อย่าลืม!เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน

อย่างที่บอกตามหัวข้อเลยนะครับ แต่ขอย้ำว่าเราต้องเป็น"ฝ่ายถูก" ถึงจะสามารถเรียกร้องค่าสินไหมได้ (แต่กรณีนี้ประกันชั้น 1 ทั้งคู่)

โดยอยากจะนำมาแบ่งปันสิ่งดีๆที่เป็นสิทธิ์ของเราที่เราสามารถทำได้ การเรียกร้องนั้นก็ทำได้ง่ายมาก จึงขอมาเล่าประสบการณ์ที่ตัวผมเองเพิ่งจะไปเรียกร้องมาเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง หลังจากที่ได้ศึกษาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ต แต่ขอบอกเลยว่าขั้นตอนไม่ยุ่งยาก วิธีที่ดีที่สุดโทรไปถามเจ้าหน้าที่ของบ.ประกันภัยคู่กรณีว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง โดยจะขอเล่าถึงประสบการณ์และขั้นตอนการเรียกร้องที่เราสามารถทำได้ ดังนี้

1. เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุเคลียอะไรเสร็จแล้วให้เราถ่ายรูปใบเคลมของคู่กรณีที่เห็นส่วนหัวของเลขรับเรื่อง วันที่ ทะเบียนรถให้ชัดเจน (เพราะใบเคลมใบนี้บ.ประกันภัยของเราจะเก็บไปและจะออกใบเคลมในนามบ.ประกันภัยของเรา)
2. เมื่อรถซ่อมเสร็จแล้วให้เราขอสำเนาใบรับรถที่มีวันที่นำรถเข้าและวันที่นำรถออกที่ชัดเจน (กรณีนี้ผมนำรถเข้าศูนย์และทางศูนย์ถ่ายสำเนาเป็นเอกสารเกี่ยวกับรายการซ่อมทั้งหมด ซึ่งจะมีวันที่นำรถเข้าและวันที่ไปรับรถ)
3. ต้องบอกก่อนว่าเอกสารในข้อนี้ทางผมโทรไปถามบ.คู่กรณีว่าใช้อะไรบ้าง (ซึ่งถ้าใครเคยศึกษาข้อมูลที่มีคนนำมาแชร์ๆกันจะแนะนำว่าให้เขียนเป็นจดหมายบันทึก ขอสำเนาการซ่อมพร้อมรูปถ่ายทั้งหมด อะไรพวกนี้ผมเห็นว่าไม่จำเป็นเลย) ซึ่งสิ่งที่ใช้ คือ
    3.1 สำเนาทะเบียนเล่มรถ
    3.2 ใบขับขี่
    3.3 หนังสือมอบอำนาจ (กรณีที่เจ้าของรถไม่ได้ไปเรียกร้องเอง)
    3.4 สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากของเจ้าของรถ
    3.5 เอกสารข้อที่ 1 และ 2
หลังจากเตรียมเอกสารอะไรเรียบร้อยแล้วก็หาวันไปยื่นเรื่องเพื่อเจรจาเรียกร้องค่าสินไหมฯ กรณีของผมนี้ทางบริษัทประกันภัยของคู่กรณีให้ไปยื่นเรื่องเอง ไม่มีการส่งเป็นแฟกซ์หรือให้เจ้าหน้าที่มาเจรจาทางโทรศัพท์ ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงในการเจรจา

ปล.จะขอเล่าถึงวันที่ไปเจรจานิดนึงนะครับ
โชคดีที่บ.ประกันฯอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิสเท่าไหร่เลยเข้ามาสแกนบัตรแล้วก็ขออนุญาตผู้จัดการแวบไปแปปนึง พอเดินทางไปถึงก็กดบัตรคิว ยื่นเรื่อง รอสักพักนึงจะมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้เราเข้าไปในห้อง พอเดินไปในห้องนั่งลงอะไรเรียบร้อยคำพูดแรกของเจ้าหน้าที่ที่มาเจรจาคือ

"พี่บอกได้ก่อนเลยนะครับเรทที่ให้ได้ของบ.คือ 300" .....ในใจผมคิดผมต้องได้มากกว่านั้น เราจะเสียเปรียบไม่ได้ มันเป็นสิทธิ์ของเรา

หลังจากนั้นผมก็ได้ทำการต่อรองพูดนู้นพูดนี่ ซึ่งจริงๆแล้ววันที่ไม่มีรถใช้มันก็ลำบากจริงๆเพราะจากบ้านมาทำงานรถไฟฟ้า รถใต้ดิน ไม่มีต้องต่อรถ ลง  เรือ นั่งรถเมล์ หรือถ้าจะนั่งรถไฟฟ้า รถใต้ดิน ก็เสียหลายต่อ เจรจาไปเจรมาขยับขึ้นมากว่าเดิมนิดหน่อยเป็น 400 บาท

.....ยังๆๆๆผมยังไม่ยอม ไหนๆรถก็เสียหายเยอะถึงขั้นเปลี่ยนประตูใหม่บานนึง เจรจาต่อไป.....

คุยนู้นคุยนี่ไปเรื่อยๆ บางจังหวะก็ต่างคนต่างหยุดนั่งคิดจะเอาไงดี เจ้าหน้าที่ก็กดเครื่องคิดเลขโอเคมั้ยราคานี้ แล้วก็มีคำพูดของเจ้าหน้าที่อีก

"น้องก็ต้องเห็นใจพี่บ้างนะ บ.เค้าให้พี่มาเจรจา พี่จะทำตามน้องไม่ได้หรอก"  ......พี่ก็ต้องเห็นใจผมบ้างดิ ไหนจะเสียค่ารถมา ไหนจะต้องไปไซต์งานอีก
"พี่ก็เค้าใจน้องนะ บางคนก็นั่งรถมาไกล บางคนก็อยู่ใกล้ๆแต่เรียกแพง"  ......เอางี้พี่ผมขอเพิ่มได้มั้ย วันละ 600

เจ้าหน้าที่กดเครื่องคิดเลขต่อไป ซึ่งระหว่างที่เจรจาบอกได้เลยว่าเหมือนผมไปง้อขอเงินกับบ.ประกันภัยมาก แต่ก็คิดในแง่ดีว่ามันเป็นหน้าที่เค้า เค้าต้องเจรจาต่อรอง และมันก็เป็นสิทธิ์ของเราที่เราพึงจะได้ โดยกริยาท่าทางของเจ้าหน้าที่ในช่วงที่คุยกันไม่เคยสบตามองตาเลย สายตาจ้องอยู่แต่เอกสาร จะพูดอะไรก็พูดออกมา เหมือนจะให้มันจบเร็วๆที่สุด พูดกันไปพูดกันมามีคำพูดของเจ้าหน้าที่อีก

"น้องรู้ได้ไงครับ ถึงมาเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน" ......ผมตอบกลับไปอ่อ...ผมศึกษาและเรียนรู้มาแล้วครับ ว่ามันสามารถเรียกร้องได้ ^^

แอบคิดใจก็เพราะบ.ประกันภัยรู้ดีว่าส่วนใหญ่คนไม่ค่อยรู้และก็ไม่ค่อยมีใครมาเรียกร้องกัน ซึ่งกรณีนี้ผมก็ได้ถามกับเจ้าหน้าที่ประกันของผมเหมือนกันเค้าก็บอกว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนเรียกร้องหรอกมันเสียเวลา แต่ผมกลับมองว่ามันเป็นสิทธิ์ของเราถึงแม้ว่ารถจะเข้าซ่อมเพียงแค่วันสองวันก็ตามเถอะ
ยังไม่จบหลังจากผมเรียกไป 600 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มองว่ามันเยอะไปนิดนึงและเห็นท่าทางผมไม่ยอมง่ายๆ ณ ตอนนั้น จนมีคำมาต่อรองว่า

"เอาอย่างนี้ถ้าน้องเอาราคานี้ พี่ให้เงินสดเลยตอนนี้"    ผมนิ่งไม่พูดไร จนผมพูดไปว่า..........ผมขอมากกว่านี้ละกันพี่ มันไม่ไหวอ่ะ ผมขอละกันนะ

"พี่บอกได้เลย ถ้าน้องไม่ยอมน้องก็ไปเรียกร้องกับศูนย์(ไม่แน่ใจว่าคือ สคบ. หรือ คปภ.)ได้เลย แต่พี่ก็เข้าใจว่ามันเสียเวลา ไหนจะต้องให้คู่กรณีมายืนยัน และเผลอๆเงินที่เรียกร้องก็อาจจะให้เรตเท่ากับ 300 ตามบ.ประกันภัย"   ......ผมนั่งฟัง.........จนสักพัก......เอานะพี่ผมขอตามนี้ช่วยผมละกัน

จนเวลาผ่านไปสักพัก เจ้าหน้าที่กดเครื่องคิดเลขออกมาจนได้ตัวเลขที่จะให้ แต่มันมีส่วนต่างที่ 500 บาท

"โอเคนะ พี่ให้ราคาได้เท่านี้"   ........ผมขอได้มั้ยพี่ส่วนต่างนี้อ่ะ
"พี่มีหน้าที่เจรจา ยังไงพี่ก็ให้ไม่ได้หรอก พี่ขอละกันถ้าพี่ให้ไปบ.ก็จะหาว่าพี่ไม่เจรจา"   .......ในเมื่อบ.มาให้พี่เจรจาส่วนต่างนี้ผมขอเต็มๆไม่ได้หรอ พี่ก็บอกว่าพี่เจรจาแล้ว

นิ่งพร้อมกับเปิดเอกสารไปมา สถานการณ์ตอนนั้นคงอยากจะให้มันจบๆไปสักที ในใจอยากจะถามเจ้าหน้าที่ไปว่า...เงินส่วนต่างพี่เอาไปเองหรอครับถึงให้ผมไม่ได้ในเมื่อมันก็คือเงินบ. หรือว่าพี่จะได้ปอร์เซ็นต์ในการต่อรอง แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปเพราะเกรงใจ
จนเวลาผ่านไป 10 นาทีกว่า

"เอาไงครับ ราคานี้โอเคมั้ย ให้ได้แค่นี้"   ..........ผมขอไม่ได้จริงๆหรอครับ (คิดในใจเอาวะ! ขี้เกียจและ ส่วนต่างแค่ 500 บาท เอาก็เอา)

ต่างคนต่างรอคำตอบ จนนาทีสุดท้าย

..........โอเคครับ งั้นตามนี้ (แอบเซ็งนิดๆ)
"เอกสารนี้ไปเขียนนะครับ" พร้อมกับลุกออกไปข้างนอก

ตอนสุดท้าย

"เงินเข้าตามนี้นะครับ ในบัญชีชื่อนี้ วันที่นี้ ถ้าไม่ได้ยังไงโทรมาตามเบอร์นี้"   ........ขอบคุณครับ

เห็นมั้ยครับว่าการเรียกร้องค่าสินไหมง่ายนิดเดียว หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่