ความเดิมตอนที่แล้ว Day 2 : Yamamizuki @ Kurokawa
http://pantip.com/topic/32567391
6/9/2014
แสงยามเช้าที่ Yamamizuki
08:00 เช้าล้าววววว ตื่นมาปุ๊บก็รีบล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมไป onsen พอออกจากห้องมาเท่านั้นแหล่ะ นึกว่าอยู่ใน show ของ Nagara Fashion Week แขกโรงแรมแต่ละคนพร้อมใจกันสะบัดยูกาตะ กรุยกรายพาเหรดไป onsen เอาให้คุ้ม 555 เห็นเพื่อนบอกว่าคน Jap นี่เขาไม่อาบน้ำตอนเช้ากัน นี่คงผิดสินะ เพราะว่าคนเยอะมาก เขามาแปรงฟันกันที่นี่เลยล่ะ แหม่ถ้ารู้ก่อนก็จะเนียนตามละ ว่าละก็อาบน้ำ สระผม ละไปนอนแช่ outdoor onsen ยามเช้า ฟังเสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บ เสียงน้ำตก เพลินนนนนกันไป
09:00 ได้เวลานัดทานอาหารเช้า มื้อนี้ต้องไปทานที่ห้องอาหาร ที่นี่แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นโต๊ะเก้าอี้ธรรมดา ปรับเปลี่ยนโต๊ะจัดรับกรุ๊ปใหญ่ได้ ส่วนถ้ามากัน 2 คน ก็ขึ้นไปชั้น 2 จะแบ่งล๊อกๆ โต๊ะเตี้ยแบบญี่ปุ่น แต่ตรงกลางเป็นหลุมนั่งห้อยขา แบบร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป นั่งได้ 2 คน เพราะวางแค่ 2 สำรับก็เต็มแล้ว มื้อนี้ก็จัดเต็มอีก จานเล็กจานน้อยเพียบ แต่อาหารเน้นเป็นอาหารเบาๆ มีผักนึ่ง เต้าหู้ ซุปมิโซะหอยจิ๋ว ไข่ออนเซ็น ปลาแม่น้ำย่าง ก็กินกันเรียบอีกตามเคย ไม่รู้เพราะอร่อยรึว่างก หรือทั้งสองอย่างรวมกัน 555 แต่เช้านี้ไม่พลาดท่าให้กะบ๊วยดองละ คิดถึงรสชาติขึ้นมาก็เปรี้ยวจนขนลุกเลยทีเดียว
อาหารเช้าจัดเต็มมม
กินเสร็จ ก็เก็บกระเป๋าเตรียม check out ตอน 10:00 แล้วก็ไปเดินช้อปของที่ระลึกที่ shop เล็กน้อย ได้ผ้าเช็ดหน้าสวยๆ มา 3 ผืน กับผ้าขนหนูคุมะมง หมีดำแก้มแดง mascot ของจังหวัด kumamoto อีก 2 ผืนเสร็จแล้วก็มา brief เส้นทางกับแผนเที่ยววันนี้อีกครั้ง
วันนี้ที่หมายแรกที่จะไปคือ ปากปล่องภูเขาไป Aso แล้วก็ลงใต้ต่อไปยัง Takachiho gorge ไปพายเรือเลียบหุบเขา ชมธรรมชาติ ซึ่งจุดนี้ถือเป็น highlight ของสถานที่ท่องเที่ยวในทริปนี้ โดย Japan-Guide (อีกแล้ว) ให้เป็น A must in Kyushu ดังนั้นตามกฎ Must do ก็ต้องดั้นด้นไปให้ถึง แม้ว่าจะไกลจาก Aso ลงไปทางใตัอีกเยอะ และดูทรงแล้วว่าอาจจะได้ขับรถยาวนาน กว่าการได้ลงไปเที่ยวก็จะไป 555 และจบจากจุดนี้เราก็จะตีรถยาวขับกลับไปนอนที่ Beppu เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้อยู่เที่ยว Beppu อีกครึ่งวัน ก่อนจะเอารถไปคืนที่ Yufuin
สำหรับ Mt.Aso นั้นไปไม่ยาก มีคนเขียนไว้หลายรีวิวแล้ว ขึ้นรถไฟ มาต่อบัส รถไฟมีหลายเที่ยว มาง่าย ส่วนขับรถมาก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีก ส่วน Takachiho นั้นมายากกว่าเยอะ และเที่ยวรถบัสก็น้อยด้วย ถ้าไม่ได้เช่ารถมาแล้วพลาดรถบัสก็อาจเสียเวลาที่นี่เป็นวัน แถมนั่งบัสมาแล้วจะมาเที่ยวต่อด้วยการเช่าจักรยาน ก็ไม่ชิลและไม่ work มากๆ สำหรับที่นี่เพราะเส้นทางสูงชัน แต่ไม่สะดวกไม่ได้แปลว่าไม่ควรมาเที่ยวนะจ๊ะ สวยยย เลอค่า น่าไปที่ซู้ดดด บอกเลย
เอางี้เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจและเอาไว้เป็นข้อมูล ถ้า Kurokawa กับ Takachiho เป็น a must ของทริปคุณๆๆ และคุณทั้งหลาย นิมนต์เช่ารถดีกว่า คุ้มกว่า บริหารเวลาง่ายกว่า ฟันธง โป๊งๆ
10:15 check out แล้ว รูดบัตรเรียบร้อย ออกมาตัวเบาหวิวๆ พนักงานยกกระเป๋ามาส่งถึงรถ พอจะเปิดรถ อ้าววว กุญแจรถไปไหนวะ ค้นแทบจะเทกระเป๋าก็ไม่มี ชิหายละสิ พนักงานเห็นท่าเราเหมือนของหายหรือลืมของ ก็เลย ว. บอกแม่บ้านให้ช่วยหาในห้องพัก แล้วก็ ว. มาบอกว่าเจอละคร่าาา อยู่ใน safe box โอ้วว โล่งอก ยกภูเขามากๆ แล้วนางก็วิ่งเอาของมาให้ แล้วที่เด็ดกว่าคือนอกจากกุญแจแล้วยังลืมนาฬิกาอีก 2 เรือน 5555 นี่ถ้าไม่ลืมกุญแจรถไว้ คงได้ทิ้งนาฬิกาไว้ที่นี่ 2 เรือนแน่ๆ สงสัยแช่ onsen จนสติลอยไปกะน้ำหมด ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างจริงๆ
ออกรถมานิดนึงก็จอดตั้ง Gps ปลายทางที่ Aso ropeway แต่เอ๊ะ จะคีย์เบอร์โทรศัพท์อัลไล มันคือสถานที่ท่องเที่ยว จะเอาเบอร์จากไหนฟระ แล้วจะคีย์สถานที่ก็ต้องภาษาญี่ปุ่น โอ้โนวว งั้นใช้ google maps ในมือถือก็ได้งั้น แต่ๆๆๆๆ ลืมไปยังล่ะว่า pocket wifi ที่พกมามันกลายเป็นหินไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน sim กระโหลกกะลาหาสัญญาณไม่ได้ โอ้ววม่ายย นี่ต้องงมทางเองแล้วสินะ โชคดีที่ตอนอยู่ lobby มี wifi ใช้ ก็ซูมแผนที่เข้าออกดูเส้นทางไว้คร่าวๆ แล้ว และ map มันก็ยัง save ไว้อยู่มันไม่ได้ reload ใหม่ ที่ทำไม่ได้คือการคำนวณหาเส้นทางและนำทางเป็นขั้นตอนเท่านั้นเอง ส่วนตัว gps ในมือถือยังจับสัญญาณแสดงจุดว่าอยู่ตรงไหนในแผนที่ ก็ถือว่ายังดีไม่ถึงกะต้องงมไร้ทิศทาง อ่ะมาลุยยยกันต่อ
จาก Kurokawa ขับลงเขามาถึงเมือง Aso ที่อยู่ที่ราบ ระหว่างทางลงเขามีจุดชมวิวมองลงมาเมือง Aso สวยสตันนิ่งมาก ก็เลยแวะถ่ายรูปซักหน่อย เอา pocket wifi มาชูขึ้นฟ้าหาสัญญาณ เผื่อจะมี แต่หินก็ยังคงเป็นหินอยู่ต่อไป เอวัง
หลังจากลงเขามา ตลอดเส้นทางมีป้ายบอกเป็นระยะ ทุกแยก ทุกไฟแดง เลยไม่ต้องกลัวหลง เลิกพะวง gps ไปได้ชั่วขณะ ระหว่างทางก่อนขึ้นเขา Aso อากาศขมุกขมัวเล็กน้อย มองเห็นปากปล่องภูเขาไฟพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ไกลๆ นี่สินะ active Volcano ตัวจริงเสียงจริง!!
ขับขึ้นภูเขาไฟ Aso ใช้เวลาประมาณเกือบ 30 นาที วิวสองข้างทางตอนล่างๆ ยังพอมีต้นไม้ใหญ่บ้าง แต่พอสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จะเป็นทุ่งหญ้าเขียวเหมือนพรมนุ่มๆ คลุมทั้งภูเขา มีฝูงวัวเนื้อลายมาร์เบิ้ล เล็มหญ้าแจ๊บๆ อยู่ข้างทาง พร้อมป้ายเตือนให้ระวัง cow attack เป็นระยะ เส้นทางขึ้นเขาอย่างนี้เป็นอะไรที่หวิวมาก ต่างจากการขับขึ้นเขาที่มีต้นไม้สูงๆ เพราะเวลาขับทางตรงขึ้นไปก่อนจะเลี้ยวตรงโค้ง hair pin หรือเรียกว่าโค้งพับผ้าแบบไทยๆ เราจะมองเห็นแต่ถนนสุดโค้งต่อกับท้องฟ้า ดูลอยๆ หวิวๆ บอกไม่ถูก ต้องมาลองขับดูนะ หวิวไม่หวิวมาแชร์กันบ้าง
วิวระหว่างทางขึ้นมายัง Mt.Aso
ขับถึงจุด viewpoint ก็จอดแวะถ่ายรูป มองเห็น ropeway อยู่ไกลๆ ใกล้ลงมาหน่อยก็เป็นจุดแวะพักอยู่ถัดออกไปอีกโค้งจาก viewpoint จุดพักนี้มีห้องน้ำ ร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว รวมไปถึง Aso Volcano Museum ด้วย อาาาห์มีที่แวะหาอะไรกินเล่น แวะ chill ละสินะ ก็เลยรีบขับลงจาก Viewpoint มาที่ Service pitstop (ตั้งชื่อให้เองเลย 55) เลี้ยวเข้ามาปุ๊บบ อ่าววว มีด่านเก็บตังค์ด้วย คงไม่แพงหรอกมั้ง ป่าวเร้ยยย ฟันไป 460y!!! พลิกตั๋วดูก็ไม่มีภาษาอังกฤษซ้ากกกตัว คงเป็นกิมมิคเอาไปลดค่าเข้า Museum มั้งเดาเอา แต่ก็เลียบเคียงไปดูค่าเข้า museum ก็อีกคนละหลายอยู่ แถมไม่มีตรงไหนบอกว่าตั๋ว 460y นี่มาลดอะไรได้ เข้าไปก็คงบรรยายญี่ปุ่น ไม่เข้าดีกว่า (องุ่นเปรี้ยวโคตรๆ 555) เอาเป็นว่าเสียเงินมาแวะเข้าห้องน้ำ ซื้อติมกินเล่นละกันโนะ
เห็นปากปล่องอยู่ไกล พ่นควันโขมงเชียว
11:45 ชิลได้พักใหญ่ก็ขับต่อไปยัง Ropeway ถึงปุ๊บก็หาที่จอดเรย เพราะอยากขึ้นกระเช้ามากกว่าขับขึ้นเอง ระหว่างทางที่ขึ้นมาก็เห็นมีเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ปากปล่อง นี่ถ้าไม่เป็นทัวร์แบบ exclusive ก็คงเป็นนักธรณีวิทยาบินสำรวจอาการของภูเขาไฟเป็นแน่ ถ้าเป็นทัวร์ก็น่าสนเนอะ แต่ขนหน้าแข้งคงร่วงปลิวกันเลยทีเดียว
เดินเข้าไปในสถานี ropeway ชั้นล่างจะเป็นร้านขายของที่ระลึก มองไปมีแต่ everything คุมะมงละลานตา ก็ถิ่นเขาล่ะเขาเป็นพระเอก หมีอื่นจะดังแค่ไหนก็ไม่มีขายที่นี่ พอเดินไปชั้นสองจะเป็นสถานีขายตั๋ว ก็ยืนอ่านตั้งนาน ราคาเที่ยวเดียว หรือ ไปกลับ หรือรวมค่าชมนิทรรศการดี ได้ลดด้วย พอตัดสินใจได้ เดินไปซื้อแค่ตั๋วแบบไปกลับ 2ที่ เจ้าหน้าที่โบกมือ no no no และจิ้มให้อ่านประกาศ
"สำนักงานธรณีวิทยา ได้ยกระดับการเตือนภัยภูเขาไฟจากระดับ 1 เป็นระดับ 2 เนื่องจากมีปริมาณก๊าซที่พ่นมาจากปากปล่องสูงเกินระดับปลอดภัย ตั้งแต่ 31 สิงหาคม 2014 เป็นต้นมา ทาง Asosan ropeway จึงขอหยุดให้บริการโดยไม่มีกำหนด จนกว่าระดับการเตือนภัยจะลดลงอยู่ในระดับ 1 ซึ่งเป็นระดับปลอดภัย"
อด สินะ สินะ แต่เรื่องของธรรมชาติคาดเดาไม่ได้ พลาดก็ต้องพลาด อดก็ต้องอด แล้วก็เชิดหน้าเดินต่อไป enjoy moment ตรงหน้าแทน ส่วนสถานการณ์ วันต่อๆไปจะดีขึ้นรึยัง ขึ้นได้รึยัง นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะเช็คที่ไหน แล้วพลาดครั้งนี้ นี่อดวนมาซ่อมเลย เสียดายยย แต่ไม่เป็นไรนะ Takachiho รอเราอยู่
12:15 กลับมาที่รถดู map เพื่อไปยัง Takachiho Gorge จุดหมายต่อไป สถานการณ์ gps ของรถกับ Google maps ยังเหมือนเดิม ตั้ง route ไม่ได้ ได้แต่ลากเส้นทางเอาไว้ในใจ และคอยดูตำแหน่ง Gps เป็นระยะๆ ส่วน pocket wifi ก็ยังคงเป็นคำถามว่า เช่ามาเพื่อ???? !?&฿@!
ระยะทางจาก Asosan ropeway ไปถึง Takachiho ประมาณ 60km น่าจะใช้เวลาเดินทางราวๆ ชั่วโมงครึ่ง เส้นทางลงเขา ข้ามเขา แถมจำกัดความเร็ว 50km/h และห้ามแซงเหมือนเดิมตลอดเส้น ระหว่างทางก็มีป้ายบอกทางมา Takachiho เป็นระยะ ทุกแยก ก็เลยไม่หลุด ไม่หลง วิวสองข้างทางกลับมาเป็นป่าสน บ้านชนบท กับนาข้าวขั้นบันไดเหมือนเดิม มีเมฆปุยขาวๆ ลอยต่ำๆ เกาะตามยอดเขา บรรยากาศดี๊ดี
13:45 ก่อนถึงเมือง Takachiho ไม่กี่กิโล ฝนเริ่มลงเม็ด แต่ตกไม่หนัก ตกเรื่อยๆ ตกให้พอแฉะ พอรำคาญ ทางลงไป Takachiho Gorge เป็นถนนพับผ้าลงไป 4-5 ชั้น ถนนแคบมากประมาณเลนครึ่ง มีรถสวนขึ้นลง สวนกันทีเสียวจนขาสั่น และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ไม่ควรเช่าจักรยาน เพราะทางชันและแคบ ไม่ว่าจะขี่ลงหรือจูงกลับตอนขึ้น ก็อันตรายไม่คุ้มเหนื่อยพอกัน ใช้เรียก taxi ในเมืองเอาจะง่ายกว่า
14:00 ถึงที่จอดรถซะที เสียค่าเข้าคันละ 300y พอมองกลับขึ้นไปด้านบน โอ้ววว นี่เราขับลงมาลึกมากนะเนี่ย ออกจากรถมาปุ๊บพร้อมร่มคู่กาย ก็รีบเดินไปดูที่สะพานว่า ไหนๆ เรืออยู่ไหน พายตรงไหน แต่ไม่มีเรือซักลำ มีแต่ทางเดินชมธรรมชาติเลียบหุบเขา แล้วก็มีนักท่องเที่ยวเดินไปกันเป็นสาย ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ชาวญี่ปุ่น ไม่ก็เกาหลี มองซ้ายมองขวา แล้วก็ตัดสินใจเดินเป็นลูกเป็ดตามคณะทัวร์ไปดีกว่า คงไม่หลง
Takachiho Gorge นี่เป็นร่องหุบเขาลึกมีแม่น้ำไหลผ่าน บางช่วงเชี่ยวกราก บางช่วงก็ไหล slow พอให้ภายเรือได้ อย่างภาพที่เห็นสวยงามตาม brochure เขาว่าภูมิประเทศตรงนี้เกิดจากภูเขาไฟ Aso ระเบิด เมื่อหลายพันปีก่อน ทำให้เกิดหุบเหวที่สวยงามอย่าง Takachiho ในปัจจุบัน
โตรกธาร ละหารหิน มอสเขียวครึ้มเป็นพรมนุ่มเชียว
สะพานข้ามหุบเหว Takachiho จากอดีตสะพานหินข้ามสั้นๆ ต่อมาเป็นสะพานเหล็กข้ามได้กว้างขึ้น ล่าสุดสะพานคอนกรีตข้ามยาวโลดดด
เดินตามทางไปเรื่อยๆ มีทั้งลงบันไดขึ้นบันได ใครจะพา สว. มาควรเช็ความพร้อมของหัวเข่าท่านให้ดี เพราะที่นี่ไม่มี ramp สำหรับ wheelchair จะดูก็ต้องเดินเท่านั้น ฝนยังคงลงมาต่อเนื่อง แต่ไม่หนักหน่วง เป็นอุปสรรคต่อการ selfie เป็นอย่างมาก ไหนจะมือนึงถือ selfie stick อีกมือถือร่มควงไปมาไม่ให้บังวิว โอ้ยลำบากจุง และแม้จะรำคาญฝนเปาะแปะนี้มากเท่าไหร่ ก็ต้องขอบคุณที่นำความชุ่มชื่นมาให้ผืนป่าที่นี่ ทำให้ต้นไม้ตามทางเขียมชอุ่มดูสดชื่น สวยงามมาก แถมด้วยเมฆขาวปุยที่ลอยลงมาต่ำ เกี่ยวเกาะกับหน้าผาที่สูงตระหง่าน เป็นวิวที่สุดจะบรรยายจริงๆ
เส้นทางลัดเลาะสายน้ำ เดินขึ้นลงตลอดทาง
มีต่อครับบบ >>>
[CR] Kyushu ปลายฝน : Fukuoka > Yufuin > Kurokawa > Aso > Takachiho > Beppu > Kumamoto : Day 3 Aso-Takachiho Road Trip
6/9/2014
แสงยามเช้าที่ Yamamizuki
08:00 เช้าล้าววววว ตื่นมาปุ๊บก็รีบล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมไป onsen พอออกจากห้องมาเท่านั้นแหล่ะ นึกว่าอยู่ใน show ของ Nagara Fashion Week แขกโรงแรมแต่ละคนพร้อมใจกันสะบัดยูกาตะ กรุยกรายพาเหรดไป onsen เอาให้คุ้ม 555 เห็นเพื่อนบอกว่าคน Jap นี่เขาไม่อาบน้ำตอนเช้ากัน นี่คงผิดสินะ เพราะว่าคนเยอะมาก เขามาแปรงฟันกันที่นี่เลยล่ะ แหม่ถ้ารู้ก่อนก็จะเนียนตามละ ว่าละก็อาบน้ำ สระผม ละไปนอนแช่ outdoor onsen ยามเช้า ฟังเสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บ เสียงน้ำตก เพลินนนนนกันไป
09:00 ได้เวลานัดทานอาหารเช้า มื้อนี้ต้องไปทานที่ห้องอาหาร ที่นี่แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นโต๊ะเก้าอี้ธรรมดา ปรับเปลี่ยนโต๊ะจัดรับกรุ๊ปใหญ่ได้ ส่วนถ้ามากัน 2 คน ก็ขึ้นไปชั้น 2 จะแบ่งล๊อกๆ โต๊ะเตี้ยแบบญี่ปุ่น แต่ตรงกลางเป็นหลุมนั่งห้อยขา แบบร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป นั่งได้ 2 คน เพราะวางแค่ 2 สำรับก็เต็มแล้ว มื้อนี้ก็จัดเต็มอีก จานเล็กจานน้อยเพียบ แต่อาหารเน้นเป็นอาหารเบาๆ มีผักนึ่ง เต้าหู้ ซุปมิโซะหอยจิ๋ว ไข่ออนเซ็น ปลาแม่น้ำย่าง ก็กินกันเรียบอีกตามเคย ไม่รู้เพราะอร่อยรึว่างก หรือทั้งสองอย่างรวมกัน 555 แต่เช้านี้ไม่พลาดท่าให้กะบ๊วยดองละ คิดถึงรสชาติขึ้นมาก็เปรี้ยวจนขนลุกเลยทีเดียว
อาหารเช้าจัดเต็มมม
กินเสร็จ ก็เก็บกระเป๋าเตรียม check out ตอน 10:00 แล้วก็ไปเดินช้อปของที่ระลึกที่ shop เล็กน้อย ได้ผ้าเช็ดหน้าสวยๆ มา 3 ผืน กับผ้าขนหนูคุมะมง หมีดำแก้มแดง mascot ของจังหวัด kumamoto อีก 2 ผืนเสร็จแล้วก็มา brief เส้นทางกับแผนเที่ยววันนี้อีกครั้ง
วันนี้ที่หมายแรกที่จะไปคือ ปากปล่องภูเขาไป Aso แล้วก็ลงใต้ต่อไปยัง Takachiho gorge ไปพายเรือเลียบหุบเขา ชมธรรมชาติ ซึ่งจุดนี้ถือเป็น highlight ของสถานที่ท่องเที่ยวในทริปนี้ โดย Japan-Guide (อีกแล้ว) ให้เป็น A must in Kyushu ดังนั้นตามกฎ Must do ก็ต้องดั้นด้นไปให้ถึง แม้ว่าจะไกลจาก Aso ลงไปทางใตัอีกเยอะ และดูทรงแล้วว่าอาจจะได้ขับรถยาวนาน กว่าการได้ลงไปเที่ยวก็จะไป 555 และจบจากจุดนี้เราก็จะตีรถยาวขับกลับไปนอนที่ Beppu เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้อยู่เที่ยว Beppu อีกครึ่งวัน ก่อนจะเอารถไปคืนที่ Yufuin
สำหรับ Mt.Aso นั้นไปไม่ยาก มีคนเขียนไว้หลายรีวิวแล้ว ขึ้นรถไฟ มาต่อบัส รถไฟมีหลายเที่ยว มาง่าย ส่วนขับรถมาก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีก ส่วน Takachiho นั้นมายากกว่าเยอะ และเที่ยวรถบัสก็น้อยด้วย ถ้าไม่ได้เช่ารถมาแล้วพลาดรถบัสก็อาจเสียเวลาที่นี่เป็นวัน แถมนั่งบัสมาแล้วจะมาเที่ยวต่อด้วยการเช่าจักรยาน ก็ไม่ชิลและไม่ work มากๆ สำหรับที่นี่เพราะเส้นทางสูงชัน แต่ไม่สะดวกไม่ได้แปลว่าไม่ควรมาเที่ยวนะจ๊ะ สวยยย เลอค่า น่าไปที่ซู้ดดด บอกเลย
เอางี้เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจและเอาไว้เป็นข้อมูล ถ้า Kurokawa กับ Takachiho เป็น a must ของทริปคุณๆๆ และคุณทั้งหลาย นิมนต์เช่ารถดีกว่า คุ้มกว่า บริหารเวลาง่ายกว่า ฟันธง โป๊งๆ
10:15 check out แล้ว รูดบัตรเรียบร้อย ออกมาตัวเบาหวิวๆ พนักงานยกกระเป๋ามาส่งถึงรถ พอจะเปิดรถ อ้าววว กุญแจรถไปไหนวะ ค้นแทบจะเทกระเป๋าก็ไม่มี ชิหายละสิ พนักงานเห็นท่าเราเหมือนของหายหรือลืมของ ก็เลย ว. บอกแม่บ้านให้ช่วยหาในห้องพัก แล้วก็ ว. มาบอกว่าเจอละคร่าาา อยู่ใน safe box โอ้วว โล่งอก ยกภูเขามากๆ แล้วนางก็วิ่งเอาของมาให้ แล้วที่เด็ดกว่าคือนอกจากกุญแจแล้วยังลืมนาฬิกาอีก 2 เรือน 5555 นี่ถ้าไม่ลืมกุญแจรถไว้ คงได้ทิ้งนาฬิกาไว้ที่นี่ 2 เรือนแน่ๆ สงสัยแช่ onsen จนสติลอยไปกะน้ำหมด ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างจริงๆ
ออกรถมานิดนึงก็จอดตั้ง Gps ปลายทางที่ Aso ropeway แต่เอ๊ะ จะคีย์เบอร์โทรศัพท์อัลไล มันคือสถานที่ท่องเที่ยว จะเอาเบอร์จากไหนฟระ แล้วจะคีย์สถานที่ก็ต้องภาษาญี่ปุ่น โอ้โนวว งั้นใช้ google maps ในมือถือก็ได้งั้น แต่ๆๆๆๆ ลืมไปยังล่ะว่า pocket wifi ที่พกมามันกลายเป็นหินไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน sim กระโหลกกะลาหาสัญญาณไม่ได้ โอ้ววม่ายย นี่ต้องงมทางเองแล้วสินะ โชคดีที่ตอนอยู่ lobby มี wifi ใช้ ก็ซูมแผนที่เข้าออกดูเส้นทางไว้คร่าวๆ แล้ว และ map มันก็ยัง save ไว้อยู่มันไม่ได้ reload ใหม่ ที่ทำไม่ได้คือการคำนวณหาเส้นทางและนำทางเป็นขั้นตอนเท่านั้นเอง ส่วนตัว gps ในมือถือยังจับสัญญาณแสดงจุดว่าอยู่ตรงไหนในแผนที่ ก็ถือว่ายังดีไม่ถึงกะต้องงมไร้ทิศทาง อ่ะมาลุยยยกันต่อ
จาก Kurokawa ขับลงเขามาถึงเมือง Aso ที่อยู่ที่ราบ ระหว่างทางลงเขามีจุดชมวิวมองลงมาเมือง Aso สวยสตันนิ่งมาก ก็เลยแวะถ่ายรูปซักหน่อย เอา pocket wifi มาชูขึ้นฟ้าหาสัญญาณ เผื่อจะมี แต่หินก็ยังคงเป็นหินอยู่ต่อไป เอวัง
หลังจากลงเขามา ตลอดเส้นทางมีป้ายบอกเป็นระยะ ทุกแยก ทุกไฟแดง เลยไม่ต้องกลัวหลง เลิกพะวง gps ไปได้ชั่วขณะ ระหว่างทางก่อนขึ้นเขา Aso อากาศขมุกขมัวเล็กน้อย มองเห็นปากปล่องภูเขาไฟพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ไกลๆ นี่สินะ active Volcano ตัวจริงเสียงจริง!!
ขับขึ้นภูเขาไฟ Aso ใช้เวลาประมาณเกือบ 30 นาที วิวสองข้างทางตอนล่างๆ ยังพอมีต้นไม้ใหญ่บ้าง แต่พอสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จะเป็นทุ่งหญ้าเขียวเหมือนพรมนุ่มๆ คลุมทั้งภูเขา มีฝูงวัวเนื้อลายมาร์เบิ้ล เล็มหญ้าแจ๊บๆ อยู่ข้างทาง พร้อมป้ายเตือนให้ระวัง cow attack เป็นระยะ เส้นทางขึ้นเขาอย่างนี้เป็นอะไรที่หวิวมาก ต่างจากการขับขึ้นเขาที่มีต้นไม้สูงๆ เพราะเวลาขับทางตรงขึ้นไปก่อนจะเลี้ยวตรงโค้ง hair pin หรือเรียกว่าโค้งพับผ้าแบบไทยๆ เราจะมองเห็นแต่ถนนสุดโค้งต่อกับท้องฟ้า ดูลอยๆ หวิวๆ บอกไม่ถูก ต้องมาลองขับดูนะ หวิวไม่หวิวมาแชร์กันบ้าง
วิวระหว่างทางขึ้นมายัง Mt.Aso
ขับถึงจุด viewpoint ก็จอดแวะถ่ายรูป มองเห็น ropeway อยู่ไกลๆ ใกล้ลงมาหน่อยก็เป็นจุดแวะพักอยู่ถัดออกไปอีกโค้งจาก viewpoint จุดพักนี้มีห้องน้ำ ร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว รวมไปถึง Aso Volcano Museum ด้วย อาาาห์มีที่แวะหาอะไรกินเล่น แวะ chill ละสินะ ก็เลยรีบขับลงจาก Viewpoint มาที่ Service pitstop (ตั้งชื่อให้เองเลย 55) เลี้ยวเข้ามาปุ๊บบ อ่าววว มีด่านเก็บตังค์ด้วย คงไม่แพงหรอกมั้ง ป่าวเร้ยยย ฟันไป 460y!!! พลิกตั๋วดูก็ไม่มีภาษาอังกฤษซ้ากกกตัว คงเป็นกิมมิคเอาไปลดค่าเข้า Museum มั้งเดาเอา แต่ก็เลียบเคียงไปดูค่าเข้า museum ก็อีกคนละหลายอยู่ แถมไม่มีตรงไหนบอกว่าตั๋ว 460y นี่มาลดอะไรได้ เข้าไปก็คงบรรยายญี่ปุ่น ไม่เข้าดีกว่า (องุ่นเปรี้ยวโคตรๆ 555) เอาเป็นว่าเสียเงินมาแวะเข้าห้องน้ำ ซื้อติมกินเล่นละกันโนะ
เห็นปากปล่องอยู่ไกล พ่นควันโขมงเชียว
11:45 ชิลได้พักใหญ่ก็ขับต่อไปยัง Ropeway ถึงปุ๊บก็หาที่จอดเรย เพราะอยากขึ้นกระเช้ามากกว่าขับขึ้นเอง ระหว่างทางที่ขึ้นมาก็เห็นมีเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ปากปล่อง นี่ถ้าไม่เป็นทัวร์แบบ exclusive ก็คงเป็นนักธรณีวิทยาบินสำรวจอาการของภูเขาไฟเป็นแน่ ถ้าเป็นทัวร์ก็น่าสนเนอะ แต่ขนหน้าแข้งคงร่วงปลิวกันเลยทีเดียว
เดินเข้าไปในสถานี ropeway ชั้นล่างจะเป็นร้านขายของที่ระลึก มองไปมีแต่ everything คุมะมงละลานตา ก็ถิ่นเขาล่ะเขาเป็นพระเอก หมีอื่นจะดังแค่ไหนก็ไม่มีขายที่นี่ พอเดินไปชั้นสองจะเป็นสถานีขายตั๋ว ก็ยืนอ่านตั้งนาน ราคาเที่ยวเดียว หรือ ไปกลับ หรือรวมค่าชมนิทรรศการดี ได้ลดด้วย พอตัดสินใจได้ เดินไปซื้อแค่ตั๋วแบบไปกลับ 2ที่ เจ้าหน้าที่โบกมือ no no no และจิ้มให้อ่านประกาศ
"สำนักงานธรณีวิทยา ได้ยกระดับการเตือนภัยภูเขาไฟจากระดับ 1 เป็นระดับ 2 เนื่องจากมีปริมาณก๊าซที่พ่นมาจากปากปล่องสูงเกินระดับปลอดภัย ตั้งแต่ 31 สิงหาคม 2014 เป็นต้นมา ทาง Asosan ropeway จึงขอหยุดให้บริการโดยไม่มีกำหนด จนกว่าระดับการเตือนภัยจะลดลงอยู่ในระดับ 1 ซึ่งเป็นระดับปลอดภัย"
อด สินะ สินะ แต่เรื่องของธรรมชาติคาดเดาไม่ได้ พลาดก็ต้องพลาด อดก็ต้องอด แล้วก็เชิดหน้าเดินต่อไป enjoy moment ตรงหน้าแทน ส่วนสถานการณ์ วันต่อๆไปจะดีขึ้นรึยัง ขึ้นได้รึยัง นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะเช็คที่ไหน แล้วพลาดครั้งนี้ นี่อดวนมาซ่อมเลย เสียดายยย แต่ไม่เป็นไรนะ Takachiho รอเราอยู่
12:15 กลับมาที่รถดู map เพื่อไปยัง Takachiho Gorge จุดหมายต่อไป สถานการณ์ gps ของรถกับ Google maps ยังเหมือนเดิม ตั้ง route ไม่ได้ ได้แต่ลากเส้นทางเอาไว้ในใจ และคอยดูตำแหน่ง Gps เป็นระยะๆ ส่วน pocket wifi ก็ยังคงเป็นคำถามว่า เช่ามาเพื่อ???? !?&฿@!
ระยะทางจาก Asosan ropeway ไปถึง Takachiho ประมาณ 60km น่าจะใช้เวลาเดินทางราวๆ ชั่วโมงครึ่ง เส้นทางลงเขา ข้ามเขา แถมจำกัดความเร็ว 50km/h และห้ามแซงเหมือนเดิมตลอดเส้น ระหว่างทางก็มีป้ายบอกทางมา Takachiho เป็นระยะ ทุกแยก ก็เลยไม่หลุด ไม่หลง วิวสองข้างทางกลับมาเป็นป่าสน บ้านชนบท กับนาข้าวขั้นบันไดเหมือนเดิม มีเมฆปุยขาวๆ ลอยต่ำๆ เกาะตามยอดเขา บรรยากาศดี๊ดี
13:45 ก่อนถึงเมือง Takachiho ไม่กี่กิโล ฝนเริ่มลงเม็ด แต่ตกไม่หนัก ตกเรื่อยๆ ตกให้พอแฉะ พอรำคาญ ทางลงไป Takachiho Gorge เป็นถนนพับผ้าลงไป 4-5 ชั้น ถนนแคบมากประมาณเลนครึ่ง มีรถสวนขึ้นลง สวนกันทีเสียวจนขาสั่น และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ไม่ควรเช่าจักรยาน เพราะทางชันและแคบ ไม่ว่าจะขี่ลงหรือจูงกลับตอนขึ้น ก็อันตรายไม่คุ้มเหนื่อยพอกัน ใช้เรียก taxi ในเมืองเอาจะง่ายกว่า
14:00 ถึงที่จอดรถซะที เสียค่าเข้าคันละ 300y พอมองกลับขึ้นไปด้านบน โอ้ววว นี่เราขับลงมาลึกมากนะเนี่ย ออกจากรถมาปุ๊บพร้อมร่มคู่กาย ก็รีบเดินไปดูที่สะพานว่า ไหนๆ เรืออยู่ไหน พายตรงไหน แต่ไม่มีเรือซักลำ มีแต่ทางเดินชมธรรมชาติเลียบหุบเขา แล้วก็มีนักท่องเที่ยวเดินไปกันเป็นสาย ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ชาวญี่ปุ่น ไม่ก็เกาหลี มองซ้ายมองขวา แล้วก็ตัดสินใจเดินเป็นลูกเป็ดตามคณะทัวร์ไปดีกว่า คงไม่หลง
Takachiho Gorge นี่เป็นร่องหุบเขาลึกมีแม่น้ำไหลผ่าน บางช่วงเชี่ยวกราก บางช่วงก็ไหล slow พอให้ภายเรือได้ อย่างภาพที่เห็นสวยงามตาม brochure เขาว่าภูมิประเทศตรงนี้เกิดจากภูเขาไฟ Aso ระเบิด เมื่อหลายพันปีก่อน ทำให้เกิดหุบเหวที่สวยงามอย่าง Takachiho ในปัจจุบัน
โตรกธาร ละหารหิน มอสเขียวครึ้มเป็นพรมนุ่มเชียว
สะพานข้ามหุบเหว Takachiho จากอดีตสะพานหินข้ามสั้นๆ ต่อมาเป็นสะพานเหล็กข้ามได้กว้างขึ้น ล่าสุดสะพานคอนกรีตข้ามยาวโลดดด
เดินตามทางไปเรื่อยๆ มีทั้งลงบันไดขึ้นบันได ใครจะพา สว. มาควรเช็ความพร้อมของหัวเข่าท่านให้ดี เพราะที่นี่ไม่มี ramp สำหรับ wheelchair จะดูก็ต้องเดินเท่านั้น ฝนยังคงลงมาต่อเนื่อง แต่ไม่หนักหน่วง เป็นอุปสรรคต่อการ selfie เป็นอย่างมาก ไหนจะมือนึงถือ selfie stick อีกมือถือร่มควงไปมาไม่ให้บังวิว โอ้ยลำบากจุง และแม้จะรำคาญฝนเปาะแปะนี้มากเท่าไหร่ ก็ต้องขอบคุณที่นำความชุ่มชื่นมาให้ผืนป่าที่นี่ ทำให้ต้นไม้ตามทางเขียมชอุ่มดูสดชื่น สวยงามมาก แถมด้วยเมฆขาวปุยที่ลอยลงมาต่ำ เกี่ยวเกาะกับหน้าผาที่สูงตระหง่าน เป็นวิวที่สุดจะบรรยายจริงๆ
เส้นทางลัดเลาะสายน้ำ เดินขึ้นลงตลอดทาง
มีต่อครับบบ >>>
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น