สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิป
วันนี้ผมจะมาแชร์เรื่องราวที่ผมไปเที่ยว ภูทับเบิก(หน้าฝน) กับเพื่อนๆกันมาครับ
บอกก่อนเลยว่าทริปนี้เป็นทริปประหยัด ใช้เวลา2วัน1คืน | เที่ยวแบบลุยๆ แบกเป้ สะพายกล้อง | เน้นชิล ชอบคนน้อยๆ
ถ้าชอบเหมือนกันลุยครับ!!!
มันเริ่มจากความอัดอั้นอยากเที่ยวตามประสาเด็กเพิ่งทำงานประจำ แต่ไม่มีเวลา จนลืมนึกไปว่า "เห้ย! ประเทศเรามีวันเสาร์-อาทิตย์ นี่หว่า และ
ที่สำคัญ ผมไม่อยากเที่ยวตอนแก่ เพราะมันคงลุยไม่ได้ดั่งใจเหมือนตอนนี้"
เมื่อเปลี่ยนความคิด ชีวิตสนุกๆก็เริ่มขึ้น
ผมเริ่มจากการหา Backpacker ผู้ร่วมชะตากรรมด้วยกัน 555+ ได้มาทั้งหมด 5 คนรวมผมเป็น 6 คน
เราทุกคนตกลงกันแล้วว่า ทริปนี้คือทริปประหยัด เน้นเที่ยว เน้นถ่ายรูป เน้นลุย เน้นสนุก ไม่เน้นสบาย
การเดินเริ่มขึ้นในคืนวันศุกร์ หลังจากที่ทุกคนเลิกเรียน เลิกงานกันแล้ว
เรานั่งรถทัวร์ของเพชรประเสริฐทัวร์ ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติหมอชิต ตอน5ทุ่มครึ่ง เป้าหมายปลายทางคือ ตลาดหล่มสัก
(ตรงนี้แนะนำสำหรับคนจะมานิดนึงครับคือ ควรซื้อตั๋วมาลงหล่มเก่าเลย เพราะมันใกล้ภูทับเบิกมากกว่า)
ระหว่างอยู่บนรถ ผมหลับๆตื่นๆตลอดทาง จนกระทั่งเราถึงตลาดหล่มสักตอนประมาณตี5
ลงจากรถปุ๊บ!!! มองหน้ากันงงๆ ไปไงต่อวะเนี่ย แบ็คแพ๊คมือใหม่กันทั้งนั้น พอตั้งตัวได้ก็เริ่มเดินถามชาวบ้าน ถามคนแถวนั้น
ได้ความว่า เราต้องหารถไปลงหล่มเก่า แล้วหารถต่อขึ้นไป เพราะภูทับเบิกไม่มีรถประจำทางขึ้นไป ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องเหมารถขึ้นไป
ระหว่างที่เรายืนงง และลังเลกัน ก็มีผู้ใหญ่ใจดีมายืนข้อเสนอมากมาย คือง่ายๆเลยจะให้เหมารถขึ้นไป แต่ราคาเป็นพันนะครับ
ใจไม่อยากเหมาหรอก แพง แต่อีกใจก็กลัวขึ้นภูไม่ได้ ต่างคนต่างไม่เคยมา
จนกระทั่งพวกเรานึกได้ถึงสิ่งที่ทำให้พวกเรามาในครั้งนี้ คืออยากมาเที่ยวแบบแบ็คแพ๊ค ลุยๆ ไม่ใช่หรอ รออะไรละ!!! โบกมือบ๊ายบายลุง
แล้วเดินหารถไปหล่มเก่า และในที่สุดเราก็ได้ขึ้นรถไปหล่มเก่า เป็นรถสองแถวสีส้ม จอดอยู่ตรงข้ามท่ารถที่เราลง คนละ15บาทเท่านั้น!!!
พอถึงตลาดหล่มเก่า ตามคำบอกของคนแถวนั้นคือต้องโบกรถม้งขึ้นภูทับเบิก ชาวบ้านบอกให้เดินเข้าไปในวัด จะมีรถของชาวม้งที่มาซื้อของจอดอยุ่
ก้าวเข้าวัดปุ๊บ ว่างเปล่าจ้าาา!!! เอาละสิครับ ถามคนแถวนั้นเค้าบอกเดี๋ยวสายๆก็ลงมา แต่บางวันก็ไม่ลง ช่วงนี้กระหล่ำแพงด้วย เอ้ายังไง!!!
บอกเลยว่าตอนนั้น ไปต่อไม่ถูก ไม่เช่ารถแน่ๆ เดินวนไปวนมาสามสี่รอบ ทุกครั้งที่พวกเรางงๆ ไปต่อไม่ถูก จะปลุกใจด้วยประโยคว่า...
"ไอสัส นี่แหละคือความสนุกของการ Backpacker" ฮ่าๆๆ มันก็สนุกจริงอะ
จากนั้นก็ถามๆลุงๆป้าๆ ที่ขายของแถวนั้น เค้าก็บอกว่าต้องรอ ลุงกับป้าร้านลูกชิ้นหน้าวัดใจดีมาก บอกว่าเดี๋ยวจะคอยดูให้ ให้ไปหาไรกินกันก่อน
ถ้ามาเดี๋ยวเรียก สิ้นประโยคผมอยากจะเหมาลูกชิ้นลุงทั้งร้านเลย 555+
และก็เดินๆกันมามาจบที่ร้านข้ามต้มรถเข็น รสชาติโอเคเลย ถูกด้วย กินไปคุยกับป้าคนขายไป
ความรู้ใหม่ที่ได้จากป้าคือ อย่าไปเรียกเค้าว่า แม้ว นะเค้าจะโกรธมาก / ม้งก็ไม่ควร มันคือคำไม่สุภาพสำหรับเค้า
ถ้าเอาทั่วๆไป ก็ลุง ป้า น้า อา แต่ถ้าเอาคำที่เค้าชอบให้เรียกเลยก็คือ พ่อลักษณ์ แม่ลักษณ์ ผมก็ลืมถามว่ามันแปลว่าอะไร
แต่ป้าบอกว่า ถ้าเรียกแบบนี้เค้าจะชอบมากๆ บางทีคุยถูกคอ ถึงกับล้มหมูให้กินกันเลยทีเดียว โอวว!!!
ระหว่างที่กินไปคุยไป ป้าก็ถามคนผ่านไปผ่านมาตลอดว่า ไปภูทับเบิกไหม จะให้รับพวกผมขึ้นไปด้วย ไม่มีใครไป
หลายคนแถวนั้นบอกว่า ให้หารถไปทางแยกขึ้นภูทับเบิก จะง่ายกว่าหาตรงนี้ เพราะตรงนั้นรถเยอะ รถที่เลี้ยวเข้ามาทางขึ้นภู คือขึ้นภูทับเบิกหมด
จนกระทั่งก็มีลุงคนนึง เค้าอาสาไปส่งพวกเราทางแยกขึ้นภูทับเบิก ก็เลยถามแกว่าลุงคิดเท่าไหร่ ลุงก็บอกแล้วแต่จะให้ เท่าไหร่ก็เท่านั้น
(ในใจตอนแรกคิดว่าฟรี ฮ่าๆๆๆๆ) แต่ก็ไม่ซีเรียสครับ เป็นสินน้ำใจค่าน้ำมันกันไป เพราะบ้านลุงแกก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย
พอได้รถ ลุงๆป้าๆต่างบอกพวกเราตลอดว่า ให้หาซื้อของขึ้นไปกินเลยนะ บนนั้นของแพง
แต่นะตรงนั้น มันไม่มีของกินเล่นๆอะไรเลยครับ เซเว่นก็ต้องเดินไปไกล กลัวลุงรอ ก็เลยไม่ซื้ออะไรกันเท่าไหร่
แต่ลุงก็บอกเราว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวตรงทางแยกก็มีปั๊มน้ำมันใหญ่อยู่ มีมินิมาร์ท ค่อยเข้าไปซื้อตรงนั้นก็ได้
พวกเราก็ เห้ยโอเค!!! ค่อยซื้อก็ได้
พอมาถึงทางแยก ก็ยกมือไหว้ ขอบคุณ บอกลาคุณลุงกันไป ลุงใจดีจริงมีชวนให้แวะอาบน้ำ กินข้าวที่บ้านด้วย 555 แต่ใจพวกผมตอนนั้น
อยู่ที่ภูทับเบิกแล้วครับ ฮ่าๆๆ
จากนั้นระหว่างรอรถพวกเราก็เริ่มมองหาปั๊มปตท. ที่มีเซเว่น หรือJiffyกัน เพื่อนผมคนนึงถึงกับคาดว่าจะซื้อ Amezon กินสักแก้ว ฮ่าๆๆ
ใช่ครับ ลุงบอก "ปั๊มน้ำมันใหญ่ โลเคชั่นคือทางแยกขึ้นภูทับเบิก มีรถวิ่งผ่านเยอะ" มาคุยกันทีหลัง คือทุกคนวาดภาพในหัวกันแบบไม่ได้นัดหมาย
ตามประสาคนไม่ค่อยได้เที่ยวแบบนี้เท่าไหร่ คือ ปตท. แบบที่พวกเราเคยเห็นกัน แต่มันไม่ใช่ครับ มันเป็นปั๊มเล็กๆจุ๋มจิ๋มๆ มีร้านค้าขายขนม
แบบมินิมาร์ทอยู่ พวกเราไม่ได้กลัวลำบาก หรือรักสบายหรอกครับ ที่มาเล่าคือมันขำตัวเองกัน ที่ทุกคนดันวาดฝันแบบเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ซื้อไรกันเสร็จ ก็มานั่งรอโบกรถตรงศาลาทางแยกขึ้นภู ผมว่าตรงนั้นถ้าเราโบกเค้าให้ติดรถขึ้นไปหมดอะครับ ขนาดบางคันมีของเต็มหลังรถ มีคนด้วย
แล้วพวกผมตัวใหญ่ๆทั้งนั้น เค้ายังจะให้ไปเลย แต่มันนั่งไม่พอ สุดท้ายก็ได้รถพี่คนนึงเค้าเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนบนภูทับเบิก คือพอโบกปุ๊บไม่ต้องพูดไรมาก เค้าถามพวกผมเลยว่าไปภูทับเบิกใช่ไหม ขึ้นมาเลย ลุยสิครับ 5555
ตอนนั้นฝนตกหยิมๆ แรงบ้างเบาบ้างๆ ทำให้หมอกลงหนามาก 12กิโลจากข้างล่างถึงภูทับเบิก นั่งไปเสียวไป
โค้งหักศอกให้เพียบ ไหนจะหมอก ไหนจะรถสวน ไหนจะฝนตก บอกเลยครับว่าต้องคนชินทางจริงๆ
มันอาจจะฟังดูลำบาก ดูอันตรายนะครับ แต่มันสนุกมาก ตอนนั่งรถขึ้นไป ตื่นตาตื่นใจสุดๆ 555
อากาศก็หนาว หมอกก็ลง เห็นภูเขา เห็นต้นไม้ เห็นกระหล่ำ สนุกดีครับ จนกระทั่งรถสิ่งมาถึงจุดนึงที่พ้นหมอก
บอกเลยว่า ทุกคนตื่นตื่นใจโครตๆ เหมือนหลุดออกมาอีกโลกนึงเลย อากาศดี แสงแดดอ่อนๆ ท้องฟ้าสีสดใส รายล้อมด้วยกระหล่ำปลี และต้นไม้มากมาย มีร้านกาแฟ มีบ้านหลังเล็กๆ อากาศเย็นๆ ดูสงบๆ ชิลๆ เห้ย!!! นี่มันสวรรค์ชัดๆ อย่างกะในการ์ตูน
จากนั้นเราก็มาถึงที่พักเรา พี่เค้าอาสามาส่งถึงที่ ทั้งๆที่ไม่ใช่ทางผ่าน ใจดีมากๆ เลยขอแชะภาพไว้หน่อย
เรานอนกันที่ไร่ตา-ยาย เค้าบอกว่าที่นี่ ณเดช กับญาญ่า เคยมานอนตอนถ่ายธรณีนี่นี้ใครครอง ตามรอยครับ 555
พวกผมจองบ้านพักไว้แบบที่นอนได้ 4 คน 1 หลังเพื่อความประหยัด อีกสองคนก็อัดๆกันไป ตอนแรกก็กลัวจะนอนกันไม่ได้
เพราะเจ้าเค้าไม่ได้ว่าไร แต่แค่กลัวนอนกันไม่ได้ แต่เอาเข้าจริง 6 คนสบายๆเลยครับเลื่อนเตียงชิดกันหมด
โลเคชั่นบ้านพักผม ถือว่าดีมากๆครับ เห็นวิว landscape แบบสวยงามเลย
อากาศบนนั้นก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ครับ อย่างว่า อยากได้คนน้อยๆ ไปหน้าฝนก็ต้องมีฝนตกเป็นธรรมดา
ตกจนพวกเราเดาทางถูกเลยคือ ถ้าเมื่อไหร่ที่หมอกมา เตรียมหาที่หลบฝนเลย 5555
แต่มันก็ไม่ตกกันถึงขนาด ต้องนอนดูก่อนบ่ายคลายเครียดอยู่กับห้องทั้งวันนะครับ มันก็ออกไปได้ ตกหยิมๆแรงเบาสลับกันไป
พอจัดการเก็บของ ล้างเนื้อล้างตัวไรกันเสร็จ หิวครับ!!! ไปตามลายแทงที่อ่านๆกันมาเลยครับ ร้านโรงเตี๊ยม สั่งกันเต็มที่
มื้อนั้นหมดไปพันต้นๆ หาร6คน ก็ตกคนละไม่มากถ้าเทียบกับอาหารที่กินไป ถือว่าโอเคอยู่
เสร็จแล้วก็เดินเล่นกันไปเรื่อยๆครับ ฝนตก!!! หลบฝนกันพักใหญ่ พอมันเริ่มเบาลงก็เลยโบกรถเพื่อจะติดไปลงแถบๆชุมชนๆอีกฝั่งนึง
ก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันไกลแค่ไหน กะจะไปเดินเล่นๆ ถ่ายรูปชิลๆ ซื้อของมาปิ้งกินกันตอนกลางคืนไรเงี้ย
ระหว่างทางเจอร้านกาแฟ เลยขอลงมาชิลหน่อย พวกผมเป็นพวกติดร้านกาแฟกันครับ แล้วยิ่งบรรยากาศแบบนี้ด้วยนะ
ไม่ต้องพูดถึง!!!
พอชิลกันเสร็จก็เลยถามคนที่ร้านกาแฟว่า จะไปตรงที่เป็นชุมชน มันไกลไหม
เค้าก็ชี้ให้ดู แล้วก็บอกว่า ไม่ไกล นู้น อยู่ตรงนั้น แค่ข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึงแล้ว!!! ฮ่าๆๆ ครับ แค่ ข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึงแล้วจริงๆ
แล้วมันเป็นเขาแบบภูเขาจริงๆอะ ภูเขาลูกใหญ่ๆสองลูกอยู่ติดกันอะ อย่างว่าเค้าคงชินกันแล้วกับการข้ามเขาเป็นลูกๆกันแล้ว
แล้วพวกเราก็เดินชิล ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปสักพัก ก็ตัดสินใจโบกรถไปลงชุมชนครับ
บรรยากาศก็เป็นชุมชนแบบบนเข้าละครับ เป็นบ้านไม้ มีร้านค้าเล็กๆมากมาย ผมแนะนำนะครับ
พวกวัตถุดิบปิ้งย่าง หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย ซื้อจากชุมชนตรงนี้ ถูกกว่าซื้อตรงย่านรีสอร์ทมากครับ ซื้อไปเลย
เพราะตรงนี้เค้าขายชาวบ้านจริงๆครับ
พอเราซื้อนู้นซื้อนี่กันเสร็จ ป้าเจ้าของร้านก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่ง เพราะเค้าจะไปทำธุระข้างล่างพอดี
ทั้งๆที่รถเค้าของเต็มหลังรถเลย ก็ยังให้พวกเราขึ้น เสร็จแล้วก็กลับมาถึงห้องพัก อาบน้ำอาบท่ากันไป หลังจากนั้นก็ชิลกันไปเรื่อย
ตกกลางคืนก็ทำไรปิ้งย่างกินกัน กินเสร็จดูฮอร์โมน แล้วก็หลับกัน
ตื่นเช้ามาอีกวัน โครตขี้เกียจตื่น เพราะอากาศมันดีมากๆ แต่ก็ไหนๆมาทั้งที จะนอนคดอยู่ในผ้าห่มก็ใช่เรื่อง ล้างหน้าล้างตา คว้ากล้อง
ออกไปเก็บบรรยากาศที่ไม่มีวันหาได้จากกรุงเทพฯ สูดอากาศ

เข้าไปให้เต็มปอด มันสูดได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวมลพิษเลย สดชื่นมากๆ
จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่จุดชมวิวของภูทับเบิกกันครับ
ปกติจะชอบถ่ายแต่รูปคนอื่น แต่ข้างบนนี้มันสวยจนอดใจไม่ไหวจริงๆครับ เลยขอให้เพื่อนช่วยถ่ายตัวเองเก็บไว้สักภาพ ฮ่าๆๆ
ระหว่างทางก้มีของขายมากมาย ส่วนมากก็เป็นของพวกผลผลิตจากชาวบ้านละครับ
มันเผา ไข่ปิ้ง เบเบี้แครอท ลูกพลับ ของที่ระลึกไรพวกนี้ อากาศดีจริงๆ
เสร็จแล้วก็กลับห้องพัก อาบน้ำอาบท่า เตรียมเก็บของกลับกทม. ตอนกลับก็เหมือนเดิมครับ โบกรถกันไป
นี่คือผู้ใหญ่ใจดีของพวกเราอีกคันครับ
เช่นเคยครับ คอร้านกาแฟแบบพวกเรา ขอแวะหน่อยเห็นตั้งแต่ตอนขึ้นมา ร้านชื่อว่า Monterio ครับ
รสชาติดี และวิวดีมากครับ
เสร็จแล้วก็โบกรถต่อครับ ตอนแรกเรามาลงตรงทางแยกขึ้นภู เพราะพี่เค้าไปคนละทาง แต่อยู่ดีๆพี่เค้าก็วนกลับมารับ
เค้าบอกนึกขึ้นได้ว่ามันก็เป็นทางผ่านเหมือนกัน เลยวนกลับมารับ ใจดีแท้ แล้วพี่เค้าก็มาส่งที่บขส.หล่มเก่า
ลืมบอกไปว่า ทั้งหมดนี้รวมทุกๆอย่าง เราเสียไปคนละประมาณ 1,6xx เท่านั้นครับ
Backpackมือใหม่ ไป "ภูทับเบิก(หน้าฝน)" | แค่2วัน1คืนก็ลุยได้
วันนี้ผมจะมาแชร์เรื่องราวที่ผมไปเที่ยว ภูทับเบิก(หน้าฝน) กับเพื่อนๆกันมาครับ
บอกก่อนเลยว่าทริปนี้เป็นทริปประหยัด ใช้เวลา2วัน1คืน | เที่ยวแบบลุยๆ แบกเป้ สะพายกล้อง | เน้นชิล ชอบคนน้อยๆ
ถ้าชอบเหมือนกันลุยครับ!!!
มันเริ่มจากความอัดอั้นอยากเที่ยวตามประสาเด็กเพิ่งทำงานประจำ แต่ไม่มีเวลา จนลืมนึกไปว่า "เห้ย! ประเทศเรามีวันเสาร์-อาทิตย์ นี่หว่า และ
ที่สำคัญ ผมไม่อยากเที่ยวตอนแก่ เพราะมันคงลุยไม่ได้ดั่งใจเหมือนตอนนี้"
เมื่อเปลี่ยนความคิด ชีวิตสนุกๆก็เริ่มขึ้น
ผมเริ่มจากการหา Backpacker ผู้ร่วมชะตากรรมด้วยกัน 555+ ได้มาทั้งหมด 5 คนรวมผมเป็น 6 คน
เราทุกคนตกลงกันแล้วว่า ทริปนี้คือทริปประหยัด เน้นเที่ยว เน้นถ่ายรูป เน้นลุย เน้นสนุก ไม่เน้นสบาย
การเดินเริ่มขึ้นในคืนวันศุกร์ หลังจากที่ทุกคนเลิกเรียน เลิกงานกันแล้ว
เรานั่งรถทัวร์ของเพชรประเสริฐทัวร์ ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติหมอชิต ตอน5ทุ่มครึ่ง เป้าหมายปลายทางคือ ตลาดหล่มสัก
(ตรงนี้แนะนำสำหรับคนจะมานิดนึงครับคือ ควรซื้อตั๋วมาลงหล่มเก่าเลย เพราะมันใกล้ภูทับเบิกมากกว่า)
ระหว่างอยู่บนรถ ผมหลับๆตื่นๆตลอดทาง จนกระทั่งเราถึงตลาดหล่มสักตอนประมาณตี5
ลงจากรถปุ๊บ!!! มองหน้ากันงงๆ ไปไงต่อวะเนี่ย แบ็คแพ๊คมือใหม่กันทั้งนั้น พอตั้งตัวได้ก็เริ่มเดินถามชาวบ้าน ถามคนแถวนั้น
ได้ความว่า เราต้องหารถไปลงหล่มเก่า แล้วหารถต่อขึ้นไป เพราะภูทับเบิกไม่มีรถประจำทางขึ้นไป ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องเหมารถขึ้นไป
ระหว่างที่เรายืนงง และลังเลกัน ก็มีผู้ใหญ่ใจดีมายืนข้อเสนอมากมาย คือง่ายๆเลยจะให้เหมารถขึ้นไป แต่ราคาเป็นพันนะครับ
ใจไม่อยากเหมาหรอก แพง แต่อีกใจก็กลัวขึ้นภูไม่ได้ ต่างคนต่างไม่เคยมา
จนกระทั่งพวกเรานึกได้ถึงสิ่งที่ทำให้พวกเรามาในครั้งนี้ คืออยากมาเที่ยวแบบแบ็คแพ๊ค ลุยๆ ไม่ใช่หรอ รออะไรละ!!! โบกมือบ๊ายบายลุง
แล้วเดินหารถไปหล่มเก่า และในที่สุดเราก็ได้ขึ้นรถไปหล่มเก่า เป็นรถสองแถวสีส้ม จอดอยู่ตรงข้ามท่ารถที่เราลง คนละ15บาทเท่านั้น!!!
พอถึงตลาดหล่มเก่า ตามคำบอกของคนแถวนั้นคือต้องโบกรถม้งขึ้นภูทับเบิก ชาวบ้านบอกให้เดินเข้าไปในวัด จะมีรถของชาวม้งที่มาซื้อของจอดอยุ่
ก้าวเข้าวัดปุ๊บ ว่างเปล่าจ้าาา!!! เอาละสิครับ ถามคนแถวนั้นเค้าบอกเดี๋ยวสายๆก็ลงมา แต่บางวันก็ไม่ลง ช่วงนี้กระหล่ำแพงด้วย เอ้ายังไง!!!
บอกเลยว่าตอนนั้น ไปต่อไม่ถูก ไม่เช่ารถแน่ๆ เดินวนไปวนมาสามสี่รอบ ทุกครั้งที่พวกเรางงๆ ไปต่อไม่ถูก จะปลุกใจด้วยประโยคว่า...
"ไอสัส นี่แหละคือความสนุกของการ Backpacker" ฮ่าๆๆ มันก็สนุกจริงอะ
จากนั้นก็ถามๆลุงๆป้าๆ ที่ขายของแถวนั้น เค้าก็บอกว่าต้องรอ ลุงกับป้าร้านลูกชิ้นหน้าวัดใจดีมาก บอกว่าเดี๋ยวจะคอยดูให้ ให้ไปหาไรกินกันก่อน
ถ้ามาเดี๋ยวเรียก สิ้นประโยคผมอยากจะเหมาลูกชิ้นลุงทั้งร้านเลย 555+
และก็เดินๆกันมามาจบที่ร้านข้ามต้มรถเข็น รสชาติโอเคเลย ถูกด้วย กินไปคุยกับป้าคนขายไป
ความรู้ใหม่ที่ได้จากป้าคือ อย่าไปเรียกเค้าว่า แม้ว นะเค้าจะโกรธมาก / ม้งก็ไม่ควร มันคือคำไม่สุภาพสำหรับเค้า
ถ้าเอาทั่วๆไป ก็ลุง ป้า น้า อา แต่ถ้าเอาคำที่เค้าชอบให้เรียกเลยก็คือ พ่อลักษณ์ แม่ลักษณ์ ผมก็ลืมถามว่ามันแปลว่าอะไร
แต่ป้าบอกว่า ถ้าเรียกแบบนี้เค้าจะชอบมากๆ บางทีคุยถูกคอ ถึงกับล้มหมูให้กินกันเลยทีเดียว โอวว!!!
ระหว่างที่กินไปคุยไป ป้าก็ถามคนผ่านไปผ่านมาตลอดว่า ไปภูทับเบิกไหม จะให้รับพวกผมขึ้นไปด้วย ไม่มีใครไป
หลายคนแถวนั้นบอกว่า ให้หารถไปทางแยกขึ้นภูทับเบิก จะง่ายกว่าหาตรงนี้ เพราะตรงนั้นรถเยอะ รถที่เลี้ยวเข้ามาทางขึ้นภู คือขึ้นภูทับเบิกหมด
จนกระทั่งก็มีลุงคนนึง เค้าอาสาไปส่งพวกเราทางแยกขึ้นภูทับเบิก ก็เลยถามแกว่าลุงคิดเท่าไหร่ ลุงก็บอกแล้วแต่จะให้ เท่าไหร่ก็เท่านั้น
(ในใจตอนแรกคิดว่าฟรี ฮ่าๆๆๆๆ) แต่ก็ไม่ซีเรียสครับ เป็นสินน้ำใจค่าน้ำมันกันไป เพราะบ้านลุงแกก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย
พอได้รถ ลุงๆป้าๆต่างบอกพวกเราตลอดว่า ให้หาซื้อของขึ้นไปกินเลยนะ บนนั้นของแพง
แต่นะตรงนั้น มันไม่มีของกินเล่นๆอะไรเลยครับ เซเว่นก็ต้องเดินไปไกล กลัวลุงรอ ก็เลยไม่ซื้ออะไรกันเท่าไหร่
แต่ลุงก็บอกเราว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวตรงทางแยกก็มีปั๊มน้ำมันใหญ่อยู่ มีมินิมาร์ท ค่อยเข้าไปซื้อตรงนั้นก็ได้
พวกเราก็ เห้ยโอเค!!! ค่อยซื้อก็ได้
พอมาถึงทางแยก ก็ยกมือไหว้ ขอบคุณ บอกลาคุณลุงกันไป ลุงใจดีจริงมีชวนให้แวะอาบน้ำ กินข้าวที่บ้านด้วย 555 แต่ใจพวกผมตอนนั้น
อยู่ที่ภูทับเบิกแล้วครับ ฮ่าๆๆ
จากนั้นระหว่างรอรถพวกเราก็เริ่มมองหาปั๊มปตท. ที่มีเซเว่น หรือJiffyกัน เพื่อนผมคนนึงถึงกับคาดว่าจะซื้อ Amezon กินสักแก้ว ฮ่าๆๆ
ใช่ครับ ลุงบอก "ปั๊มน้ำมันใหญ่ โลเคชั่นคือทางแยกขึ้นภูทับเบิก มีรถวิ่งผ่านเยอะ" มาคุยกันทีหลัง คือทุกคนวาดภาพในหัวกันแบบไม่ได้นัดหมาย
ตามประสาคนไม่ค่อยได้เที่ยวแบบนี้เท่าไหร่ คือ ปตท. แบบที่พวกเราเคยเห็นกัน แต่มันไม่ใช่ครับ มันเป็นปั๊มเล็กๆจุ๋มจิ๋มๆ มีร้านค้าขายขนม
แบบมินิมาร์ทอยู่ พวกเราไม่ได้กลัวลำบาก หรือรักสบายหรอกครับ ที่มาเล่าคือมันขำตัวเองกัน ที่ทุกคนดันวาดฝันแบบเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ซื้อไรกันเสร็จ ก็มานั่งรอโบกรถตรงศาลาทางแยกขึ้นภู ผมว่าตรงนั้นถ้าเราโบกเค้าให้ติดรถขึ้นไปหมดอะครับ ขนาดบางคันมีของเต็มหลังรถ มีคนด้วย
แล้วพวกผมตัวใหญ่ๆทั้งนั้น เค้ายังจะให้ไปเลย แต่มันนั่งไม่พอ สุดท้ายก็ได้รถพี่คนนึงเค้าเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนบนภูทับเบิก คือพอโบกปุ๊บไม่ต้องพูดไรมาก เค้าถามพวกผมเลยว่าไปภูทับเบิกใช่ไหม ขึ้นมาเลย ลุยสิครับ 5555
ตอนนั้นฝนตกหยิมๆ แรงบ้างเบาบ้างๆ ทำให้หมอกลงหนามาก 12กิโลจากข้างล่างถึงภูทับเบิก นั่งไปเสียวไป
โค้งหักศอกให้เพียบ ไหนจะหมอก ไหนจะรถสวน ไหนจะฝนตก บอกเลยครับว่าต้องคนชินทางจริงๆ
มันอาจจะฟังดูลำบาก ดูอันตรายนะครับ แต่มันสนุกมาก ตอนนั่งรถขึ้นไป ตื่นตาตื่นใจสุดๆ 555
อากาศก็หนาว หมอกก็ลง เห็นภูเขา เห็นต้นไม้ เห็นกระหล่ำ สนุกดีครับ จนกระทั่งรถสิ่งมาถึงจุดนึงที่พ้นหมอก
บอกเลยว่า ทุกคนตื่นตื่นใจโครตๆ เหมือนหลุดออกมาอีกโลกนึงเลย อากาศดี แสงแดดอ่อนๆ ท้องฟ้าสีสดใส รายล้อมด้วยกระหล่ำปลี และต้นไม้มากมาย มีร้านกาแฟ มีบ้านหลังเล็กๆ อากาศเย็นๆ ดูสงบๆ ชิลๆ เห้ย!!! นี่มันสวรรค์ชัดๆ อย่างกะในการ์ตูน
จากนั้นเราก็มาถึงที่พักเรา พี่เค้าอาสามาส่งถึงที่ ทั้งๆที่ไม่ใช่ทางผ่าน ใจดีมากๆ เลยขอแชะภาพไว้หน่อย
เรานอนกันที่ไร่ตา-ยาย เค้าบอกว่าที่นี่ ณเดช กับญาญ่า เคยมานอนตอนถ่ายธรณีนี่นี้ใครครอง ตามรอยครับ 555
พวกผมจองบ้านพักไว้แบบที่นอนได้ 4 คน 1 หลังเพื่อความประหยัด อีกสองคนก็อัดๆกันไป ตอนแรกก็กลัวจะนอนกันไม่ได้
เพราะเจ้าเค้าไม่ได้ว่าไร แต่แค่กลัวนอนกันไม่ได้ แต่เอาเข้าจริง 6 คนสบายๆเลยครับเลื่อนเตียงชิดกันหมด
โลเคชั่นบ้านพักผม ถือว่าดีมากๆครับ เห็นวิว landscape แบบสวยงามเลย
อากาศบนนั้นก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ครับ อย่างว่า อยากได้คนน้อยๆ ไปหน้าฝนก็ต้องมีฝนตกเป็นธรรมดา
ตกจนพวกเราเดาทางถูกเลยคือ ถ้าเมื่อไหร่ที่หมอกมา เตรียมหาที่หลบฝนเลย 5555
แต่มันก็ไม่ตกกันถึงขนาด ต้องนอนดูก่อนบ่ายคลายเครียดอยู่กับห้องทั้งวันนะครับ มันก็ออกไปได้ ตกหยิมๆแรงเบาสลับกันไป
พอจัดการเก็บของ ล้างเนื้อล้างตัวไรกันเสร็จ หิวครับ!!! ไปตามลายแทงที่อ่านๆกันมาเลยครับ ร้านโรงเตี๊ยม สั่งกันเต็มที่
มื้อนั้นหมดไปพันต้นๆ หาร6คน ก็ตกคนละไม่มากถ้าเทียบกับอาหารที่กินไป ถือว่าโอเคอยู่
เสร็จแล้วก็เดินเล่นกันไปเรื่อยๆครับ ฝนตก!!! หลบฝนกันพักใหญ่ พอมันเริ่มเบาลงก็เลยโบกรถเพื่อจะติดไปลงแถบๆชุมชนๆอีกฝั่งนึง
ก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันไกลแค่ไหน กะจะไปเดินเล่นๆ ถ่ายรูปชิลๆ ซื้อของมาปิ้งกินกันตอนกลางคืนไรเงี้ย
ระหว่างทางเจอร้านกาแฟ เลยขอลงมาชิลหน่อย พวกผมเป็นพวกติดร้านกาแฟกันครับ แล้วยิ่งบรรยากาศแบบนี้ด้วยนะ
ไม่ต้องพูดถึง!!!
พอชิลกันเสร็จก็เลยถามคนที่ร้านกาแฟว่า จะไปตรงที่เป็นชุมชน มันไกลไหม
เค้าก็ชี้ให้ดู แล้วก็บอกว่า ไม่ไกล นู้น อยู่ตรงนั้น แค่ข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึงแล้ว!!! ฮ่าๆๆ ครับ แค่ ข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึงแล้วจริงๆ
แล้วมันเป็นเขาแบบภูเขาจริงๆอะ ภูเขาลูกใหญ่ๆสองลูกอยู่ติดกันอะ อย่างว่าเค้าคงชินกันแล้วกับการข้ามเขาเป็นลูกๆกันแล้ว
แล้วพวกเราก็เดินชิล ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปสักพัก ก็ตัดสินใจโบกรถไปลงชุมชนครับ
บรรยากาศก็เป็นชุมชนแบบบนเข้าละครับ เป็นบ้านไม้ มีร้านค้าเล็กๆมากมาย ผมแนะนำนะครับ
พวกวัตถุดิบปิ้งย่าง หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย ซื้อจากชุมชนตรงนี้ ถูกกว่าซื้อตรงย่านรีสอร์ทมากครับ ซื้อไปเลย
เพราะตรงนี้เค้าขายชาวบ้านจริงๆครับ
พอเราซื้อนู้นซื้อนี่กันเสร็จ ป้าเจ้าของร้านก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่ง เพราะเค้าจะไปทำธุระข้างล่างพอดี
ทั้งๆที่รถเค้าของเต็มหลังรถเลย ก็ยังให้พวกเราขึ้น เสร็จแล้วก็กลับมาถึงห้องพัก อาบน้ำอาบท่ากันไป หลังจากนั้นก็ชิลกันไปเรื่อย
ตกกลางคืนก็ทำไรปิ้งย่างกินกัน กินเสร็จดูฮอร์โมน แล้วก็หลับกัน
ตื่นเช้ามาอีกวัน โครตขี้เกียจตื่น เพราะอากาศมันดีมากๆ แต่ก็ไหนๆมาทั้งที จะนอนคดอยู่ในผ้าห่มก็ใช่เรื่อง ล้างหน้าล้างตา คว้ากล้อง
ออกไปเก็บบรรยากาศที่ไม่มีวันหาได้จากกรุงเทพฯ สูดอากาศ
จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่จุดชมวิวของภูทับเบิกกันครับ
ปกติจะชอบถ่ายแต่รูปคนอื่น แต่ข้างบนนี้มันสวยจนอดใจไม่ไหวจริงๆครับ เลยขอให้เพื่อนช่วยถ่ายตัวเองเก็บไว้สักภาพ ฮ่าๆๆ
ระหว่างทางก้มีของขายมากมาย ส่วนมากก็เป็นของพวกผลผลิตจากชาวบ้านละครับ
มันเผา ไข่ปิ้ง เบเบี้แครอท ลูกพลับ ของที่ระลึกไรพวกนี้ อากาศดีจริงๆ
เสร็จแล้วก็กลับห้องพัก อาบน้ำอาบท่า เตรียมเก็บของกลับกทม. ตอนกลับก็เหมือนเดิมครับ โบกรถกันไป
นี่คือผู้ใหญ่ใจดีของพวกเราอีกคันครับ
เช่นเคยครับ คอร้านกาแฟแบบพวกเรา ขอแวะหน่อยเห็นตั้งแต่ตอนขึ้นมา ร้านชื่อว่า Monterio ครับ
รสชาติดี และวิวดีมากครับ
เสร็จแล้วก็โบกรถต่อครับ ตอนแรกเรามาลงตรงทางแยกขึ้นภู เพราะพี่เค้าไปคนละทาง แต่อยู่ดีๆพี่เค้าก็วนกลับมารับ
เค้าบอกนึกขึ้นได้ว่ามันก็เป็นทางผ่านเหมือนกัน เลยวนกลับมารับ ใจดีแท้ แล้วพี่เค้าก็มาส่งที่บขส.หล่มเก่า
ลืมบอกไปว่า ทั้งหมดนี้รวมทุกๆอย่าง เราเสียไปคนละประมาณ 1,6xx เท่านั้นครับ