คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
แตกต่างตรงวิธีเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากกองทุนออกมาให้ผู้ลงทุน
แบบปันผล กองทุนเป็นผู้ติดตาม เมื่อมีกำไรก็ขายหุ้นบางส่วนของกองแล้วนำมาจ่ายปันผลตามนโยบาย ผู้รับปันผลต้องจ่ายภาษี10%
เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนพร้อมกับต้องการเงินปันผลมาใช้จ่ายด้วยเป็นช่วงๆตามนโยบายของกอง ผู้ลงทุนอาจเสียภาษีรายได้เกิน10%อยู่แล้วจึงยอมจ่ายภาษีปันผล กองทุนจะไม่ค่อยเติบโตเพราะมีการทยอยจ่ายปันผล แต่มีข้อดีคือลดความเสี่ยงกรณีที่ตลาดหุ้นตกหนักเพราะได้ทยอยรับปันผลมาต่อเนื่องก่อนแล้ว
แบบไม่ปันผล ผู้ลงทุนเป็นผู้ติดตามและขายเองตามความต้องการ ไม่ต้องเสียภาษีปันผล (อาจมีค่าธรรมเนียมการขายในบางกอง0-1%)
ถ้าผู้ลงทุนติดตามเองเช่นทุก3หรือ6เดือนเมื่อกองทุนมีกำไรก็ขายกำไรออกมาใช้จ่าย(คล้ายแแบบปันผล) หรือต้องการกำไรเป็นรอบถ้าถึงเป้าหมายก็ขายออก บางท่านต้องการสะสมระยะยาวให้กองเติบโตมากๆแล้วค่อยขายเอาทุนคืนก็จะได้กองฟรีที่เหลือถือไว้เก็บผลประโยชน์ตามแบบที่ต้องการโดยไม่ต้องกลัวความผันผวนของตลาดอีกต่อไป
การถือกองทุนหุ้นในระยะยาวไม่ว่าแบบปันผลหรือไม่ปันผล ควรคอยติดตามดูแลคอยปรับลดต้นทุน ถ้าราคาถูกลงมากก็ซื้อเพิ่ม อาจทำShort Against Portบ้างในช่วงที่เป็นขาลงอย่างชัดเจน ที่สำคัญถ้าตลาดเกิดวิกฤติอย่างรุนแรงต้องขายหนีให้ได้มากที่สุดแล้วกลับมาลงใหม่ตอนราคาต่ำมากอีกครั้ง(ผู้ถือกองทุนจะทำได้ยากกว่าผู้ถือหุ้น)
ไม่ควรลงทุนในกองจ่ายปันผลแต่กลับนำเอาปันผลมาลงทุนต่อในกองเดิมทุกครั้งอย่างต่อเนื่อง(ทำคล้ายแบบไม่จ่ายปันผล)เพราะจะขาดการลงทุนต่อเนื่องและถูกหักภาษีปันผลออกไปอีกทุกครั้ง ถ้าทำแบบนี้ควรลงทุนในกองไม่ปันผลดีกว่า
กองทุนหุ้นไม่ว่าแบบปันผลหรือไม่ปัน กองที่ดีคือกองที่สามารถบริหารจัดการแล้วสร้างผลกำไรได้มากทั้งระยะสั้นยาวอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอที่สุด เรื่องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายปันผลหรือการขายเอากำไรไม่ใช่เรื่องยาก ขอให้กองทุนบริหารแล้วสร้างกำไรให้มาก บางกองที่จ่ายปันผลแล้วสร้างกำไรได้ดีแถมไม่มีค่าธรรมเนียมซื้อขายผู้ลงทุนเลือกเล่นรอบเองโดยไม่รอปันผลก็มี บางกองบริหารแล้วขาดทุนจ่ายปันผลไม่ได้ถ้าฝืนจ่ายก็ต้องเอาส่วนทุนมาจ่าย แต่ถ้าช่วงนั้นหุ้นตกทั้งตลาดก็อาจสร้างกำไรได้น้อยหรือขาดทุนได้ จึงควรกระจายลงทุนในกองดีกองอื่นที่ถือหุ้นต่างกันด้วย
จังหวะเข้าลงทุน
กองทุนหุ้นมักมีผลงานล้อตามกับตลาดหุ้น การลงทุนอาจได้กำไรมากหรือขาดทุนหนักๆก็เป็นได้ จึงควรใช้เงินเย็น ถ้าลงทุนหนักก้อนใหญ่ๆก้อนเดียวอาจผิดพลาดจึงนิยมลงทุนแบบDCAคือทยอยลงทุนถัวเฉลี่ยด้วยจำนวนเงินเท่าๆกันเช่นรายสัปดาห์หรือรายเดือนและลงทุนเป็นระยะเวลายาวจึงจะช่วยลดความผ้นผวนของตลาดได้
ควรศึกษาเรื่องหุ้นและตลาดหุ้นไปด้วยเพื่อปรับใช้กับการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงหรือปรับการลงทุนให้ดีขึ้น จะเห็นว่าตลาดหุ้นมีลักษณะเป็นรอบ มีขาขึ้น มีขาลง ถ้าเข้าซื้อเพิ่มตอนขาลงที่ราคาต่ำๆไม้ใหญ่ๆก็ช่วยลดต้นทุนได้ อาจทำSAPคือเมื่อราคาขึ้นมาสูงถ้าทยอยขายส่วนน้อยออกไปบ้างต้นทุนในมือก็ลดลง พอราคากลับมาอ่อนตัวก็ซื้อคืนต้นทุนก็จะลดลงเช่นกัน แต่บางทีก็คาดการณ์ผิดอาจขายหมูตัวเล็กไปเพราะราคาที่ว่าสูงแล้วแต่ก็ยังขึ้นต่อไปอีก แต่ยังไงก็อย่าลืมว่ากองใหญ่ของเราก็โตตามราคาที่ขึ้นไปด้วย(ไม่เสียหาย) เทคนิคเหล่านี้ผู้ลงทุนดัดแปลงใช้กันมานานแล้วโดยเรียนรู้จากนักลงทุนเก่งๆเช่นอ.เทพ รุ่งธนาภิรมย์(คัมภีร์หุ้น ห่านทองคำ)
นักลงทุนลงทุนกันยาวๆจึงหาวิธีลงทุน ซื้อ-ขายกองทุนได้ ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง
(การลงทุนในกองปันผลกับไม่ปันผลมีจังหวะการลงทุนเหมือนกัน เพียงแต่ในแบบปันผล ถ้ารู้ว่ากองกำลังจะจ่ายปันผลในรอบต่อไปที่จะDCAก็อาจเลื่อนไปซื้อหลังจากการจ่ายปันผล)
แบบปันผล กองทุนเป็นผู้ติดตาม เมื่อมีกำไรก็ขายหุ้นบางส่วนของกองแล้วนำมาจ่ายปันผลตามนโยบาย ผู้รับปันผลต้องจ่ายภาษี10%
เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนพร้อมกับต้องการเงินปันผลมาใช้จ่ายด้วยเป็นช่วงๆตามนโยบายของกอง ผู้ลงทุนอาจเสียภาษีรายได้เกิน10%อยู่แล้วจึงยอมจ่ายภาษีปันผล กองทุนจะไม่ค่อยเติบโตเพราะมีการทยอยจ่ายปันผล แต่มีข้อดีคือลดความเสี่ยงกรณีที่ตลาดหุ้นตกหนักเพราะได้ทยอยรับปันผลมาต่อเนื่องก่อนแล้ว
แบบไม่ปันผล ผู้ลงทุนเป็นผู้ติดตามและขายเองตามความต้องการ ไม่ต้องเสียภาษีปันผล (อาจมีค่าธรรมเนียมการขายในบางกอง0-1%)
ถ้าผู้ลงทุนติดตามเองเช่นทุก3หรือ6เดือนเมื่อกองทุนมีกำไรก็ขายกำไรออกมาใช้จ่าย(คล้ายแแบบปันผล) หรือต้องการกำไรเป็นรอบถ้าถึงเป้าหมายก็ขายออก บางท่านต้องการสะสมระยะยาวให้กองเติบโตมากๆแล้วค่อยขายเอาทุนคืนก็จะได้กองฟรีที่เหลือถือไว้เก็บผลประโยชน์ตามแบบที่ต้องการโดยไม่ต้องกลัวความผันผวนของตลาดอีกต่อไป
การถือกองทุนหุ้นในระยะยาวไม่ว่าแบบปันผลหรือไม่ปันผล ควรคอยติดตามดูแลคอยปรับลดต้นทุน ถ้าราคาถูกลงมากก็ซื้อเพิ่ม อาจทำShort Against Portบ้างในช่วงที่เป็นขาลงอย่างชัดเจน ที่สำคัญถ้าตลาดเกิดวิกฤติอย่างรุนแรงต้องขายหนีให้ได้มากที่สุดแล้วกลับมาลงใหม่ตอนราคาต่ำมากอีกครั้ง(ผู้ถือกองทุนจะทำได้ยากกว่าผู้ถือหุ้น)
ไม่ควรลงทุนในกองจ่ายปันผลแต่กลับนำเอาปันผลมาลงทุนต่อในกองเดิมทุกครั้งอย่างต่อเนื่อง(ทำคล้ายแบบไม่จ่ายปันผล)เพราะจะขาดการลงทุนต่อเนื่องและถูกหักภาษีปันผลออกไปอีกทุกครั้ง ถ้าทำแบบนี้ควรลงทุนในกองไม่ปันผลดีกว่า
กองทุนหุ้นไม่ว่าแบบปันผลหรือไม่ปัน กองที่ดีคือกองที่สามารถบริหารจัดการแล้วสร้างผลกำไรได้มากทั้งระยะสั้นยาวอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอที่สุด เรื่องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายปันผลหรือการขายเอากำไรไม่ใช่เรื่องยาก ขอให้กองทุนบริหารแล้วสร้างกำไรให้มาก บางกองที่จ่ายปันผลแล้วสร้างกำไรได้ดีแถมไม่มีค่าธรรมเนียมซื้อขายผู้ลงทุนเลือกเล่นรอบเองโดยไม่รอปันผลก็มี บางกองบริหารแล้วขาดทุนจ่ายปันผลไม่ได้ถ้าฝืนจ่ายก็ต้องเอาส่วนทุนมาจ่าย แต่ถ้าช่วงนั้นหุ้นตกทั้งตลาดก็อาจสร้างกำไรได้น้อยหรือขาดทุนได้ จึงควรกระจายลงทุนในกองดีกองอื่นที่ถือหุ้นต่างกันด้วย
จังหวะเข้าลงทุน
กองทุนหุ้นมักมีผลงานล้อตามกับตลาดหุ้น การลงทุนอาจได้กำไรมากหรือขาดทุนหนักๆก็เป็นได้ จึงควรใช้เงินเย็น ถ้าลงทุนหนักก้อนใหญ่ๆก้อนเดียวอาจผิดพลาดจึงนิยมลงทุนแบบDCAคือทยอยลงทุนถัวเฉลี่ยด้วยจำนวนเงินเท่าๆกันเช่นรายสัปดาห์หรือรายเดือนและลงทุนเป็นระยะเวลายาวจึงจะช่วยลดความผ้นผวนของตลาดได้
ควรศึกษาเรื่องหุ้นและตลาดหุ้นไปด้วยเพื่อปรับใช้กับการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงหรือปรับการลงทุนให้ดีขึ้น จะเห็นว่าตลาดหุ้นมีลักษณะเป็นรอบ มีขาขึ้น มีขาลง ถ้าเข้าซื้อเพิ่มตอนขาลงที่ราคาต่ำๆไม้ใหญ่ๆก็ช่วยลดต้นทุนได้ อาจทำSAPคือเมื่อราคาขึ้นมาสูงถ้าทยอยขายส่วนน้อยออกไปบ้างต้นทุนในมือก็ลดลง พอราคากลับมาอ่อนตัวก็ซื้อคืนต้นทุนก็จะลดลงเช่นกัน แต่บางทีก็คาดการณ์ผิดอาจขายหมูตัวเล็กไปเพราะราคาที่ว่าสูงแล้วแต่ก็ยังขึ้นต่อไปอีก แต่ยังไงก็อย่าลืมว่ากองใหญ่ของเราก็โตตามราคาที่ขึ้นไปด้วย(ไม่เสียหาย) เทคนิคเหล่านี้ผู้ลงทุนดัดแปลงใช้กันมานานแล้วโดยเรียนรู้จากนักลงทุนเก่งๆเช่นอ.เทพ รุ่งธนาภิรมย์(คัมภีร์หุ้น ห่านทองคำ)
นักลงทุนลงทุนกันยาวๆจึงหาวิธีลงทุน ซื้อ-ขายกองทุนได้ ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง
(การลงทุนในกองปันผลกับไม่ปันผลมีจังหวะการลงทุนเหมือนกัน เพียงแต่ในแบบปันผล ถ้ารู้ว่ากองกำลังจะจ่ายปันผลในรอบต่อไปที่จะDCAก็อาจเลื่อนไปซื้อหลังจากการจ่ายปันผล)
แสดงความคิดเห็น
กองทุนปันผลกับไม่ปันผล มีข้อดีข้อเสีย ต่างกันอย่างไรครับ
แล้วจังหว่ะการเข้าซื้อ กองทุนแต่ละแบบ ควรเลือกเข้าในช่วงจังหว่ะไหนครับ