คนใจบุญทำไม ฆ่าตัวตาย

สาวลูกครึ่ง"ไทย-อินเดีย"เครียดป่วย จอดรถสักการะพระเขาชีจรรย์ ก่อนราดน้ำมันจุดไฟเผาตัวเองตายคารถ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - สุดสลด! สาวลูกครึ่งไทย-อินเดียเครียดป่วยซึมเศร้านาน 3 ปี หนีออกจากโรงพยาบาล จอดรถสักการะพระพุทธรูปเขาชีจรรย์ขอขมา ก่อนราดน้ำมันจุดไฟเผาตัวเองดับอนาถคารถ
       
       วันนี้( 11 ก.ย.) ร.ต.อ.หญิง รสิตา เณรพงษ์ พนักงานสอบสวนสภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ มีผู้เสียชีวิตติดภายในรถ ตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ บริเวณกลางไร่แตงโม หมู่ 6 ต.นาจอมเทียน จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพ.ต.อ.ชุติเดช จันทร์ทรง ผกก.สภ.นาจอมเทียน พ.ต.ท.ประกอบ แสงพริ้ง รองผกก. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ
       
       ที่เกิดเหตุบนถนนลูกรัง ห่างถนนสายหลักเข้าไปประมาณ 500 เมตร พบรถยนต์ ฮอนด้าแจ๊ส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กน 9462 ชลบุรี ถูกเพลิงเผาวอดเหลือแต่ซาก ภายในรถบนเบาะคนขับพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อ น.ส.พิชญ์ทัศนันท์ ดาร์ซิงห์ อายุ 44 ปี ลูกครึ่งไทย-อินเดีย อดีตไกด์นำเที่ยวเกาะล้าน สภาพไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโก ในท่าพนมมือหันหน้าไปทางพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ นอกจากนี้ยังพบร่องรอยการเผาไหม้ของน้ำมันเบนซิน ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยนำศพส่งชันสูตรยังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต
       
       จากการสอบถามนางทองใบ วงศ์แหล้ อายุ 48 ปี เพื่อนบ้านเล่าว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตายเป็นอดีตไกด์นำเที่ยวเกาะล้าน ก่อนจะมาป่วยด้วยโรคซึมเศร้า ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานอยู่แต่ในบ้านนานถึง 3 ปี ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ ผู้ตายได้มีอาการเครียดอย่างรุนแรง ขอยืมเงินหลานสาว 200 บาทจะไปซื้อน้ำมันมาเผาบ้านและเผาตัวเองตายตาม ผู้เป็นแม่จึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำจับตัวส่งโรงพยาบาลบางละมุง
       
       กระทั่งช่วงสายวันนี้ได้หนีออกจากโรงพยาบาล ก่อนจะเข้าไปเอารถที่บ้าน พร้อมกับกระดาษหนังสือพิมพ์ ขับออกมาก่อเหตุเฉี่ยวชนผู้คนหลายราย มีการแจ้งตำรวจสกัดจับแต่ก็ไร้วี่แวว ก่อนจะมาพบเป็นศพราดน้ำมันเผาตัวเองเสียชีวิตหน้าพระพุทธรูปแกะสลัก ซึ่งคาดว่าสาเหตุที่มาฆ่าตัวตายที่นี่ เพราะผู้ตายเป็นคนใจบุญ จึงมาสักการะกราบขอขมาพระก่อนจะฆ่าตัวตายหนีโรคที่เป็นอยู่

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000104649
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่