มุมมอง...
หลังจากที่วันนี้กลับบ้านช้า (เพราะปกติไม่ค่อยกลับ)
นั่งรถมาลงด้านตรงข้ามซอยบ้าน ขึ้นสะพานลอย
ระหว่างขึ้นก็มีผู้หญิงเดินนำหน้าคนนึง เค้าหันมามองแปลกๆ
แล้วก็เดินขึ้นบันไดนำขึ้นไป สงสัยจะระแวงว่าเราเป็นโจร
(จะว่าไปหน้าก็ให้อยู่ ดันแบกเป้ใบใหญ่อีก สงสัยนึกว่าพม่าอพยพ)
พอขึ้นไปถึงบนสะพาน
ภาพที่ปรากฏตรงหน้า คือรถจักรยานเก่าๆ พิงอยู่ที่ราวสะพานลอย
ท้ายจักรยานมีผู้ชายผิวกร้านเกรียม ยืนนิ่งแล้วหันหน้ามองมาทางเรา
สิ่งที่คิดในจังหวะแรกคือ โจร หรือคนบ้าวะ ใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย
เลยรีบเดินให้แซงผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า พยายามเดินนำแต่รักษาระยะไว้
ถ้าเป็นโจรหรืออะไรจะได้ช่วยทัน
แต่พอเดินไปไกล้ๆ เห็นท้ายจักรยานมีลังโฟมอยู่ลังหนึ่ง
ผู้ชายคนนั้นมองเรา
ทำหน้าจริงจัง พร้อมพูดว่า
"น้ำอ้อยสดไหมครับ 10 บาท"
รู้สึกผิดทันที!
คนอื่นเขาทำมาหากิน สุจริต เห็นว่าขายไม่หมด
อุตส่าห์เข็นจักรยานขึ้นสะพานลอยมารอขายคนที่กลับบ้านช้าอย่างเรา
ยังไปคิดว่าเขาเป็นโจร มองโลกในแง่ร้ายจริงกู
แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลัง กลับหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้นอย่างใจดี
"ขายหมดรึยังเนี่ย ขอขวดนึง"
(ใจเราก็ดันคิดอีกว่า ถามโง่ๆ ขายหมดเขาจะมายืนแกว่ง...หาอะไรบนสะพานลอย)
หรือทฤษฎีที่เคยคิดไว้จะเป็นความจริง
คนเราวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เจอ จากทัศนคติของตน
บวกกับประสปการณ์ที่เคยได้พบมา
คิดแต่แง่ลบ พบแต่สังคมด้านมืด ก็คิดได้แค่ว่าเขาเป็นโจร...บาปกรรมๆ
แต่คิดอีกที่ เขาอาจจะมาขายน้ำอ้อยสดบังหน้า
จริงๆ ซ่อนปืนไว้ในลัง
พอปล้นได้ ก็เอาของมีค่าใส่ไว้ในลังเพื่ออำพราง
แถมแบกจักรยานขึ้นบนสะพานลอย ให้คนคิดว่าเป็นคนอุตสาหะ
ดูไม่มีพิษภัย ขยันทำมาหากิน
จริงๆ แล้วเอาไว้ปั่นหนีหลังจากปล้นได้
เพราะจักรยานไม่มีทะเบียน ให้คนที่โดนปล้นจำได้
แถมยังใส่ผ้ากันเปื้อน เพื่อให้สะดุดตา
เพื่อที่หลังจากปล้นแล้ว แค่ถอดผ้ากันเปื้อนเก็บ
ก็เหมือนได้เปลี่ยนชุดเพื่ออำพรางร่อยรอย
...ถือว่า.....เค้าวางแผนมาดีจริงๆ
(เอ๊ะ...มองโลกในแง่ร้ายอีกแล้วนี่หว่า)
มุมมอง...
หลังจากที่วันนี้กลับบ้านช้า (เพราะปกติไม่ค่อยกลับ)
นั่งรถมาลงด้านตรงข้ามซอยบ้าน ขึ้นสะพานลอย
ระหว่างขึ้นก็มีผู้หญิงเดินนำหน้าคนนึง เค้าหันมามองแปลกๆ
แล้วก็เดินขึ้นบันไดนำขึ้นไป สงสัยจะระแวงว่าเราเป็นโจร
(จะว่าไปหน้าก็ให้อยู่ ดันแบกเป้ใบใหญ่อีก สงสัยนึกว่าพม่าอพยพ)
พอขึ้นไปถึงบนสะพาน
ภาพที่ปรากฏตรงหน้า คือรถจักรยานเก่าๆ พิงอยู่ที่ราวสะพานลอย
ท้ายจักรยานมีผู้ชายผิวกร้านเกรียม ยืนนิ่งแล้วหันหน้ามองมาทางเรา
สิ่งที่คิดในจังหวะแรกคือ โจร หรือคนบ้าวะ ใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย
เลยรีบเดินให้แซงผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า พยายามเดินนำแต่รักษาระยะไว้
ถ้าเป็นโจรหรืออะไรจะได้ช่วยทัน
แต่พอเดินไปไกล้ๆ เห็นท้ายจักรยานมีลังโฟมอยู่ลังหนึ่ง
ผู้ชายคนนั้นมองเรา
ทำหน้าจริงจัง พร้อมพูดว่า
"น้ำอ้อยสดไหมครับ 10 บาท"
รู้สึกผิดทันที!
คนอื่นเขาทำมาหากิน สุจริต เห็นว่าขายไม่หมด
อุตส่าห์เข็นจักรยานขึ้นสะพานลอยมารอขายคนที่กลับบ้านช้าอย่างเรา
ยังไปคิดว่าเขาเป็นโจร มองโลกในแง่ร้ายจริงกู
แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลัง กลับหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้นอย่างใจดี
"ขายหมดรึยังเนี่ย ขอขวดนึง"
(ใจเราก็ดันคิดอีกว่า ถามโง่ๆ ขายหมดเขาจะมายืนแกว่ง...หาอะไรบนสะพานลอย)
หรือทฤษฎีที่เคยคิดไว้จะเป็นความจริง
คนเราวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เจอ จากทัศนคติของตน
บวกกับประสปการณ์ที่เคยได้พบมา
คิดแต่แง่ลบ พบแต่สังคมด้านมืด ก็คิดได้แค่ว่าเขาเป็นโจร...บาปกรรมๆ
แต่คิดอีกที่ เขาอาจจะมาขายน้ำอ้อยสดบังหน้า
จริงๆ ซ่อนปืนไว้ในลัง
พอปล้นได้ ก็เอาของมีค่าใส่ไว้ในลังเพื่ออำพราง
แถมแบกจักรยานขึ้นบนสะพานลอย ให้คนคิดว่าเป็นคนอุตสาหะ
ดูไม่มีพิษภัย ขยันทำมาหากิน
จริงๆ แล้วเอาไว้ปั่นหนีหลังจากปล้นได้
เพราะจักรยานไม่มีทะเบียน ให้คนที่โดนปล้นจำได้
แถมยังใส่ผ้ากันเปื้อน เพื่อให้สะดุดตา
เพื่อที่หลังจากปล้นแล้ว แค่ถอดผ้ากันเปื้อนเก็บ
ก็เหมือนได้เปลี่ยนชุดเพื่ออำพรางร่อยรอย
...ถือว่า.....เค้าวางแผนมาดีจริงๆ
(เอ๊ะ...มองโลกในแง่ร้ายอีกแล้วนี่หว่า)