แชร์ประสบการณ์สอบ Toeic ครั้งแรก ของคนที่(เคย)เกลียดภาษาอังกฤษ

สวัสดีค่ะ เพิ่งได้ไปสอบ Toeic มาครั้งแรกในชีวิตค่ะ เนื่องจากว่างงาน เลยอยากอัพเกรดชีวิตด้วยภาษาค่ะ
ขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่คนเก่งอะไรค่ะ และเคยเกลียดภาษาอังกฤษมากๆในสมัยเรียน เพราะว่าเจอครูสอนภาษาอังกฤษไม่ดี สอนไม่เข้าใจ จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต คือ "ติดซีรีย์ฝรั่ง" ค่ะ ทำให้เปิดใจให้กับภาษาอังกฤษมากขึ้น


แต่ก่อนเราดูหนังฝรั่ง เราจะดูพากย์ไทยตลอดนะคะ ซาวด์แทร็คไม่เคยได้รับเงินจากเราค่ะ จนพอเราติดซีรีย์ฝรั่ง มันเป็นการบังคับไปในตัวว่าต้องฟังเสียงเป็นอังกฤษ แต่ก็ยังคงอ่านซับไทยอยู่ค่ะ และซีรีย์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของเราคือเรื่องนี้ค่ะ



Monk นักสืบจิตป่วน เราดูผ่านทาง Universal Channel นะคะ สนุกมาก มี 8 ซีซั่น


ต่อมาเราก็ได้เข้ามาในห้องซีรีย์ของ pantip นี่แหละค่ะ เพื่อหาหนังดู มีหลายท่านแนะนำเรื่อง F.R.I.E.N.D มา เราก็เลยจัดเลยค่ะ



ซีรีย์เรื่องนี้เราแนะนำมากๆค่ะ เพราะภาษาไม่ยากไม่เรื่อง Monk เป็นภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (แต่ปัจจุบันเรายังดูไม่จบนะคะ)


และเราก็ยังคงเป็นติ่งซีรีย์ฝรั่งอยู่จนถึงปัจจุบันค่ะ แต่ซีรีย์ที่เราดูส่วนใหญ่จะเป็นซีรีย์นอกกระแสค่ะ ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เช่น Grimm, Bates Motel, Alias






จนเมื่อปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่อง "Catching Fire" แล้วสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขอใส่ ก.ไก่ เยอะๆ ภาคแรกเราก็ดูนะคะ แต่ไม่รู้สึกสนุกเท่านี้ หลังจากดูหนังจบ วิ่งเข้าร้านคิโนะเลยค่ะ สั่งจอง Box set (eng. version)



ถือเป็นการอ่านนิยาย "ภาษาอังกฤษ" ครั้งแรกในชีวิตเราค่ะ อ่านทั้งหมด 3 เล่ม ใช้เวลาประมาณเกือบเดือนได้ ถ้าใครได้อ่าน จะรู้ว่าผู้เขียนเค้าใช้สำนวนจบท้ายระหว่างบท ได้น่าติดตามมาก ทำให้เราอยากรู้ตอนต่อไปเรื่อยๆ เราเลยอ่านจบได้ไวค่ะ และเทคนิคการอ่านของเราคือ อ่านโดยเดาจาก Context จะไม่เปิดดิกระหว่างอ่านเลย อ่านจบหนึ่งรอบแล้วพัก ถึงจะเปิดคำที่งงจริงๆ เช่นคำว่า Revolution เชื่อไหมคะว่าเราไม่รู้ค่ะว่าแปลว่าอะไร (อายจัง) เราก็อ่านไปจนจบเล่ม 3 เลยค่ะ แล้วค่อยมาเปิดดิกเอา



การฝึกจากหนังและซีรีย์ของเรายังไม่จบค่ะ เนื่องจากเราเป็นติ่งแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตั้งแต่ ป.5 ทั้งหนังสือและภาพยนตร์ แต่ตอนนั้นเราอ่านและดูเป็นไทย และพากย์ไทย only เช่นเคย พอเราเรียนจบตรี ว่างๆ เลยไปซื้อดีวีดีมาดู ตอนนี้เรารู้เรื่องราวหมดแล้ว จำได้แล้วว่ามันเป็นยังไง เลยดูเป็นซับอังกฤษค่ะ (ปิดซับไม่ได้ ใจไม่ด้านพอ อิอิ) แนะนำว่าให้ดูเรียงจากภาค 1 ไปจนสุดท้ายนะคะ เพราะภาษาจะไล่จากง่ายไปยาก

การดูหนังเป็นซับอังกฤษ ช่วยฝึกสกิล Reading ด้วยนะคะ มันทำให้เราต้องรีบอ่านเพื่อจับใจความให้ได้

(หนังที่เราแนะนำให้ดูเป็นซับอังกฤษ คือ How to train your dragon, frozen, the terminal, hunger game)


นอกจากเอาแฮร์รี่มาดูใหม่ เราก็ไปโหลด audiobook จาก youtube มาฟังก่อนนอนด้วยค่ะ ลองดูนะคะมีหลายเรื่องค่ะ แต่แนะนำว่าให้ฟังเรื่องที่เคยอ่าน หรือเคยดูมาแล้วดีกว่า จะได้ไม่เสียกำลังใจถ้าฟังไม่ออก อิอิ







เอาล่ะค่ะ มาถึง part การฝึกฝนและเตรียมตัวไปสอบ toeic ของเรากันดีกว่า หลังจากเวิ่นเว้อมานาน
เราเตรียมตัวประมาณ 1 เดือนค่ะ (แต่ไม่ทุกวัน เพราะขี้เกียจมากกกกกกกกก) หนังสือที่เราใช้ฝึก มีของ Barron, Cambridge และ Oxford ค่ะ หาโหลดฟรีได้ที่ http://2g.pantip.com/cafe/library/topic/K12753976/K12753976.html รวมทั้งไฟล์ Listening test บน youtube ค่ะ http://www.youtube.com/results?search_query=toeic+listening และ App ข้อสอบ toeic มีทั้ง Reading และ Listening ใน App store ค่ะ



การเตรียมตัวสำหรับ Part Listening

part ดูรูปภาพ มันจะไม่ยากเท่าไร ไม่ค่อยมีหลอกด้วย แต่หลังๆ ที่มีการโต้ตอบกัน ในเทปจะพูดไวมากกกกกกกก (ในข้อสอบจริงไวกว่าที่เราฝึกค่ะ) เราอาศัยฟังหัวคำถามว่าถามว่าอะไร พวก What When Where Why คำตอบจะไม่ค่อยหลอกเท่าไร เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจฟังหัวคำถามดีๆ และช่วงหลังๆ แนะนำให้อ่านคำถามก่อน ว่าเค้าจะถามอะไร กวาดตาดูคร่าวๆ จะพอดีกับเวลาที่เทปเริ่มพูดพอดี เพราะจะมีบางข้อที่ชอบถามว่า งานนี้จัดขึ้นเมื่อไร รถจะออกกี่โมง เราจะได้รู้ว่าต้องตั้งใจฟังดีๆ ในเรื่องอะไรบ้าง

*** ข้อแนะนำ ฝนให้ดีฝนให้ไว เพราะตอนสอบเราเสียเวลากับการฝนไปเยอะเหมือนกัน และห้ามเว้นว่าง ไม่ได้ข้อไหนเดาโลดดดดดดดดดด
*** ตอนฟังเทปฝึก ครั้งแรกฟังแบบไม่อ่านสคริปต์ ครั้งที่สองค่อยฟังพร้อมอ่านสคริปต์ไปด้วย



การเตรียมตัวสำหรับ Part Reading

แนะนำให้ทำเรียงข้อไปค่ะ เพราะข้อสอบจะไล่จากอ่านน้อยไปอ่านเยอะ เทคนิคของเราคือ "อ่านก่อน แล้วค่อยมาตอบคำถาม" เพราะเรารู้สึกว่าการมาอ่านคำถามซ้ำไปซ้ำมา มันค่อนข้างเสียเวลา และเวลาอ่าน ให้อ่านแบบ Skim นะคะ เช่นเดิมค่ะ ไม่ได้ให้ "มั่ว" แล้วไปทำข้อต่อไป



ตอนเราเตรียมตัว เราจับเวลาแต่ละพาร์ทนะคะ ไม่เคยเกินเวลาค่ะ เพราะเรา "ไม่ได้ฝนคำตอบ" แต่ใช้เขียน เลยทำให้ทำข้อสอบเสร็จเร็ว แต่พอไปสอบจริง เราฝนเสร็จพอดีกับที่กรรมการพูดว่า "หมดเวลา" จึงอยากแนะนำว่า ตอนฝึกทำให้ "ฝนคำตอบ" แทนการเขียน เพื่อจะได้รู้เวลาจริงๆ ของเราค่ะ





ตอนสอบเราก็ยอมรับว่ามั่วเยอะค่ะ เพราะลนลานจากการกะเวลาไปสอบ เกือบไปไม่ทันนั่นเอง เลยลนลานไปหมดค่ะ แต่พอคะแนนมาถึง ...




............

......





ดีใจมากค่ะ หวังว่าบริษัทต่างๆจะรับเราเข้าทำงานซะทีนะคะ ไปสัมภาษณ์จนท้อแล้วค่ะ


ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ หวังว่าจะมีประโยชน์นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่