พอดีไปคุ้ยข้อมูลแล้วเจอสัมภาษณ์อันนี้ เลยตั้งใจว่าถ้าวันนี้ทาคามินะเอา 'ชุดนั้น' มาใส่อีกจะแปลมาตั้งกระทู้
เดิมทีมีคนเอาแบบภาษาอังกฤษมาโพสแล้วนะครับ ใครที่เคยอ่านไปแล้วก็ข้ามไปนะครับ ต้องขออภัยที่ทำให้เสียเวลาคลิ้กเข้ามา
แต่ถ้าคุณยังฝืนจะอ่านอีกรอบ แล้วเกิดติดเบ็ดกลายเป็นโอชิทาคามินะขึ้นมา ผมไม่รับผิดชอบนะครับ....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/32158060
Q : ในปีที่แล้วดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยแน่ใจนักว่าควรจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ แล้วในปีนี้มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า?
“ปีนี้ฉันตัดสินใจได้ง่ายกว่าในปีที่ผ่านมามาก ยูโกะเองก็ได้ประกาศจบการศึกษาไปแล้ว
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆจะเริ่มมีความคิดว่า
'AKB กำลังอ่อนแอลง'
เพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้น ฉันในฐานะสมาชิกที่อยู่กับวงมายาวนานจึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้
แต่นั่นเป็นแค่เหตุผลส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งน่าจะเป็นฉันคิดว่าสิ่งนี้เป็นหนทางที่ฉันจะตอบแทนให้ทั้ง AKB และยูโกะ...
นอกจากนั้นสำหรับฉันแล้วการได้ร่วมอีเวนท์ต่างๆของ AKB เป็นการ
'เพิ่มพูนความทรงจำดีๆ' จากจุดที่ฉันยืนอยู่ ณ ขณะนี้ ฉันอยากจะเก็บเกี่ยวทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทำร่วมกับเหล่าสมาชิกและแฟนๆ แต่ที่พูดแบบนี้ออกไปไม่ได้หมายความว่าฉันกำลังจะประกาศจบการศึกษาหรืออะไรหรอกนะค่ะ (หัวเราะ)”
Q : ผมก็กำลังกังวลเรื่องนั้นอยู่เลย (หัวเราะ) คุณค่อนข้างเป็นกันเองมากในงานจับมือ กลุ่นแฟนๆของคุณคงจะต้องเป็นกลุ่มคนที่อบอุ่นมากแน่ๆ
“พวกเขาเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ ปีนี้ก็เช่นกัน ตอนที่ฉันสมัครเข้าร่วมเลือกตั้งพวกเขาบอกกับฉัน
เหมือนที่เคยบอกเมื่อปีที่ผ่านมาว่า
'ขอบคุณนะ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง'
แถมยังมีคนบอกกับฉันเสมอๆเลยว่าแฟนๆของฉันเป็นคนดีมาก
ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม พวกเขาจะคอยเป็นกำลังใจให้ฉันต่อไป
ในเรื่องการเลือกตั้งก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าฉันจะตัดสินใจถอนตัวจากการเลือกตั้ง ฉันคิดว่าพวกเขาก็น่าจะเข้าใจการตัดสินใจของฉัน
และนั่นทำให้ฉันอยากจะพยายามไปพร้อมๆกับพวกเขาในการเลือกตั้งครั้งนี้”
Q : แฟนๆของคุณมางานจับมือด้วยท่าทีเหมือนเวลาที่พวกเขาไปพบเพื่อนหรือเปล่า?
“ฉันคิดว่างานจับมือไม่ใช่แค่การพบปะกันระหว่างไอดอลและแฟนคลับ การที่คนสองคนได้มาเจอกัน
มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้นและสิ่งนี้เป็นทั้งแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจให้กับฉัน
วง THE ALFEE และคุณทาคามิซาวะ โทชิฮิโกะที่ฉันได้ร่วมงานด้วยในรายการ ‘Shin Domoto Kyoudai’ กำลังฉลองครบรอบ 40 ปีของวงในปีนี้ ซึ่งฉันประทับใจมาก เมื่อคิดว่ามีแฟนๆที่สนับสนุนและติดตามวงมาตลอด 40 ปี
นี่คงจะเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า
'มิตรสหายที่ได้ใช้ชีวิตผ่านยุคสมัยมาร่วมกัน'
มันน่ามหัศจรรย์นะ การได้แบ่งปันห้วงเวลาต่างๆกับกลุ่มคนที่คอยสนับสนุนเรา ในขณะที่เราตอบแทนพวกเขาด้วยสิ่งที่เราทำอยู่นี้
คงจะดีไม่น้อยถ้าฉันทำแบบนั้นได้บ้าง”
Q : เราได้คุยเรื่องนี้กันไปบ้างแล้วแต่ว่า ในความคิดของคุณ AKB48 ที่ไม่มีโอชิมะ ยูโกะเป็นเรื่องที่น่ากังวลหรือไม่?
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราประสบกับปัญหาทำนองนี้ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าคงตอบเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก
‘เราจะผ่านมันไปด้วยกัน' ”
Q : ในฐานะผู้จัดการทั่วไป คุณเป็นแนวหน้าที่คอยฉุด 48 Group ไปข้างหน้าเสมอๆ?
“แน่นอนว่าฉันรู้สึกแบบนั้น แต่ตราบเท่าที่ฉันคอย
‘ฉุด 48 Group ไปข้างหน้า’
นั่นหมายความว่า
‘ยังมีสมาชิกที่ต้องถูกดึงให้เดินหน้าต่อไป’ ใช่ไหมหละคะ?
ซึ่งสำหรับฉันแล้ว จากนี้ต่อไป 48 Group จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ
'ความมุ่งมั่นของเหล่าสมาชิกในการเป็น AKB’
ตลอดมาฉันทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อ AKB และหลังจากนี้ต่อไปก็จะยังคงเป็นเช่นนั้น
หลังจากนั้น เรือที่ชื่อ 48 Group นี้จะแล่นไปทางไหน ก็ขึ้นอยู่กับเหล่าสมาชิกที่ต้องเป็นผู้แบกรับอนาคตของกลุ่มต่อไป"
Q : คุณพูดเสมอว่า ‘ยูโกะเป็นเหมือนป้ายบิลบอร์ดของ AKB ที่ทุกคนคุ้นตา’ พอจะมีใครที่คุณคิดว่าจะเข้ามารับไม้ต่อในเรื่องนี้?
“ในความคิดของฉัน ฉันไม่คิดว่าจะมีใครสามารถเติมเต็มช่องว่างที่ยูโกะเคยยืนอยู่ได้
ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกคนไหนก็ตาม ไม่มีใครแทนใครได้อยู่แล้ว
ดังนั้นจะไม่มีใครแทนที่ยูโกะ และแทนที่จะพุ่งเป้าไปที่การเติมเต็มช่องว่างที่คนอื่นทิ้งเอาไว้
ทำไมไม่เป็นตัวของตัวเอง และเป็นที่จดจำในแบบของตัวเองละคะ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดละค่ะ (หัวเราะ)”
Q : แล้วคุณจะทำแบบนั้นอย่างไร?
“เริ่มจากลองทำสิ่งใหม่ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 48 Group เป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีป้ายบิลบอร์ดรูปโอชิมะ ยูโกะเป็นสัญลักษณ์ มันเหมือนกับ
‘ดูตรงนี้สิ AKB อยู่ทางนี้’
แต่หลังจากนี้ แม้จะเริ่มจากร้านเล็กๆ เหล่าสมาชิกทุกคนจะมีร้านเป็นของตัวเองที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน
และเมื่อรวมเข้าด้วยกันก็จะได้ AKB ซึ่งฉันคิดว่ามันน่าจะออกมาดูดีเลยละ
มันเหมือนการเปลี่ยนจากห้างสรรพสินค้าที่มีร้านเดียวครบวงจรในตัวเอง เป็นห้างที่เต็มไปด้วยร้านรวงมากมายที่ต่างก็มีเอกลักษณ์
และหากสิ่งเหล่านั้นปรับตัวเข้าหากัน ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ช่องว่างที่มีอยู่ก็จะได้รับการเติมเต็ม และเป็นการเพิ่มสเน่ห์ของ 48 Group อีกด้วย
มีเหล่าสมาชิกรุ่นใหม่มากมายที่กำลังพยายามอย่างหนัก เช่น 'สามทหารเสือ' (โอคาดะ นานะ, โคจิม่า มาโกะ, นิชิโนะ มิกิ),
โอวาดะ นานะจัง แล้วก็(มุไคจิ) มิองจังที่ยูโกะเป็นคนเลือกเป็นเซ็นเตอร์เพลง ‘Heavy Rotation’
ในหมู่สมาชิกมีหลายคนที่ฉันคิดว่าน่าจะโด่งดังในช่วงสองถึงสามปีต่อจากนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับพวกเธอก็ คือ ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันปกป้อง AKB แล้วละก็ มันจะไม่มีสองหรือสามปีต่อจากนี้หรอกนะ”
Q : ไม่เฉพาะแค่ยูโกะ แต่ช่วงหลังๆมานี้มีสมาชิกที่ต้องการจะก้าวไปข้างหน้าและจบการศึกษาใกล้ๆกันหลายคนทีเดียว
“ผลงานที่อัตจัง (มาเอดะ อัตสึโกะ), (อากิโมโตะ) ซายากะ, (ชิโนดะ) มาริโกะซามะ, แล้วก็โทโมะจิน (อิตาโนะ โทโมมิ) กำลังมีอยู่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับสมาชิกที่กำลังมองถึงสิ่งนั้น
เมื่อเปรียบเทียบความนิยมของพวกเธอในฐานะของ AKB กับความนิยมหลังจากที่จบการศึกษาไปแล้ว จะเห็นว่าพวกเธอไม่ได้โด่งดังแค่ในฐานะ AKB เท่านั้น และนั้นทำให้ฉันมีความหวัง
อย่างเช่น คิคุจิ (อายากะ) ที่มุ่งมั่นจะเป็นนางแบบ, ฮาจัง (คาตายามะ ฮารุกะ) ที่ตั้งเป้าว่าจะเป็นนักแสดงละครเวทีแนวหน้า
มันเป็นความปรารถนาของฉันที่อยากให้สมาชิกทุกคนที่จบการศึกษาออกไป ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
และถ้าหากเหล่าสมาชิกรุ่นใหม่จะเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นจากพวกเธอ จะเป็นอะไรที่ดีมากๆเลยละ”
Q : จากนี้ไปสมาชิกจะมีแนวโน้มที่จะจบการศึกษาเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่?
“AKB ก่อตั้งขึ้นด้วยความคิดที่ว่า จะเป็นที่ที่เหล่าสมาชิกได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาตนเองและไขว่คว้าความฝันจากสิ่งที่ได้เรียนรู้
ดังนั้นการมีสมาชิกจบการศึกษาเพิ่มขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าหรืออะไรทำนองนั้น หรือจะพูดว่า
'พวกเราเข้ามาใน AKB เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองในอนาคต' ก็ไม่ผิดซะทีเดียว
สิ่งที่ฉันกังวลกลับเป็นสมาชิกที่จะจบการศึกษาในอีกหลายปีต่อจากนี้
เพราะถ้าพวกเธอหลงไปกับความสำเร็จของ AKB ในตอนนี้โดยปราศจากการไตร่ตรองแล้ว นั่นก็เหมือนการปิดประตูเส้นทางสู่อนาคตของพวกเธอเอง
ในตอนนี้ 48 Group กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดี โดยทั่วไปในหนึ่งสัปดาห์เราจะมีถ่ายงานโฆษณาสองถึงสามงาน
ซึ่งจะมีการกำหนดวันเวลาเพื่อที่จะจัดการตารางงานของสมาชิกให้ตรงกัน โดยทีมงานจากหลากหลายงานที่เรามีกำหนดถ่ายจะมารวมกันในห้องอัดเดียวเพื่อที่เราจะสามารถทำงานอย่างต่อเนื่อง”
[AKB48][แปล] 2014 Election Book Interview - Takahashi Minami
เดิมทีมีคนเอาแบบภาษาอังกฤษมาโพสแล้วนะครับ ใครที่เคยอ่านไปแล้วก็ข้ามไปนะครับ ต้องขออภัยที่ทำให้เสียเวลาคลิ้กเข้ามา
แต่ถ้าคุณยังฝืนจะอ่านอีกรอบ แล้วเกิดติดเบ็ดกลายเป็นโอชิทาคามินะขึ้นมา ผมไม่รับผิดชอบนะครับ....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Q : ในปีที่แล้วดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยแน่ใจนักว่าควรจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ แล้วในปีนี้มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า?
“ปีนี้ฉันตัดสินใจได้ง่ายกว่าในปีที่ผ่านมามาก ยูโกะเองก็ได้ประกาศจบการศึกษาไปแล้ว
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆจะเริ่มมีความคิดว่า 'AKB กำลังอ่อนแอลง'
เพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้น ฉันในฐานะสมาชิกที่อยู่กับวงมายาวนานจึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้
แต่นั่นเป็นแค่เหตุผลส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งน่าจะเป็นฉันคิดว่าสิ่งนี้เป็นหนทางที่ฉันจะตอบแทนให้ทั้ง AKB และยูโกะ...
นอกจากนั้นสำหรับฉันแล้วการได้ร่วมอีเวนท์ต่างๆของ AKB เป็นการ 'เพิ่มพูนความทรงจำดีๆ' จากจุดที่ฉันยืนอยู่ ณ ขณะนี้ ฉันอยากจะเก็บเกี่ยวทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทำร่วมกับเหล่าสมาชิกและแฟนๆ แต่ที่พูดแบบนี้ออกไปไม่ได้หมายความว่าฉันกำลังจะประกาศจบการศึกษาหรืออะไรหรอกนะค่ะ (หัวเราะ)”
Q : ผมก็กำลังกังวลเรื่องนั้นอยู่เลย (หัวเราะ) คุณค่อนข้างเป็นกันเองมากในงานจับมือ กลุ่นแฟนๆของคุณคงจะต้องเป็นกลุ่มคนที่อบอุ่นมากแน่ๆ
“พวกเขาเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ ปีนี้ก็เช่นกัน ตอนที่ฉันสมัครเข้าร่วมเลือกตั้งพวกเขาบอกกับฉัน
เหมือนที่เคยบอกเมื่อปีที่ผ่านมาว่า 'ขอบคุณนะ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง'
แถมยังมีคนบอกกับฉันเสมอๆเลยว่าแฟนๆของฉันเป็นคนดีมาก
ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม พวกเขาจะคอยเป็นกำลังใจให้ฉันต่อไป
ในเรื่องการเลือกตั้งก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าฉันจะตัดสินใจถอนตัวจากการเลือกตั้ง ฉันคิดว่าพวกเขาก็น่าจะเข้าใจการตัดสินใจของฉัน
และนั่นทำให้ฉันอยากจะพยายามไปพร้อมๆกับพวกเขาในการเลือกตั้งครั้งนี้”
Q : แฟนๆของคุณมางานจับมือด้วยท่าทีเหมือนเวลาที่พวกเขาไปพบเพื่อนหรือเปล่า?
“ฉันคิดว่างานจับมือไม่ใช่แค่การพบปะกันระหว่างไอดอลและแฟนคลับ การที่คนสองคนได้มาเจอกัน
มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้นและสิ่งนี้เป็นทั้งแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจให้กับฉัน
วง THE ALFEE และคุณทาคามิซาวะ โทชิฮิโกะที่ฉันได้ร่วมงานด้วยในรายการ ‘Shin Domoto Kyoudai’ กำลังฉลองครบรอบ 40 ปีของวงในปีนี้ ซึ่งฉันประทับใจมาก เมื่อคิดว่ามีแฟนๆที่สนับสนุนและติดตามวงมาตลอด 40 ปี
นี่คงจะเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า 'มิตรสหายที่ได้ใช้ชีวิตผ่านยุคสมัยมาร่วมกัน'
มันน่ามหัศจรรย์นะ การได้แบ่งปันห้วงเวลาต่างๆกับกลุ่มคนที่คอยสนับสนุนเรา ในขณะที่เราตอบแทนพวกเขาด้วยสิ่งที่เราทำอยู่นี้
คงจะดีไม่น้อยถ้าฉันทำแบบนั้นได้บ้าง”
Q : เราได้คุยเรื่องนี้กันไปบ้างแล้วแต่ว่า ในความคิดของคุณ AKB48 ที่ไม่มีโอชิมะ ยูโกะเป็นเรื่องที่น่ากังวลหรือไม่?
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราประสบกับปัญหาทำนองนี้ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าคงตอบเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก ‘เราจะผ่านมันไปด้วยกัน' ”
Q : ในฐานะผู้จัดการทั่วไป คุณเป็นแนวหน้าที่คอยฉุด 48 Group ไปข้างหน้าเสมอๆ?
“แน่นอนว่าฉันรู้สึกแบบนั้น แต่ตราบเท่าที่ฉันคอย ‘ฉุด 48 Group ไปข้างหน้า’
นั่นหมายความว่า ‘ยังมีสมาชิกที่ต้องถูกดึงให้เดินหน้าต่อไป’ ใช่ไหมหละคะ?
ซึ่งสำหรับฉันแล้ว จากนี้ต่อไป 48 Group จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ 'ความมุ่งมั่นของเหล่าสมาชิกในการเป็น AKB’
ตลอดมาฉันทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อ AKB และหลังจากนี้ต่อไปก็จะยังคงเป็นเช่นนั้น
หลังจากนั้น เรือที่ชื่อ 48 Group นี้จะแล่นไปทางไหน ก็ขึ้นอยู่กับเหล่าสมาชิกที่ต้องเป็นผู้แบกรับอนาคตของกลุ่มต่อไป"
Q : คุณพูดเสมอว่า ‘ยูโกะเป็นเหมือนป้ายบิลบอร์ดของ AKB ที่ทุกคนคุ้นตา’ พอจะมีใครที่คุณคิดว่าจะเข้ามารับไม้ต่อในเรื่องนี้?
“ในความคิดของฉัน ฉันไม่คิดว่าจะมีใครสามารถเติมเต็มช่องว่างที่ยูโกะเคยยืนอยู่ได้
ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกคนไหนก็ตาม ไม่มีใครแทนใครได้อยู่แล้ว
ดังนั้นจะไม่มีใครแทนที่ยูโกะ และแทนที่จะพุ่งเป้าไปที่การเติมเต็มช่องว่างที่คนอื่นทิ้งเอาไว้
ทำไมไม่เป็นตัวของตัวเอง และเป็นที่จดจำในแบบของตัวเองละคะ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดละค่ะ (หัวเราะ)”
Q : แล้วคุณจะทำแบบนั้นอย่างไร?
“เริ่มจากลองทำสิ่งใหม่ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 48 Group เป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีป้ายบิลบอร์ดรูปโอชิมะ ยูโกะเป็นสัญลักษณ์ มันเหมือนกับ ‘ดูตรงนี้สิ AKB อยู่ทางนี้’
แต่หลังจากนี้ แม้จะเริ่มจากร้านเล็กๆ เหล่าสมาชิกทุกคนจะมีร้านเป็นของตัวเองที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน
และเมื่อรวมเข้าด้วยกันก็จะได้ AKB ซึ่งฉันคิดว่ามันน่าจะออกมาดูดีเลยละ
มันเหมือนการเปลี่ยนจากห้างสรรพสินค้าที่มีร้านเดียวครบวงจรในตัวเอง เป็นห้างที่เต็มไปด้วยร้านรวงมากมายที่ต่างก็มีเอกลักษณ์
และหากสิ่งเหล่านั้นปรับตัวเข้าหากัน ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ช่องว่างที่มีอยู่ก็จะได้รับการเติมเต็ม และเป็นการเพิ่มสเน่ห์ของ 48 Group อีกด้วย
มีเหล่าสมาชิกรุ่นใหม่มากมายที่กำลังพยายามอย่างหนัก เช่น 'สามทหารเสือ' (โอคาดะ นานะ, โคจิม่า มาโกะ, นิชิโนะ มิกิ),
โอวาดะ นานะจัง แล้วก็(มุไคจิ) มิองจังที่ยูโกะเป็นคนเลือกเป็นเซ็นเตอร์เพลง ‘Heavy Rotation’
ในหมู่สมาชิกมีหลายคนที่ฉันคิดว่าน่าจะโด่งดังในช่วงสองถึงสามปีต่อจากนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับพวกเธอก็ คือ ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันปกป้อง AKB แล้วละก็ มันจะไม่มีสองหรือสามปีต่อจากนี้หรอกนะ”
Q : ไม่เฉพาะแค่ยูโกะ แต่ช่วงหลังๆมานี้มีสมาชิกที่ต้องการจะก้าวไปข้างหน้าและจบการศึกษาใกล้ๆกันหลายคนทีเดียว
“ผลงานที่อัตจัง (มาเอดะ อัตสึโกะ), (อากิโมโตะ) ซายากะ, (ชิโนดะ) มาริโกะซามะ, แล้วก็โทโมะจิน (อิตาโนะ โทโมมิ) กำลังมีอยู่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับสมาชิกที่กำลังมองถึงสิ่งนั้น
เมื่อเปรียบเทียบความนิยมของพวกเธอในฐานะของ AKB กับความนิยมหลังจากที่จบการศึกษาไปแล้ว จะเห็นว่าพวกเธอไม่ได้โด่งดังแค่ในฐานะ AKB เท่านั้น และนั้นทำให้ฉันมีความหวัง
อย่างเช่น คิคุจิ (อายากะ) ที่มุ่งมั่นจะเป็นนางแบบ, ฮาจัง (คาตายามะ ฮารุกะ) ที่ตั้งเป้าว่าจะเป็นนักแสดงละครเวทีแนวหน้า
มันเป็นความปรารถนาของฉันที่อยากให้สมาชิกทุกคนที่จบการศึกษาออกไป ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
และถ้าหากเหล่าสมาชิกรุ่นใหม่จะเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นจากพวกเธอ จะเป็นอะไรที่ดีมากๆเลยละ”
Q : จากนี้ไปสมาชิกจะมีแนวโน้มที่จะจบการศึกษาเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่?
“AKB ก่อตั้งขึ้นด้วยความคิดที่ว่า จะเป็นที่ที่เหล่าสมาชิกได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาตนเองและไขว่คว้าความฝันจากสิ่งที่ได้เรียนรู้
ดังนั้นการมีสมาชิกจบการศึกษาเพิ่มขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าหรืออะไรทำนองนั้น หรือจะพูดว่า 'พวกเราเข้ามาใน AKB เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองในอนาคต' ก็ไม่ผิดซะทีเดียว
สิ่งที่ฉันกังวลกลับเป็นสมาชิกที่จะจบการศึกษาในอีกหลายปีต่อจากนี้
เพราะถ้าพวกเธอหลงไปกับความสำเร็จของ AKB ในตอนนี้โดยปราศจากการไตร่ตรองแล้ว นั่นก็เหมือนการปิดประตูเส้นทางสู่อนาคตของพวกเธอเอง
ในตอนนี้ 48 Group กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดี โดยทั่วไปในหนึ่งสัปดาห์เราจะมีถ่ายงานโฆษณาสองถึงสามงาน
ซึ่งจะมีการกำหนดวันเวลาเพื่อที่จะจัดการตารางงานของสมาชิกให้ตรงกัน โดยทีมงานจากหลากหลายงานที่เรามีกำหนดถ่ายจะมารวมกันในห้องอัดเดียวเพื่อที่เราจะสามารถทำงานอย่างต่อเนื่อง”