เรื่องว่า นายโต้ง (เพื่อนพ่อ) มายืมมอไซค์พ่อไปขับวินมอไซค์ ด้วยความเห็นใจว่านายโต้ง ฐานะยากจน เมียท้อง ค่าห้องไม่มีจ่าย แม่ป่วย เลยให้ยืมเพราะสงสาร ต่อมานายโต้งได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดโดยที่นายโต้งได้ฝากมอไซค์ไว้ที่หอพักอยู่ดี แล้วบอกเจ้ไก่เจ้าของหอพักอยู่ดีว่าตนเป็นคนซื้อรถคันนี้มาจากพ่อจำนวนเงิน 6000 บาท เมื่อรถหายไปหายวันพ่อจึงมาถวงถามนายโต้งที่หอพักอยู่ดี เจ้ไก่เจ้าของหอพักได้แจ้งว่านายโต้งได้กลับต่างจังหวัด พ่อจึงแจ้งต่อเจ้ไก่ว่ารถที่นายโต้งได้ฝากไว้ที่หอพักนั้นเป็นของลูกสาว(นั้นก็คือดิฉัน) เจ้ไก่ไม่เชื่อว่ารถคันนี้เป็นของดิฉันจริงจึงให้คุณพ่อนำเล่มทะเบียนรถมาให้ดู พ่อก็นำมาให้ดูเนื่องจากรถไม่ได้เป็นชื่อพ่อและดิฉันกับพ่อก็คนละนามสกุลเจ้ไก่จึงไม่เชื่อ ด้วยความที่ไปหาพ่อไม่สะดวกจึงส่งสำเนาบัตรประชาชนมายืนยันว่า ดิฉันเจ้าของรถตัวจริงรับทราบแล้ว เจ้ไก่ก็ไม่ยอมคืนรถให้อ้างว่าให้รอนายโต้งกลับมาก่อน พ่อขอดิฉันไม่อยากมีปัญหาจึงรอมาเป็นเวลา 2 เดือน เนื่องจากว่าติดต่อนายโต้งไม่ได้และไม่มีวี่แววว่านายโต้งจะกลับมา รวมทั้งพ่อยังได้โทรไปถามญาติของนายโต้งแต่ญาติของนายโต้งกลับบอกว่านายโต้งตายแล้ว พ่อจึงมาแจ้งเจ้ไก่ว่านายโต้งได้ตายไปแล้ว ทีนี้คืนรถได้หรือยัง ด้วยความที่เจ้ไก่มีลูกเขยเป็นตำรวจจึงให้ลูกเขยตรวจสอบว่านายโต้งตายจริงหรือไม่ ผลคือนายโต้งยังไม่ตาย และเจ้ไก่ยังลงบันทึกประจำวันไว้อีกว่าพ่อแจ้งแก้เจ้ไก่ว่านายโต้งได้ตายไปแล้ว พ่อเห็นท่าไม่ดีจึงแจ้งเรื่องต่อตำรวจสายตรวจว่ามาเป็นพยานในการรับรถหน่อย โดยหวังว่าทางเจ้ไก่จะคืนรถให้แต่ผลคือเจ้ไก่ก็ไม่ยอมคืนรถให้อีก ต่อมาพ่อจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ดิฉันฟัง จึงไปสถานีตำรวจอีกครั้ง เช่นเดิมสายตรวจมาด้วยและเจ้ไก่ก็ยังไม่คืนรถให้ เนื่องจากว่าตำรวจมาหอพักเจ้ไก่ถึง 2 ครั้งแล้ว ลูกเขยเจ้ไก่ (ตำรวจยศ รตท.) จึงได้เข้ามาคุยกับดิฉันโดยตกลงกันว่าให้ดิฉันลงบันทึกประจำวันไว้ว่าเป็นเจ้าของรถจริงและได้มารับรถที่หอพักเจ้ไก่ก่อน เจ้ไก่จึงจะคืนรถให้ ดิฉันไม่สะดวกจึงทำหนังสือมอบอำนาจเพื่อให้พ่อจัดการแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ตลอดจนกระทำใดๆ ที่เกี่ยวกับรถมอไซค์ มาพ่อแจ้งความแล้วจึงนำเอกสารหลักฐานสำเนาทะเบียนรถ สำเนาบัตรประชาชนดิฉัน สำเนาบันทึกประจำวัน มาให้แต่ปรากฏว่าทางเจ้ไก่ไม่ยอมให้โดยแจ้งคนที่ดูแลหอพักว่าพ่อหยกต้องจ่ายเงินให้เจ้ไก่ 3000 บาท ถึงจะยอมคืนรถให้ โดยก่อนหน้านี้ที่คุยกันไม่ได้พูดเรื่องเงินจำนวน 3000 บาท จากนั้นก็มีการขึ้นเสียงระหว่างเจ้ไก่กับพ่อ(คุยทางมือถือเพราะไม่ได้อยู่ห้องพัก) พ่อจึงบอกว่าให้ได้ 1500 บาท จะเอาไหม เจ้ไก่บอกว่าไม่เอาถ้าปัญหาเยอะวันนี้กลับมาหอพักแล้วนำรถออกมาทิ้งขยะ ด้วยความที่พ่อกลัวรถหายจึงไปหาตำรวจสายตรวจอีกครั้ง ตำรวจสายตรวจแจ้งว่าเข้าไปเอาให้หอพักได้เลยเนื่องจากแจ้งความแล้วและแจ้งเจ้ไก่แล้ว แต่เจ้ไก่ไม่ยอมคืนรถให้ จากนั้นเจ้ไก่ทราบว่าพ่อได้นำรถออกจากหอพักแล้วจึงไปแจ้งความว่าพ่อบุกรุก ณ ตอนนี้ดิฉันควรทำอย่างไร เพราะพูดตามตรงคือลูกเขยเจ้ไก่เป็นตำรวจและรู้เรื่องทางกฎหมายมากกว่า
เจ้าของหอพักไม่ยอมคืนมอไซค์ ทั้งที่มอไซค์เป็นของเรา