L-I-F-E Theory หรือ ทฤษฏีการใช้ชีวิตของคนคิดบวก



คำเตือน:
เรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนโลกสวย
ไม่เหมาะกับกบในกะลา
และไม่เหมาะกับคนชราที่หมดไฟ

กระทุ้นี้ผมพิมพ์เพื่อให้เป็นวิทยาทาน สำหรับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตสักที ลองเอาไปใช้กันดู
เนื่องจากไม่ได้ร่ำรวยอะไร เลยเลือกใช้ช่องทางนี้ในการแชร์สิ่งดีๆให้คนอื่นๆ โดยหวังให้มีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
(จำสำนวน "มีประโยชน์ไม่มากก็น้อย" มาจากการเขียนคำนำเรียงความตอนมัธยม)
บุญกุศลทั้งหมด ผมขอมอบให้แก่พ่อและแม่ของผมครับ

ก่อนอื่น...ขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้จบดอกเตอร์ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านใดๆ ไม่ได้เก่งกาจอะไร เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
ผมไม่ได้มาขายของ ไม่ได้มีจุดประสงค์แฝงใดๆ ใครที่คิดอะไรแย่ๆแบบนั้น อย่าได้มาอ่านนะครับ

ประวัติส่วนตัว จขกท คร่าวๆ  
ผมเป็นเด็กบ้านนอกอยู่ภาคเหนือของประเทศไทย ตอนนี้ก็อายุประมาณ 30 ต้นๆ เป็นลูกครึ่ง (พ่อจีน-แม่ไทย)
สมัยเด็กๆ ผมทำกิจกรรมต่างๆ และเรียนไปพร้อมๆกัน โดยเป็นนักกีฬาประจำโรงเรียนตอนมัธยมมาโดยตลอด
สมัยหนุ่มๆ จบป.ตรี คณะวิศวกรรมที่ พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง
สมัยเริ่มแก่ จบป.โท คณะ MBA ที่ NIDA
ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน มาร่วม 10 ปี ตั้งแต่ตำแหน่งเล็กๆ จนเป็นผู้จัดการโครงการที่มีมูลค่าหลายล้านบาท ทำงานทั้งกับคนไทยและต่างชาติมากมาย
และรู้สึกอิ่มตัวในการทำงานแบบนี้ บวกกับพ่อแม่เริ่มแก่ชรา เลยตัดสินใจกลับมาทำงานเล็กๆที่บ้านนอก และได้อยู่ใกล้ๆท่านให้มากขึ้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

L-I-F-E Theory หรือ ทฤฆฏีการใช้ชีวิตของคนคิดบวก
จะประกอบไปด้วย คำสี่คำ นั่นคือ Love - Independent - Focus - Empty



L- Love
>>> ความรัก <<<
คำว่า l - o - v - e มีรากศัพท์มาจาก คำว่า "ราคะ" หมายถึง ความยึดติด แรงดึงดูด ความต้องการ ซึ่งเป็น ชื่อของกิเลส ตระกูลหนึ่ง
แต่ราคะนั้น ถ้าถูกผลักดันโดย ปัญญา ก็จะเป็น ราคะสีขาว ให้เราเกิดความต้องการที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ให้เราทำงานที่ดีเลิศสำหรับคนรุ่นหลัง
ผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคน ต้องมีความรักในสิ่งที่เขาทำ และไม่ใช่แค่รักธรรมดา ต้องรักแบบหลงไหลคลั่งไคล้ด้วย ภาษาอังกฤษเค้าเรียก "PASSION"
งานทุกชิ้นจักสัมฤทธิ์ได้ ก็ด้วยความรัก
ถ้าท่านอยากทำงานอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ ท่านต้องหางานที่ท่านรักให้เจอ บางคนเจอไวก็ยินดีด้วย บางคนเจอช้าหน่อยก็ต้องหากันต่อไป
ผมขอยกตัวอย่าง กระทาชายนายหนึ่ง อาศัยอยู่ในเมืองคาร์บิ้น เมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง

เขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ตลอดชีวิตไม่เคยรู้ว่าตัวเองรักอะไร
ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง ทำอะไรก็ล้มเหลวไปหมด ทำงานที่ไหนเขาก็ไล่ออกหมด
มีครอบครัวมีลูก ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอีก คิดจะฆ่าตัวตายก็หลายครั้งหลายหน
จนอายุล่วงเลยมาได้ 65 ปี เขาได้เช็คช่วยเหลือคนชราสำหรับผู้เกษียณก้อนสุดท้ายของทางรัฐ จำนวน 105 ดอลล่า (ประมาณสีพันกว่าบาท)
จึงตัดสินใจจะทำในสิ่งที่รัก คือการทำอาหาร ก็เลยเอาเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคาร ได้เงินออกมา 87 ดอลล่า เลยไปซื้อกล่องและไก่จำนวนหนึ่ง
กลับมาที่บ้านก็เอามาทอด แล้วเอาไปขายตามบ้าน จนอายุ 85ปี เขาจึงกลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงทั่วโลก
ชื่อของเขาก็คือ "ผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์" หรือ "ลุงเคน ไก่ทอด KFC" ที่เรากินกันทุกวันนี้


ที่มา http://teen.mthai.com/variety/48647.html

ผมเชื่อมั่นว่า "ความรักชนะทุกสิ่ง" และ "รักแท้ยังมีอยู่จริง" ขอให้นักล่าฝันทุกคนพบในสิ่งที่ตัวเองรักไวๆนะครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

I - Independent
>>> คนที่พึ่งตนเอง หรือ ผู้เป็นอิสระ <<<

คนที่จะมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตได้
จักต้องมีความสามารถในการเอาตัวรอดด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องคอยยึดติดกับบุคคลอื่น
สามารถคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ สิ่งต่างๆ แล้วลงมือทำด้วยตัวเองในทุกๆขั้นตอนได้
การที่จะให้คนอื่นมาช่วย ควรเป็นเรื่องที่ไม่ใช่แก่นหลัก หรือสิ่งที่ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนัก
และสิ่งนั้นมันใช้เวลาค่อนข้างนานในการทำให้แล้วเสร็จ
ในส่วนที่เป็น <3 หัวใจ <3 มีเพียงเราคนเดียวเท่านั้น ที่คู่ควรที่จะได้ทำมัน

บวกกับ ความคิดที่เป็นอิสรภาพ ไม่ยิดติดในกรอบใดๆ เรียกว่า “Think out of the box” หรือ “คิดนอกกรอบ”
ก็เป็นสิ่งสำคัญในสังคมแข่งขันที่ดุเดือดเช่นปัจจุบัน ผู่ที่ทำเหมือนคนอื่น ไม่แตกต่าง ก็จะโดนบีบโดยเจ้าตลาด เขาจะใช้ราคาที่ถูกกว่า
มาแข่งขัน และสุดท้ายก็จะบีบให้เราต้องออกจากตลาดไป

ยกตัวอย่างเช่น
สุภาษิตไทยที่ว่า“กบในกะลาครอบ”

คือวลีที่คนทั่วไปคุ้นหูกัน เป็นสุภาษิตที่เปรียบ คนที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เก่ง เริศ เชิด หยิ่ง แต่ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองนั้นอยู่แค่ในที่แคบๆภายในกะลาที่ครอบอยู่ ดั่งผู้ที่ถูกปิดตาปิดหูโดยคำว่ากรอบต่างๆ ก็อาจจะเสียเปรียบในการแข่งขันในยุคปัจจุบัน เนื่องเพราะคู่แข่งที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี
ทั้งจากในไทยเราเอง และจากต่างชาติ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ปลาใหญ่ก็จะกลืนกินปลาเล็ก ไปตามหลักธรรมชาติ ถ้าปลาเล็กไม่ยอมปรับตัวเอง
ก็อาจจะถูกกินจนสูญพันธ์ไปในที่สุดได้

อย่าปิดกั้นศักยภาพในตัวคุณ ด้วยคำว่า "ทำไม่ได้หรอก" จากคนที่อยู่รอบข้าง
จงเริ่มเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณคุ้นเคย ออกไปหาสิ่งใหม่ๆ เพราะชีวิตมันเริ่มต้นที่ด้านหลังเส้น Comfort Zone ของคุณเองนั่นแหละ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

F - Focus
>>> ความมุ่งสนใจเฉพาะอย่าง <<<


การให้ความสนใจที่เป้าหมายปลายทาง หรือ ความสำเร็จ เป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า การรักในสิ่งที่ทำ และ ความเป็นอิสรเสรีในความคิด
ซึ่งการตั้งเป้าหมายสู่ความสำเร็จ ค่อนข้างยาว และมีหลายสำนักที่สอนเรื่องนี้ เอาไว้ผมจะมาสรุปตามประสบการณ์ที่เจอมาของผมให้กระทู้หน้า
แต่การ Focus เป็นสิ่งที่ดีมาก เปรียบเป็นการมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ ในทุกสิ่งที่ทำ ทุกคำที่พูด
Focus ในสิ่งที่ทำ ... ทั้งด้านคุณภาพงาน และระบบงานที่มีประสิทธิภาพ
Focus ในลูกค้า ... ทั้งด้านการบริการต่างๆ และตอบสนองความต้องการลูกค้า
Focus ในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ... เป้าหมายมีไว้พุ่งชน เราต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะของที่ดีที่สุด มันยังไม่มีใครเคยทำมันขึ้นมาหรอก

ยกตัวอย่างเช่น
สุภาษิตไทยที่ว่า "อย่าจับปลาสองมือ"

เป็นตัวอย่างที่ดีมากในการสะท้อนเรื่องของการ Focus on Success เพราะ การที่ทำหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เราย่อมไม่สามารถทำมันให้ได้ดี
หรือถ้าจะทำให้ได้ดีก็ยากอย่างยื่งต้องทุ่มเทพลังงานและเวลาในการทำมากกว่าหลายเท่าตัว หอบแหกๆ ว่างั้นเถอะ

เมื่อรู้สึกว่าเราเริ่มหลงทิศทาง ขอให้หยุด ตั้งสติมั่น แล้วเปลี่ยนทิศทาง พุ่งไปหาเป้าหมายที่ต้องการ
การที่เราหลงชื่นชมกับข้างทางมากเกินไป มันจะเผาผลาญเวลาที่มีค่าของเราไปโดยไม่อาจเอากลับคืนได้
ขอให้ใช้เวลาที่มีจำกัดของคุณ ได้ทำในสิ่งที่รัก และมีความสุขกับมันให้มากที่สุดละกันครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

E - Empty
>>> ความว่างเปล่า <<<


อย่ายึดติด ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ทุกสิ่งเป็นสิ่งสมมติทั้งสิ้น ไม่มีทั้งตัวกู หรือ ของกู
ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ไม่มีอะไรที่อยู่ยงคงกระพัน ... สิ่งที่เหมาะกับคนหนึ่ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับอีกคนหนึ่งก็เป็นได้

หลักการข้อสุดท้าย ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากมาย เพราะมันคือความจริงที่เราพบเจออยู่ในทุกวันนี้
ขอให้ใช้ชีวิตโดยความไม่ประมาท และอยู่อย่างกับทุกวันจะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตนะครับ

จากใจ
โยโย หนุ่มคิดบวก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่