วันนี้วันที่ 15 กันยายน 2557 เราได้มีโอกาส (ซึ่งไม่อยากจะมีหลายครั้งนะคะ) ในการขึ้นศาลในฐานะ ตัวแทนของจำเลยเพื่อเข้าฟังการไต่สวนพิจารณาคดี ซึ่งในเวลาที่ต้องเข้าในห้องพิจารณาบันลังก์ที่ 6 ค่ะ เวลา 09:00 น. และด้วยมารยาทของการเข้านั่งฟังแน่นอนอยู่แล้วว่าเราไปก่อนเวลาและได้เข้าไปข้างในห้อง ในเวลา 08:45 น. ระหว่างที่รอเสมียนและทนายแต่ละคดีค่ะจะมาเตรียมเอกสาร (ลืมบอกไปค่ะว่าห้องพิจารณาคดีของเรามีคดีที่พิจารณาพร้อมกันตามลำดับ 5 คดี ของเราเป็นลำดับที่ 5 ค่ะ)
ตัดภาพมาที่เสมียนและทนายกำลังเตรียมเอกสารนะคะ สิ่งนี้ต่อไปข้างหน้าที่จะเล่าให้ฟัง เป็นคำพูดของเสมียนและทนายมีอายุท่านหนึ่งค่ะ ได้สนทนากัน
ทนาย: เดี่ยวนี้มีแต่คดีบัตรเครดิต ธนาคาร คดีบ้านๆ ไม่ค่อยมีเลย สมัยนี้คนกู้เยอะมาก
เสมียน: ใช่ค่ะไม่รู้จะกู้อะไรกันนักกันหนา รู้ว่าไม่มีปัญญาจ่ายจะกู้ทำไม งี่เง่า!
ทนาย: จริงด้วย (ขำ)
** เราแบบ...เฮ้ย! คุณเป็นใครมาจากไหน รวยคับฟ้าเหรอ ทำไมถึงไปว่าเขาแบบนั้น บางทีที่เขากู้เขาทำเพื่อครอบครัวเขาก็ได้ **
ณ จุดๆนี้ช็อคมาก ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของเสมียนที่ทำงานด้านความยุติธรรม วันนี้การมาขึ้นศาลของเราทำให้เห็นความเป็นไปมาที่ห่างหายไปจากอดีตเยอะมากค่ะ เราขึ้นศาลครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2
ครั้งแรกขึ้นตอนม.3 ตอนนั้นก็มาในฐานะผู้เข้าฟังค่ะ เพราะคุณตาเสีย แล้วไม่ได้ทำพินัยกรรมเรื่องมรดกไว้ คุณยายต้องไปขึ้นศาลเพื่อทำเรื่องขอเป็นผู้จัดการมรดกค่ะ ในตอนนั้นบรรยากาศในศาลน่าเกรงขามและเกรงกลัวฝุดๆ ฟีลตอนเด็กๆแบบว่า “ที่นี่คือสถาณที่แห่งความยุติธรรม ใครมาที่นี่ก็จะได้รับความยุติธรรมไปทุกคน” การใส่ยูนิฟอร์มของทนาย ก็คือต้องเตรียมพร้อมจากข้างนอกห้องและเมื่อเข้าห้องก็ว่าความได้เลย มีความตรงต่อเวลาทั้งศาล และทนายเอง ไม่มีการเปิดโทรศัพท์ เสียงLineเด้งดึ๋งดั๋ง (แหง่แหละตอนนั้นยังไม่มีLine หนิ ฮี่ๆ) เฮ้ย! ทุกอย่างมันน่ากลัวและศักดิ์สิทธิ์ไปหมด คำกล่าวให้พยานกล่าวปฏิญาณตน ได้ยินแล้วขนตรูดลุกทันใด
ตัดภาพมาอีกทีครั้งนี้ ครั้งที่ 2 ของการขึ้นศาล ตอนนี้ก็อายุอานามก็ห่างจากตอนม.3 เกือบ 10 ปีก็ว่าได้ค่ะ ทุกอย่างในภาพความทรงจำของศาลมันห่างหายไปหมด มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น??? ตัวอักษรคำถามถาโถมเข้ามาในหัวใจดวงน้อย + สมองที่มีรอยยักหนึ่งแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าหยัก...
ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป...แล้ว .... จริงๆ
ทนายเอายูนิฟอร์มมาใส่ต่อหน้าศาล อยากเดินออกไปตอนไหนก็ออก ไม่มีการทำความเคารพศาล นั่งชันเท้า กระดิกเท้า พูดจาโหวกเหวกโวยวาย เปิดมือถือเล่นSocial ทั้งๆที่กฎของศาลคือ “ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ” เสียงLineเด้งยังกะลูกชิ้น เด้งอยู่นั่นแหละ เราเลยใช้สายตาพิฆาตไป ถึงเลิกเล่นและปิดมือถือไปเลย เขาคนนั้นเป็นถึงระดับอัยการ...
วันนี้ทำเอาภาพของศาลที่มีแต่ความน่าเกรงขามหายวับไปกับตา แต่เราก็มานั่งคิดอีกรอบหนึ่งว่า...ความน่าเกรงขาม ความยุติธรรมของศาลไม่เคยหมดไป ท่านยังคงทำหน้าที่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ทำให้ท่านด้อยลงไปตามกาลเวลาคือ “มนุษย์” นั่นเอง ยังโชคดีค่ะที่ “ผู้พากษา” ท่านกู้หน้าคืนมาได้ วันนี้ยอมรับเลยว่าประทับใจในการว่าความของท่านผู้พิพากษาจริงๆ ภูมิฐาน ความรู้แน่น ตรงต่อเวลา ชัดเจน ไม่ตุกติก
เมื่อถึงคดีเรา ใช้เวลาพิจารณาทั้งสิ้น 3 ชั่วโมงค่ะ ก่อนที่พิจารณาคดี คุณแม่บอกว่า
แม่: เราอัดเสียงไว้มั้ย จะได้ไปให้ขวัญ(นามสมมติ)ฟัง
เรา: แม่...กฏกติกาเขาห้ามให้ใช้โทรศัพท์มือถือ แสดงว่าเราต้องปิด และไม่สามารถอัดได้ มันผิดกฏหมายนะคะ อย่าอัดเลยดีกว่า เนี้ยหนูก็ปิดแล้ว”
แม่: ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เขาไม่รู้หรอกว่าเราอัด
เรา: เป็นสิ เรานี่ไงรู้ว่าตัวเองอัด หนูว่าการเคารพกฎกติกาของศาลเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนะคะ ไม่แน่นะถ้าเราอัด เราอาจจะแพ้คดีก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง เราก็จะได้ความถูกต้องและยุติธรรมกลับมาเช่นกัน
แม่: โอเค แม่ปิดแล้วนะ
นี่เป็นภาพที่เราถ่ายไว้ซึ่งติดหน้าห้องว่าความค่ะเป็นกฎกติกาที่ต้องปฏิบัติ
หลังจากนั้นก็ว่าความไปตามอัธยาศัย และความจริงที่เอามาสู้กัน....
วันที่ฉันได้ไปขึ้นศาล พบกับความเปลี่ยนแปลงและความรู้ของโทษการข่มขืน...
ตัดภาพมาที่เสมียนและทนายกำลังเตรียมเอกสารนะคะ สิ่งนี้ต่อไปข้างหน้าที่จะเล่าให้ฟัง เป็นคำพูดของเสมียนและทนายมีอายุท่านหนึ่งค่ะ ได้สนทนากัน
ทนาย: เดี่ยวนี้มีแต่คดีบัตรเครดิต ธนาคาร คดีบ้านๆ ไม่ค่อยมีเลย สมัยนี้คนกู้เยอะมาก
เสมียน: ใช่ค่ะไม่รู้จะกู้อะไรกันนักกันหนา รู้ว่าไม่มีปัญญาจ่ายจะกู้ทำไม งี่เง่า!
ทนาย: จริงด้วย (ขำ)
** เราแบบ...เฮ้ย! คุณเป็นใครมาจากไหน รวยคับฟ้าเหรอ ทำไมถึงไปว่าเขาแบบนั้น บางทีที่เขากู้เขาทำเพื่อครอบครัวเขาก็ได้ **
ณ จุดๆนี้ช็อคมาก ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของเสมียนที่ทำงานด้านความยุติธรรม วันนี้การมาขึ้นศาลของเราทำให้เห็นความเป็นไปมาที่ห่างหายไปจากอดีตเยอะมากค่ะ เราขึ้นศาลครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2
ครั้งแรกขึ้นตอนม.3 ตอนนั้นก็มาในฐานะผู้เข้าฟังค่ะ เพราะคุณตาเสีย แล้วไม่ได้ทำพินัยกรรมเรื่องมรดกไว้ คุณยายต้องไปขึ้นศาลเพื่อทำเรื่องขอเป็นผู้จัดการมรดกค่ะ ในตอนนั้นบรรยากาศในศาลน่าเกรงขามและเกรงกลัวฝุดๆ ฟีลตอนเด็กๆแบบว่า “ที่นี่คือสถาณที่แห่งความยุติธรรม ใครมาที่นี่ก็จะได้รับความยุติธรรมไปทุกคน” การใส่ยูนิฟอร์มของทนาย ก็คือต้องเตรียมพร้อมจากข้างนอกห้องและเมื่อเข้าห้องก็ว่าความได้เลย มีความตรงต่อเวลาทั้งศาล และทนายเอง ไม่มีการเปิดโทรศัพท์ เสียงLineเด้งดึ๋งดั๋ง (แหง่แหละตอนนั้นยังไม่มีLine หนิ ฮี่ๆ) เฮ้ย! ทุกอย่างมันน่ากลัวและศักดิ์สิทธิ์ไปหมด คำกล่าวให้พยานกล่าวปฏิญาณตน ได้ยินแล้วขนตรูดลุกทันใด
ตัดภาพมาอีกทีครั้งนี้ ครั้งที่ 2 ของการขึ้นศาล ตอนนี้ก็อายุอานามก็ห่างจากตอนม.3 เกือบ 10 ปีก็ว่าได้ค่ะ ทุกอย่างในภาพความทรงจำของศาลมันห่างหายไปหมด มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น??? ตัวอักษรคำถามถาโถมเข้ามาในหัวใจดวงน้อย + สมองที่มีรอยยักหนึ่งแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าหยัก...
ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป...แล้ว .... จริงๆ
ทนายเอายูนิฟอร์มมาใส่ต่อหน้าศาล อยากเดินออกไปตอนไหนก็ออก ไม่มีการทำความเคารพศาล นั่งชันเท้า กระดิกเท้า พูดจาโหวกเหวกโวยวาย เปิดมือถือเล่นSocial ทั้งๆที่กฎของศาลคือ “ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ” เสียงLineเด้งยังกะลูกชิ้น เด้งอยู่นั่นแหละ เราเลยใช้สายตาพิฆาตไป ถึงเลิกเล่นและปิดมือถือไปเลย เขาคนนั้นเป็นถึงระดับอัยการ...
วันนี้ทำเอาภาพของศาลที่มีแต่ความน่าเกรงขามหายวับไปกับตา แต่เราก็มานั่งคิดอีกรอบหนึ่งว่า...ความน่าเกรงขาม ความยุติธรรมของศาลไม่เคยหมดไป ท่านยังคงทำหน้าที่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ทำให้ท่านด้อยลงไปตามกาลเวลาคือ “มนุษย์” นั่นเอง ยังโชคดีค่ะที่ “ผู้พากษา” ท่านกู้หน้าคืนมาได้ วันนี้ยอมรับเลยว่าประทับใจในการว่าความของท่านผู้พิพากษาจริงๆ ภูมิฐาน ความรู้แน่น ตรงต่อเวลา ชัดเจน ไม่ตุกติก
เมื่อถึงคดีเรา ใช้เวลาพิจารณาทั้งสิ้น 3 ชั่วโมงค่ะ ก่อนที่พิจารณาคดี คุณแม่บอกว่า
แม่: เราอัดเสียงไว้มั้ย จะได้ไปให้ขวัญ(นามสมมติ)ฟัง
เรา: แม่...กฏกติกาเขาห้ามให้ใช้โทรศัพท์มือถือ แสดงว่าเราต้องปิด และไม่สามารถอัดได้ มันผิดกฏหมายนะคะ อย่าอัดเลยดีกว่า เนี้ยหนูก็ปิดแล้ว”
แม่: ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เขาไม่รู้หรอกว่าเราอัด
เรา: เป็นสิ เรานี่ไงรู้ว่าตัวเองอัด หนูว่าการเคารพกฎกติกาของศาลเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนะคะ ไม่แน่นะถ้าเราอัด เราอาจจะแพ้คดีก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง เราก็จะได้ความถูกต้องและยุติธรรมกลับมาเช่นกัน
แม่: โอเค แม่ปิดแล้วนะ
นี่เป็นภาพที่เราถ่ายไว้ซึ่งติดหน้าห้องว่าความค่ะเป็นกฎกติกาที่ต้องปฏิบัติ
หลังจากนั้นก็ว่าความไปตามอัธยาศัย และความจริงที่เอามาสู้กัน....