แมวปิลาร์
เริ่องนี้นำงานเก่ามาขัดเกลา ครับ
ใหม่กว่า มากกว่า
เรื่องแมวๆ..เขียนโดยคนรักแมว... สำหรับคนรักแมว.. และสำหรับบรรดาแมว ๆ
ปิลาร์ เป็นแมวสีขาวตัวยาวเพศเมีย (แต่ปิลาร์มักจะบอกกับใครๆว่าตัวเองเป็นแมวเพศหญิง เพราะคิดว่าฟังแล้วดูเท่กว่า) อาศัยอยู่กับคุณนายใจดีผู้มีใจรักแมว (ส่วนคุณชายตัวผู้(ภาษาของแมว)นานๆทีจะแวะมาหาคุณนายใจดี)อยู่แถวชานเมืองอันสงบสุข ชีวิตของปิลาร์หลากหลายประสบการณ์ไม่ต่างจากชีวิตผู้คนทั่วไป ซึ่งมีทั้งสุข ทุกข์ สดใส ดำมืด รอยยิ้ม (แบบแมว)และหยดน้ำตา และต่อไปนี้คือเรื่องราวพิสดารของแมวปิลาร์
บทที่ 1
รุ่งอรุณแห่งปลาย่าง
อาหารที่ปิลาร์ชอบที่สุดอย่างหนึ่งคือปลาย่าง ยิ่งเป็นปลาสดๆ ย่างใหม่ๆ กลิ่นของมันช่างหอมหวนเย้ายวนใจจนสุดบรรยาย แต่คุณนายใจดีไม่ได้เคยย่างปลาให้กินสักครั้ง โอกาสจะได้กินปลาย่างคือการที่ “หนูแจ๋ว” คนรับใช้ของบ้านหลังนี้เป็นคนพากินนั่นเอง วันดีคืนดีหนูแจ๋วจะก่อไฟหลังบ้านซื้อปลามาย่างกินอย่างเอร็ดอร่อย บางวันก็ออกไปซื้อส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ปลาย่าง จากปากซอยมานั่งกินในบ้าน ระหว่างไก่ย่างกับปลาย่าง ปิลาร์จะชอบปลาย่างมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ส่วนส้มตำที่หนูแจ๋วสุดโปรด ปิลาร์ไม่ชอบเลย และไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหนูแจ๋วถึงกินลงไปได้เพราะเห็นกินทีไร น้ำหูน้ำตาไหลพรากนองหน้าอย่างน่าเวทนาแทบทุกครั้ง คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่ชอบกินจนร้องไห้ ยังมาฝืนนั่งกินลงไปอีก ปิลาร์ไม่เข้าใจพวกมนุษย์เลย ถ้าเป็นปิลาร์จ้างให้ไม่มีวันเสียหรอกจะกินไปร้องไห้ไปแบบนั้น มันเสียเชิงแมว
บ้านของปิลาร์ที่มีคุณนายใจดีเป็นผู้อาศัยเป็นบ้านใหญ่โตกว่าบ้านใครๆ ในละแวกนั้น ทำให้สามารถวิ่งเล่นไปทั่วบ้านอย่างสบายใจ รั้วบ้านก็สูงและใหญ่โตกว่าบ้านหลังอื่น หลังบ้านมีต้นไม้ใหญ่น้อยให้ปีนหรือฝนเล็บเล่นทำให้อยู่อย่างมีความสุข เรียกว่าอยู่อย่างสบายใจเลยดีเดียว ประกอบกับการอยู่ชานเมืองไม่ได้แออัดอย่างในตัวเมืองทำให้มีพื้นที่สำหรับวิ่งเล่นทั้งในบ้านและนอกบ้านอย่างสุขสบายตามประสาแมว
รุ่งอรุณของวันนี้ปิลาร์ตื่นเช้ามาก็มองเห็นปลาย่างตัวโตวางอยู่ในจานแล้ว ท่าทางเพิ่งผ่านการย่างมาใหม่ๆ เพราะสัมผัสได้ถึงความอุ่นๆของปลาย่าง เพิ่งผละออกจากเตาถ่าน สงสัยว่าหนูแจ๋วคงเป็นคนเอามาวางให้เป็นอาหารเช้า เพราะคุณนายใจดีคงไม่มีเวลาทำแบบนี้ เนื่องจากต้องรีบออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องรีบร้อนแบบนั้นแทบทุกวัน สู้ปิลาร์ก็ไม่ได้ ตื่นเช้ามาไม่เห็นต้องรีบร้อนไปทำงาน จะอ้อยอิ่งเดินเอ้อละเหยลอยชายอยู่ในบ้านนานแค่ไหนก็ได้ไม่เดือดร้อน
ปลาย่างซึ่งวางในจานตรงหน้าช่างหอมเหลือเกิน มั่นใจเลยว่าต้องย่างไฟจากเตาถ่านใหม่ๆ อย่างแน่นอนถึงได้หอมทรมานใจขนาดนี้ และเป็นปลาช่อนของโปรดเสียด้วยเพราะเนื้อหอมหวานนิ่มถูกใจ ถึงจะมีก้างมากไปนิดก็ไม่เป็นไรเพราะรู้วิธีการกินแบบหลบก้างได้เป็นอย่างดี
“ปลาย่างจ๋า ฉันจะกินเธอล่ะนะ”
ปิลาร์บอกด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานตามมารยาทอันดีงามไม่บุ่มบ่ามรีบร้อนเหมือนแมวนอกบ้านซึ่งมักจะไม่มีมรรยาท เห็นอาหารทีไรมักพุ่งเข้าใส่ทันทีแบบไม่คิดชีวิต ราวกับเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของวันสิ้นแมว
“ใครจะกินฉัน”
เสียงห้วนๆ แฝงแววไม่พอใจแว่วดังเข้าหู ปิลาร์สะดุ้งเฮือก ตาโตหูชันหางชี้พองโตอย่างแปลกใจเพราะแถวนี้เป็นห้องครัวไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ความสงสัยทำให้มองไปรอบๆ หาแหล่งกำเนิดของเสียงไปมาด้วยความหวาดระแวง
“มองหาใครอยู่”
เสียงประหลาดแว่วเข้าหูอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนเลย เสียงดังมาจากปลาย่างแน่นอนซึ่งไม่น่าเป็นไปได้เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าปลาย่างพูดได้ ขณะกำลังยืนตัวแข็งอยู่นั่นเอง ดวงตาของปลาย่างนรกแตกพลันลืมเบิกโพลงขึ้นมาอย่างกะทันหันแววตาเป็นสีขาวขุ่นไร้แววแห่งชีวิตจิตใจเหมือนตาปลาตาย ตัวเริ่มสั่นกระตุกกระดุกกระดิกทีละน้อย ปากเผยอกว้างผิดปกติจนเห็นฟันยาวผิดปกติขาววาววับเรียงรายอย่างน่ากลัวราวฟันของฉลามกระหายเลือดกับเสียงกรีดร้องบาดแก้วหูโหยหวน
ปิลาร์ร้องเสียงหลงกระโดดถอยหลังอย่างตกใจปากอ้าตาค้างจ้องมองอย่างมึนงงและประหวั่นพรั่นพรึง ปลาย่างเคลื่อนไหวมากขึ้นทุกทีจนกลายเป็นกระโดดหลุดออกจากจานมาดิ้นพราดๆอยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางมุ่งร้ายหมายขวัญ ในความรู้สึกของปิลาร์ในตอนนั้นดูเหมือนว่าเจ้าปลาย่างผีสิงขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากมาย ริมฝีปากขยับไหวไปมาส่งเสียงบดเบียดเสียดประสาทจากฟันคมกริบบดเบียดไปมาชวนสยดสยอง
“ฉันต่างหากจะเป็นฝ่ายกินเธอ”
พูดจบปลาย่างนรกก็ใช้ครีบตะกายพื้นพุ่งเข้าหาพร้อมปากอ้ากว้างราวกับจะกัดกลืนกินปิลาร์เข้าไปทั้งตัว
“มิอ้าว...”
ปิลาร์ร้องแทบไม่เป็นภาษาแมว เท้าทั้งสี่ตะกายพื้นห้องหลบฉากโยกตัวออกไปทางด้านข้างอย่างหวุดหวิดจนหัวชนกับขาโต๊ะอาหารในห้องครัวดังโป๊กดาวกระจายเต็มหน้า แต่ไม่มีเวลามานั่งเจ็บเพราะหางตามองเห็นปลาย่างพุ่งเฉียดไปงับเข้ากับขาเก้าอี้ตัวหนึ่งก่อนกัดสะบัดเหวี่ยงหัวฟัดไปมาอย่างบ้าคลั่งจนขาเก้าอี้แตกเป็นเศษไม้กระจัดกระจาย
นี่เรื่องบ้าอะไรกัน....แบบนี้มันเป็นไปได้อย่างไร แต่ภาพปรากฏเบื้องหน้าตอนนี้มันจริงเสียยิ่งกว่าจริง นั่นเป็นสิ่งอึงอลในความรู้สึกขณะปิลาร์เผ่นออกจากห้องครัวอย่างสุดชีวิตโดยมีปลาย่างจอมโหดกระโดดดิ้นกระแด่วไล่หลังมาติดๆ ทางหนีทางเดียวเท่าที่นึกได้ในตอนนี้คือหนีขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน ดูสิว่าเจ้าปลาย่างบ้าจะตามขึ้นมาได้ไหม เพราะเกิดมาก็ยังไม่เคยได้ยินมาว่าปลาย่างตัวไหนวิ่งขึ้นบ้านได้
หากคราวนี้ท่าทางจะคิดผิดเสียแล้วเพราะฝ่ายติดตามใช่วิธีสปริงตัวกระโดดตีลังกาขึ้นมาตามขั้นบันไดเป็นระยะทีละห้าหกขั้นราวปาฏิหารย์ ก่อนล้ำหน้าขึ้นไปปักหลักแสยะเขี้ยวอ้าปากกว้างรออยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายด้านบน ปิลาร์รีบหลบวูบออกด้านข้างพุ่งเฉียดฟันคมกริบไปได้อย่างหวุดหวิด ชนิดได้ยินเสียงงับฉับ!บริเวณปลายหางแบบหวาดเสียว มองเห็นประตูห้องนอนคุณนายใจดีเปิดอ้าเอาไว้อย่างบังเอิญ ไม่ต้องเสียเวลาคิดปิลาร์ สี่เท้ารีบตะกายหักเลี้ยวเปลี่ยนแนวการวิ่งเข้าประตูห้องนอนแล้วรีบพลิกตัวหันกลับมากระแทกประตูปิดโครมชนิดหายใจหายคอแทบไม่ทัน
เป็นคราวเคราะห์ดีว่าคุณนายใจดีก่อนออกห้องคงกดล็อคประตูเอาไว้แล้ว ทำให้พอประตูปิดลงก็ปิดล็อคทันทีโดยไม่จำเป็นต้องกดล๊อคอีก เพราะถ้าไม่เช่นนั้นคงลำบากมากเนื่องจากปิลาร์ไม่สามารถกระโดดขึ้นไปกดล็อคได้เนื่องจากยังไม่เก่งขนาดนั้น แต่โอกาสหน้าไม่แน่เพราะบทเรียนวันนี้สอนให้รู้ว่าบางครั้งแมวจำเป็นต้องทำให้เรื่องที่ไม่คาดคิดหรือเหลือเชื่อให้ได้ เสียงกระแทกประตูโครมครามด้านนอกจนบานประตูสะท้านสะเทือนบอกให้รู้ว่าปลาย่างนรกตัวนั้นยังไม่ละความพยายามในการพยายามไล่กัดกินแมว
สักพักเสียงกระแทกประตูค่อยหายไป นั่นอาจหมายถึงว่าปลาย่างนรกคงละความพยายามไปแล้ว ปลาจะพังประตูห้องเข้ามาได้ก็ให้รู้ไป ถ้ามีความสามารถขนาดนั้นจะยอมทอดกายให้กินโดยดีไม่มีข้อแม้
เสียงดังโครมสนั่นดังกึกก้องกว่าทุกครั้ง ประตูไม้ด้านบนถูกกระแทกแตกออกเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ท่ามกลางเศษไม้ปลิวกระจัดกระจายเวียนว่อนปลาย่างนรกหมุนตัวลอยผ่านช่องโหว่ของประตูเข้ามาอย่างไม่น่าเชื่อราวภาพสโลว์โมชั่นจงใจโชว์ความสวยงาม ปิลาร์ใจหายวาบ หัวใจตกวูบลงไปอยู่อุ้งเท้า ภายในบ้านกลายเป็นพื้นที่สังหารอันตรายไปเสียแล้วทางออกทางเดียวพอคิดได้ตอนนี้คือหน้าต่าง ความคิดพอพุ่งวูบเท้าทั้งหมดก็กระโจนพรวดสุดกำลังแมวออกไปทางหน้าต่างทันที
เพล้ง..!
กระจกหน้าต่างแตกกระจายจากแรงกระแทกของแมวหนีตาย ถึงแม้ว่าร่างกำลังลอยลงไปท่ามกลางเศษกระจกใหญ่น้อย ปิลาร์ยังรู้สึกว่าฉากนี้เป็นฉากสุดเท่ที่สุดฉากหนึ่งซึ่งหาโอกาสได้น้อย จึงถือโอกาสตีลังกาเกลียวเชิดหน้ากลางอากาศสองรอบกางเท้ากางหางเต็มที่เพื่อรักษาภาพเอาไว้ว่า ต่อให้หนีตายอย่างไรก็ยังทำเท่ได้ แต่แล้วมองลงไปข้างล่างก็ต้องตัวเย็นเฉียบใจหายวาบความเท่ชะงักงันกลางอากาศ แผ่นหลังและหางเย็นเฉียบด้วยความตกใจหวาดกลัวจับจิต
เจ้าปลาย่างผีสิงตัวนั้นลงไปปักหลักรออยู่พื้นสนามหญ้าหน้าบ้านด้วยลำตัวใหญ่ราวฉลามยักษ์และอ้าปากสุดล้าฟันยาวเรียงรายเป็นประตูสู่นรกมรณะอันมืดดำ
“เมี๊ยว....”
“คุณปิลาร์ เป็นอะไรไปคะ”
มือของใครบางคนกำลังจับตัวเขย่าไปมา ปิลาร์หน้าตาตื่น ผวามองซ้ายมองขวาด้วยการแมวสติแตกชั่วคราว หนูแจ๋วคนรับใช้นั่นเองกำลังก้มลงมามองด้วยสายตาเป็นห่วง หลังจากใช้เวลาตั้งสติพักหนึ่งจึงรู้ว่าเพิ่งตื่นจากความฝันร้ายอันสุดสยอง และเป็นที่รู้ว่าถ้าหนูแจ๋วเรียก “คุณปิลาร์” เมื่อไร แสดงว่าคุณนายใจดียังอยู่บ้าน เพราะถ้าคุณนายใจดีออกจากบ้านไปแล้วจะถูกหนูแจ๋วเรียก “ปิลาร์” เฉยๆ โดยไม่มีสรรพนามนำหน้า หรือหากอารมณ์ไม่ดีอาจถูกเรียกว่า “ยัยปิลาร์” ก็ยังเคย
เสียงใสๆของคนรับใช้สามัญประจำบ้านพูดต่อไปพลางอุ้มปิลาร์ขึ้นไปลูบหัวเกาคางอย่างปลอบโยน
“โอ๋ๆ...ไม่เป็นไรแล้วนะ ท่าทางคุณปิลาร์คงฝันร้าย ไม่มีอะไรหรอก แค่ฝันว่าโดนปลาย่างไล่กินเท่านั้น เป็นความความฝันอย่าตกใจเลยนะคะ”
ปิลาร์ชะงักเพราะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง หนูแจ๋วรู้อย่างไรปิลาร์ว่าฝันเรื่องอะไร ความคิดแบบนั้นทำให้หันหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจด้วยลางสังหรณ์อัปมงคล หนูแจ๋วยังคงพูดไปเกาคางให้ไปพร้อมด้วยรอยยิ้มซึ่งเริ่มน่ากลัวมากขึ้นและมากขึ้นทุกทีแบบผิดธรรมชาติ จนเห็นฟันขาววาววับเรียงรายเป็นแถวเต็มใบหน้าเหมือนปากของปลาย่างสยองในความฝันไม่มีผิด
“คุณปิลาร์อย่าตกใจไปเลย แค่ฝันว่าปลาย่างไล่กินเท่านั้น เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะหนูแจ๋วคนนี้จะกินคุณปิลาร์เองค่ะ”
“เมี๊ยว....”
อีกครั้งที่ปิลาร์ร้องสุดเสียง นี่มันวันนรกอะไรกัน ดิ้นรนไม่คิดชีวิตจากเงื้อมมือของคนรับใช้สยองโหดผู้คิดจะกินแมวน่ารักเป็นอาหาร ดิ้นจนเหนื่อยถึงเริ่มรู้ว่าตัวเองกำลังนอนดิ้นอยู่บนพื้นห้องแบบไม่รู้เหนือใต้
“ปิลาร์ เป็นอะไรไป”
เสียงของหนูแจ๋วดังลั่นแก้วหู ใบหน้าก้มมองลงมาด้วยสายตาแปลกใจ กลับเป็นหนูแจ๋วตามเดิมแล้ว ไม่ใช่หนูแจ๋วปากกว้างตนกินแมว ปิลาร์กระโดดไปหลบอยู่ใต้โซฟาอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ไม่ไว้ใจอะไรอีกแล้ว ฝ่ายคนรับใช้ประจำบ้านได้แต่ยืนเกาหัวอย่างแปลกใจเพราะเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็เห็นแมวตัวโปรดของเจ้านายกำลังนอนดิ้นพราดเป็นวงกลมอยู่บนพรม พอปลุกให้ตื่นก็ทำท่าหวาดกลัวจนวิ่งหลบไปซ่อน โลกของแมวนี่ยากต่อการเข้าใจเสียนี่กระไร คิดพลางก็จัดการเอาหารเม็ดสำหรับแมวเทให้ไว้ในจานวางบนพื้น ก่อนล่าถอยไปทำงานบ้านตามวิสัยคนรับใช้ระดับห้าดาว
เป็นเวลานานพอสมควรกว่าปิลาร์จะบรรเทาการหวาดผวาและเดินออกมาจากโซฟาด้วยอาการหวาดระแวงไม่ไว้ใจ หางพองใหญ่ขึ้นกว่าปกติสองเท่า เพราะความสยองต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อะไรมันจะฝันร้ายได้ขนาดนั้น เหมือนเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่างซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับปลาย่างไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามปิลาร์ก็ไม่เคยคิดจะแปลความฝันเป็นตัวเลขแบบมนุษย์ทำกันเพราะแมวไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับตัวเลขอะไรมากมาย ฝันร้ายทำให้หมดอารมณ์ในการกินอาหารเช้า เกิดอาหารเม็ดลุกขึ้นมาไล่กัดจะยุ่งกันใหญ่
หนูแจ๋วเปิดทีวีเอาไว้ที่ห้องนั่งเล่น คงคิดว่าปิลาร์อาจนอนดูทีวีเหมือนทุกเช้า หากวันนี้อารมณ์ไม่ดีเสียแล้วเพราะฝันร้าย กลัวว่าดูทีวีอยู่ดีๆ อาจจะมีผีปลาย่างหนังลอกจนตัวขาวตัวหักๆงอๆ คลานขึ้นมาจากบ่อเลี้ยงปลาแล้วคลานโผล่ออกมาจากจอทีวีคงได้หนีกันตับแลบ จึงคิดว่าควรออกไปเล่นนอกบ้านน่าจะดีกว่ามวสีขาวสดใสที่ชอบนั่งบนกำแพงรั้วบ้านจนคุ้นหน้าคุ้นตา
แมวปิลาร์........บทที่ 1 (รุ่งอรุณแห่งปลาย่าง)
เริ่องนี้นำงานเก่ามาขัดเกลา ครับ
ใหม่กว่า มากกว่า
เรื่องแมวๆ..เขียนโดยคนรักแมว... สำหรับคนรักแมว.. และสำหรับบรรดาแมว ๆ
ปิลาร์ เป็นแมวสีขาวตัวยาวเพศเมีย (แต่ปิลาร์มักจะบอกกับใครๆว่าตัวเองเป็นแมวเพศหญิง เพราะคิดว่าฟังแล้วดูเท่กว่า) อาศัยอยู่กับคุณนายใจดีผู้มีใจรักแมว (ส่วนคุณชายตัวผู้(ภาษาของแมว)นานๆทีจะแวะมาหาคุณนายใจดี)อยู่แถวชานเมืองอันสงบสุข ชีวิตของปิลาร์หลากหลายประสบการณ์ไม่ต่างจากชีวิตผู้คนทั่วไป ซึ่งมีทั้งสุข ทุกข์ สดใส ดำมืด รอยยิ้ม (แบบแมว)และหยดน้ำตา และต่อไปนี้คือเรื่องราวพิสดารของแมวปิลาร์
บทที่ 1
รุ่งอรุณแห่งปลาย่าง
อาหารที่ปิลาร์ชอบที่สุดอย่างหนึ่งคือปลาย่าง ยิ่งเป็นปลาสดๆ ย่างใหม่ๆ กลิ่นของมันช่างหอมหวนเย้ายวนใจจนสุดบรรยาย แต่คุณนายใจดีไม่ได้เคยย่างปลาให้กินสักครั้ง โอกาสจะได้กินปลาย่างคือการที่ “หนูแจ๋ว” คนรับใช้ของบ้านหลังนี้เป็นคนพากินนั่นเอง วันดีคืนดีหนูแจ๋วจะก่อไฟหลังบ้านซื้อปลามาย่างกินอย่างเอร็ดอร่อย บางวันก็ออกไปซื้อส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ปลาย่าง จากปากซอยมานั่งกินในบ้าน ระหว่างไก่ย่างกับปลาย่าง ปิลาร์จะชอบปลาย่างมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ส่วนส้มตำที่หนูแจ๋วสุดโปรด ปิลาร์ไม่ชอบเลย และไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหนูแจ๋วถึงกินลงไปได้เพราะเห็นกินทีไร น้ำหูน้ำตาไหลพรากนองหน้าอย่างน่าเวทนาแทบทุกครั้ง คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่ชอบกินจนร้องไห้ ยังมาฝืนนั่งกินลงไปอีก ปิลาร์ไม่เข้าใจพวกมนุษย์เลย ถ้าเป็นปิลาร์จ้างให้ไม่มีวันเสียหรอกจะกินไปร้องไห้ไปแบบนั้น มันเสียเชิงแมว
บ้านของปิลาร์ที่มีคุณนายใจดีเป็นผู้อาศัยเป็นบ้านใหญ่โตกว่าบ้านใครๆ ในละแวกนั้น ทำให้สามารถวิ่งเล่นไปทั่วบ้านอย่างสบายใจ รั้วบ้านก็สูงและใหญ่โตกว่าบ้านหลังอื่น หลังบ้านมีต้นไม้ใหญ่น้อยให้ปีนหรือฝนเล็บเล่นทำให้อยู่อย่างมีความสุข เรียกว่าอยู่อย่างสบายใจเลยดีเดียว ประกอบกับการอยู่ชานเมืองไม่ได้แออัดอย่างในตัวเมืองทำให้มีพื้นที่สำหรับวิ่งเล่นทั้งในบ้านและนอกบ้านอย่างสุขสบายตามประสาแมว
รุ่งอรุณของวันนี้ปิลาร์ตื่นเช้ามาก็มองเห็นปลาย่างตัวโตวางอยู่ในจานแล้ว ท่าทางเพิ่งผ่านการย่างมาใหม่ๆ เพราะสัมผัสได้ถึงความอุ่นๆของปลาย่าง เพิ่งผละออกจากเตาถ่าน สงสัยว่าหนูแจ๋วคงเป็นคนเอามาวางให้เป็นอาหารเช้า เพราะคุณนายใจดีคงไม่มีเวลาทำแบบนี้ เนื่องจากต้องรีบออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องรีบร้อนแบบนั้นแทบทุกวัน สู้ปิลาร์ก็ไม่ได้ ตื่นเช้ามาไม่เห็นต้องรีบร้อนไปทำงาน จะอ้อยอิ่งเดินเอ้อละเหยลอยชายอยู่ในบ้านนานแค่ไหนก็ได้ไม่เดือดร้อน
ปลาย่างซึ่งวางในจานตรงหน้าช่างหอมเหลือเกิน มั่นใจเลยว่าต้องย่างไฟจากเตาถ่านใหม่ๆ อย่างแน่นอนถึงได้หอมทรมานใจขนาดนี้ และเป็นปลาช่อนของโปรดเสียด้วยเพราะเนื้อหอมหวานนิ่มถูกใจ ถึงจะมีก้างมากไปนิดก็ไม่เป็นไรเพราะรู้วิธีการกินแบบหลบก้างได้เป็นอย่างดี
“ปลาย่างจ๋า ฉันจะกินเธอล่ะนะ”
ปิลาร์บอกด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานตามมารยาทอันดีงามไม่บุ่มบ่ามรีบร้อนเหมือนแมวนอกบ้านซึ่งมักจะไม่มีมรรยาท เห็นอาหารทีไรมักพุ่งเข้าใส่ทันทีแบบไม่คิดชีวิต ราวกับเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของวันสิ้นแมว
“ใครจะกินฉัน”
เสียงห้วนๆ แฝงแววไม่พอใจแว่วดังเข้าหู ปิลาร์สะดุ้งเฮือก ตาโตหูชันหางชี้พองโตอย่างแปลกใจเพราะแถวนี้เป็นห้องครัวไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ความสงสัยทำให้มองไปรอบๆ หาแหล่งกำเนิดของเสียงไปมาด้วยความหวาดระแวง
“มองหาใครอยู่”
เสียงประหลาดแว่วเข้าหูอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนเลย เสียงดังมาจากปลาย่างแน่นอนซึ่งไม่น่าเป็นไปได้เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าปลาย่างพูดได้ ขณะกำลังยืนตัวแข็งอยู่นั่นเอง ดวงตาของปลาย่างนรกแตกพลันลืมเบิกโพลงขึ้นมาอย่างกะทันหันแววตาเป็นสีขาวขุ่นไร้แววแห่งชีวิตจิตใจเหมือนตาปลาตาย ตัวเริ่มสั่นกระตุกกระดุกกระดิกทีละน้อย ปากเผยอกว้างผิดปกติจนเห็นฟันยาวผิดปกติขาววาววับเรียงรายอย่างน่ากลัวราวฟันของฉลามกระหายเลือดกับเสียงกรีดร้องบาดแก้วหูโหยหวน
ปิลาร์ร้องเสียงหลงกระโดดถอยหลังอย่างตกใจปากอ้าตาค้างจ้องมองอย่างมึนงงและประหวั่นพรั่นพรึง ปลาย่างเคลื่อนไหวมากขึ้นทุกทีจนกลายเป็นกระโดดหลุดออกจากจานมาดิ้นพราดๆอยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางมุ่งร้ายหมายขวัญ ในความรู้สึกของปิลาร์ในตอนนั้นดูเหมือนว่าเจ้าปลาย่างผีสิงขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากมาย ริมฝีปากขยับไหวไปมาส่งเสียงบดเบียดเสียดประสาทจากฟันคมกริบบดเบียดไปมาชวนสยดสยอง
“ฉันต่างหากจะเป็นฝ่ายกินเธอ”
พูดจบปลาย่างนรกก็ใช้ครีบตะกายพื้นพุ่งเข้าหาพร้อมปากอ้ากว้างราวกับจะกัดกลืนกินปิลาร์เข้าไปทั้งตัว
“มิอ้าว...”
ปิลาร์ร้องแทบไม่เป็นภาษาแมว เท้าทั้งสี่ตะกายพื้นห้องหลบฉากโยกตัวออกไปทางด้านข้างอย่างหวุดหวิดจนหัวชนกับขาโต๊ะอาหารในห้องครัวดังโป๊กดาวกระจายเต็มหน้า แต่ไม่มีเวลามานั่งเจ็บเพราะหางตามองเห็นปลาย่างพุ่งเฉียดไปงับเข้ากับขาเก้าอี้ตัวหนึ่งก่อนกัดสะบัดเหวี่ยงหัวฟัดไปมาอย่างบ้าคลั่งจนขาเก้าอี้แตกเป็นเศษไม้กระจัดกระจาย
นี่เรื่องบ้าอะไรกัน....แบบนี้มันเป็นไปได้อย่างไร แต่ภาพปรากฏเบื้องหน้าตอนนี้มันจริงเสียยิ่งกว่าจริง นั่นเป็นสิ่งอึงอลในความรู้สึกขณะปิลาร์เผ่นออกจากห้องครัวอย่างสุดชีวิตโดยมีปลาย่างจอมโหดกระโดดดิ้นกระแด่วไล่หลังมาติดๆ ทางหนีทางเดียวเท่าที่นึกได้ในตอนนี้คือหนีขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน ดูสิว่าเจ้าปลาย่างบ้าจะตามขึ้นมาได้ไหม เพราะเกิดมาก็ยังไม่เคยได้ยินมาว่าปลาย่างตัวไหนวิ่งขึ้นบ้านได้
หากคราวนี้ท่าทางจะคิดผิดเสียแล้วเพราะฝ่ายติดตามใช่วิธีสปริงตัวกระโดดตีลังกาขึ้นมาตามขั้นบันไดเป็นระยะทีละห้าหกขั้นราวปาฏิหารย์ ก่อนล้ำหน้าขึ้นไปปักหลักแสยะเขี้ยวอ้าปากกว้างรออยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายด้านบน ปิลาร์รีบหลบวูบออกด้านข้างพุ่งเฉียดฟันคมกริบไปได้อย่างหวุดหวิด ชนิดได้ยินเสียงงับฉับ!บริเวณปลายหางแบบหวาดเสียว มองเห็นประตูห้องนอนคุณนายใจดีเปิดอ้าเอาไว้อย่างบังเอิญ ไม่ต้องเสียเวลาคิดปิลาร์ สี่เท้ารีบตะกายหักเลี้ยวเปลี่ยนแนวการวิ่งเข้าประตูห้องนอนแล้วรีบพลิกตัวหันกลับมากระแทกประตูปิดโครมชนิดหายใจหายคอแทบไม่ทัน
เป็นคราวเคราะห์ดีว่าคุณนายใจดีก่อนออกห้องคงกดล็อคประตูเอาไว้แล้ว ทำให้พอประตูปิดลงก็ปิดล็อคทันทีโดยไม่จำเป็นต้องกดล๊อคอีก เพราะถ้าไม่เช่นนั้นคงลำบากมากเนื่องจากปิลาร์ไม่สามารถกระโดดขึ้นไปกดล็อคได้เนื่องจากยังไม่เก่งขนาดนั้น แต่โอกาสหน้าไม่แน่เพราะบทเรียนวันนี้สอนให้รู้ว่าบางครั้งแมวจำเป็นต้องทำให้เรื่องที่ไม่คาดคิดหรือเหลือเชื่อให้ได้ เสียงกระแทกประตูโครมครามด้านนอกจนบานประตูสะท้านสะเทือนบอกให้รู้ว่าปลาย่างนรกตัวนั้นยังไม่ละความพยายามในการพยายามไล่กัดกินแมว
สักพักเสียงกระแทกประตูค่อยหายไป นั่นอาจหมายถึงว่าปลาย่างนรกคงละความพยายามไปแล้ว ปลาจะพังประตูห้องเข้ามาได้ก็ให้รู้ไป ถ้ามีความสามารถขนาดนั้นจะยอมทอดกายให้กินโดยดีไม่มีข้อแม้
เสียงดังโครมสนั่นดังกึกก้องกว่าทุกครั้ง ประตูไม้ด้านบนถูกกระแทกแตกออกเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ท่ามกลางเศษไม้ปลิวกระจัดกระจายเวียนว่อนปลาย่างนรกหมุนตัวลอยผ่านช่องโหว่ของประตูเข้ามาอย่างไม่น่าเชื่อราวภาพสโลว์โมชั่นจงใจโชว์ความสวยงาม ปิลาร์ใจหายวาบ หัวใจตกวูบลงไปอยู่อุ้งเท้า ภายในบ้านกลายเป็นพื้นที่สังหารอันตรายไปเสียแล้วทางออกทางเดียวพอคิดได้ตอนนี้คือหน้าต่าง ความคิดพอพุ่งวูบเท้าทั้งหมดก็กระโจนพรวดสุดกำลังแมวออกไปทางหน้าต่างทันที
เพล้ง..!
กระจกหน้าต่างแตกกระจายจากแรงกระแทกของแมวหนีตาย ถึงแม้ว่าร่างกำลังลอยลงไปท่ามกลางเศษกระจกใหญ่น้อย ปิลาร์ยังรู้สึกว่าฉากนี้เป็นฉากสุดเท่ที่สุดฉากหนึ่งซึ่งหาโอกาสได้น้อย จึงถือโอกาสตีลังกาเกลียวเชิดหน้ากลางอากาศสองรอบกางเท้ากางหางเต็มที่เพื่อรักษาภาพเอาไว้ว่า ต่อให้หนีตายอย่างไรก็ยังทำเท่ได้ แต่แล้วมองลงไปข้างล่างก็ต้องตัวเย็นเฉียบใจหายวาบความเท่ชะงักงันกลางอากาศ แผ่นหลังและหางเย็นเฉียบด้วยความตกใจหวาดกลัวจับจิต
เจ้าปลาย่างผีสิงตัวนั้นลงไปปักหลักรออยู่พื้นสนามหญ้าหน้าบ้านด้วยลำตัวใหญ่ราวฉลามยักษ์และอ้าปากสุดล้าฟันยาวเรียงรายเป็นประตูสู่นรกมรณะอันมืดดำ
“เมี๊ยว....”
“คุณปิลาร์ เป็นอะไรไปคะ”
มือของใครบางคนกำลังจับตัวเขย่าไปมา ปิลาร์หน้าตาตื่น ผวามองซ้ายมองขวาด้วยการแมวสติแตกชั่วคราว หนูแจ๋วคนรับใช้นั่นเองกำลังก้มลงมามองด้วยสายตาเป็นห่วง หลังจากใช้เวลาตั้งสติพักหนึ่งจึงรู้ว่าเพิ่งตื่นจากความฝันร้ายอันสุดสยอง และเป็นที่รู้ว่าถ้าหนูแจ๋วเรียก “คุณปิลาร์” เมื่อไร แสดงว่าคุณนายใจดียังอยู่บ้าน เพราะถ้าคุณนายใจดีออกจากบ้านไปแล้วจะถูกหนูแจ๋วเรียก “ปิลาร์” เฉยๆ โดยไม่มีสรรพนามนำหน้า หรือหากอารมณ์ไม่ดีอาจถูกเรียกว่า “ยัยปิลาร์” ก็ยังเคย
เสียงใสๆของคนรับใช้สามัญประจำบ้านพูดต่อไปพลางอุ้มปิลาร์ขึ้นไปลูบหัวเกาคางอย่างปลอบโยน
“โอ๋ๆ...ไม่เป็นไรแล้วนะ ท่าทางคุณปิลาร์คงฝันร้าย ไม่มีอะไรหรอก แค่ฝันว่าโดนปลาย่างไล่กินเท่านั้น เป็นความความฝันอย่าตกใจเลยนะคะ”
ปิลาร์ชะงักเพราะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง หนูแจ๋วรู้อย่างไรปิลาร์ว่าฝันเรื่องอะไร ความคิดแบบนั้นทำให้หันหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจด้วยลางสังหรณ์อัปมงคล หนูแจ๋วยังคงพูดไปเกาคางให้ไปพร้อมด้วยรอยยิ้มซึ่งเริ่มน่ากลัวมากขึ้นและมากขึ้นทุกทีแบบผิดธรรมชาติ จนเห็นฟันขาววาววับเรียงรายเป็นแถวเต็มใบหน้าเหมือนปากของปลาย่างสยองในความฝันไม่มีผิด
“คุณปิลาร์อย่าตกใจไปเลย แค่ฝันว่าปลาย่างไล่กินเท่านั้น เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะหนูแจ๋วคนนี้จะกินคุณปิลาร์เองค่ะ”
“เมี๊ยว....”
อีกครั้งที่ปิลาร์ร้องสุดเสียง นี่มันวันนรกอะไรกัน ดิ้นรนไม่คิดชีวิตจากเงื้อมมือของคนรับใช้สยองโหดผู้คิดจะกินแมวน่ารักเป็นอาหาร ดิ้นจนเหนื่อยถึงเริ่มรู้ว่าตัวเองกำลังนอนดิ้นอยู่บนพื้นห้องแบบไม่รู้เหนือใต้
“ปิลาร์ เป็นอะไรไป”
เสียงของหนูแจ๋วดังลั่นแก้วหู ใบหน้าก้มมองลงมาด้วยสายตาแปลกใจ กลับเป็นหนูแจ๋วตามเดิมแล้ว ไม่ใช่หนูแจ๋วปากกว้างตนกินแมว ปิลาร์กระโดดไปหลบอยู่ใต้โซฟาอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ไม่ไว้ใจอะไรอีกแล้ว ฝ่ายคนรับใช้ประจำบ้านได้แต่ยืนเกาหัวอย่างแปลกใจเพราะเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็เห็นแมวตัวโปรดของเจ้านายกำลังนอนดิ้นพราดเป็นวงกลมอยู่บนพรม พอปลุกให้ตื่นก็ทำท่าหวาดกลัวจนวิ่งหลบไปซ่อน โลกของแมวนี่ยากต่อการเข้าใจเสียนี่กระไร คิดพลางก็จัดการเอาหารเม็ดสำหรับแมวเทให้ไว้ในจานวางบนพื้น ก่อนล่าถอยไปทำงานบ้านตามวิสัยคนรับใช้ระดับห้าดาว
เป็นเวลานานพอสมควรกว่าปิลาร์จะบรรเทาการหวาดผวาและเดินออกมาจากโซฟาด้วยอาการหวาดระแวงไม่ไว้ใจ หางพองใหญ่ขึ้นกว่าปกติสองเท่า เพราะความสยองต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อะไรมันจะฝันร้ายได้ขนาดนั้น เหมือนเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่างซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับปลาย่างไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามปิลาร์ก็ไม่เคยคิดจะแปลความฝันเป็นตัวเลขแบบมนุษย์ทำกันเพราะแมวไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับตัวเลขอะไรมากมาย ฝันร้ายทำให้หมดอารมณ์ในการกินอาหารเช้า เกิดอาหารเม็ดลุกขึ้นมาไล่กัดจะยุ่งกันใหญ่
หนูแจ๋วเปิดทีวีเอาไว้ที่ห้องนั่งเล่น คงคิดว่าปิลาร์อาจนอนดูทีวีเหมือนทุกเช้า หากวันนี้อารมณ์ไม่ดีเสียแล้วเพราะฝันร้าย กลัวว่าดูทีวีอยู่ดีๆ อาจจะมีผีปลาย่างหนังลอกจนตัวขาวตัวหักๆงอๆ คลานขึ้นมาจากบ่อเลี้ยงปลาแล้วคลานโผล่ออกมาจากจอทีวีคงได้หนีกันตับแลบ จึงคิดว่าควรออกไปเล่นนอกบ้านน่าจะดีกว่ามวสีขาวสดใสที่ชอบนั่งบนกำแพงรั้วบ้านจนคุ้นหน้าคุ้นตา