ทำเป็น ตื่นเต้นไปได้ ผมว่าปกตินะครับ ซากศพในมหาสมุทร ย่อมโดนซัดเข้าฝั่ง.....

อ้างถึง...http://pantip.com/topic/32567394
/////////////////////////////////////////////
ตอน สมัย พระพุทธเจ้า ท่านมีพระชนม์ชีพอยู่ยังมีเลย .... พระทั้งเอาคน ทั้งเอาลิง..... ทั้งเอาศพ....
                            ***********ปกติครับ ทำตื่นเต้นไปได้ ยังกับไม่เคยเกิดขึ้น*************

*** ที่คฤหัสถ์( โยมๆ ทั้งหลาย) .... เอากัน ทุกวัน.....พระท่านยังไม่ว่าอะไรเลย 66666666666666666********
**************************************************************
......ปกติครับ.... อ่านดูครับ ทำไมจึงมีสิกขาบทข้อนี้.......

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๑. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ สุทินนภาณวาร

หาก ส่วนของปู่อีกต่างหาก ลูกสุทินจงกลับมาเป็นคฤหัสถ์เถิด จะได้ใช้สอยทรัพย์
สมบัติและทำบุญ”
ท่านพระสุทินตอบว่า “อาตมาขอพูดบ้าง ถ้าโยมไม่ขัดข้อง”
บิดาของท่านตอบว่า “นิมนต์พูดเถิด ลูกสุทิน”
ท่านพระสุทินกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น โยมพ่อจงสั่งให้ทำกระสอบป่านใบใหญ่ๆ
บรรจุเงินทองให้เต็ม บรรทุกเกวียนไปแล้วโยนลงกลางแม่น้ำคงคา เพราะอะไร
เพราะโยมพ่อจะไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหวาดระแวง ไม่ต้องขนพองสยองเกล้า ไม่ต้องมี
การดูแลรักษาซึ่งมีสาเหตุมาจากทรัพย์นั้นเลย”
เมื่อท่านพระสุทินกล่าวอย่างนี้ โยมบิดาของท่านเสียใจด้วยคิดว่า ลูกสุทิน
กล่าวอย่างนี้ได้อย่างไร
[๓๕] ต่อมา บิดาของพระสุทินเรียกอดีตภรรยาของท่านมาสั่งว่า “ลูกหญิง
เจ้าเป็นที่รักใคร่พอใจ บางทีลูกสุทินจะเชื่อเจ้าบ้าง”
ทันใดนั้น นางจึงจับเท้าทั้ง ๒ ของพระสุทินพลางถามว่า “หลวงพี่ นางอัปสร
พวกไหนเล่าผู้เป็นต้นเหตุให้หลวงพี่ประพฤติพรหมจรรย์”
ท่านพระสุทินตอบว่า “น้องหญิง อาตมาไม่ได้ประพฤติพรหมจรรย์เพราะ
นางอัปสรเป็นเหตุ” นางเสียใจด้วยคิดว่า วันนี้ เป็นวันแรกที่หลวงพี่สุทินเรียกเราว่า
‘น้องหญิง’ จึงล้มสลบลงตรงนั้นเอง
ท่านพระสุทินบอกโยมบิดาว่า “โยมพ่อ ถ้าโยมจะถวายโภชนะก็จงถวาย
อย่าทำให้อาตมาลำบากใจเลย” บิดาของท่านจึงนิมนต์ให้ฉัน จากนั้นมารดาบิดา
ของท่านประเคนของเคี้ยวของฉันอันประณีต จนกระทั่งอิ่มหนำ จากนั้นมารดาบอก
พระสุทินผู้ฉันเสร็จว่า “ลูกสุทิน ตระกูลเรานี้มั่งคั่งมีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินมี
ทองมาก มีเครื่องประดับมาก มีทรัพย์และข้าวเปลือกมาก ท่านควรกลับมาเป็นคฤหัสถ์
จะได้ใช้สอยทรัพย์สมบัติและทำบุญ มาเถิดลูกสุทิน กลับมาเป็นคฤหัสถ์เถิด จะได้
ใช้สอยทรัพย์สมบัติและทำบุญ”
ท่านพระสุทินตอบว่า “โยมแม่ อาตมาไม่อาจไม่สามารถ อาตมายังพอใจ
ประพฤติพรหมจรรย์อยู่”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑ หน้า :๒๓ }

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๑. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ สุทินนภาณวาร

มารดาพระสุทินวิงวอนแม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ นางกล่าวว่า “ลูกสุทิน
ตระกูลเรานี้มั่งคั่งมีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินมีทองมาก มีเครื่องประดับมาก มี
ทรัพย์และข้าวเปลือกมาก ลูกจงให้ผู้สืบเชื้อสายไว้ เจ้าลิจฉวีจะได้ไม่ริบมรดกของ
เราที่ขาดผู้สืบสกุล”
“คุณโยม เรื่องนี้อาตมาพอจะทำได้”
“เวลานี้ ลูกพักอยู่ที่ไหน”
“อาตมาพักอยู่ที่ป่ามหาวัน” พระสุทินตอบแล้วลุกจากอาสนะหลีกไป

พระสุทินเสพเมถุนธรรม

[๓๖] หลังจากนั้น มารดาของท่านพระสุทินเรียกอดีตภรรยาพระสุทินมาสั่ง
ว่า ลูกหญิง เมื่อถึงเวลาที่เจ้ามีระดู ต่อมโลหิตเกิดมีแก่เจ้า เจ้าต้องบอกแม่”
นางรับคำ ต่อมาเมื่อนางมีระดู ต่อมโลหิตเกิดขึ้นจึงบอกแม่ผัวว่า “ดิฉันมีระดู
ต่อมโลหิตเกิดแล้ว”
มารดากล่าวว่า “ลูกหญิง ถ้าอย่างนั้น เจ้าจงแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่ลูกสุทิน
เคยรักใคร่ชอบใจเถิด” นางก็ปฏิบัติตามคำของแม่ผัว
ต่อมา มารดาพาสะใภ้ไปหาท่านพระสุทินที่ป่ามหาวัน กล่าวว่า “ลูกสุทิน
ตระกูลเรามั่งคั่งมีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินมีทองมาก มีเครื่องประดับมาก มี
ทรัพย์และข้าวเปลือกมาก ลูกควรกลับมาเป็นคฤหัสถ์ จะได้ใช้สอยทรัพย์สมบัติและ
ทำบุญ”
พระสุทินตอบว่า “อาตมาไม่อาจ ไม่สามารถ อาตมายังพอใจประพฤติ
พรหมจรรย์อยู่”
มารดาพระสุทินวิงวอนเป็นครั้งที่ ๒ ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ นางกล่าวว่า “ลูก
สุทิน ตระกูลเรานี้มั่งคั่ง ฯลฯ มีทรัพย์และข้าวเปลือกมาก ลูกจงให้ผู้สืบเชื้อสายไว้
เจ้าลิจฉวีจะได้ไม่ริบมรดกของเราที่ขาดผู้สืบสกุล”
พระสุทินตอบว่า “โยม เรื่องนี้อาตมาพอจะทำได้” แล้วจับแขนอดีตภรรยา
พาเข้าป่ามหาวัน เพราะยังมิได้บัญญัติสิกขาบท จึงเห็นว่าไม่มีโทษ ได้เสพเมถุน
ธรรมกับอดีตภรรยา ถึง ๓ ครั้ง นางตั้งครรภ์เพราะเหตุนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑ หน้า :๒๔ }

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๑. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ สุทินนภาณวาร

ทวยเทพกระจายข่าว

ทวยเทพชั้นภุมมะ กระจายข่าวว่า ท่านผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์ไม่เคยมีเสนียดไม่
เคยมีโทษ พระสุทินกลันทบุตร ก่อเสนียด ก่อโทษขึ้นแล้ว
ทวยเทพชั้นจาตุมมหาราชสดับเสียงของทวยเทพชั้นภุมมะแล้ว ได้กระจาย
ข่าวต่อไป ฯลฯ ทวยเทพชั้นดาวดึงษ์ ฯลฯ ทวยเทพชั้นยามา ฯลฯ ทวยเทพชั้นดุสิต
ฯลฯ ทวยเทพชั้นนิมมานรดี ฯลฯ ทวยเทพชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ฯลฯ ทวยเทพที่
นับเนื่องในหมู่พรหมสดับเสียงแล้วก็กระจายข่าวกันต่อไปว่า ท่านผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์
ไม่เคยมีเสนียด ไม่เคยมีโทษ พระสุทินกลันทบุตรก่อเสนียด ก่อโทษขึ้นแล้ว
เพียงครู่เดียวเท่านั้น เสียงป่าวประกาศได้กระจายขึ้นไปถึงพรหมโลกด้วย
ประการฉะนี้
ต่อมา อดีตภรรยาของพระสุทินครรภ์แก่จึงคลอดบุตร พวกเพื่อนของ
พระสุทินตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่า เด็กชายพีชกะ๑ เรียกอดีตภรรยาของพระสุทินว่า
พีชกมารดา เรียกพระสุทินว่าพีชกบิดา ต่อมาทั้งมารดาทั้งบุตรได้ออกจากเรือนไป
บวชเป็นอนาคาริก ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

พระสุทินเกิดความเดือดร้อนใจ

[๓๗] ต่อมา พระสุทินเกิดความกลุ้มใจเดือดร้อนใจว่า “ไม่ใช่ลาภของเรา
หนอ เราไม่มีลาภหนอ เราได้ชั่วแล้วหนอ เราไม่ได้ดีแล้วหนอ ถึงจะเข้ามาบวชใน
พระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว ก็ยังไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์
ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้ตลอดชีวิต” เพราะความกลุ้มใจ เดือดร้อนใจนั้น ท่านจึงซูบผอม
หมองคล้ำ ซีดเหลือง เส้นเอ็นขึ้นสะพรั่ง มีเรื่องในใจ ใจหดหู่ เป็นทุกข์ เสียใจ
เดือดร้อนใจ เศร้าซึม

เชิงอรรถ :
๑ พีชกะ หมายถึง ผู้สืบเชื้อสาย ที่ตั้งชื่อให้ว่า “พีชกะ” เพราะย่าได้เคยกล่าวว่า “พีชกํปิ เทหิ จงให้ผู้สืบ
เชื้อสาย” (วิ.อ. ๑/๓๖/๒๒๔).
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑ หน้า :๒๕ }

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๑. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ สุทินนภาณวาร

[๓๘] ฝ่ายภิกษุผู้เป็นเพื่อนของพระสุทิน กล่าวกับท่านสุทินว่า “ท่านสุทิน
เมื่อก่อนท่านมีผิวพรรณเปล่งปลั่งกระชุ่มกระชวย หน้าตาสดใส มีน้ำมีนวล แต่บัดนี้
ดูท่านซูบผอม หมองคล้ำ ซีดเหลือง เส้นเอ็นขึ้นสะพรั่ง มีเรื่องในใจ ใจหดหู่ เป็นทุกข์
เสียใจ เดือดร้อนใจ เศร้าซึม ท่านไม่ยินดีจะประพฤติพรหมจรรย์กระมัง”
พระสุทินตอบว่า “ท่านทั้งหลาย ความจริงไม่ใช่กระผมจะไม่ยินดีประพฤติ
พรหมจรรย์ กระผมมีบาปกรรมที่ทำไว้ คือ ได้เสพเมถุนธรรมกับอดีตภรรยา
กระผมจึงเกิดความกลุ้มใจเดือดร้อนใจว่า มิใช่ลาภของเราหนอ เราไม่มีลาภหนอ
เราได้ชั่วแล้วหนอ เราไม่ได้ดีหนอ ถึงจะเข้ามาบวชในพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระ
ภาคตรัสไว้ดีแล้ว ก็ยังไม่สามารถจะประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้
ตลอดชีวิต”
ภิกษุผู้เป็นเพื่อนกล่าวว่า “จริงทีเดียวท่านสุทิน การที่ท่านเข้ามาบวชในพระ
ธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วแต่ไม่สามารถจะประพฤติพรหมจรรย์ให้
บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้ตลอดชีวิต ก็พอที่จะทำให้กลุ้มใจ เดือดร้อนใจได้ พระผู้มีพระภาค
ทรงแสดงธรรมไว้โดยประการต่าง ๆ เพื่อคลายความกำหนัด มิใช่เพื่อความกำหนัด
เพื่อความพราก มิใช่เพื่อความประกอบไว้ เพื่อความไม่ถือมั่น มิใช่เพื่อความถือมั่น
มิใช่หรือ เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรม เพื่อคลายความกำหนัด ท่านก็ยังจะ
คิดเพื่อความกำหนัด ทรงแสดงธรรมเพื่อความพราก ท่านก็ยังจะคิดเพื่อความประกอบ
ไว้ ทรงแสดงธรรมเพื่อความไม่ถือมั่น ท่านก็ยังจะคิดเพื่อมีความถือมั่น พระผู้มีพระ
ภาคทรงแสดงธรรมโดยประการต่าง ๆ เพื่อสำรอกราคะ เพื่อสร่างความเมา เพื่อดับ
ความกระหาย เพื่อถอนความอาลัย เพื่อตัดวัฏฏะ เพื่อความสิ้นตัณหา เพื่อคลาย
ความกำหนัด เพื่อดับทุกข์ เพื่อนิพพาน มิใช่หรือ พระผู้มีพระภาคตรัสบอกการละ
กาม การกำหนดรู้ความสำคัญในกาม การกำจัดความกระหายในกาม การเพิกถอน
ความตรึกในกาม การระงับความกลัดกลุ้มเพราะกามไว้โดยประการต่าง ๆ มิใช่หรือ
การกระทำของท่านนั้น มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส หรือทำคนที่เลื่อมใส
อยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ที่จริง กลับจะทำให้คนที่ไม่เลื่อมใสก็ไม่เลื่อมใสไปเลย
คนที่เลื่อมใสอยู่แล้วบางพวกก็จะกลายเป็นอื่นไป”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑ หน้า :๒๖ }
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่