ธวัชชัยกำลังวุ่นอยู่กับการเก็บอุปกรณ์เครื่องมือลงในกล่องเหล็ก หลังจากที่เขาประกอบชิ้นส่วนของเพลาล้อของรถกระบะคันใหญ่เสร็จ ธวัชชัยขับเคลื่อนมันออกไปจอดที่ลานกว้างหน้าอู่เพื่อรอเจ้าของมารับมัน โดยที่เขาแอบสังเกตใครบางคนอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ชายชุดดำคนที่น่าสงสัยนี้ธวัชชัยเริ่มสงสัยถึงพฤติกรรมแปลกๆมานานแล้ว ในทุกวันเวลาใกล้เย็น ชายชุดสูทสีดำจะแต่งกายชุดเดิมทุกวันมานั่งยังร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถึงแม้จะเป็นวันที่อากาศร้อนเพียงใด แต่เครื่องแต่งกายของชายคนนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ธวัชชัยเริ่มเห็นบุคคลผู้นี้มาได้เกือบจะครบเดือนแล้วที่มานั่งเฝ้าคอยเหมือนจะต้องการเฝ้าสังเกตใครสักคน และคนที่ธวัชชัยคิดว่าชายชุดดำคนนั้นเฝ้ามองก็คือตัวของเขาเอง
เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังถูกเฝ้าจับตามอง ธวัชชัยก็แอบเฝ้ามองชายชุดดำนั้นด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ตัวว่าถูกแอบเฝ้ามองอยู่ และวันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน พอใกล้จะถึงเวลาปิดอู่ซ่อมรถ ชายชุดดำก็ทำท่าทางจดบันทึกอะไรสักอย่างลงไปในสมุดและลุกเดินออกไป เมื่อเห็นชายชุดดำเดินพ้นจากสายตาไปแล้ว ธวัชชัยจึงสั่งให้ลูกน้องเตรียมเก็บของและปิดประตูเหล็กหน้าร้านลง
ธวัชชัยค่อยๆขับรถบนถนนที่การจราจรติดขัดผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ วันนี้เป็นวันหยุดสิ้นเดือนผู้คนเดินขวักไขว่กันไปมา มีทั้งครอบครัวเพื่อนฝูงมากันเป็นกลุ่ม ตอนนี้รถจอดนิ่งสนิทแล้วเพราะติดไฟแดง ทำให้สายตาของเขาไปตกอยู่ที่คนกลุ่มหนึ่งที่เดินจูงมือกันมา 3 คนมีพ่อแม่ลูกเดินหยอกล้อกันดูสนิทสนมกลมเกลียว ธวัชชัยมองภาพนั้นแล้วทำให้เขาเริ่มคุ้นชินกลับบรรยากาศแบบนี้ยิ่งนัก แต่ไม่ว่าธวัชชัยจะพยายามนึกเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถดึงความทรงจำอะไรออกมาได้เลยเกี่ยวกับเรื่องนี้
'ปรี๊น...!!'
เสียงแตรดังจากรถคันข้างหลังเพื่อจะส่งสัญญาณให้ธวัชชัยเหยียบคันเร่งไปข้างหน้า เนื่องจากไฟเขียวแล้วแต่เขายังทำสายตาเหม่อลอยเมื่อพยายามคิดถึงความรู้สึกที่ขาดหายไปนั้น ธวัชชัยตัดสินใจเลี้ยวรถยนต์เข้าไปจอดในห้างใหญ่ จากนั้นที่ลานกว้างหน้าห้างมีลานเบียร์ที่ผู้คนยังไม่ค่อยหนาแน่นนัก เขาเดินไปนั่งโต๊ะกลางลานเพื่อเฝ้าสังเกตโต๊ะอื่นๆที่มากันหลายคนแทบจะทุกโต๊ะ ธวัชชัยสั่งเบียร์มาหนึ่งขวดมาตั้งไว้ที่โต๊ะแต่เขาไม่สนใจมันเลย สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้ก็คือเพื่อนๆหรือคนรู้จักของเขาหายไปไหน ไม่ใช่ว่าเขาจะมานั่งรอใครบางคนแล้วรอให้คนๆนั้นมาถึง แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือเขาไม่มีความทรงจำถึงใครเลยสักคนเดียวที่จะเรียกมานั่งดื่มกินเหมือนโต๊ะข้างๆได้
ธวัชชัยยังใช้สิทธิ์นั่งที่โต๊ะต่อไปเพราะเขาสั่งเบียร์มาแล้วหนึ่งขวดแต่เขาไม่แตะมันเลย เมื่อธวัชชัยไม่สามารถย้อนความทรงจำในอดีตถึงใครได้เลย เขาจึงพยายามคิดว่าเขาเป็นใครมาจากไหน และตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ และในอนาคตเขาคิดถึงสิ่งใด
คราบเหงื่อจางๆเริ่มซึมออกมาจากใบหน้าของธวัชชัย ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีวี่แววของคลื่นความร้อนใดๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาถึงกับเหงื่อเต็มใบหน้าเพราะว่าเขานึกอะไรไม่ออกเลยถึงคำถามที่เขาตั้งขึ้นมาในใจเมื่อสักครู่นี้ ธวัชชัยรู้แต่เพียงว่าแค่ช่วงชีวิตประจำวันนี้ เขาตื่นนอนก็ออกจากบ้านมายังอู่ที่เขาเองเป็นเจ้าของมัน ความทรงจำในชีวิตของเขามีเพียงเท่านี้เอง
นี่เพิ่งเริ่มจะหัวค่ำไม่นาน ธวัชชัยค่อยๆขับรถไปอย่างเชื่องช้า ในหัวสมองเขาตอนนี้ไม่อยากจะคิดอะไรแม้สักเรื่องเดียว ธวัชชัยคงคิดว่าความทรงจำในอดีตนั้นมีค่ามหาศาลในยามที่เขาไม่มีมัน
ทันใดนั้น! แสงไฟจากหน้ารถคันอื่นสาดเข้ามาจากทางด้านซ้ายของเขา ธวัชชัยพุ่งออกมาจากทางแยกโดยที่ลืมสังเกตรถยนต์ทางซ้ายมือที่พุ่งมาด้วยความเร็ว ระยะห่างไม่ถึง 20 เมตร เสี้ยววินาทีนี้เขามองแสงไฟนั้นด้วยความไม่ตื่นตระหนก เหมือนเขาไม่กลัวอะไรเลยกับความตายที่เข้ามาอยู่ใกล้แค่เอื้อม หรืออาจจะเป็นเพราะในเมื่อเขาไม่มีอดีตความทรงจำใดๆเหลืออีกต่อไป เขาคงไม่ต้องแคร์อะไรอีกต่อไปแล้ว
'เอี๊ยด...!!'
รถคันที่พุ่งมาทางซ้ายหักหลบไปทางด้านหลังอย่างฉิวเฉียด ธวัชชัยพยายามตั้งสติและขับรถยนต์ต่อไปจนถึงบ้านพักของเขา เมื่อรถยนต์จอดหน้าบ้าน เขาเดินลงจากลดแล้วมองไปที่เพื่อนบ้านหลายๆหลังที่อยู่ติดกัน แต่นั่นไม่ทำให้ธวัชชัยคุ้นตาเลยสักนิดเดียว เขาแทบอยากจะเดินไปเคาะประตูบ้านข้างๆเพื่อถามว่าตัวเขาเองนั้นเป็นใคร มาจากไหน และรู้จักกันหรือไม่? แต่จนแล้วจนรอด ธวัชชัยก็ไม่กล้าไปเคาะประตูบ้านของคนแปลกหน้า
ธวัชชัยเปิดประตูบ้านและสวิตซ์ไฟ เขาพยายามมองหาร่องรอยหลักฐานที่จะสามารถบ่งชี้ได้ ว่าเขาเคยเป็นใครและมีใครบ้างที่เขาเองเคยรู้จัก ที่ผนังบ้านไม่มีรูปภาพบุคคลใดๆแขวนไว้ เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในบ้านถูกออกแบบสำหรับคนๆเดียว โต๊ะกินข้าวก็มีเก้าอี้เพียงตัวเดียว ถ้วยจานชามมีพอใช้สำหรับคนๆเดียว เสื้อผ้าก็มีเฉพาะที่เป็นของธวัชชัยคนเดียว แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจลึกๆก็คือ ภาพของพ่อแม่ลูกและกลุ่มคนที่เขาเห็นหน้าห้างเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมานี้ เมื่อนึกถึงภาพเหล่านั้นยิ่งทำให้ธวัชชัยรู้สึกว่าเขาเคยมีคนพวกนั้นอยู่พร้อมสรรพแต่เขาทำหายไป
ธวัชชัยมีแค่ความทรงจำสั้นๆว่าเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ มีอู่ซ่อมรถยนต์เป็นของตัวเองและมีลูกน้องที่อู่อีก 2 คน แต่ลูกน้องทั้ง 2 คนก็เป็นคนที่มาสมัครงานกับเขาเมื่อไม่กี่วันมานี้ นอกเหนือจากเรื่องพวกนี้แล้ว ธวัชชัยไม่สามารถคิดถึงใครที่เขาเคยรู้จักได้
ธวัชชัยลืมตาขึ้นมาจากสภาวะจิตที่จมดิ่งลึก เขานึกขึ้นได้ถึงชายในชุดดำที่เขาสังเกตเห็นมาร่วมเดือนกว่าแล้ว คนๆนั้นคงจะเป็นบุคคลเดียวที่จะพาธวัชชัยย้อนกลับไปหาตัวตนของตนเองได้ เมื่อเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง ธวัชชัยจึงเลิกทำเป็นจมทุกข์และกลับไปใช้ชีวิตประจำตามปกติ
วันถัดมาธวัชชัยกลับมาทำงานที่อู่ตามปกติ เขาซ่อมรถหลายคันที่มาจอดรออยู่เต็มพื้นที่ในอู่ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบถึงเวลาที่ชายชุดดำคนนั้นจะมา ธวัชชัยจึงสั่งให้ลูกน้องปิดร้านเร็วกว่าปกติ โดยที่เขาเปลี่ยนชุดแต่งตัวด้วยชุดหนังทั้งตัวพร้อมใส่หมวกกันน๊อคเพื่ออำพรางใบหน้า ธวัชชัยขี่มอเตอร์ไซค์ไปแอบรอที่มุมถนนข้างร้าน เขาเฝ้าชำเลืองมองดูนาฬิกาตลอดเวลาเพื่อคาดคะเนเวลาการมาถึงของชายชุดดำ
และเวลานั้นก็มาถึง ชายในชุดสูทขับรถเก๋งคันใหญ่มาจอดหน้าร้านอาหารร้านเดิม แต่เมื่อเห็นว่าวันนี้อู่ของธวัชชัยปิด ชายคนนั้นจึงเหยียบคันเร่งออกไปทันที ได้โอกาสที่รถเก๋งคันนั้นนขับออกไปห่างจากจุดที่ธวัชชัยซ่อนอยู่ เขาจึงค่อยๆขี่รถตามดูห่างๆเพื่อไม่ให้ถูกสังเกตได้
ระยะทางจากจุดเริ่มต้นเริ่มไกลออกไปมากแล้ว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความพยายามของธวัชชัยลดลง และในที่สุดเขาก็มาถึงบ้านของชายชุดดำ รถเก๋งเข้าจอดในบ้าน ธวัชชัยตามไปติดๆและเข้าประกบทันทีที่มีโอกาส
"สวัสดีครับ คุณคงจำผมได้นะ"
ธวัชชัยเอ่ยถาม เขาถอดหมวกกันน็อดออกเพื่อเผยใบหน้า ฝ่ายตรงข้ามถึงกับหน้าซีดทันทีที่เห็นใบหน้าของธวัชชัย
"คุณคือธวัชชัย"
เสียงตอบราบเรียบที่ถูกกลบเกลื่อนความตกใจแล้ว ชายที่ยังแต่งตัวด้วยชุดดำทำสีหน้านิ่งเรียบ
"คุณรู้จักชื่อผม คุณรู้จักผม?"
ธวัชชัยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ก็... ใช่ครับ ผมชื่อพิจาน ผมว่าเราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า"
พิจานเชิญธวัชชัยเข้าไปในบ้าน เขาให้ธวัชชัยไปนั่งรอที่ชุดโซฟาเนื้อผ้าบุด้วยฟองน้ำสีน้ำเงินเข้ม ธวัชชัยไปนั่งรอด้วยดี และพิจานเดินหลบเข้าไปหลังบ้าน แต่สักพักเขาก็เดินออกมาพร้อมกับแก้วน้ำ 2 ใบ และวางแก้วอีกใบไว้ที่หน้าธวัชชัย
"ก่อนอื่นเลยครับคุณธวัชชัย ทำไมคุณถึงตามมาหาผมที่นี่ได้ และมาเพื่ออะไร"
"ผมคิดว่าคุณคงจะช่วยเหลือผมได้ ผมถึงแอบตามคุณมา"
"คุณมีปัญหาอะไรให้ผมช่วย"
พิจานพูดจบก็ยกแก้วน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย ทำให้ธวัชชัยทำตามโดยดื่มน้ำจากแก้วไปหนึ่งอึกก่อนจะพูด
"คุณว่าแปลกไหมที่คนเราจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับผู้คนในอดีตเลย ผมไม่สามารถจดจำใครได้เลย แต่ผมมีความรู้สึกว่าผมเคยมีคนอยู่เคียงข้าง แต่พวกเขาหายไปไหนกัน"
พิจานหยุดนิ่งไปสักพัก เหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่
"อะไรทำให้คุณธวัชชัยคิดแบบนั้น"
"คือเมื่อไม่นานมานี้ผมเริ่มมองผู้คนรอบข้าง เห็นถึงความสัมพันธ์ของผู้คนที่แต่ละคนมีให้ต่อกัน แต่เมื่อผมมามองดูตัวเองกับกลายเป็นว่าผมไม่สามารถเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับใครได้เลย และที่ผมมาหาคุณก็เพราะว่าคุณเป็นคนเพียงคนเดียวที่อยู่ในความทรงจำของผม"
พิจานยังคงจ้องมองดูธวัชชัยเหมือนต้องการสังเกตความรู้สึกนึกคิดภายในใจ
"ผมคิดว่าคุณคงสูญเสียความทรงจำในอดีตไป อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคุณทำให้สมองอาจได้รับความกระทบกระเทือน คุณไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้เลยหรือครับ"
"ใช่ครับ สิ่งที่ผมรู้สึกว่าวนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของผมนั้นก็มีแค่บ้าน และอู่ซ่อมรถ แต่เอ๊ะ? ทำไม่คุณต้องคอยเฝ้าติดตามผมมาเกือบจะครบเดือนแล้ว"
พิจานนิ่งอีกครั้ง เข้าใช้มือคลายปมเนคไทที่ปกเสื้อของเขาให้คลายความรัดตึง และยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบเบาๆอีกครั้ง
"ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมคงไม่สามารถปิดบังอะไรคุณได้อีกต่อไปแล้ว ความจริงคุณธวัชชัยคือผู้ป่วยของผม คุณได้รับอุบัติเหตุร้ายแรงจนทำให้หัวสมองได้รับความกระทบกระเทือน ส่งผลให้ความทรงจำให้สมองถูกตัดขาดจากสามัญสำนึกได้"
ธวัชชัยยังคงสับสนกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของพิจาน แต่เขาก็ค่อยๆเรียบเรียงสิ่งเหล่านั้นในความคิดของเขาจนพอจะเริ่มเข้าใจกับสิ่งที่ได้ยินมา
"แต่คุณธวัชชัยไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ นอกจากความทรงจำของคุณที่หายไปแล้ว ร่างกายคุณไม่ได้รับความเสียหายเลยแต่อย่างใด และความทรงจำของคุณก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนปกติได้"
"มันจะกลับมาอย่างแน่นอนใช่ไหมครับ"
ธวัชชัยถามอย่างร้อนรน
"ก็มีความเป็นไปได้ครับ แต่ผมไม่สามารถฟันธงได้"
ธวัชชัยยังคงทำสีหน้ากังวลอยู่ภายในใจของเขา
"ในระหว่างนี้ก็รอเพียงแค่เวลาที่จะช่วยรักษาคุณให้หายเป็นปกติเอง"
"จริงหรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมมีเรื่องจะขอให้คุณช่วยผมสักเรื่องจะได้หรือไม่ครับ"
"คุณต้องการให้ผมช่วยอะไร"
"ผมอยากรู้ว่าผมเคยเป็นใคร ครอบครัวผมอยู่ไหน ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาเคยอยู่เคียงข้างผม"
"คุณอยากจะรู้อดีตไปทำไมกัน คุณคิดว่าหากรู้อดีตแล้วจะทำให้คุณมีความสุขหรืออย่างไรกัน"
ธวัชชัยยังคงทำสีหน้าสับสนกับสิ่งที่พูด แต่ในดวงตาลึกแล้วเขาก็ยังมุ่งมั่นกับความปราถนาของตัวเขาเอง
"ผมไม่รู้สิครับ แต่ผมรู้สึกว่าการดำรงชีวิตโดยขาดรากเหง้า ไม่มีซึ่งความสัมพันธ์กับผู้คน ไม่มีครอบครัวหรือแม้กระทั่งเพื่อนฝูงเลย มันช่างดูเหงาโดดเดี่ยวและโหดร้ายมากเกินไป"
"เอาล่ะคุณธวัชชัย คุณไม่กลัวว่าอดีตจะกลับมาทำร้ายคุณหรือ"
ธวัชชัยหยุดคิดชั่วครู่
"อดีตที่โหดร้ายเพียงใด มันก็ยังทิ่มแทงจิตใจของเราได้น้อยกว่าที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ผมคิดแบบนี้"
"ถ้าคุณคิดอย่างนั้น เราเก็บแฟ้มประวัติโดยละเอียดของคุณไว้ก่อนที่คุณจะเข้ารับการรักษาจากเรา ผมจะนำแฟ้มนั้นมาให้คุณ"
"ขอบคุณครับ"
เมื่อธวัชชัยพูดจบ เขาเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆโผล่เข้ามาในระบบประสาทของเขา ความรู้สึกนี้คืออาการเหมือนจะวูบหลับทันที แต่ธวัชชัยยังคงฝืนความรู้สึกนั้นไว้ได้ เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หรือว่าน้ำที่ดื่มเข้าไปเมื่อกี๊นี้จะมียานอนหลับ ตอนนี้เหมือนกับตาของธวัชชัยหรือจะหรี่ลงเล็กน้อย เขาเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับคนๆนี้แล้ว
"คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ผมอาจจะค้นหาแฟ้มให้ได้ในตอนนี้"
พิจานลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดิน ธวัชชัยได้โอกาสเขาหยิบแก้วน้ำเทใส่ปาก แต่เมื่อพิจานเดินลับหลังไปไกลแล้วธวัชชัยจึงบ้วนน้ำที่แกล้งทำเป็นดื่มใส่ลงในแก้วเหมือนเดิม เขาตัดสินใจเทน้ำที่อยู่ในแก้วลงบนโซฟาจนหมด ฟองน้ำดูดซึมกักเก็บน้ำได้ดีนัก จากนั้นธวัชชัยแกล้งทำเป็นหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาโดยใช้อาการง่วงนอนก่อนหน้านี้ที่ดื่มน้ำผสมยานอนหลับไปหนึ่งอึกเล็กๆช่วย ทำให้ไม่ดูผิดสังเกต
เวลาผ่านไปไม่นาน พิจานเดินกลับมาพร้อมกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน
"คนไข้หลับไปแล้ว เข้ามารับตัวไปห้องแลปได้"
ธวัชชัยได้ยินคำว่าห้องแลปไม่ใช่โรงพยาบาลถึงกับแปลกใจว่าเขาเป็นคนไข้หรืออะไรกันแน่ แต่เขาก็ไม่โวยวายอะไรตอนนี้
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง กลุ่มเจ้าหน้าที่ในชุดสีขาวพากันเดินเข้าในบ้าน และค่อยๆพะยุงธวัชชัยลงเปล
ความทรงจำที่หายไป
เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังถูกเฝ้าจับตามอง ธวัชชัยก็แอบเฝ้ามองชายชุดดำนั้นด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ตัวว่าถูกแอบเฝ้ามองอยู่ และวันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน พอใกล้จะถึงเวลาปิดอู่ซ่อมรถ ชายชุดดำก็ทำท่าทางจดบันทึกอะไรสักอย่างลงไปในสมุดและลุกเดินออกไป เมื่อเห็นชายชุดดำเดินพ้นจากสายตาไปแล้ว ธวัชชัยจึงสั่งให้ลูกน้องเตรียมเก็บของและปิดประตูเหล็กหน้าร้านลง
ธวัชชัยค่อยๆขับรถบนถนนที่การจราจรติดขัดผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ วันนี้เป็นวันหยุดสิ้นเดือนผู้คนเดินขวักไขว่กันไปมา มีทั้งครอบครัวเพื่อนฝูงมากันเป็นกลุ่ม ตอนนี้รถจอดนิ่งสนิทแล้วเพราะติดไฟแดง ทำให้สายตาของเขาไปตกอยู่ที่คนกลุ่มหนึ่งที่เดินจูงมือกันมา 3 คนมีพ่อแม่ลูกเดินหยอกล้อกันดูสนิทสนมกลมเกลียว ธวัชชัยมองภาพนั้นแล้วทำให้เขาเริ่มคุ้นชินกลับบรรยากาศแบบนี้ยิ่งนัก แต่ไม่ว่าธวัชชัยจะพยายามนึกเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถดึงความทรงจำอะไรออกมาได้เลยเกี่ยวกับเรื่องนี้
'ปรี๊น...!!'
เสียงแตรดังจากรถคันข้างหลังเพื่อจะส่งสัญญาณให้ธวัชชัยเหยียบคันเร่งไปข้างหน้า เนื่องจากไฟเขียวแล้วแต่เขายังทำสายตาเหม่อลอยเมื่อพยายามคิดถึงความรู้สึกที่ขาดหายไปนั้น ธวัชชัยตัดสินใจเลี้ยวรถยนต์เข้าไปจอดในห้างใหญ่ จากนั้นที่ลานกว้างหน้าห้างมีลานเบียร์ที่ผู้คนยังไม่ค่อยหนาแน่นนัก เขาเดินไปนั่งโต๊ะกลางลานเพื่อเฝ้าสังเกตโต๊ะอื่นๆที่มากันหลายคนแทบจะทุกโต๊ะ ธวัชชัยสั่งเบียร์มาหนึ่งขวดมาตั้งไว้ที่โต๊ะแต่เขาไม่สนใจมันเลย สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้ก็คือเพื่อนๆหรือคนรู้จักของเขาหายไปไหน ไม่ใช่ว่าเขาจะมานั่งรอใครบางคนแล้วรอให้คนๆนั้นมาถึง แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือเขาไม่มีความทรงจำถึงใครเลยสักคนเดียวที่จะเรียกมานั่งดื่มกินเหมือนโต๊ะข้างๆได้
ธวัชชัยยังใช้สิทธิ์นั่งที่โต๊ะต่อไปเพราะเขาสั่งเบียร์มาแล้วหนึ่งขวดแต่เขาไม่แตะมันเลย เมื่อธวัชชัยไม่สามารถย้อนความทรงจำในอดีตถึงใครได้เลย เขาจึงพยายามคิดว่าเขาเป็นใครมาจากไหน และตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ และในอนาคตเขาคิดถึงสิ่งใด
คราบเหงื่อจางๆเริ่มซึมออกมาจากใบหน้าของธวัชชัย ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีวี่แววของคลื่นความร้อนใดๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาถึงกับเหงื่อเต็มใบหน้าเพราะว่าเขานึกอะไรไม่ออกเลยถึงคำถามที่เขาตั้งขึ้นมาในใจเมื่อสักครู่นี้ ธวัชชัยรู้แต่เพียงว่าแค่ช่วงชีวิตประจำวันนี้ เขาตื่นนอนก็ออกจากบ้านมายังอู่ที่เขาเองเป็นเจ้าของมัน ความทรงจำในชีวิตของเขามีเพียงเท่านี้เอง
นี่เพิ่งเริ่มจะหัวค่ำไม่นาน ธวัชชัยค่อยๆขับรถไปอย่างเชื่องช้า ในหัวสมองเขาตอนนี้ไม่อยากจะคิดอะไรแม้สักเรื่องเดียว ธวัชชัยคงคิดว่าความทรงจำในอดีตนั้นมีค่ามหาศาลในยามที่เขาไม่มีมัน
ทันใดนั้น! แสงไฟจากหน้ารถคันอื่นสาดเข้ามาจากทางด้านซ้ายของเขา ธวัชชัยพุ่งออกมาจากทางแยกโดยที่ลืมสังเกตรถยนต์ทางซ้ายมือที่พุ่งมาด้วยความเร็ว ระยะห่างไม่ถึง 20 เมตร เสี้ยววินาทีนี้เขามองแสงไฟนั้นด้วยความไม่ตื่นตระหนก เหมือนเขาไม่กลัวอะไรเลยกับความตายที่เข้ามาอยู่ใกล้แค่เอื้อม หรืออาจจะเป็นเพราะในเมื่อเขาไม่มีอดีตความทรงจำใดๆเหลืออีกต่อไป เขาคงไม่ต้องแคร์อะไรอีกต่อไปแล้ว
'เอี๊ยด...!!'
รถคันที่พุ่งมาทางซ้ายหักหลบไปทางด้านหลังอย่างฉิวเฉียด ธวัชชัยพยายามตั้งสติและขับรถยนต์ต่อไปจนถึงบ้านพักของเขา เมื่อรถยนต์จอดหน้าบ้าน เขาเดินลงจากลดแล้วมองไปที่เพื่อนบ้านหลายๆหลังที่อยู่ติดกัน แต่นั่นไม่ทำให้ธวัชชัยคุ้นตาเลยสักนิดเดียว เขาแทบอยากจะเดินไปเคาะประตูบ้านข้างๆเพื่อถามว่าตัวเขาเองนั้นเป็นใคร มาจากไหน และรู้จักกันหรือไม่? แต่จนแล้วจนรอด ธวัชชัยก็ไม่กล้าไปเคาะประตูบ้านของคนแปลกหน้า
ธวัชชัยเปิดประตูบ้านและสวิตซ์ไฟ เขาพยายามมองหาร่องรอยหลักฐานที่จะสามารถบ่งชี้ได้ ว่าเขาเคยเป็นใครและมีใครบ้างที่เขาเองเคยรู้จัก ที่ผนังบ้านไม่มีรูปภาพบุคคลใดๆแขวนไว้ เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในบ้านถูกออกแบบสำหรับคนๆเดียว โต๊ะกินข้าวก็มีเก้าอี้เพียงตัวเดียว ถ้วยจานชามมีพอใช้สำหรับคนๆเดียว เสื้อผ้าก็มีเฉพาะที่เป็นของธวัชชัยคนเดียว แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจลึกๆก็คือ ภาพของพ่อแม่ลูกและกลุ่มคนที่เขาเห็นหน้าห้างเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมานี้ เมื่อนึกถึงภาพเหล่านั้นยิ่งทำให้ธวัชชัยรู้สึกว่าเขาเคยมีคนพวกนั้นอยู่พร้อมสรรพแต่เขาทำหายไป
ธวัชชัยมีแค่ความทรงจำสั้นๆว่าเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ มีอู่ซ่อมรถยนต์เป็นของตัวเองและมีลูกน้องที่อู่อีก 2 คน แต่ลูกน้องทั้ง 2 คนก็เป็นคนที่มาสมัครงานกับเขาเมื่อไม่กี่วันมานี้ นอกเหนือจากเรื่องพวกนี้แล้ว ธวัชชัยไม่สามารถคิดถึงใครที่เขาเคยรู้จักได้
ธวัชชัยลืมตาขึ้นมาจากสภาวะจิตที่จมดิ่งลึก เขานึกขึ้นได้ถึงชายในชุดดำที่เขาสังเกตเห็นมาร่วมเดือนกว่าแล้ว คนๆนั้นคงจะเป็นบุคคลเดียวที่จะพาธวัชชัยย้อนกลับไปหาตัวตนของตนเองได้ เมื่อเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง ธวัชชัยจึงเลิกทำเป็นจมทุกข์และกลับไปใช้ชีวิตประจำตามปกติ
วันถัดมาธวัชชัยกลับมาทำงานที่อู่ตามปกติ เขาซ่อมรถหลายคันที่มาจอดรออยู่เต็มพื้นที่ในอู่ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบถึงเวลาที่ชายชุดดำคนนั้นจะมา ธวัชชัยจึงสั่งให้ลูกน้องปิดร้านเร็วกว่าปกติ โดยที่เขาเปลี่ยนชุดแต่งตัวด้วยชุดหนังทั้งตัวพร้อมใส่หมวกกันน๊อคเพื่ออำพรางใบหน้า ธวัชชัยขี่มอเตอร์ไซค์ไปแอบรอที่มุมถนนข้างร้าน เขาเฝ้าชำเลืองมองดูนาฬิกาตลอดเวลาเพื่อคาดคะเนเวลาการมาถึงของชายชุดดำ
และเวลานั้นก็มาถึง ชายในชุดสูทขับรถเก๋งคันใหญ่มาจอดหน้าร้านอาหารร้านเดิม แต่เมื่อเห็นว่าวันนี้อู่ของธวัชชัยปิด ชายคนนั้นจึงเหยียบคันเร่งออกไปทันที ได้โอกาสที่รถเก๋งคันนั้นนขับออกไปห่างจากจุดที่ธวัชชัยซ่อนอยู่ เขาจึงค่อยๆขี่รถตามดูห่างๆเพื่อไม่ให้ถูกสังเกตได้
ระยะทางจากจุดเริ่มต้นเริ่มไกลออกไปมากแล้ว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความพยายามของธวัชชัยลดลง และในที่สุดเขาก็มาถึงบ้านของชายชุดดำ รถเก๋งเข้าจอดในบ้าน ธวัชชัยตามไปติดๆและเข้าประกบทันทีที่มีโอกาส
"สวัสดีครับ คุณคงจำผมได้นะ"
ธวัชชัยเอ่ยถาม เขาถอดหมวกกันน็อดออกเพื่อเผยใบหน้า ฝ่ายตรงข้ามถึงกับหน้าซีดทันทีที่เห็นใบหน้าของธวัชชัย
"คุณคือธวัชชัย"
เสียงตอบราบเรียบที่ถูกกลบเกลื่อนความตกใจแล้ว ชายที่ยังแต่งตัวด้วยชุดดำทำสีหน้านิ่งเรียบ
"คุณรู้จักชื่อผม คุณรู้จักผม?"
ธวัชชัยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ก็... ใช่ครับ ผมชื่อพิจาน ผมว่าเราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า"
พิจานเชิญธวัชชัยเข้าไปในบ้าน เขาให้ธวัชชัยไปนั่งรอที่ชุดโซฟาเนื้อผ้าบุด้วยฟองน้ำสีน้ำเงินเข้ม ธวัชชัยไปนั่งรอด้วยดี และพิจานเดินหลบเข้าไปหลังบ้าน แต่สักพักเขาก็เดินออกมาพร้อมกับแก้วน้ำ 2 ใบ และวางแก้วอีกใบไว้ที่หน้าธวัชชัย
"ก่อนอื่นเลยครับคุณธวัชชัย ทำไมคุณถึงตามมาหาผมที่นี่ได้ และมาเพื่ออะไร"
"ผมคิดว่าคุณคงจะช่วยเหลือผมได้ ผมถึงแอบตามคุณมา"
"คุณมีปัญหาอะไรให้ผมช่วย"
พิจานพูดจบก็ยกแก้วน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย ทำให้ธวัชชัยทำตามโดยดื่มน้ำจากแก้วไปหนึ่งอึกก่อนจะพูด
"คุณว่าแปลกไหมที่คนเราจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับผู้คนในอดีตเลย ผมไม่สามารถจดจำใครได้เลย แต่ผมมีความรู้สึกว่าผมเคยมีคนอยู่เคียงข้าง แต่พวกเขาหายไปไหนกัน"
พิจานหยุดนิ่งไปสักพัก เหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่
"อะไรทำให้คุณธวัชชัยคิดแบบนั้น"
"คือเมื่อไม่นานมานี้ผมเริ่มมองผู้คนรอบข้าง เห็นถึงความสัมพันธ์ของผู้คนที่แต่ละคนมีให้ต่อกัน แต่เมื่อผมมามองดูตัวเองกับกลายเป็นว่าผมไม่สามารถเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับใครได้เลย และที่ผมมาหาคุณก็เพราะว่าคุณเป็นคนเพียงคนเดียวที่อยู่ในความทรงจำของผม"
พิจานยังคงจ้องมองดูธวัชชัยเหมือนต้องการสังเกตความรู้สึกนึกคิดภายในใจ
"ผมคิดว่าคุณคงสูญเสียความทรงจำในอดีตไป อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคุณทำให้สมองอาจได้รับความกระทบกระเทือน คุณไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้เลยหรือครับ"
"ใช่ครับ สิ่งที่ผมรู้สึกว่าวนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของผมนั้นก็มีแค่บ้าน และอู่ซ่อมรถ แต่เอ๊ะ? ทำไม่คุณต้องคอยเฝ้าติดตามผมมาเกือบจะครบเดือนแล้ว"
พิจานนิ่งอีกครั้ง เข้าใช้มือคลายปมเนคไทที่ปกเสื้อของเขาให้คลายความรัดตึง และยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบเบาๆอีกครั้ง
"ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมคงไม่สามารถปิดบังอะไรคุณได้อีกต่อไปแล้ว ความจริงคุณธวัชชัยคือผู้ป่วยของผม คุณได้รับอุบัติเหตุร้ายแรงจนทำให้หัวสมองได้รับความกระทบกระเทือน ส่งผลให้ความทรงจำให้สมองถูกตัดขาดจากสามัญสำนึกได้"
ธวัชชัยยังคงสับสนกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของพิจาน แต่เขาก็ค่อยๆเรียบเรียงสิ่งเหล่านั้นในความคิดของเขาจนพอจะเริ่มเข้าใจกับสิ่งที่ได้ยินมา
"แต่คุณธวัชชัยไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ นอกจากความทรงจำของคุณที่หายไปแล้ว ร่างกายคุณไม่ได้รับความเสียหายเลยแต่อย่างใด และความทรงจำของคุณก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนปกติได้"
"มันจะกลับมาอย่างแน่นอนใช่ไหมครับ"
ธวัชชัยถามอย่างร้อนรน
"ก็มีความเป็นไปได้ครับ แต่ผมไม่สามารถฟันธงได้"
ธวัชชัยยังคงทำสีหน้ากังวลอยู่ภายในใจของเขา
"ในระหว่างนี้ก็รอเพียงแค่เวลาที่จะช่วยรักษาคุณให้หายเป็นปกติเอง"
"จริงหรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมมีเรื่องจะขอให้คุณช่วยผมสักเรื่องจะได้หรือไม่ครับ"
"คุณต้องการให้ผมช่วยอะไร"
"ผมอยากรู้ว่าผมเคยเป็นใคร ครอบครัวผมอยู่ไหน ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาเคยอยู่เคียงข้างผม"
"คุณอยากจะรู้อดีตไปทำไมกัน คุณคิดว่าหากรู้อดีตแล้วจะทำให้คุณมีความสุขหรืออย่างไรกัน"
ธวัชชัยยังคงทำสีหน้าสับสนกับสิ่งที่พูด แต่ในดวงตาลึกแล้วเขาก็ยังมุ่งมั่นกับความปราถนาของตัวเขาเอง
"ผมไม่รู้สิครับ แต่ผมรู้สึกว่าการดำรงชีวิตโดยขาดรากเหง้า ไม่มีซึ่งความสัมพันธ์กับผู้คน ไม่มีครอบครัวหรือแม้กระทั่งเพื่อนฝูงเลย มันช่างดูเหงาโดดเดี่ยวและโหดร้ายมากเกินไป"
"เอาล่ะคุณธวัชชัย คุณไม่กลัวว่าอดีตจะกลับมาทำร้ายคุณหรือ"
ธวัชชัยหยุดคิดชั่วครู่
"อดีตที่โหดร้ายเพียงใด มันก็ยังทิ่มแทงจิตใจของเราได้น้อยกว่าที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ผมคิดแบบนี้"
"ถ้าคุณคิดอย่างนั้น เราเก็บแฟ้มประวัติโดยละเอียดของคุณไว้ก่อนที่คุณจะเข้ารับการรักษาจากเรา ผมจะนำแฟ้มนั้นมาให้คุณ"
"ขอบคุณครับ"
เมื่อธวัชชัยพูดจบ เขาเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆโผล่เข้ามาในระบบประสาทของเขา ความรู้สึกนี้คืออาการเหมือนจะวูบหลับทันที แต่ธวัชชัยยังคงฝืนความรู้สึกนั้นไว้ได้ เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หรือว่าน้ำที่ดื่มเข้าไปเมื่อกี๊นี้จะมียานอนหลับ ตอนนี้เหมือนกับตาของธวัชชัยหรือจะหรี่ลงเล็กน้อย เขาเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับคนๆนี้แล้ว
"คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ผมอาจจะค้นหาแฟ้มให้ได้ในตอนนี้"
พิจานลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดิน ธวัชชัยได้โอกาสเขาหยิบแก้วน้ำเทใส่ปาก แต่เมื่อพิจานเดินลับหลังไปไกลแล้วธวัชชัยจึงบ้วนน้ำที่แกล้งทำเป็นดื่มใส่ลงในแก้วเหมือนเดิม เขาตัดสินใจเทน้ำที่อยู่ในแก้วลงบนโซฟาจนหมด ฟองน้ำดูดซึมกักเก็บน้ำได้ดีนัก จากนั้นธวัชชัยแกล้งทำเป็นหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาโดยใช้อาการง่วงนอนก่อนหน้านี้ที่ดื่มน้ำผสมยานอนหลับไปหนึ่งอึกเล็กๆช่วย ทำให้ไม่ดูผิดสังเกต
เวลาผ่านไปไม่นาน พิจานเดินกลับมาพร้อมกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน
"คนไข้หลับไปแล้ว เข้ามารับตัวไปห้องแลปได้"
ธวัชชัยได้ยินคำว่าห้องแลปไม่ใช่โรงพยาบาลถึงกับแปลกใจว่าเขาเป็นคนไข้หรืออะไรกันแน่ แต่เขาก็ไม่โวยวายอะไรตอนนี้
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง กลุ่มเจ้าหน้าที่ในชุดสีขาวพากันเดินเข้าในบ้าน และค่อยๆพะยุงธวัชชัยลงเปล