฉัน ฉันยังหวั่นไหวที่จะต้องออกไปเผชิญสังคม ฉันยังคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมงบนเตียงก่อนจะหลับไป ฉันยังหวาดกลัวความโหดร้ายของสังคม ฉันยังไม่ค่อยจะมีเพื่อน ยังเข้ากับใครไม่ค่อยจะได้ แพทย์ท่านหนึ่งของโรงบาลศรีธัญญากล่าวไว้ว่ามีแต่ยาที่ช่วยต้านเศร้า แต่ไม่มียาเปลี่ยนนิสัย ฉันตระหนักถึงสิ่งนี้ก่อนที่จะฟังคุณหมอท่านนี้จะพูดซะอีก ฉันจึงพยายามปรับเปลี่ยนนิสัยตัวเอง  ฉันรู้ดีว่านิสัยคิดมากของฉันเป็นส่วนหนึ่งของโรคนี้และฉันก็เลิกเป็นแบบนั้น ตั้งแต่ฉันอ่านหนังสือธรรมะที่สอนให้ปล่อยวาง ฉันแทบจะไม่เอาอะไรมาคิดให้หนักหัวเลย มีอะไรก็ บอกตัวเองว่า ช่างมัน และตอนนี้ฉันก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลด้วยซ้ำ เรียนก็ไม่มีปัญหาพอไปได้  แม้จะไม่มีเพื่อนเยอะแต่ก็มีเพื่อนที่ไปกินข้าวด้วยกันทุกวัน ไม่มีศัตรู ไม่มีคนเกลียด ไม่มีปัญหาครอบครัว ฉันคิดว่าชีวิตตอนนี้มันดีมากแล้ว แต่พอถึงเวลานอนฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงนอนไม่หลับ ฉันต้องทาน lorazepam 0.5 mg ทุกวันเพื่อช่วยให้ฉันหลับ นอกจากคำแนะนำเรื่องเปลี่ยนนิสัยอย่าคิดมากแล้ว ฉันก็ออกกำลังกายทุกวันเพราะได้ยินเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาโรคซึมเศร้า อีกอันที่คนแนะนำคือการปฏิบัติธรรม ฉันก็ไปเรียนรู้วิธีปฏิบัติโดยการเข้าคอร์สสิบวันที่เคร่งที่สุด มีกฎระเบียบเคร่งครัด ปิดวาจา เมื่อฉันเรียนรู้ฉันก็นำกลับมาปฏิบัติต่อทุกวัน  บางครั้งเหมือนอาการเริ่มจะดีขึ้น แต่จนวันนี้ฉันปฏิบัติธรรมต่อเนื่องมา 4 เดือน การนอนหลับของฉันก็ยังไม่ดีขึ้น ฉันยังต้องพึ่งยานอนหลับถึงจะหลับได้  ฉันทำทุกอย่างที่คิดว่าจะช่วยให้ฉันกลับมาเป็นปกติ  กลับไปเป็นคนเดิม เมื่อ 4-5 ปีก่อน แค่ฉันกลับไปเป็นปกติ มันคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด กลับไปเป็นคนที่ไม่ต้องหวาดระแวง หัวถึงหมอนก็หลับทันที มันอาจฟังดูไม่พิเศษอะไร แต่สำหรับคนที่เคยผ่านอาการซึมเศร้าอย่างหนัก นอนหลับยาก ต้องพึ่งยานอนหลับ สิ่งที่ดูจะธรรมดาที่สุดกลับเป็นสิ่งวิเศษ แต่ก็นั่นสินะ จนวันนี้แม้ฉันพยายามหาทางออกหลายทาง แต่ก็ยังไร้คำตอบ ว่าฉันต้องทำยังฉันจะกลับไปเป็นคนธรรมดาคนนึง ……

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบล็อกนะคะ บทความนี้เขียนจากความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ใครมีอะไรอยากแนะนำติชม หรือพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์โปรดอีเมลล์มาค่ะ จะดีใจมากถ้าได้คุยกัน stubbornyginger@gmail.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่