นักวิทยาศาสตร์อังกฤษวางแผนจะส่งมนุษย์ไปเหยียบดาวอังคาร ในราวปี พ.ศ. 2564–2565 ตัดหน้าโครงการของสหรัฐฯก่อนตั้ง 12 ปี โดยจะส่งมนุษย์อวกาศ 3 นาย เดินทางไปด้วยยานอวกาศขนาดเล็ก 2 ท่อน
ศาสตราจารย์ทอม ไพค์ หัวหน้าโครงการอังกฤษ คุยว่า โครงการนี้จะเป็นความก้าวหน้าของมนุษยชาติครั้งใหญ่ในอวกาศ เท่ากับเป็นการสร้างนีล อาร์มสตรอง และบุซซ์ อันดรินแห่งศตวรรษที่ 21 ขึ้น “เราคิดจะส่งทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์ไปยังดาวอังคารด้วยกัน โดยจะส่งหุ่นยนต์เดินทางไปก่อน พร้อมกับจรวดสำหรับใช้ตอนเดินทางกลับโลกที่ยังไม่มีเชื้อเพลิงให้ไปลงคอยอยู่ยังที่ราบทางตอนเหนือ
อาจารย์ไพค์อธิบายต่อไปว่า “การส่งจรวดลำเปล่า จะเป็นการทุ่นค่าใช้จ่ายในตอนส่งได้มาก พอเดินทางไปถึงจะให้หุ่นยนต์ทำงานขุดน้ำแข็งที่มีอยู่บนนั้นมาใส่ไว้ในถังเชื้อเพลิง พอมันละลายเป็นน้ำก็จะใช้ไฟฟ้าที่ได้จากแสงอาทิตย์ แยกมันออกเป็นก๊าซออกซิเจนกับไฮโดรเจน บรรจุถังเชื้อเพลิงไว้ให้เต็ม ยิ่งกว่านั้นด้วยสูตรเอาไฮโดรเจนผสมกับบรรยากาศที่มีอยู่ ก็ทำให้ได้ก๊าซมีเทนแรงสูงขึ้น เขากล่าวต่อว่า หลังจากนั้นค่อยส่งทีมมนุษย์อวกาศ 5 นายเดินทางตามไป ซึ่งจะกินเวลานานถึง 9 เดือน แต่ดีไม่ดีมนุษย์อวกาศอาจจะกระดูกเปราะแตกง่าย เนื่องจากขาดแรงโน้มถ่วง จึงคิดแก้ปัญหา โดยสร้างแรงโน้มถ่วงขึ้นเอง แยกยานอวกาศขนาด 2 ท่อนออกจากกันโยงกันเอาไว้ แล้วให้แต่ละท่อนหมุนเหวี่ยงไปรอบๆอีกท่อนหนึ่ง หากทำความเร็วได้พอเหมาะจะช่วยให้มนุษย์อวกาศมีความรู้สึกว่ามีแรงโน้มถ่วงขึ้น ดร.ไพค์ยอมรับว่า ตอนไปถึงจะยากนิดหน่อย เพราะยานจะแล่นเข้าหาด้วยความเร็วสูงถึง 22,530.8 กม. ต่อ ชม. พอเข้าถึงชั้นบรรยากาศ ความเร็วจะลดลงเหลือ 11,268 กม. ต่อ ชม. จากนั้นจะยิงจรวดปล่อยร่มชูชีพเพื่อเบรกให้ยานค่อยๆ ร่อนลงในบริเวณที่อบอุ่นที่สุด ใกล้ๆกับเส้นศูนย์สูตร ส่วนตอนเดินทางขากลับนั้น มนุษย์อวกาศจะต้องขับรถขึ้นเหนือไปเป็นระยะทางถึง 1,600 กม. เพื่อไปยังจุดนัดหมายที่จรวดจอดคอยอยู่.
ทำอัลลัยก้อรีบทำนะครับเดียวจะหาว่าผมไม่เตือนประเทศของกระผมจะเอาชาวสวนยางไปเหยียบดาวอังคารก่อนคนของพวกท่านละนะอย่าอิดออดแล้วอย่ามาหาว่าประเทศกระโผมหักหน้ามิใด้น้าคร้าบบ เอิ้กๆ
ทั้งอังกฤษและเมกาคุณจะไม่ทันผมนะอิอิ
ศาสตราจารย์ทอม ไพค์ หัวหน้าโครงการอังกฤษ คุยว่า โครงการนี้จะเป็นความก้าวหน้าของมนุษยชาติครั้งใหญ่ในอวกาศ เท่ากับเป็นการสร้างนีล อาร์มสตรอง และบุซซ์ อันดรินแห่งศตวรรษที่ 21 ขึ้น “เราคิดจะส่งทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์ไปยังดาวอังคารด้วยกัน โดยจะส่งหุ่นยนต์เดินทางไปก่อน พร้อมกับจรวดสำหรับใช้ตอนเดินทางกลับโลกที่ยังไม่มีเชื้อเพลิงให้ไปลงคอยอยู่ยังที่ราบทางตอนเหนือ
อาจารย์ไพค์อธิบายต่อไปว่า “การส่งจรวดลำเปล่า จะเป็นการทุ่นค่าใช้จ่ายในตอนส่งได้มาก พอเดินทางไปถึงจะให้หุ่นยนต์ทำงานขุดน้ำแข็งที่มีอยู่บนนั้นมาใส่ไว้ในถังเชื้อเพลิง พอมันละลายเป็นน้ำก็จะใช้ไฟฟ้าที่ได้จากแสงอาทิตย์ แยกมันออกเป็นก๊าซออกซิเจนกับไฮโดรเจน บรรจุถังเชื้อเพลิงไว้ให้เต็ม ยิ่งกว่านั้นด้วยสูตรเอาไฮโดรเจนผสมกับบรรยากาศที่มีอยู่ ก็ทำให้ได้ก๊าซมีเทนแรงสูงขึ้น เขากล่าวต่อว่า หลังจากนั้นค่อยส่งทีมมนุษย์อวกาศ 5 นายเดินทางตามไป ซึ่งจะกินเวลานานถึง 9 เดือน แต่ดีไม่ดีมนุษย์อวกาศอาจจะกระดูกเปราะแตกง่าย เนื่องจากขาดแรงโน้มถ่วง จึงคิดแก้ปัญหา โดยสร้างแรงโน้มถ่วงขึ้นเอง แยกยานอวกาศขนาด 2 ท่อนออกจากกันโยงกันเอาไว้ แล้วให้แต่ละท่อนหมุนเหวี่ยงไปรอบๆอีกท่อนหนึ่ง หากทำความเร็วได้พอเหมาะจะช่วยให้มนุษย์อวกาศมีความรู้สึกว่ามีแรงโน้มถ่วงขึ้น ดร.ไพค์ยอมรับว่า ตอนไปถึงจะยากนิดหน่อย เพราะยานจะแล่นเข้าหาด้วยความเร็วสูงถึง 22,530.8 กม. ต่อ ชม. พอเข้าถึงชั้นบรรยากาศ ความเร็วจะลดลงเหลือ 11,268 กม. ต่อ ชม. จากนั้นจะยิงจรวดปล่อยร่มชูชีพเพื่อเบรกให้ยานค่อยๆ ร่อนลงในบริเวณที่อบอุ่นที่สุด ใกล้ๆกับเส้นศูนย์สูตร ส่วนตอนเดินทางขากลับนั้น มนุษย์อวกาศจะต้องขับรถขึ้นเหนือไปเป็นระยะทางถึง 1,600 กม. เพื่อไปยังจุดนัดหมายที่จรวดจอดคอยอยู่.
ทำอัลลัยก้อรีบทำนะครับเดียวจะหาว่าผมไม่เตือนประเทศของกระผมจะเอาชาวสวนยางไปเหยียบดาวอังคารก่อนคนของพวกท่านละนะอย่าอิดออดแล้วอย่ามาหาว่าประเทศกระโผมหักหน้ามิใด้น้าคร้าบบ เอิ้กๆ