นอกจากลีลาของน้องมันแกวที่นุ่งกระโจมอกทำแกงส้มแล้ว ก็พึ่งจะมี "แฮตทริค" ของพี่หน้าโหด "ดีเอโก้ คอสต้า" นี่แหละครับที่ทำผมรู้สึกพลุ่งพล่าน เลือดลมสูบฉีด เหมือนโด๊ปยาดองหน้าโรงงานมา 3-4 กรึ๊บ (แถมด้วยความเปรี้ยวจี๊ดของผลไม้ดองด้วยเอ้า ฮ่าๆ)
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เห็นแต่รอยยิ้มของเชลสกี้ส์ทั้งไทยและเทศ, สถิติอะไรต่อมิอะไรถูกงัดออกมาโชว์เยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการที่พี่หน้าโหด (แต่โค้ชตุ้มบอกว่าหน้าตาใสซื่อ ฮา) เป็นนักเตะคนที่ 2 ของพรีเมียร์ลีกที่ยิงในนัดเปิดฤดูกาลได้ 4 นัดติด (คนแรกคือ มิค ควินน์ ของทีมช้างกระทืบโรง "โคเวนทรี" ในปี 1992)
หรือจะเป็นสถิติการแอสซิสท์ที่ต้องร้องซี้ดดดดอูยกันไปเลยของเชส เมื่อทำทางให้เพื่อนๆ เขย่าตาข่ายกันเป็นว่าเล่นมา 6 นัดติดต่อกันแล้ว (รวมสมัยที่เล่นกับกันเนอร์สด้วย)
นี่ยังไม่รวมสถิติที่เตรียมจะ
"มโน" กันอีกเป็นเรื่องเป็นราวหลังจากสิงห์บลูส์เปิดตัวร้อนแรงพอๆ กับน้องมันแกวนุ่งกระโจมอกทำแกงส้มแล้ว (ยัง ยัง ยังไม่เลิกพูดถึงน้องมันแกว) ไม่ว่าจะเป็นการชนะติดต่อกันนานที่สุด, การไม่แพ้ยาวนานที่สุด, การยิงประตูติดต่อกันนานที่สุด และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ที่ทั้งแฟนสิงห์และไม่ใช่แฟนสิงห์เตรียมยกมางัดโชว์อีกเพียบ
แต่เหรียญมี 2 ด้านเสมอ
ท่ามกลางคำชื่นชม (บางคนยกแชมป์ให้แล้ว ทั้งที่ผ่านไปแค่ 4 นัด) และคำยกยอฟอร์มอันยอดเยี่ยมของคอสต้ากับเชส ผมกลับมองเห็น
"ความน่ากลัว" ของเหรียญอีกด้านน่ะสิครับ
ไม่ว่าจะเป็นการเสียประตูเกือบทุกนัด, ความโรยราของกัปตันจอห์น, โปรแกรมช่วงแรกที่ยังไม่หนักมาก และที่สำคัญจะเกิดอะไรขึ้นหากเชสกับคอสต้าเจ็บยาว
เชลซีซีซั่น 2 ของน้ามูกำลังจะกลายเป็นทีมที่โยนภาระของเครื่องจักรโกยแต้มไปให้ดูโอกระทิงอยู่กลายๆ แล้ว ซึ่งนั่นไม่ใช่เชลซีที่คุ้นตาเลย เชลซีของแท้กองกลางต้องแย่งกันยิงสิ ฮ่าๆ
หลังจากผมนั่งส่องเชลซีมาตั้งแต่ปรีซีซั่น เกมของเชลซีที่มีดูโอกระทิงกับไม่มี ประสิทธิภาพในการเดินเกมบุกแตกต่างกันเยอะมาก หากยังจำกันได้ ปีก่อนทรงบอลของเชลซีอาจเสียประตูน้อยก็จริง แต่รูปแบบการเดินเกมบุกค่อนข้างไม่มีมิติ ออกปีกให้อาซาร์ทะลวง หรือไม่ก็ด้านข้างให้อิวาโนวิช (ซึ่งเป็นแบ็คหรือปีกก็ไม่รู้) เดินเกมทั้งยิงทั้งเปิด และจุดที่ทำให้พลาดแชมป์ลีกคือการเจาะทีมที่มาเน้นรับไม่เข้า หลายๆ เกมเสีย 2 แต้มไปแบบน่าเจ็บใจ ขณะที่บางเกมก็ไม่ได้ซักแต้มทั้งๆ ที่เหนือกว่าบานตะไท
ปีนี้สิ่งเหล่านั้นไม่มีให้เห็นเพราะถูกเติมเต็มจากเชสและคอสต้า และในซีซั่นนี้แฮบปี้ วัน ใช้ผู้เล่นแทบจะหน้าเดิมๆ ลงทุกเกม มีเปลี่ยนแปลงแค่ริมเส้นด้านขวากับกองกลางอีกตำแหน่ง นอกนั้นเป็นชุดเดิมๆ ทั้งหมด นั่นหมายความว่าน้ามูเจอทีมที่ลงตัวแล้ว และคงจะใช้ชุดเดิมๆ นี้บี้เก็บคะแนนในลีกตุนเอาไว้ในช่วง 3 เดือนแรกนี้ยาวๆ แน่ๆ
ผมยังนึกภาพที่เชลซีขาดเชสกับคอสต้าไปพร้อมๆ กันไม่ออกเลย ว่าจะกลับไปตื้อตันหมือนปีที่แล้วอีกมั้ย อีกคนที่สำคัญมากๆ ในภารกิจล่าแชมป์ภาค 2 ของน้ามู เป็นคนที่หลายๆ คนมองข้าม เป็นคนที่มีตัวตนแต่เหมือนไม่มี แต่ถ้าขาดเขาไปลำบากแน่ๆ ครับ
ใช่ครับ
"วิคเตอร์ โมเสส" นั่นเอง ตึ่งโป๊ะ!
ไม่ใช่ๆ ผมหมายถึง
"เนมานย่า มาติซ" คนแบกเปียโนชาวเซิร์บคนนั้นต่างหากครับ
เกมของเชลซีเกิดสมดุลมากๆ เมื่อมาติซลงคุมเกมตรงกลาง ผมยังจำเสียงโอดครวญของแฟนเชลซีในบอลยุโรปปีก่อนได้อยู่เลยครับ เกมที่แพ้ตราหมีคาบ้านจนตกรอบรองฯ หลายๆ คน รวมทั้งผมด้วยต่างก็คิดว่าถ้าเกมนั้นมีมาติซ ตรงกลางคงบี้กันสนุกกว่านี้ และผลลัพธ์อาจไม่ยับเยินขนาดนั้นก็ได้
ใช่ครับ เชสอาจเข้ามาทำให้บร๊ะลานุภาพการทำลายล้างเข้าขั้นชีปนาวุธก็จริง แต่ถ้าขาดมาติซไปนี่ กองทัพรัสเซียของเสี่ยหมีระส่ำแน่ๆ
เกมกับสวอนซีมาติซรับภาระหนักมาก ในการสกรีนบอล และหมอนี่เหมือนมีแม่เหล็กฟุตบอลติดเท้านะครับ ผมดูเชลซีมาหลายนัดตั้งแต่ซีซั่นก่อนแล้ว ไม่ว่าบอลตรงกลางสนามของคู่ต่อสู้จะเจาะตรงไหน คนที่ตัดบอลได้กลับเป็นหมอนี่ทุกที แม้มาติซจะไม่มีคิลเลอร์ พาสสวยๆ หรือลูกยิงแถวสองมหาประลัยแบบแลมพส์ แต่ผมเห็นเงาของมาเกเลเล่ในตัวมาติซรางๆ ตลอด
ถ้าไมเคิ่ล คาร์ริค คือนักฟุตบอลที่ใครต่อใครชอบล้อว่าเฮียแปะ ผมว่ามาติซก็เป็นหนึ่งในเฮียแปะกับเค้าเหมือนกันนะ
แต่เป็นเฮียแปะที่แฟนๆ อยากให้อยู่แปะบอลให้ครบ 90 นาที และอยากให้อยู่แปะบอลให้ทุกๆ นัด
ถ้าเปรียบเป็นการแสดงดนตรี
ดีเอโก้ คอสต้า คือ นักดนตรี
เชส ฟาเบรกาส คือ คอนดักเตอร์
แม้แสงสปอตไลท์จะจับส่องไปที่พี่หน้าโหดคอสต้า
เสียงสรรเสริญเยินยอจะถูกโปรยไปที่บิ๊กเชส
แต่เชื่อเถอะครับ ว่าหลังสปอตไลท์กับเสียงกระแทกมือของผู้ชม คนแบกเปียโนชาวเซิร์บที่ชื่อ "เนมานย่า มาติซ" คนนี้ก็สำคัญไม่แพ้นักดนตรีกับคอนดักเตอร์เหมือนกัน
[Blues Column]: ใต้แสงสปอตไลท์
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เห็นแต่รอยยิ้มของเชลสกี้ส์ทั้งไทยและเทศ, สถิติอะไรต่อมิอะไรถูกงัดออกมาโชว์เยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการที่พี่หน้าโหด (แต่โค้ชตุ้มบอกว่าหน้าตาใสซื่อ ฮา) เป็นนักเตะคนที่ 2 ของพรีเมียร์ลีกที่ยิงในนัดเปิดฤดูกาลได้ 4 นัดติด (คนแรกคือ มิค ควินน์ ของทีมช้างกระทืบโรง "โคเวนทรี" ในปี 1992)
หรือจะเป็นสถิติการแอสซิสท์ที่ต้องร้องซี้ดดดดอูยกันไปเลยของเชส เมื่อทำทางให้เพื่อนๆ เขย่าตาข่ายกันเป็นว่าเล่นมา 6 นัดติดต่อกันแล้ว (รวมสมัยที่เล่นกับกันเนอร์สด้วย)
นี่ยังไม่รวมสถิติที่เตรียมจะ "มโน" กันอีกเป็นเรื่องเป็นราวหลังจากสิงห์บลูส์เปิดตัวร้อนแรงพอๆ กับน้องมันแกวนุ่งกระโจมอกทำแกงส้มแล้ว (ยัง ยัง ยังไม่เลิกพูดถึงน้องมันแกว) ไม่ว่าจะเป็นการชนะติดต่อกันนานที่สุด, การไม่แพ้ยาวนานที่สุด, การยิงประตูติดต่อกันนานที่สุด และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ที่ทั้งแฟนสิงห์และไม่ใช่แฟนสิงห์เตรียมยกมางัดโชว์อีกเพียบ
แต่เหรียญมี 2 ด้านเสมอ
ท่ามกลางคำชื่นชม (บางคนยกแชมป์ให้แล้ว ทั้งที่ผ่านไปแค่ 4 นัด) และคำยกยอฟอร์มอันยอดเยี่ยมของคอสต้ากับเชส ผมกลับมองเห็น "ความน่ากลัว" ของเหรียญอีกด้านน่ะสิครับ
ไม่ว่าจะเป็นการเสียประตูเกือบทุกนัด, ความโรยราของกัปตันจอห์น, โปรแกรมช่วงแรกที่ยังไม่หนักมาก และที่สำคัญจะเกิดอะไรขึ้นหากเชสกับคอสต้าเจ็บยาว
เชลซีซีซั่น 2 ของน้ามูกำลังจะกลายเป็นทีมที่โยนภาระของเครื่องจักรโกยแต้มไปให้ดูโอกระทิงอยู่กลายๆ แล้ว ซึ่งนั่นไม่ใช่เชลซีที่คุ้นตาเลย เชลซีของแท้กองกลางต้องแย่งกันยิงสิ ฮ่าๆ
หลังจากผมนั่งส่องเชลซีมาตั้งแต่ปรีซีซั่น เกมของเชลซีที่มีดูโอกระทิงกับไม่มี ประสิทธิภาพในการเดินเกมบุกแตกต่างกันเยอะมาก หากยังจำกันได้ ปีก่อนทรงบอลของเชลซีอาจเสียประตูน้อยก็จริง แต่รูปแบบการเดินเกมบุกค่อนข้างไม่มีมิติ ออกปีกให้อาซาร์ทะลวง หรือไม่ก็ด้านข้างให้อิวาโนวิช (ซึ่งเป็นแบ็คหรือปีกก็ไม่รู้) เดินเกมทั้งยิงทั้งเปิด และจุดที่ทำให้พลาดแชมป์ลีกคือการเจาะทีมที่มาเน้นรับไม่เข้า หลายๆ เกมเสีย 2 แต้มไปแบบน่าเจ็บใจ ขณะที่บางเกมก็ไม่ได้ซักแต้มทั้งๆ ที่เหนือกว่าบานตะไท
ปีนี้สิ่งเหล่านั้นไม่มีให้เห็นเพราะถูกเติมเต็มจากเชสและคอสต้า และในซีซั่นนี้แฮบปี้ วัน ใช้ผู้เล่นแทบจะหน้าเดิมๆ ลงทุกเกม มีเปลี่ยนแปลงแค่ริมเส้นด้านขวากับกองกลางอีกตำแหน่ง นอกนั้นเป็นชุดเดิมๆ ทั้งหมด นั่นหมายความว่าน้ามูเจอทีมที่ลงตัวแล้ว และคงจะใช้ชุดเดิมๆ นี้บี้เก็บคะแนนในลีกตุนเอาไว้ในช่วง 3 เดือนแรกนี้ยาวๆ แน่ๆ
ผมยังนึกภาพที่เชลซีขาดเชสกับคอสต้าไปพร้อมๆ กันไม่ออกเลย ว่าจะกลับไปตื้อตันหมือนปีที่แล้วอีกมั้ย อีกคนที่สำคัญมากๆ ในภารกิจล่าแชมป์ภาค 2 ของน้ามู เป็นคนที่หลายๆ คนมองข้าม เป็นคนที่มีตัวตนแต่เหมือนไม่มี แต่ถ้าขาดเขาไปลำบากแน่ๆ ครับ
ใช่ครับ "วิคเตอร์ โมเสส" นั่นเอง ตึ่งโป๊ะ!
ไม่ใช่ๆ ผมหมายถึง "เนมานย่า มาติซ" คนแบกเปียโนชาวเซิร์บคนนั้นต่างหากครับ
เกมของเชลซีเกิดสมดุลมากๆ เมื่อมาติซลงคุมเกมตรงกลาง ผมยังจำเสียงโอดครวญของแฟนเชลซีในบอลยุโรปปีก่อนได้อยู่เลยครับ เกมที่แพ้ตราหมีคาบ้านจนตกรอบรองฯ หลายๆ คน รวมทั้งผมด้วยต่างก็คิดว่าถ้าเกมนั้นมีมาติซ ตรงกลางคงบี้กันสนุกกว่านี้ และผลลัพธ์อาจไม่ยับเยินขนาดนั้นก็ได้
ใช่ครับ เชสอาจเข้ามาทำให้บร๊ะลานุภาพการทำลายล้างเข้าขั้นชีปนาวุธก็จริง แต่ถ้าขาดมาติซไปนี่ กองทัพรัสเซียของเสี่ยหมีระส่ำแน่ๆ
เกมกับสวอนซีมาติซรับภาระหนักมาก ในการสกรีนบอล และหมอนี่เหมือนมีแม่เหล็กฟุตบอลติดเท้านะครับ ผมดูเชลซีมาหลายนัดตั้งแต่ซีซั่นก่อนแล้ว ไม่ว่าบอลตรงกลางสนามของคู่ต่อสู้จะเจาะตรงไหน คนที่ตัดบอลได้กลับเป็นหมอนี่ทุกที แม้มาติซจะไม่มีคิลเลอร์ พาสสวยๆ หรือลูกยิงแถวสองมหาประลัยแบบแลมพส์ แต่ผมเห็นเงาของมาเกเลเล่ในตัวมาติซรางๆ ตลอด
ถ้าไมเคิ่ล คาร์ริค คือนักฟุตบอลที่ใครต่อใครชอบล้อว่าเฮียแปะ ผมว่ามาติซก็เป็นหนึ่งในเฮียแปะกับเค้าเหมือนกันนะ
แต่เป็นเฮียแปะที่แฟนๆ อยากให้อยู่แปะบอลให้ครบ 90 นาที และอยากให้อยู่แปะบอลให้ทุกๆ นัด
ถ้าเปรียบเป็นการแสดงดนตรี
ดีเอโก้ คอสต้า คือ นักดนตรี
เชส ฟาเบรกาส คือ คอนดักเตอร์
แม้แสงสปอตไลท์จะจับส่องไปที่พี่หน้าโหดคอสต้า
เสียงสรรเสริญเยินยอจะถูกโปรยไปที่บิ๊กเชส
แต่เชื่อเถอะครับ ว่าหลังสปอตไลท์กับเสียงกระแทกมือของผู้ชม คนแบกเปียโนชาวเซิร์บที่ชื่อ "เนมานย่า มาติซ" คนนี้ก็สำคัญไม่แพ้นักดนตรีกับคอนดักเตอร์เหมือนกัน