**ห้องครัว คนรากหญ้า ("กลุ่มอดีตคนเคยสวยรากหญ้าสร้างชาติรักประชาธิปไตย นอนตะแคงจนตาแข็ง")** เชิญทุกท่านมาชิมเมนูอร่อยๆ

ฮาแหลๆ  เทสท์ๆ  ทดสอบๆ    ขอท่านเลขาน้องพิมทดสอบไมค์มหัศจรรย์ก่อนนะคะ
.............สวัสดีคะทุกคน วันนี้ก็เช่นเคยคะ ทำหน้าที่แทนแม่นางซุนเทียน แม่ครัวใหญ่ของ ร้านครัวรากหญ้า
กระทู้นี้ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ ที่จะมาแบ่งปันเมนูเด็ดที่มาพร้อมสาระ เรียกว่าได้ "ความรู้ คู่ความอร่อย" และอาจจะมีเพื่อนบางท่านมาให้ข้อมูลเสริม
วันนี้ขอยกตัวอย่างอาหารเด่นของคนรากหญ้า  เมนูนี้ค่อนข้างจะไม่ล่ายากส์นะคะ นั่นคือ
................เย็นตาโฟ นั้นเองคะ  เย็นตาโฟจะอร่อยรสชาติต้องเข้มข้น น้ำซอสก็ต้องหอม อร่อย เข้มข้นด้วย  น้ำซอสจะหอมอร่อยอยู่ที่เต้าหู้ยี้  พูดถึงเต้าหู้ยี้ก็คิดถึง(พี่แอด คาราบาว)นะเจ้าคะ  
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
......อ้าวๆๆ พาเพื่อนๆลงทะเลอีกแล้ว  กลับมาคะกลับมา
เข้าเรื่องเมนูเย็นตาโฟต่อนะเจ้าคะ  เมนูนี้เลขาพิมขอบอกว่า ให้ไปกินที่ร้านเย็นตาโฟโดยตรงนะเจ้าคะ  เพราะลงมือทำกินเองไม่คุ้มแน่ๆ เนืองจากวัดถุดิบที่มีมากมายหลายอย่างที่ต้องเตรียม  บางทีทำเสร็จแล้วก็กินแค่ 1-2 ชามก็อิ่มแล้ว


ขอบคุณภาพประกอบจากคุณล็อกอิน 1632180

เลขาน้อง
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
เห็นเย็นตาโฟน้องพิมแล้วอยากทานขึ้นมาเลย ปลาหมึกกรุบๆ เต้าหู้ทอด และเกี๊ยวปลา อมยิ้ม05

งั้นเล่าถึงเต้าหู้ยี้แล้วกัน เต้าหู้ยี้มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนมาเป็นพันปีแล้ว โดยหมักก้อนเต้าหู้กับเชื้อรา
(ไม่ต้องตกใจ กินได้ เหมือนเรากินของหมัก เช่น ชีสอะไรพวกนั้น) แล้วนำไปดองในน้ำปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำตาล เกลือ เต้าเจี้ยว ขิง ฯลฯ  
มีทั้งเต้าหู้ยี้ขาวและแดง ตอนกินเจที่บ้านมักทานกับข้าวต้มบ่อยๆ เจ้าที่ทำอร่อยจะหอม นุ่มลิ้นมากๆ

ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม เค้าว่าเต้าหู้ยี้ดังๆ ของจีนต้อง “เต้าหู้ยี้ ตรา หวังจื้อเหอ” ก่อตั้งมากว่า 300 ปีแน่ะ ตั้งแต่ยุคฮ่องเต้คังซี ราชวงศ์ชิง
(นึกถึงเพลงศึกสายเลือดในทู้เพลงเมื่อคืนขึ้นมาเลย ยุคคังซี)

    

หวังจื้อเหอเป็นชาวอันฮุยได้เดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อสอบจอหงวน (เหมือนสอบเข้ารับราชการน่ะ) แต่ผิดหวัง แล้วยังกลับบ้านไม่ได้อีก
เลยตัดสินใจหาเลี้ยงชีพในเมืองหลวง โดยการทำเต้าหู้สูตรเก่าแก่ของที่บ้าน แบบว่าเช้าขายเต้าหู้ ดึกอ่านหนังสือ ชีวิตต้องสู้มั่กๆ

มีวันหนึ่งในฤดูร้อนเต้าหู้ของขายไม่หมด เขากลัวว่าจะเน่า เลยนำเต้าหู้มาตัดเป็นก้อนเล็กๆ ผสมกับเครื่องเทศต่างๆ เช่น เกลือ พริกหอม
ใส่ไว้ในโถใบเล็ก ด้วยการที่ทำงานหนักก็ลืมโถหมักเต้าหู้นั่นซะ

กว่าจะนึกได้ก็เข้าฤดูชิวเทียน (ฤดูใบไม้ร่วง ถ้าชุนเทียนคือใบไม้ผลิ อย่าจำสลับกันนะ) อากาศเริ่มเย็น เขานึกได้เลยหยิบโถมาเปิดดู
พอเปิดมากลิ่นเหม็นของเต้าหู้หมักก็คละคลุ้งไปทั่วห้อง เมื่อก้มลงมองดูเต้าหู้หมักในโถก็พบว่าราขึ้นเขียวไปเสียแล้ว

แต่เขารู้สึกเสียดายมากกว่ากลัวท้องเสีย - -"  จึงหยิบเต้าหู้ที่คิดว่าเน่าแล้วขึ้นมาชิมดูและพบว่ารสชาติของเต้าหู้หมักกลับอร่อยล้ำ
รสชาติไม่เคยชิมที่ไหนมาก่อน เขาจึงนำไปให้เพื่อนบ้านชิมกัน ก็ได้รับคำชมไม่ขาดปาก (ตำราไม่ได้บอกว่าท้องเสียกันบ้างไหม)
ต่อมาเจ้าตัวจึงตัดสินใจทิ้งตำหรับตำราหันมาเอาดีเรื่องการทำเต้าหู้ และเปิดร้านเพื่อขายเต้าหู้หลากหลายชนิด  และดังมาถึงปัจจุบัน

ใครไปเที่ยวเมืองจีนลองซื้อดูว่าอร่อยอย่างเขาว่าไหม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่