แม่เราเป็นโรคจิตชนิดไหนไม่รู้ เราเห็นเขาทานยามาตั้งแต่เราจำความได้แล้ว เวลาเราทะเลาะกันทางบ้านก็มักจะบอกว่า ก็ต้องเข้าใจ ในเมื่อเขาป่วย เราก็ไม่เข้าใจืก็ในเมื่อเห็นเขาปกติ พูดคุยได้
แต่ลักษณะนิสัยเขาคือ เขาถูกเสมอ ทุกคนผิดหมด ทุกคนจ้องแต่จะคิดร้ายกับเขา ทุกคนเอาแต่นินทาเขา ทุกคนอิจฉาเขา (ไม่รู้ไปเอาแนวคิดแบบนี้มาจากไหน) ไปปฏิธรรมก็บ่อย แต่ละไม่ได้เลย หาว่าพระสงฆ์ พระอาจารย์ด่าเขา (ซึ่งเราไม่เชื่อ) เคยพยายามคุยด้วยเหตุผลหลายครั้งก็ไม่ฟัง พยายามจะอธิบายก็ไม่ฟัง
สุดท้ายเราทนไม่ไหว ออกจากบ้าน นานๆ ทีมาพาเขาไปกินข้าว ไปเที่ยว ให้เงินเขาใช้ ก็สบายใจ แต่ปัญหามันไม่จบ ทุกคนที่อยู่กับเขาคือจะบ้าตามกันไปหมด เพราะเขาจะไม่มีความเกรงใจอะไรเลย 2-4 ทุ่มก็จะโทรมาด่าคนนั้น ว่าคนนี้ นินทาคนนู้นอยู่ตลอด โดยเฉพาะปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ จนน้องเราต้องไปหาหมอโรคจิตคอยปรึกษา น้องบอกว่า กลัวว่าจะเป็นบ้าที่ต้องคอยมารับฟังแต่เรื่องของเขา สุดท้ายน้องต้องใช้วิธีของเราคือเลิกรับโทรศัพท์
ส่วนเราใครจะว่าเลวเราก็ยอม เราไม่รับสายใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อก่อนเรารับแล้ว ไม่เคยมีคำถามที่แสดงความห่วงใยแบบที่แม่ลูกควรจะมี มีแต่ด่าคนนั้น ไม่พอใจคนโน้นมีแต่เรื่องของตัวเอง แม้แต่วันที่เราเริ่มต้นเปิดบริษัทไม่มีคำอวยพรใดๆ นอกจากคำว่า เดี๋ยวเจ้งอย่าให้ซวยมาถึงกู ..
บอกตรงๆ เป็นปมเหมือนกันนะ กับแม่ที่จำวันเกิดลูกตัวเองไม่ได้ ไม่เคยได้กินเค้กวันเกิดหรือกอดจากเขาเลย (ตอนเล็กๆ อาจจะมีแต่จำไม่ได้) เขาไม่ค่อยอยู่บ้านเลี้ยงเราหรอก ไปไหนทีนานๆ เราก็ไม่เข้าใจ เราเลยไม่ค่อยผูกพัน เพราะเท่าที่จำได้ก็มีแต่พ่อ
ปัญหามันอยู่ที่ว่าเขาเริ่มมีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ (เป็นบ้านพ่อ ที่เลิกกันแล้วแต่ยังเลี้ยงดูส่งเสียแม่อยู่ พ่อเราก็ไม่ค่อยอยู่ เราเองก็อยู่ไม่ได้ มีพี่ชายกับครอบครัวแล้วก็เขาอยู่) เขาเลยมาอยู่บ้านเรา ซึ่งเราเป็นคนเกลียดการเจ๊าะแจ๊ะมาก ..
กับเขาที่เป็นโรคจิต คิดว่าจะมีคนร้ายตลอด เราเดินขึ้นบ้านก็จะคอยถามว่าใคร.. วันละหลายๆ รอบ (เรามักจะเงียบ ใช้ชีวิตปกติไป คือเราก็ขี้หงุดหงิด ถ้าตอบอาจจะตอบเสียงไม่ดี เราอาศัยเงียบ) ใจเราเข้าใจนะ ว่าขนาดเราเป็นลูกเรายังไม่อยากจะทนเขาเลย แล้วใครจะทนเขาได้ ก็เลยพยายามทำดีด้วย เสาร์ อาทิตย์ พาเที่ยวพากิน อย่างที่เขาว่าตามใจกิเลสเขาทุกอย่าง เผื่อเขาจะปรับตัวเองบ้าง
เขาจะคอยมองตลอด (ใช้ชีวิต แล้วมีคนมอง คิดเอาว่าจะประสาท-ไหม) เปิดประตูปึงปัง จนเราต้องบอกว่า แม่ เราอยู่ด้วยกันต่างคนต่างอยู่ เรานอนชั้น 3 แม่นอนชั้น 2 ไม่ต้องเดินขึ้นมา มีอะไรเรียกเดี๋ยวลงไป ขอพื้นที่ในการใช้ชีวิตบ้าง (เรียกทั้งวัน)
แต่ไม่เลย เหมือนจะหนักขึ้น บ้านนี้เราทำงานด้วยลูกน้องเรากี่คนกี่คนมีปัญหากับเขาทนไม่ไหวลาออกหมด (4 คน)
เขาชอบคิดว่าน้องเรา (ลูกของเขาแท้ๆ) เกลียดเขาขนาดแกล้งทำลายข้าวของเขา ตัดเสื้อผ้าเขา หรือขโมยของๆ เขา (มันจะมีอะไรให้ขโมย)
เราลำบากใจ ทนไม่ไหวกับความคิดอกุศลแบบนี้มาก ล่าสุดเขาหาว่าเราแกล้งเขาเอาของๆ เขาไปทิ้งทำให้เสียหาย เราทนไม่ไหวจนพูดเสียงดังว่า นี่พูดภาษาคนไม่เข้าใจใช่ไหม ก็บอกว่าเปล่า (ย้ำถามอยู่ เกือบ 10 รอบ)
เราเริ่มไม่แน่ใจว่า วิธีรัยมือของเราจะใช้กับเขาได้ เพราะไม่เคยว่าจะต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับเขาอีก (ตอนนี้เขากลับบ้านพ่อไปแล้วเพราะงอน และคงคิดว่าเราทำจริงๆ) ทางญาติๆ ก็บอกให้โทรไปง้อ ไปเอาใจเขา ..
คือเราอยากมีเวลาตั้งหลักก่อนซักพัก ให้เขาอยู่ตรงนั้นไปก่อน .. เพื่อลดการกระทบกระทั่ง.. แล้วก็ยังไม่รู้จะจัดการกับปัญหาแบบนี้ยังไงดี
คือถ้าขนาดเราเป็นลูกยังไม่อยากเอาเขาเลย แล้วใครจะเอาเขา ตรงนี้เป็นเรื่องจริงที่เรายังทนเขาอยู่ไม่ขับไสไล่ส่งแล้วก็ดูแลเขาเท่าที่ทำได้ (ตามที่ความอดทนจะอำนวย) เราควรจะไปหาหมอเพื่อขอยาระงับอารมณ์มาบ้างดีไหม? อย่าพูดถึงการปฏิบัติธรรม เรากรรมฐานทุกเช้าวันละ 1 ชม. นี่ลดอารมณ์ร้อนลงมากแล้ว แต่คนเราไม่ลดลงได้ใน 3 วัน 7 วันแน่นอน เราทำมา 3 ปีแล้ว เมื่อก่อนเราก็อารมณ์ร้อนไม่ยอมใครเหมือนกัน นี่ลงได้บ้างแล้ว (นิดนึง) ถ้าอยากจะเย็นเป็นน้ำแข็งต้องขอยาระงับประสาทให้สมองเบลอๆ ทำใจว่างๆ มาทานจะดีไหม? เราเชื่อว่า อีกไม่เกิน 1 เดือนเดี๋ยวเขาก็กลับมา เพราะเขาไม่เคยทนอะไรได้ เคยถามเขาเหมือนกันว่า ไม่เคยสงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมอยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคนอื่นผิดปกติ คิดว่าตัวเองผิดปกติแล้วคิดปรับปรุงบ้างไหม ก็เหมือนไม่สนใจรับฟัง นี่ก็ทะเลาะกับพี่สะใภ้จนแทบจะเขวี้ยงจานบินกันหลายรอบแล้ว
เราจะไม่บอกว่าเราเป็นคนดีนะ เพราะเราก็ใจร้อน เสียงดัง เถียงในเรื่องที่เราไม่ผิด เคยขนาดตะโกนใส่กันไม่คุยกันเพราะเขาขย้ำกระดาษปาใส่เท้าเขา (ไม่ปาใส่หน้าก็ดีแค่ไหนแล้ว) ไปบอกพ่อเราเราว่าออกไปกับผู้ชายทุกคืน ดึกๆดื่นๆ เขาอายที่มีลูกสาวแบบนี้ ให้ช่วยตักเตือนด้วย พ่อไม่ได้บอกเราแต่เราเข้าไปเก็บห้องพ่อเห็นที่เขาเขียนฟ้องพ่อเรา (นี่ขนาดเลิกกันแล้วไม่คุยกัน ยังเขียนบอก) แต่เราว่าพ่อเรารู้ เพราะเรานั่งทำงานตี 1 ตี2 ชั้นล่างทุกวัน เขากลับมาดึกๆ เขาเห็น แต่แม่เราไม่เห็นเรากลับขึ้นไปนอนเลยเอาไปฟ้องพ่อว่าเราไปเที่ยวนอนค้างบ้านผู้ชาย .. วินาทีนั้น ความอดทนเราสะบั้นเลยเพราะเรารักพ่อมาก เถียงเขาเสียงลั่นบ้านจนพี่ชายไม่กล้ายุ่ง บอกเป็นแม่ภาษาอะไรชมเชยไม่เคยมีแต่ด่าในเรื่องที่ไม่จริงด้วยซ้ำ ลูกนั่งทำงานทุกวันอยู่ข้างล่างตัวเองเข้านอนแต่หัววันไม่เคยสนใจ ยังจะเอาไปนินทาอีก (มืองี้ระริก น้ำตาร่วงเลย กำกระดาษแผ่นนั้นวิ่งไปให้เขาดูเลยว่าเขียนแบบนี้หมายความว่ายังไง) ตัดสินใจเลยต้องออกจากบ้านแล้ว ขืนอยู่กูต้องบ้าแน่ๆ ..
สภาพจิตใจเรายังไม่พร้อมรับมือแล้วก็ไม่อยากเป็นลูกอกตัญญูเท่าไหร่ (ไม่รู้จะหมดความอดทนตอนไหน)
ไม่รู้จะรับมือยังไง มีคนบอกว่าอย่าคุย คุยให้น้อยที่สุด แต่อยู่ด้วยกันพอพาเที่ยวพากิน เขาก็เอาแต่ตินั่น ตินี่ (ทำให้ไม่อยากพาไป) พอคุยก็มีแต่เรื่องไม่รื่นหูตลอด เราก็อยู่แบบไม่มีเขามาจนอายุ 35 แล้วนะ อยู่ๆ จะมีเขา เราก็รับมือไม่ถูก
มีแม่เป็นโรคประสาท
แต่ลักษณะนิสัยเขาคือ เขาถูกเสมอ ทุกคนผิดหมด ทุกคนจ้องแต่จะคิดร้ายกับเขา ทุกคนเอาแต่นินทาเขา ทุกคนอิจฉาเขา (ไม่รู้ไปเอาแนวคิดแบบนี้มาจากไหน) ไปปฏิธรรมก็บ่อย แต่ละไม่ได้เลย หาว่าพระสงฆ์ พระอาจารย์ด่าเขา (ซึ่งเราไม่เชื่อ) เคยพยายามคุยด้วยเหตุผลหลายครั้งก็ไม่ฟัง พยายามจะอธิบายก็ไม่ฟัง
สุดท้ายเราทนไม่ไหว ออกจากบ้าน นานๆ ทีมาพาเขาไปกินข้าว ไปเที่ยว ให้เงินเขาใช้ ก็สบายใจ แต่ปัญหามันไม่จบ ทุกคนที่อยู่กับเขาคือจะบ้าตามกันไปหมด เพราะเขาจะไม่มีความเกรงใจอะไรเลย 2-4 ทุ่มก็จะโทรมาด่าคนนั้น ว่าคนนี้ นินทาคนนู้นอยู่ตลอด โดยเฉพาะปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ จนน้องเราต้องไปหาหมอโรคจิตคอยปรึกษา น้องบอกว่า กลัวว่าจะเป็นบ้าที่ต้องคอยมารับฟังแต่เรื่องของเขา สุดท้ายน้องต้องใช้วิธีของเราคือเลิกรับโทรศัพท์
ส่วนเราใครจะว่าเลวเราก็ยอม เราไม่รับสายใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อก่อนเรารับแล้ว ไม่เคยมีคำถามที่แสดงความห่วงใยแบบที่แม่ลูกควรจะมี มีแต่ด่าคนนั้น ไม่พอใจคนโน้นมีแต่เรื่องของตัวเอง แม้แต่วันที่เราเริ่มต้นเปิดบริษัทไม่มีคำอวยพรใดๆ นอกจากคำว่า เดี๋ยวเจ้งอย่าให้ซวยมาถึงกู ..
บอกตรงๆ เป็นปมเหมือนกันนะ กับแม่ที่จำวันเกิดลูกตัวเองไม่ได้ ไม่เคยได้กินเค้กวันเกิดหรือกอดจากเขาเลย (ตอนเล็กๆ อาจจะมีแต่จำไม่ได้) เขาไม่ค่อยอยู่บ้านเลี้ยงเราหรอก ไปไหนทีนานๆ เราก็ไม่เข้าใจ เราเลยไม่ค่อยผูกพัน เพราะเท่าที่จำได้ก็มีแต่พ่อ
ปัญหามันอยู่ที่ว่าเขาเริ่มมีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ (เป็นบ้านพ่อ ที่เลิกกันแล้วแต่ยังเลี้ยงดูส่งเสียแม่อยู่ พ่อเราก็ไม่ค่อยอยู่ เราเองก็อยู่ไม่ได้ มีพี่ชายกับครอบครัวแล้วก็เขาอยู่) เขาเลยมาอยู่บ้านเรา ซึ่งเราเป็นคนเกลียดการเจ๊าะแจ๊ะมาก ..
กับเขาที่เป็นโรคจิต คิดว่าจะมีคนร้ายตลอด เราเดินขึ้นบ้านก็จะคอยถามว่าใคร.. วันละหลายๆ รอบ (เรามักจะเงียบ ใช้ชีวิตปกติไป คือเราก็ขี้หงุดหงิด ถ้าตอบอาจจะตอบเสียงไม่ดี เราอาศัยเงียบ) ใจเราเข้าใจนะ ว่าขนาดเราเป็นลูกเรายังไม่อยากจะทนเขาเลย แล้วใครจะทนเขาได้ ก็เลยพยายามทำดีด้วย เสาร์ อาทิตย์ พาเที่ยวพากิน อย่างที่เขาว่าตามใจกิเลสเขาทุกอย่าง เผื่อเขาจะปรับตัวเองบ้าง
เขาจะคอยมองตลอด (ใช้ชีวิต แล้วมีคนมอง คิดเอาว่าจะประสาท-ไหม) เปิดประตูปึงปัง จนเราต้องบอกว่า แม่ เราอยู่ด้วยกันต่างคนต่างอยู่ เรานอนชั้น 3 แม่นอนชั้น 2 ไม่ต้องเดินขึ้นมา มีอะไรเรียกเดี๋ยวลงไป ขอพื้นที่ในการใช้ชีวิตบ้าง (เรียกทั้งวัน)
แต่ไม่เลย เหมือนจะหนักขึ้น บ้านนี้เราทำงานด้วยลูกน้องเรากี่คนกี่คนมีปัญหากับเขาทนไม่ไหวลาออกหมด (4 คน)
เขาชอบคิดว่าน้องเรา (ลูกของเขาแท้ๆ) เกลียดเขาขนาดแกล้งทำลายข้าวของเขา ตัดเสื้อผ้าเขา หรือขโมยของๆ เขา (มันจะมีอะไรให้ขโมย)
เราลำบากใจ ทนไม่ไหวกับความคิดอกุศลแบบนี้มาก ล่าสุดเขาหาว่าเราแกล้งเขาเอาของๆ เขาไปทิ้งทำให้เสียหาย เราทนไม่ไหวจนพูดเสียงดังว่า นี่พูดภาษาคนไม่เข้าใจใช่ไหม ก็บอกว่าเปล่า (ย้ำถามอยู่ เกือบ 10 รอบ)
เราเริ่มไม่แน่ใจว่า วิธีรัยมือของเราจะใช้กับเขาได้ เพราะไม่เคยว่าจะต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับเขาอีก (ตอนนี้เขากลับบ้านพ่อไปแล้วเพราะงอน และคงคิดว่าเราทำจริงๆ) ทางญาติๆ ก็บอกให้โทรไปง้อ ไปเอาใจเขา ..
คือเราอยากมีเวลาตั้งหลักก่อนซักพัก ให้เขาอยู่ตรงนั้นไปก่อน .. เพื่อลดการกระทบกระทั่ง.. แล้วก็ยังไม่รู้จะจัดการกับปัญหาแบบนี้ยังไงดี
คือถ้าขนาดเราเป็นลูกยังไม่อยากเอาเขาเลย แล้วใครจะเอาเขา ตรงนี้เป็นเรื่องจริงที่เรายังทนเขาอยู่ไม่ขับไสไล่ส่งแล้วก็ดูแลเขาเท่าที่ทำได้ (ตามที่ความอดทนจะอำนวย) เราควรจะไปหาหมอเพื่อขอยาระงับอารมณ์มาบ้างดีไหม? อย่าพูดถึงการปฏิบัติธรรม เรากรรมฐานทุกเช้าวันละ 1 ชม. นี่ลดอารมณ์ร้อนลงมากแล้ว แต่คนเราไม่ลดลงได้ใน 3 วัน 7 วันแน่นอน เราทำมา 3 ปีแล้ว เมื่อก่อนเราก็อารมณ์ร้อนไม่ยอมใครเหมือนกัน นี่ลงได้บ้างแล้ว (นิดนึง) ถ้าอยากจะเย็นเป็นน้ำแข็งต้องขอยาระงับประสาทให้สมองเบลอๆ ทำใจว่างๆ มาทานจะดีไหม? เราเชื่อว่า อีกไม่เกิน 1 เดือนเดี๋ยวเขาก็กลับมา เพราะเขาไม่เคยทนอะไรได้ เคยถามเขาเหมือนกันว่า ไม่เคยสงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมอยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคนอื่นผิดปกติ คิดว่าตัวเองผิดปกติแล้วคิดปรับปรุงบ้างไหม ก็เหมือนไม่สนใจรับฟัง นี่ก็ทะเลาะกับพี่สะใภ้จนแทบจะเขวี้ยงจานบินกันหลายรอบแล้ว
เราจะไม่บอกว่าเราเป็นคนดีนะ เพราะเราก็ใจร้อน เสียงดัง เถียงในเรื่องที่เราไม่ผิด เคยขนาดตะโกนใส่กันไม่คุยกันเพราะเขาขย้ำกระดาษปาใส่เท้าเขา (ไม่ปาใส่หน้าก็ดีแค่ไหนแล้ว) ไปบอกพ่อเราเราว่าออกไปกับผู้ชายทุกคืน ดึกๆดื่นๆ เขาอายที่มีลูกสาวแบบนี้ ให้ช่วยตักเตือนด้วย พ่อไม่ได้บอกเราแต่เราเข้าไปเก็บห้องพ่อเห็นที่เขาเขียนฟ้องพ่อเรา (นี่ขนาดเลิกกันแล้วไม่คุยกัน ยังเขียนบอก) แต่เราว่าพ่อเรารู้ เพราะเรานั่งทำงานตี 1 ตี2 ชั้นล่างทุกวัน เขากลับมาดึกๆ เขาเห็น แต่แม่เราไม่เห็นเรากลับขึ้นไปนอนเลยเอาไปฟ้องพ่อว่าเราไปเที่ยวนอนค้างบ้านผู้ชาย .. วินาทีนั้น ความอดทนเราสะบั้นเลยเพราะเรารักพ่อมาก เถียงเขาเสียงลั่นบ้านจนพี่ชายไม่กล้ายุ่ง บอกเป็นแม่ภาษาอะไรชมเชยไม่เคยมีแต่ด่าในเรื่องที่ไม่จริงด้วยซ้ำ ลูกนั่งทำงานทุกวันอยู่ข้างล่างตัวเองเข้านอนแต่หัววันไม่เคยสนใจ ยังจะเอาไปนินทาอีก (มืองี้ระริก น้ำตาร่วงเลย กำกระดาษแผ่นนั้นวิ่งไปให้เขาดูเลยว่าเขียนแบบนี้หมายความว่ายังไง) ตัดสินใจเลยต้องออกจากบ้านแล้ว ขืนอยู่กูต้องบ้าแน่ๆ ..
สภาพจิตใจเรายังไม่พร้อมรับมือแล้วก็ไม่อยากเป็นลูกอกตัญญูเท่าไหร่ (ไม่รู้จะหมดความอดทนตอนไหน)
ไม่รู้จะรับมือยังไง มีคนบอกว่าอย่าคุย คุยให้น้อยที่สุด แต่อยู่ด้วยกันพอพาเที่ยวพากิน เขาก็เอาแต่ตินั่น ตินี่ (ทำให้ไม่อยากพาไป) พอคุยก็มีแต่เรื่องไม่รื่นหูตลอด เราก็อยู่แบบไม่มีเขามาจนอายุ 35 แล้วนะ อยู่ๆ จะมีเขา เราก็รับมือไม่ถูก