อยากรู้ครับว่า ปัญหาที่ถ้าเกิดคุณกับคุณเอง คุณจะทำอย่างไร
ยกตัวอย่างน่ะครับ
มันเหมือนกับว่าคุณมีสิทธิเช่าที่ขายของอยู่ที่ห้างPlat อยู่ 20 ปี พอมาปีที่ 10 ทาง Plat มาบอกคุณว่า
จะสร้างห้างใหม่ ห้าง Cen ให้คุณไปเช่าห้างใหม่ ส่วนห้างเก่าเราจะทำการปิด(ในส่วนนี้ใครไม่เข้าใจ อธิบายให้อีกที)
คุณก็ไปเช่าที่ห้างใหม่อีก 3 ห้อง แต่ที่ใหม่ที่คุณไป คุณไปขายสินค้าใหม่ 3 อย่างซึ่งไม่เหมือนสินค้าเก่าเลย(คุณคิดว่าเป็นสิทธิของคุณหรือไม่)
แต่อยู่ดีๆ ทางห้างใหม่บอกว่าไม่ได้ คุณต้องเอาสินค้าเก่ามาขายที่ห้างใหม่เท่านั้น ( เหมือนกับผู้เช่าคนอื่นๆ ที่เค้าทำกัน)
ส่วนห้างเก่านั้นเราจะปิด คุณอยากขายก็ขายไป เราไม่สนใจคุณ ( ทั้งที่เหลือสัญญาอีก 10 ปี) คุณคิดว่าเป็นธรรมกับคุณไหม
ผมขอพูดทีละประเด็นน่ะครับ เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้อะไรมาก แค่อยากรู้ว่าถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร
ส่วนประเด็นทำไมช่องอื่นทำได้ แต่ช่อง 3 ทำไม่ได้นั้นเพราะอะไร
ช่อง 5 ของใคร
ช่อง 7 ของใคร
ช่อง 9 ของใคร
ช่อง 11 ของใคร
ช่อง TBPS ของใคร
ผมว่าทุกคนน่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว
แล้วอีกนิดคือ ผมผิดอะไรที่ติดเคเบิล แล้วต้องอดดูช่อง 3 (มันเป็นความผิดของผมเหรอครับ)
สุดท้าย เรื่องความผิดของ มาลีนนท์ ใครที่ทำผิด ก็สมควรได้รับโทษ แต่จะไปเหมารวมว่าผิดทั้งตระกูลผมว่าไม่แฟร์ครับ
ถ้าเป็นคนในครอบครัวคุณทำผิด แล้วคนอื่นเหมาว่าคุณไม่ดีไปด้วย คุณชอบหรือเปล่าล่ะครับ
---------------------------------
สุดท้ายขอฝากเอาไว้ในใจเธอ
ประหนึ่งว่า ผลสะเทือนจาก "มติ กสท."
อันนำไปสู่การถกเถียงว่า ช่อง 3 จะถูกสาปให้แปรสภาพเป็น "จอดำ" หรือไม่เป็นการปะทะระหว่าง "เทคโนโลยี"
1 คือ เทคโนโลยีอย่างที่เรียกว่า "อนาล็อก" ซึ่งมีช่อง 3 เป็นตัวแทน 1 คือ เทคโนโลยีอย่างที่เรียกว่า "ดิจิตอล" ซึ่งมี 3 กรรมการแห่ง กสท.เป็นตัวแทน
แต่เมื่อสำรวจไประดับหนึ่งก็ได้คำตอบว่า "มิใช่"
มิใช่เรื่องระหว่างอนาล็อกกับดิจิตอลอย่างที่เข้าใจกัน ตรงกันข้าม 1 เป็นเรื่องระหว่าง "เทคโนโลยี" กับ "วัฒนธรรม" มากกว่า ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ เป็นเรื่องของ "ผลประโยชน์" ซึ่งสัมพันธ์กับเทคโนโลยีและวัฒนธรรม
ถามว่าแล้วช่อง 3 เป็นตัวแทนแห่งเทคโนโลยีเก่า วัฒนธรรมเก่าและผลประโยชน์กลุ่มเก่าอย่างนั้นหรือ
ต้องตอบให้ได้ว่า 3 กรรมการ กสท.เป็น "ตัวแทน" ใคร
น่าสนใจก็ตรงที่ ท่ามกลางความขัดแย้ง ท่ามกลางความถกแถลง อภิปราย มีการอ้างถึง 15 ล้านครัวเรือน อันผูกติดอยู่กับทีวีในแบบอนาล็อก
ถามว่ามีฝ่ายใดคำนึงถึงความรู้สึกจาก 15 ล้านครัวเรือนจริงๆ บ้าง
เมื่อระบุถึงอนาล็อก เมื่อระบุถึงดิจิตอล นี่เป็นเรื่องของเทคโนโลยี เป็นเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์บางสำนักเรียกว่า "พลังผลิต"
"พลังผลิต" จะส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งในทาง "สังคม"
การคิดในเรื่องเครื่องจักรไอน้ำนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "ปฏิวัติอุตสาหกรรม" การคิดในเรื่อง "ไฟฟ้า" นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "ปฏิวัติเทคโนโลยี"
การเปลี่ยนผ่านจากยุค "อนาล็อก" ไปสู่ "ดิจิตอล" จึงสำคัญ
กระนั้น การเปลี่ยนผ่านก็ต้องมีสภาพที่เรียกกันว่า "ระยะผ่าน" ในห้วงแห่ง "ระยะผ่าน" นี้แหละที่ "วัฒนธรรม" เข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญ
ตรงนี้แหละที่ ช่อง 3 อนาล็อกดำรงอยู่ในสถานะแห่ง "ตัวแทน"
ตรงนี้แหละที่ปริมาณแห่ง 15 ล้านครัวเรือนทรงความหมาย ตรงนี้แหละที่ทำให้เม็ดเงินจากการโฆษณาไหลเทไปยังช่อง 3 อนาล็อกมากถึงร้อยละ 70
จึงมีคนคิดง่ายๆ ว่าหากตัด "คัตเอาต์" นี้ได้ หมายถึงการ "ระเบิดเปรี้ยง"
มีแรงผลักดันจากกลุ่มทีวีดิจิตอล 20 กว่าช่องอย่างรุนแรง มีความคิดในแบบนี้ดำรงอยู่ภายในมติของ 3 กรรมการ กสท.อย่างแน่นอน ด้วยความเชื่อว่าหากมตินี้มีผลในทางเป็นจริงจะทำให้เกิด "การเปลี่ยนผ่าน" อย่างมีประสิทธิภาพ
เสก "อนาล็อก" ให้หมดสิ้น นิรมิต "ดิจิตอล" ให้เป็นด้านครอบงำ
ความคิดของ 3 กรรมการ กสท.มากด้วยความปรารถนาดี เป็นความปรารถนาดีในท่วงทำนองแห่งนักโรแมนติก
โรแมนติกเริ่มจาก "ความปรารถนา" มาตั้งแต่ยุคเชลีย์ ยุคไบรอน
จุดอ่อนอย่างสำคัญของนักโรแมนติกคือ เมื่อเริ่มต้นจากความปรารถนาอันเป็นจิตวิสัย สิ่งที่ขาดหายไปก็คือ มองข้าม "ความเป็นจริง"
น่าเศร้าที่มองข้ามความรู้สึกของ 15 ล้านครัวเรือน
น่าเศร้าที่มองเห็นแต่ด้านซึ่ง "ก้าวกระโดด" ภายในพริบตาพลัน แต่ไม่ตระหนักในลักษณะเปลี่ยนผ่านในแบบ "ประนีประนอม" ค่อยเป็นค่อยไป
ค่อยเป็นค่อยไปคำนึง "ความพร้อม"
ความพร้อมในด้าน "เทคโนโลยี" อาจรอคอยอย่างเต็มที่ กระตือรือร้นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันความพร้อมในด้านวัฒนธรรม ความรู้สึก ลักษณะที่ความเจริญของสังคมดำเนินไปอย่างไม่ทัดเทียมยังดำรงอยู่เป็นอย่างสูง
ตรงนี้แหละที่นัก "โรแมนติก" ไม่ตระหนัก
คนแบบนี้เมื่อมี "อำนาจ" ก็มักจะวางอำนาจ อาศัยอำนาจไปกดดัน บีบบังคับ
ให้คนอื่นกระทำตามความปรารถนาของตน
ในนามแห่ง "ความปรารถนาดี" ในนามแห่ง "ความรัก"
หากทอดตามองสังคมไทยทั้งสังคม นักโรแมนติกมิได้ดำรงอยู่แต่ใน กสท.หากปรากฏอย่างทั่วไป
อาศัย "ความดี" เป็นเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ ประเมินว่าเป็น "คนดี" ซะอย่างอะไรก็ฉลุย เมื่อมีอำนาจก็เอาสร้อยแห่ง "ความดี" มาเสริมบทและคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ ตามใจตนเอง
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง โลกนี้มิได้อยู่ด้วย มณี เดียวนา
จาก มติชน online
ถ้าคุณเป็นผู้บริหารช่อง 3 คุณจะทำอย่างไร?
ยกตัวอย่างน่ะครับ
มันเหมือนกับว่าคุณมีสิทธิเช่าที่ขายของอยู่ที่ห้างPlat อยู่ 20 ปี พอมาปีที่ 10 ทาง Plat มาบอกคุณว่า
จะสร้างห้างใหม่ ห้าง Cen ให้คุณไปเช่าห้างใหม่ ส่วนห้างเก่าเราจะทำการปิด(ในส่วนนี้ใครไม่เข้าใจ อธิบายให้อีกที)
คุณก็ไปเช่าที่ห้างใหม่อีก 3 ห้อง แต่ที่ใหม่ที่คุณไป คุณไปขายสินค้าใหม่ 3 อย่างซึ่งไม่เหมือนสินค้าเก่าเลย(คุณคิดว่าเป็นสิทธิของคุณหรือไม่)
แต่อยู่ดีๆ ทางห้างใหม่บอกว่าไม่ได้ คุณต้องเอาสินค้าเก่ามาขายที่ห้างใหม่เท่านั้น ( เหมือนกับผู้เช่าคนอื่นๆ ที่เค้าทำกัน)
ส่วนห้างเก่านั้นเราจะปิด คุณอยากขายก็ขายไป เราไม่สนใจคุณ ( ทั้งที่เหลือสัญญาอีก 10 ปี) คุณคิดว่าเป็นธรรมกับคุณไหม
ผมขอพูดทีละประเด็นน่ะครับ เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้อะไรมาก แค่อยากรู้ว่าถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร
ส่วนประเด็นทำไมช่องอื่นทำได้ แต่ช่อง 3 ทำไม่ได้นั้นเพราะอะไร
ช่อง 5 ของใคร
ช่อง 7 ของใคร
ช่อง 9 ของใคร
ช่อง 11 ของใคร
ช่อง TBPS ของใคร
ผมว่าทุกคนน่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว
แล้วอีกนิดคือ ผมผิดอะไรที่ติดเคเบิล แล้วต้องอดดูช่อง 3 (มันเป็นความผิดของผมเหรอครับ)
สุดท้าย เรื่องความผิดของ มาลีนนท์ ใครที่ทำผิด ก็สมควรได้รับโทษ แต่จะไปเหมารวมว่าผิดทั้งตระกูลผมว่าไม่แฟร์ครับ
ถ้าเป็นคนในครอบครัวคุณทำผิด แล้วคนอื่นเหมาว่าคุณไม่ดีไปด้วย คุณชอบหรือเปล่าล่ะครับ
---------------------------------
สุดท้ายขอฝากเอาไว้ในใจเธอ
ประหนึ่งว่า ผลสะเทือนจาก "มติ กสท."
อันนำไปสู่การถกเถียงว่า ช่อง 3 จะถูกสาปให้แปรสภาพเป็น "จอดำ" หรือไม่เป็นการปะทะระหว่าง "เทคโนโลยี"
1 คือ เทคโนโลยีอย่างที่เรียกว่า "อนาล็อก" ซึ่งมีช่อง 3 เป็นตัวแทน 1 คือ เทคโนโลยีอย่างที่เรียกว่า "ดิจิตอล" ซึ่งมี 3 กรรมการแห่ง กสท.เป็นตัวแทน
แต่เมื่อสำรวจไประดับหนึ่งก็ได้คำตอบว่า "มิใช่"
มิใช่เรื่องระหว่างอนาล็อกกับดิจิตอลอย่างที่เข้าใจกัน ตรงกันข้าม 1 เป็นเรื่องระหว่าง "เทคโนโลยี" กับ "วัฒนธรรม" มากกว่า ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ เป็นเรื่องของ "ผลประโยชน์" ซึ่งสัมพันธ์กับเทคโนโลยีและวัฒนธรรม
ถามว่าแล้วช่อง 3 เป็นตัวแทนแห่งเทคโนโลยีเก่า วัฒนธรรมเก่าและผลประโยชน์กลุ่มเก่าอย่างนั้นหรือ
ต้องตอบให้ได้ว่า 3 กรรมการ กสท.เป็น "ตัวแทน" ใคร
น่าสนใจก็ตรงที่ ท่ามกลางความขัดแย้ง ท่ามกลางความถกแถลง อภิปราย มีการอ้างถึง 15 ล้านครัวเรือน อันผูกติดอยู่กับทีวีในแบบอนาล็อก
ถามว่ามีฝ่ายใดคำนึงถึงความรู้สึกจาก 15 ล้านครัวเรือนจริงๆ บ้าง
เมื่อระบุถึงอนาล็อก เมื่อระบุถึงดิจิตอล นี่เป็นเรื่องของเทคโนโลยี เป็นเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์บางสำนักเรียกว่า "พลังผลิต"
"พลังผลิต" จะส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งในทาง "สังคม"
การคิดในเรื่องเครื่องจักรไอน้ำนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "ปฏิวัติอุตสาหกรรม" การคิดในเรื่อง "ไฟฟ้า" นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "ปฏิวัติเทคโนโลยี"
การเปลี่ยนผ่านจากยุค "อนาล็อก" ไปสู่ "ดิจิตอล" จึงสำคัญ
กระนั้น การเปลี่ยนผ่านก็ต้องมีสภาพที่เรียกกันว่า "ระยะผ่าน" ในห้วงแห่ง "ระยะผ่าน" นี้แหละที่ "วัฒนธรรม" เข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญ
ตรงนี้แหละที่ ช่อง 3 อนาล็อกดำรงอยู่ในสถานะแห่ง "ตัวแทน"
ตรงนี้แหละที่ปริมาณแห่ง 15 ล้านครัวเรือนทรงความหมาย ตรงนี้แหละที่ทำให้เม็ดเงินจากการโฆษณาไหลเทไปยังช่อง 3 อนาล็อกมากถึงร้อยละ 70
จึงมีคนคิดง่ายๆ ว่าหากตัด "คัตเอาต์" นี้ได้ หมายถึงการ "ระเบิดเปรี้ยง"
มีแรงผลักดันจากกลุ่มทีวีดิจิตอล 20 กว่าช่องอย่างรุนแรง มีความคิดในแบบนี้ดำรงอยู่ภายในมติของ 3 กรรมการ กสท.อย่างแน่นอน ด้วยความเชื่อว่าหากมตินี้มีผลในทางเป็นจริงจะทำให้เกิด "การเปลี่ยนผ่าน" อย่างมีประสิทธิภาพ
เสก "อนาล็อก" ให้หมดสิ้น นิรมิต "ดิจิตอล" ให้เป็นด้านครอบงำ
ความคิดของ 3 กรรมการ กสท.มากด้วยความปรารถนาดี เป็นความปรารถนาดีในท่วงทำนองแห่งนักโรแมนติก
โรแมนติกเริ่มจาก "ความปรารถนา" มาตั้งแต่ยุคเชลีย์ ยุคไบรอน
จุดอ่อนอย่างสำคัญของนักโรแมนติกคือ เมื่อเริ่มต้นจากความปรารถนาอันเป็นจิตวิสัย สิ่งที่ขาดหายไปก็คือ มองข้าม "ความเป็นจริง"
น่าเศร้าที่มองข้ามความรู้สึกของ 15 ล้านครัวเรือน
น่าเศร้าที่มองเห็นแต่ด้านซึ่ง "ก้าวกระโดด" ภายในพริบตาพลัน แต่ไม่ตระหนักในลักษณะเปลี่ยนผ่านในแบบ "ประนีประนอม" ค่อยเป็นค่อยไป
ค่อยเป็นค่อยไปคำนึง "ความพร้อม"
ความพร้อมในด้าน "เทคโนโลยี" อาจรอคอยอย่างเต็มที่ กระตือรือร้นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันความพร้อมในด้านวัฒนธรรม ความรู้สึก ลักษณะที่ความเจริญของสังคมดำเนินไปอย่างไม่ทัดเทียมยังดำรงอยู่เป็นอย่างสูง
ตรงนี้แหละที่นัก "โรแมนติก" ไม่ตระหนัก
คนแบบนี้เมื่อมี "อำนาจ" ก็มักจะวางอำนาจ อาศัยอำนาจไปกดดัน บีบบังคับ
ให้คนอื่นกระทำตามความปรารถนาของตน
ในนามแห่ง "ความปรารถนาดี" ในนามแห่ง "ความรัก"
หากทอดตามองสังคมไทยทั้งสังคม นักโรแมนติกมิได้ดำรงอยู่แต่ใน กสท.หากปรากฏอย่างทั่วไป
อาศัย "ความดี" เป็นเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ ประเมินว่าเป็น "คนดี" ซะอย่างอะไรก็ฉลุย เมื่อมีอำนาจก็เอาสร้อยแห่ง "ความดี" มาเสริมบทและคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ ตามใจตนเอง
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง โลกนี้มิได้อยู่ด้วย มณี เดียวนา
จาก มติชน online