ก่อนอื่น...อยากให้ดูคลิปพวกนี้ก่อนค่ะ...
https://www.youtube.com/watch?v=Z8pW6dr_Fy4
https://www.youtube.com/watch?v=SlOl5b_caXA
ดิฉันตั้งใจจะเรียบเรียงเรื่องนี้อยู่นานแล้ว ก็ได้แต่ จะ จะ อยู่นั่น เป็นเพราะเหตุที่ต้องย้ายถิ่นฐานนั้นแหละค่ะ...
ทำไมถึงอยากจะนำเสนอในเรื่องนี้...
คำตอบคือ...ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน 2011 ก็ไม่นานเท่าไหร่นี้เอง ที่มีนักเรียนในภาคเหนือที่ได้ใช้การแสดงในการเดินพาเหรดกีฬาสีของโรงเรียนเลียนแบบกองกำลังของ SA (เพราะเห็นว่าบางคนแต่งกายด้วยสีน้ำตาล) และ SS
รวมไปถึงผู้นำขบวนที่แต่งหน้าด้วยหนวดจิ๋ม มีกระแสต่อต้านมากมาย แต่...ก็ยังมีผู้ที่ไม่รู้สึกรู้สาอีกเยอะแยะที่ไม่เข้าใจว่า ทำไม..และมันเกี่ยวข้องอะไร แถมมีบางคนว่า...เป็นเรื่องของยิว ที่ไม่เกี่ยวกับเราคนไทย
อีกทั้งเป็นเรื่องไกลตัว...
http://www.wiesenthal.com/site/apps/nlnet/content2.aspx?c=lsKWLbPJLnF&b=4441467&ct=11233739#.U_47S2P2ITA
ในที่สุด...เรื่องนี้ได้ขจรไปไกลจนถึงขนาดที่ Simon Wiesenthal Center ต้องส่งจดหมายตำหนิมาถึงการควรไม่ควรทำ ซึ่งทางโรงเรียนได้ทำการขอโทษไปยังสถานทูตอิสราเอล
และอ้างว่า เป็นเรื่องของเด็กๆทำกันเอง ครูและเหล่าแม่ชีซิสเตอร์..ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย...
ทางเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่...ย้ำเตือนว่า ผู้ใหญ่ควรจะต้องสอนเด็กๆให้รู้ถึงวิบากกรรมของการจงเกลียดจงชัง ที่ต่อเนื่องมาจนบายปลายกลายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆของมวลมนุษย์ชาติ
และไม่ใช่เรื่องไกลตัว...อาจจะเกิดขึ้นกับเชื้อชาติไหน ประเทศไหนก็ได้ ดูอย่าง Rwanda, Syria หรือเอาใกล้ๆตัวก็ เขมรนี่ไง...
ดิฉันไม่ได้ใช้กรณีนี้มาเป็นเรื่องซ้ำเติม หรือ ตอกย้ำ เพราะบางทีมันก็เป็นเรื่องไกลตัวของเราจริงๆ เพราะเราคนไทยอยู่กันอย่างสุขสบายมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ มีน้ำใจต่อแขกบ้านต่างเมือง
ไม่เคยรังเกียจเดียจฉันท์ว่าเป็นชาติเชื้อไหน แต่...ไม่อยากให้เราถึงขนาด"ปิดกั้น" ตัวเอง โดยที่ไม่รับรู้ความทุกข์ยากและไม่รับเอามาเป็นกรณีศึกษา
อย่างที่บอกมาข้างต้นแล้วว่า...มันอาจจะเกิดกับเราเมื่อไหร่ก็ได้
ทีนี้มาถึงเรื่องของ บุรุษที่มีนามว่า ไซมอน วีเซนธัล..(SIMON WIESENTHAL 1908-2005) กันดีว่า...ว่าเขาเป็นใคร และมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร...?
ชีวิตของเขาทั้งหมด เหมือนกับภาพยนตร์ที่เล่าให้พวกเราฟังถึงเหตุการณ์ที่เป็นไปในยุคของสงครามโลกครั้งที่สอง ตั้งแต่เริ่มกรุ่น จนกระทั่ง สิ้นสุด
ถึงแม้จะสิ้นสุดไปแล้ว...แต่...ไซมอน ก็ยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป จากฐานะเชลยยิวเดนตายในค่ายกักกันที่อยู่สู้เพื่อให้รอดพ้นจากมือมัจจุราช จนมาถึง
การตามล่าเหล่านาซีที่หนีกระเซ็นกระสายออกไปยังประเทศอื่นๆ...เพื่อให้กลับมาใช้เวรกรรมที่ได้ก่อเอาไว้...
ดังเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า..." "I want people to know the Nazis weren’t able to
kill millions of people and get away with it."
เขาเริ่มงานของเขาด้วยตัวเองและจากเพื่อนๆที่ร่วมเคราะห์กรรมกันมาเพียงไม่กี่คนที่เวียนนา ...เริ่มจากงานตามเก็บเอกสารของเหล่าเชลยยิวว่าใครอยู่ ใครตาย ที่ไหนและเมื่อไหร่
ซึ่งเป็นงานยากเย็น เพราะเหล่านาซีได้ทำการเผาทำลายเอกสารไปไม่น้อย...
ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆรวมไปถึงกลุ่มอิสราเอล และชัดเจนว่า ยังมีนาซีตัวสำคัญๆ ที่หลบหนีออกไปได้อีกว่าพันคน..
โดยเฉพาะตัวการที่เป็นมือสังหารและมีบทบาทสำคัญในการฆ่าล้างเผ่าพันธ์นับล้านๆคน...เช่น ยิว กว่าหกล้านคน, ยิบซี และ โปล์ รวมไปถึงผู้คนที่นาซีไม่พึงประสงค์อีกล้านกว่าคน...
เช่น อดอล์ฟ ไอช์มันน์, ด๊อกเตอร์ โจเซฟ เมงเกเล, ฟรังซ์ เมอเร่อร์ และ เอริค ราจาโควิซ ฯลฯ
ชีวิตที่รอดมาจากสงครามนี้ ไซมอนได้อุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานอย่างไม่มีเวลาพัก จนได้ก่อตั้งมาเป็น Simon Wiesenthal Center ที่มีสาขาอยู่ในหลายประเทศที่มีพิพิทธภัณฑ์ และ ข้อมูลพร้อมที่จะให้การศึกษาแก่ผู้ที่สนใจ...
เขาได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ถึง 22 เล่ม รวมทั้ง เรื่อง The Murderers Among Us ที่ได้มาเป็นภาพยนตร์ โดยมี ท่านเซอร์ เบน คิงสลี่ย์ เป็นดารานำ...และ Nazi Hunter: The Life & Legacy of Simon Wiesenthal
งานของเขาทั้งหมดเพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้กับยุวชนรุ่นหลัง..ที่จะได้ระลึกและจดจำถึงความโหดร้าย เหี้ยมโหด ที่มนุษย์สามารถกระทำได้ต่อกันเพียงแค่คำว่า "อคติต่อชาติพันธุ์"
ไซมอน วีเซนธัล (ถ้าไปเจอในหนังของฝรั่งเศส จะออกเสียงว่า ซีมง วีซงตาล ก็คือคนคนเดียวกันค่ะ) เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1908 ในเมือง Buczacz, Galacia อันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของ ออสเตรีย-ฮังการี
บูชัค ซึ่งปัจจุบันได้ไปเป็นอำเภอหนึ่งในแขวง Lviv (หรือ Lvov หรือ Lwow ในอดีต อันเป็นเมืองที่มียิวอยู่หนาแน่นเป็นอันดับสองในโปแลนด์) ในประเทศยูเครน สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อไปมานั้นเพราะเมืองนี้เป็นเมืองชายแดนโปแลนด์ ที่เปลี่ยนกลับมือไปมาในระหว่างสงคราม ชื่อก็เลยเปลี่ยนไปด้วย
ปัจจุบัน คือ Lviv
บิดาของเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มารดาจึงได้อพยพครอบครัวมาอยู่ในเวียนนาเพียงชั่วคราว...และต่อมาเธอได้แต่งงานใหม่จึงได้กลับไปอยู่ที่บูชัคตามเดิม
ไซมอน เรียนจบประโยคมัธยมเมื่อปี 1928 และพยายามที่จะเข้าไปศึกษาต่อใน Polytechnic Institute ที่เมือง Lvov (หรือ Lviv อ่านว่า วีฟ)
แต่ที่วิทยาลัยเทคนิคไม่มีโควต้าให้แก่เด็กชาวยิว...เขาเลยต้องไปเข้าเรียนที่ Technical University ที่ Prague ซึ่งเขาได้เรียนจบและได้ปริญญาสาขาวิศวกรรมโยธาในปี 1932
เขาได้ทำงานในหน่วยงานของเทศบาลเมืองวีฟ และแต่งงานกับแฟนสาวร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยม Cyla Muller ในปี 1936
สองสามปีต่อมา...โซเวียตได้เข้ามายึดครองในดินแดนเขตที่อยู่อาศัย เขาได้กลายมาเป็นคนว่างงาน ซึ่งไม่มีทางเลือกมากนัก
เขาได้เข้าไปทำงานในโรงงงานทำที่นอนสปริง เขาและภรรยารอดพ้นจากการถูกส่งตัวไปเป็นนักโทษในไซบีเรียโดยการ"ติดสินบน" ด้วยทรัพย์สินทั้งหมดที่มี...
เอาว่าเรามาเริ่มต้นรู้จักเขากันเลยดีกว่า...
ชีวิตของไซมอน...ได้รอดพ้นมาจากความตายอย่างหวุดหวิดนับครั้งไม่ถ้วน จนเหมือนพระเจ้าได้กำหนดให้เขาต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อ...หาความเป็นธรรมให้กับล้านๆชีวิตที่ต้องเสียไปเพราะความเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ของเหล่านาซีภายใต้การนำของฮิตเล่อร์...
แม้ว่าจะมีอายุอานามเข้าในวัยชรา...เขายังคงจดจำทุกอย่างที่ผ่านมาได้อย่างแม่นยำ ในระยะเริ่มต้นของปี 1941 อันเป็นช่วงที่ยิวใน Lvov ตกอยู่ในการล่า
เขาได้หลบซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ถุนในบ้านของเขาเองพร้อมกับเพื่อนๆชาวยิวอีกกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังตั้งวงเล่นหมากรุกกันอยู่...พวกตำรวจยูเครเนี่ยนก็หาพวกเขาจบพบและนำส่งไปยังคุกที่ Brigidki ที่มียิวเชลยอยู่แล้วประมาณ 40 คน ที่มีวิชาชีพกันหลากหลาย ทั้ง หมอ ทนายความ จนถึงชาวบ้านธรรมดา
พวกเขาเหล่านั้นกำลังถูกสั่งให้ตั้งแถว หันหน้าเข้าสู่กำแพง เอามือประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ข้างๆแถว มีโลงศพตั้งรอพร้อมอยู่
การยิงทิ้งได้เริ่มขึ้น จากทางด้านซ้าย...เป็นการยิงที่เจาะทะลุลำคอ แบบนัดเดียวก็ร่วงลงสู่โลง...
เกือบจะถึงคิวของไซมอนอยู่รอมร่อ....เสียงระฆังจากโบสถ์ได้ดังขึ้น...
เหล่าทหารยูเครเนี่ยนที่กำลังทำหน้าที่เพชรฆาตทั้งหลายนั่น ต่างวางปืนลง...พร้อมตะโกนสู่กันว่า
"พอแล้ว...หยุด...ได้เวลาไปทำมิซากันแล้ว....."
ยิวเดนตายที่เหลือกว่ายี่สิบชีวิต...ต่างพากันเดินเรียงแถวกลับไปเข้าในคุกตามเดิม ทุกคน...ไม่อนุญาตให้มีเข็มขัด หรือเชือกผูกรองเท้า เพราะเกรงว่าจะปลิดชีวิตของตัวเองหนีไปก่อน
ชีวิตของนักล่านาซี...ไซมอน วีเซนธัล บทที่ 1
https://www.youtube.com/watch?v=Z8pW6dr_Fy4
https://www.youtube.com/watch?v=SlOl5b_caXA
ดิฉันตั้งใจจะเรียบเรียงเรื่องนี้อยู่นานแล้ว ก็ได้แต่ จะ จะ อยู่นั่น เป็นเพราะเหตุที่ต้องย้ายถิ่นฐานนั้นแหละค่ะ...
ทำไมถึงอยากจะนำเสนอในเรื่องนี้...
คำตอบคือ...ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน 2011 ก็ไม่นานเท่าไหร่นี้เอง ที่มีนักเรียนในภาคเหนือที่ได้ใช้การแสดงในการเดินพาเหรดกีฬาสีของโรงเรียนเลียนแบบกองกำลังของ SA (เพราะเห็นว่าบางคนแต่งกายด้วยสีน้ำตาล) และ SS
รวมไปถึงผู้นำขบวนที่แต่งหน้าด้วยหนวดจิ๋ม มีกระแสต่อต้านมากมาย แต่...ก็ยังมีผู้ที่ไม่รู้สึกรู้สาอีกเยอะแยะที่ไม่เข้าใจว่า ทำไม..และมันเกี่ยวข้องอะไร แถมมีบางคนว่า...เป็นเรื่องของยิว ที่ไม่เกี่ยวกับเราคนไทย
อีกทั้งเป็นเรื่องไกลตัว...
http://www.wiesenthal.com/site/apps/nlnet/content2.aspx?c=lsKWLbPJLnF&b=4441467&ct=11233739#.U_47S2P2ITA
ในที่สุด...เรื่องนี้ได้ขจรไปไกลจนถึงขนาดที่ Simon Wiesenthal Center ต้องส่งจดหมายตำหนิมาถึงการควรไม่ควรทำ ซึ่งทางโรงเรียนได้ทำการขอโทษไปยังสถานทูตอิสราเอล
และอ้างว่า เป็นเรื่องของเด็กๆทำกันเอง ครูและเหล่าแม่ชีซิสเตอร์..ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย...
ทางเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่...ย้ำเตือนว่า ผู้ใหญ่ควรจะต้องสอนเด็กๆให้รู้ถึงวิบากกรรมของการจงเกลียดจงชัง ที่ต่อเนื่องมาจนบายปลายกลายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆของมวลมนุษย์ชาติ
และไม่ใช่เรื่องไกลตัว...อาจจะเกิดขึ้นกับเชื้อชาติไหน ประเทศไหนก็ได้ ดูอย่าง Rwanda, Syria หรือเอาใกล้ๆตัวก็ เขมรนี่ไง...
ดิฉันไม่ได้ใช้กรณีนี้มาเป็นเรื่องซ้ำเติม หรือ ตอกย้ำ เพราะบางทีมันก็เป็นเรื่องไกลตัวของเราจริงๆ เพราะเราคนไทยอยู่กันอย่างสุขสบายมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ มีน้ำใจต่อแขกบ้านต่างเมือง
ไม่เคยรังเกียจเดียจฉันท์ว่าเป็นชาติเชื้อไหน แต่...ไม่อยากให้เราถึงขนาด"ปิดกั้น" ตัวเอง โดยที่ไม่รับรู้ความทุกข์ยากและไม่รับเอามาเป็นกรณีศึกษา
อย่างที่บอกมาข้างต้นแล้วว่า...มันอาจจะเกิดกับเราเมื่อไหร่ก็ได้
ทีนี้มาถึงเรื่องของ บุรุษที่มีนามว่า ไซมอน วีเซนธัล..(SIMON WIESENTHAL 1908-2005) กันดีว่า...ว่าเขาเป็นใคร และมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร...?
ชีวิตของเขาทั้งหมด เหมือนกับภาพยนตร์ที่เล่าให้พวกเราฟังถึงเหตุการณ์ที่เป็นไปในยุคของสงครามโลกครั้งที่สอง ตั้งแต่เริ่มกรุ่น จนกระทั่ง สิ้นสุด
ถึงแม้จะสิ้นสุดไปแล้ว...แต่...ไซมอน ก็ยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป จากฐานะเชลยยิวเดนตายในค่ายกักกันที่อยู่สู้เพื่อให้รอดพ้นจากมือมัจจุราช จนมาถึง
การตามล่าเหล่านาซีที่หนีกระเซ็นกระสายออกไปยังประเทศอื่นๆ...เพื่อให้กลับมาใช้เวรกรรมที่ได้ก่อเอาไว้...
ดังเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า..." "I want people to know the Nazis weren’t able to
kill millions of people and get away with it."
เขาเริ่มงานของเขาด้วยตัวเองและจากเพื่อนๆที่ร่วมเคราะห์กรรมกันมาเพียงไม่กี่คนที่เวียนนา ...เริ่มจากงานตามเก็บเอกสารของเหล่าเชลยยิวว่าใครอยู่ ใครตาย ที่ไหนและเมื่อไหร่
ซึ่งเป็นงานยากเย็น เพราะเหล่านาซีได้ทำการเผาทำลายเอกสารไปไม่น้อย...
ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆรวมไปถึงกลุ่มอิสราเอล และชัดเจนว่า ยังมีนาซีตัวสำคัญๆ ที่หลบหนีออกไปได้อีกว่าพันคน..
โดยเฉพาะตัวการที่เป็นมือสังหารและมีบทบาทสำคัญในการฆ่าล้างเผ่าพันธ์นับล้านๆคน...เช่น ยิว กว่าหกล้านคน, ยิบซี และ โปล์ รวมไปถึงผู้คนที่นาซีไม่พึงประสงค์อีกล้านกว่าคน...
เช่น อดอล์ฟ ไอช์มันน์, ด๊อกเตอร์ โจเซฟ เมงเกเล, ฟรังซ์ เมอเร่อร์ และ เอริค ราจาโควิซ ฯลฯ
ชีวิตที่รอดมาจากสงครามนี้ ไซมอนได้อุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานอย่างไม่มีเวลาพัก จนได้ก่อตั้งมาเป็น Simon Wiesenthal Center ที่มีสาขาอยู่ในหลายประเทศที่มีพิพิทธภัณฑ์ และ ข้อมูลพร้อมที่จะให้การศึกษาแก่ผู้ที่สนใจ...
เขาได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ถึง 22 เล่ม รวมทั้ง เรื่อง The Murderers Among Us ที่ได้มาเป็นภาพยนตร์ โดยมี ท่านเซอร์ เบน คิงสลี่ย์ เป็นดารานำ...และ Nazi Hunter: The Life & Legacy of Simon Wiesenthal
งานของเขาทั้งหมดเพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้กับยุวชนรุ่นหลัง..ที่จะได้ระลึกและจดจำถึงความโหดร้าย เหี้ยมโหด ที่มนุษย์สามารถกระทำได้ต่อกันเพียงแค่คำว่า "อคติต่อชาติพันธุ์"
ไซมอน วีเซนธัล (ถ้าไปเจอในหนังของฝรั่งเศส จะออกเสียงว่า ซีมง วีซงตาล ก็คือคนคนเดียวกันค่ะ) เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1908 ในเมือง Buczacz, Galacia อันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของ ออสเตรีย-ฮังการี
บูชัค ซึ่งปัจจุบันได้ไปเป็นอำเภอหนึ่งในแขวง Lviv (หรือ Lvov หรือ Lwow ในอดีต อันเป็นเมืองที่มียิวอยู่หนาแน่นเป็นอันดับสองในโปแลนด์) ในประเทศยูเครน สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อไปมานั้นเพราะเมืองนี้เป็นเมืองชายแดนโปแลนด์ ที่เปลี่ยนกลับมือไปมาในระหว่างสงคราม ชื่อก็เลยเปลี่ยนไปด้วย
ปัจจุบัน คือ Lviv
บิดาของเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มารดาจึงได้อพยพครอบครัวมาอยู่ในเวียนนาเพียงชั่วคราว...และต่อมาเธอได้แต่งงานใหม่จึงได้กลับไปอยู่ที่บูชัคตามเดิม
ไซมอน เรียนจบประโยคมัธยมเมื่อปี 1928 และพยายามที่จะเข้าไปศึกษาต่อใน Polytechnic Institute ที่เมือง Lvov (หรือ Lviv อ่านว่า วีฟ)
แต่ที่วิทยาลัยเทคนิคไม่มีโควต้าให้แก่เด็กชาวยิว...เขาเลยต้องไปเข้าเรียนที่ Technical University ที่ Prague ซึ่งเขาได้เรียนจบและได้ปริญญาสาขาวิศวกรรมโยธาในปี 1932
เขาได้ทำงานในหน่วยงานของเทศบาลเมืองวีฟ และแต่งงานกับแฟนสาวร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยม Cyla Muller ในปี 1936
สองสามปีต่อมา...โซเวียตได้เข้ามายึดครองในดินแดนเขตที่อยู่อาศัย เขาได้กลายมาเป็นคนว่างงาน ซึ่งไม่มีทางเลือกมากนัก
เขาได้เข้าไปทำงานในโรงงงานทำที่นอนสปริง เขาและภรรยารอดพ้นจากการถูกส่งตัวไปเป็นนักโทษในไซบีเรียโดยการ"ติดสินบน" ด้วยทรัพย์สินทั้งหมดที่มี...
เอาว่าเรามาเริ่มต้นรู้จักเขากันเลยดีกว่า...
ชีวิตของไซมอน...ได้รอดพ้นมาจากความตายอย่างหวุดหวิดนับครั้งไม่ถ้วน จนเหมือนพระเจ้าได้กำหนดให้เขาต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อ...หาความเป็นธรรมให้กับล้านๆชีวิตที่ต้องเสียไปเพราะความเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ของเหล่านาซีภายใต้การนำของฮิตเล่อร์...
แม้ว่าจะมีอายุอานามเข้าในวัยชรา...เขายังคงจดจำทุกอย่างที่ผ่านมาได้อย่างแม่นยำ ในระยะเริ่มต้นของปี 1941 อันเป็นช่วงที่ยิวใน Lvov ตกอยู่ในการล่า
เขาได้หลบซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ถุนในบ้านของเขาเองพร้อมกับเพื่อนๆชาวยิวอีกกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังตั้งวงเล่นหมากรุกกันอยู่...พวกตำรวจยูเครเนี่ยนก็หาพวกเขาจบพบและนำส่งไปยังคุกที่ Brigidki ที่มียิวเชลยอยู่แล้วประมาณ 40 คน ที่มีวิชาชีพกันหลากหลาย ทั้ง หมอ ทนายความ จนถึงชาวบ้านธรรมดา
พวกเขาเหล่านั้นกำลังถูกสั่งให้ตั้งแถว หันหน้าเข้าสู่กำแพง เอามือประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ข้างๆแถว มีโลงศพตั้งรอพร้อมอยู่
การยิงทิ้งได้เริ่มขึ้น จากทางด้านซ้าย...เป็นการยิงที่เจาะทะลุลำคอ แบบนัดเดียวก็ร่วงลงสู่โลง...
เกือบจะถึงคิวของไซมอนอยู่รอมร่อ....เสียงระฆังจากโบสถ์ได้ดังขึ้น...
เหล่าทหารยูเครเนี่ยนที่กำลังทำหน้าที่เพชรฆาตทั้งหลายนั่น ต่างวางปืนลง...พร้อมตะโกนสู่กันว่า
"พอแล้ว...หยุด...ได้เวลาไปทำมิซากันแล้ว....."
ยิวเดนตายที่เหลือกว่ายี่สิบชีวิต...ต่างพากันเดินเรียงแถวกลับไปเข้าในคุกตามเดิม ทุกคน...ไม่อนุญาตให้มีเข็มขัด หรือเชือกผูกรองเท้า เพราะเกรงว่าจะปลิดชีวิตของตัวเองหนีไปก่อน