เรื่องเล่าความประทับใจของ(เด็กไทย)ต่างด้าวในสวีเดน

เมื่อหลายวันก่อนมีโอกาสได้อ่านกระทู้ของสมาชิกท่านหนึ่งที่ชื่นชมความมีน้ำใจของชาวญี่ปุ่น ที่จะส่งของที่จขกท.ท่านนั้นลืมไว้ที่ร้านกลับมาให้

เลยจุดประกายให้จขกท. ได้คิดถึงเรื่องราวดีๆ สมัยเอ๊าะๆ เลยอยากมาแชร์ //งานอวยต้องมา 55555



จขกท. ได้มีโอกาสไปเรียนป.โทที่ประเทศสวีเดนช่วงปี 2008-2009 โดยไปอยู่เมืองใกล้ๆ กับสต็อคโฮล์ม นั่งรถไฟประมาณหนึ่งชม. ถ้านั่งรถบัสก็ประมาณชม.ครึ่ง (รายละเอียดปลีกย่อยอาจ

เลือนรางเนื่องจากมันนานเหลือเกินแล้ว -*-) มีคนเคยบอกว่า คนสวีเดนก็เหมือนคนไทยในยุโรปแหละ นิสัยคล้ายๆ กัน ไอ้เราก็ อืมๆ หรอๆ งงๆ เหมือนไงแว้



เรื่องแรกเกิดช่วงแรกๆ ที่ไปเลย คือไปชอปปิ้งที่ ikea กะเพื่อนรุ่นพี่หนึ่งคน ปรกติรถเมล์ที่นู่นจะมีเวลาเดินทางแน่นอน +/- ไม่เกิน 5 นาทีจากตารางเวลาเดินรถ (ดูได้จากบอร์ดที่ป้ายรถเมล์)

วันที่เกิดเหตุคือเพิ่งจะไปอยู่ได้ไม่นาน ยังเอ๋อๆ ตามประสาพี่ไทยที่ไม่คุ้นกะระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพแบบนี้ //ฮาาาา ปรากฎว่าหลังจากชอปปิ้งกันอย่างเมามัน

พอเดินไปถึงป้าย ดูเวลาแล้ว เอ๊ะ ทำไมไม่มีเวลาที่เราจะขึ้นได้ ระหว่างที่ยืนงงๆ ก่งก๊งกันอยู่ จู่ๆ ก็มีรถเมล์กำลังตรงมา ก็แบบ อร๊ายยยยยยย มีรถมาาาาา โมเม้นท์นั้นแบบ ขอขึ้นๆๆๆ

แต่คือเรามองเห็นว่าคนขับก็มองเรา แล้วเค้าก็ขับผ่านไป -*- ตอนนั้นแบบ เย้ยยยยยย หันไปเช็คตารางที่บอร์ดอีกที คือเป็นรถเมล์เที่ยวที่จะมา ikea เที่ยวสุดท้าย แต่ขาออกไปเค้าไม่มีคิววิ่งแล้ว

คือจะเป็นรถเปล่าตอนขาออก งงสิค่ะ เอาไงดี ชั้นอยู่ตรงไหนของเมืองฟร่ะ จะกลับไง ของเยอะ เดินจะถึงบ้านมั้ย ยืนสับสนชีวิตอยู่ที่ป้าย เครียดดดดดด



สักพักนึงค่ะคุณกิตติคะ //ผิด -*- รถเมล์คันนั้นกลับออกมาแล้ว แล้วก็มาจอดที่ป้าย กรีสสสสสสส เราก็เดินเข้าไป พูดอังกฤษไปว่า เราขอไปด้วยได้มั้ย

สรุปว่าคุณพี่คนขับ (ผู้หญิง) เค้าพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็งูๆ ปลาๆ กันจนเข้าใจว่า คุณพี่เค้าให้ขึ้นรถไป เค้าจะไปส่งที่ station ใหญ่กลางเมือง

(คือรถเมล์ที่นี่จะวิ่งถนนละสาย แล้วไปเจอกันที่กลางเมือง ใครจะไปไหนก็ไปต่อรถจากตรงนั้นค่ะ) ตอนนั้นแบบ โอยยยยยย ดีใจน้ำตาจะไหล

คือแบบ เค้าจะไม่สนใจเราก็ได้ไง ไม่ใช่หน้าที่ของเค้าแล้ว เพราะรถมันไม่มีคิววิ่งแล้ว แต่เค้าคงเห็นว่าเราเป็นกะเหรี่ยงหลงมา สงสาร 55555



แล้วในระหว่างที่อยู่ในรถ เค้าก็พยายามถามว่าเราพักที่ไหน เราก็บอกชื่อหอพัก จนเค้ารู้ว่าอยู่ตรงไหน เค้าก็หันมาบอกเราว่า เค้าจะไปส่ง เฮ้ยยยยยยยยยย

คือสรุปว่าออกนอกเส้นทางเดินรถ แล้วไปส่งเราสองคนที่หน้าหอพักเลย คือตอนไปถึงเราแบบไม่รู้จะขอบคุณเค้ายังไง ได้แต่พูดย้ำๆๆๆๆ ว่าขอบคุณ แล้วแบบในกระเป๋าสะพายเรามีของที่ระลึกอันนึง -*-

(พกไปทำไมไม่รู้วันนั้น 55555) เป็นเหรียญของไทยแพ็คในช่องๆ พลาสติก ก็พยายามจะให้เค้า เค้าก็ยืนยัน ยังไงก็ไม่เอา (ก็เข้าใจนะ จะเอาไปทำไม 55555)

เพื่อนเราก็แบบ ทำไงดี อยากตอบแทน หันไปคว้าขนมที่เพิ่งซื้อเมื่อกี้ พยายามจะให้เค้า เค้าก็ไม่รับท่าเดียว กร้ากกกก

เค้าคงแบบ ตรูก็ซื้อกินเองได้ จะให้ทำไม 5555 เลยจากกันไปแบบที่ทำได้แค่ขอบคุณเค้า แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้เลย >.<



ส่วนอีกเรื่องเป็นตอนใกล้ๆ จะกลับแล้ว เป็นวันชาติของสวีเดน ก็นัดเพื่อนๆ เข้าไปเดินเที่ยวในสต็อคโฮล์ม เหตุเกิดตอนขากลับ

เรากับเพื่อนๆ อีก 4 คน (คนไทย 3 คนฮ่องกง 1) ก็นั่งรถไฟเที่ยวเดียวกันกลับ รถไฟของสวีเดนก็พอจะขึ้นชื่อเรื่องมีปัญหาอยู่บ้าง มีประท้วงประปราย

หยุดเดินรถเพราะติดขัดเรื่องนู้นนี่ วันนั้นแจ็คพ็อต นั่งไปได้ครึ่งทาง รถไฟไปจอดที่เมืองนึง แล้วก็มีเสียงประกาศ ไอ้ช่วงภาษาอังกฤษเนี่ย คือไม่ทันฟัง -*- ไอ้ช่วงสวีดิชก็ฟังไม่ออก กร้ากกกกก

แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็ลงจากรถ พวกเราก็อ้าว ไปไหนกันแว้ พอลงไปก็แบบไม่เห็นเจ้าหน้าที่ให้ถามเลย ก็ไปยืนๆ ร่วมกะเค้า (อันนี้ยอมรับว่าสะเพร่ากันเอง

แทนที่จะถามคนที่ยืนรอที่ชานชาลา เพราะคนสวีดิชส่วนใหญ่ น่าจะประมาณ 90% พูดอังกฤษกันดีมากกกกก ถ้าถามตั้งแต่ตอนนั้น เรื่องคงไม่เกิดดดดด)



ก็ยืนรอ นั่งรอกันนานนนนเลย สักพักก็มีรถบัสคันนึงมา ทุกคนก็กรูกันขึ้นไป พวกเราก็ขึ้นไป พอรถบัสจอด ก็เลยลงไปดูว่าเมืองอะไร คาดว่าคงมีอาการแตกตื่นให้คนอื่นเห็น

เลยมีคุณลุงคุณป้าคู่นึง ถามว่าเด็กๆ จะไปไหนกัน พอบอกชื่อเมืองเท่านั้นแหละ คุณลุงคุณป้าบอก เฮ้ยยยยยย บัสคันนี้ไม่ได้ไปนะ คือยูต้องขึ้นบัสอีกคันนึง

(ซึ่งมานึกได้ทีหลังว่า เออ เห็นว่ามีคันนั้น แต่ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรเล้ยยยยย) เราก็แบบ จ๊ากกกกกก พยายามบอกเค้าว่า คือไม่รู้เลยว่าต้องไปอีกคันนึง เราไม่ได้ยินประกาศ

(จริงๆ ก็ความผิดพวกเราเองที่ไม่ถาม Y_Y) แล้วตอนนั้นคือดึกแล้ว น่าจะสัก 3-4 ทุ่มได้ คือคุณลุงกะคุณป้าก็แสนจะใจดี ช่วยไปคุยกะคนขับรถบัสอยู่นาน

สุดท้ายก็มาบอกว่า เนี่ยเค้าคุยให้แล้ว เดี๋ยวทางการรถไฟเนี่ย จะรับผิดชอบโดยการส่งรถแท็กซี่จากเมืองเรามารับ (อันนี้แอบงงเบาๆ ว่าทำไมไม่ให้แท็กซี่จากเมืองนี้ไปส่งแทน

เราจะได้ไม่ต้องรอเค้าขับมา 555) เราก็แบบโอเคๆ ขอบคุณมากๆๆๆๆ แล้วคุณลุงคุณป้าก็ขับรถไป (เค้าจอดรถไว้ที่สถานี)



แต่มันไม่ได้จบแค่นั้น คือตอนนั้นมันหนาวมากกกกกกกก พวกเราไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับอากาศช่วงกลางคืน เนื่องจากตอนไปเที่ยว กลางวันมันร้อนเปรี้ยง

คือแบบหนาวมากกกกกกจริงๆ ลมแรงมากกกกด้วย ก็แบบยืนทรมาณกันอยู่ที่สถานี สักพักมีรถคันเดิมเลี้ยวกลับมา เราก็งงกัน สรุปว่าคุณลุงคุณป้าเป็นห่วงพวกเรา แวะกลับมาดู

แบบโอยยยยยยยยยยยยย น้ำตาจะไหล คุณลุงก็แบบไปเอาผ้าห่มหลังรถมาให้สาวๆ ห่ม แล้วก็บอกว่า เดี๋ยวไปส่งคุณป้าที่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวจะแวะมาดูใหม่

พวกเราพยายามจะบอกคุณลุงว่า ไม่เป็นไร ไปพักผ่อนเถอะ แกก็ไม่ยอม ก็ต้องยอมแพ้แก คือสุดท้ายแกก็วนกลับมาอยู่กับพวกเราอีกสักพัก แถมยังช่วยโทรไปตามรถแท็กซี่ให้เราด้วย //ซึ้งงงงง

จนสุดท้ายเราพยายามยืนยันกับแกว่า กลับไปเถอะ ขอบคุณมากๆๆๆ จริงๆ เราไม่อยากรบกวน เดี๋ยวพวกเรารอรถกันเอง แกถึงยอมกลับไป พอแท็กซี่มา

ตอนแรกคนขับบอกจะไปส่งจุดเดียว (แต่พวกเราพัก 3 หอพัก) ก็อ้อนวอนเค้า จนสุดท้ายเค้ายอมวนส่งให้ ตอนนั้นมันดึกมากแล้ว ถึงเมืองน่าจะประมาณตีหนึ่งได้



และนี่คือโฉมหน้าคุณลุงคุณป้าที่น่ารักคู่นี้ ยิ้ม ขออนุญาตเบลอหน้าสมาชิกในเรื่องเล่านิดนุง แหะๆๆ



คือเป็นความประทับใจจริงๆ กับน้ำใจของคนสวีเดน เราไม่ได้คิดมาก่อนว่า เราจะเจอเหตุการณ์ดีๆ ในสถานการณ์แบบนี้

ปล. ขออภัยนะคะ เรื่องมันอาจจะยาวไปหน่อย อ่านยากมั้ยก็ไม่รู้ -*-
ปล2. แก้ไขวรรคประโยคเผื่ออ่านง่ายขึ้นค่ะ >.<
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่