ช่อง 3 เตรียมเข้าพบประธาน กสทช. เคลียร์ปัญหาถูก กสท.ถอดระบบอนาล็อกออกจากระบบจานและเคเบิล ด้านผู้ประกอบการดาวเทียมและเคเบิลบุกยื่นหนังสือค้าน กสท.จัดเรียงช่องทีวีดิจิตอลใหม่
@ กสทช.แจงถอดช่อง3อนาล็อก
เมื่อวันที่ 9 กันยายน จากกรณีเกิดข้อถกเถียงกันระหว่างช่อง 3 และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ทำให้ประชาชนสับสนว่าทำไมช่อง 3 ถึงออกอากาศในระบบอนาล็อกผ่านโครงข่ายทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีไม่ได้
แหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวว่า สาเหตุที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ออกคำสั่งทางปกครองให้ผู้ให้บริการโครงข่ายในกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่หรือทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี นำช่อง 3 ในระบบอนาล็อก ออกจากการให้บริการโครงข่ายตนเอง เริ่มมาจากเดิมที บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด หรือผู้ให้บริการช่อง 3 ในระบบอนาล็อกได้รับการคุ้มครองให้ออกอากาศในทุกช่องทาง อาทิ ทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี ภายใต้ประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปหรือมัสต์แคร์รี่ แต่เมื่อเสร็จสิ้นการประมูลทีวีดิจิตอล และมีการออกอากาศของทีวีดิจิตอลมาสักระยะหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บอร์ด กสท.ได้มีมติยกเลิกสถานะเป็นผู้ให้บริการเป็นการทั่วไปหรือฟรีทีวี แก่ช่องทีวีในระบบอนาล็อกทั้ง 6 ช่อง ได้แก่ 3 5 7 9 11 และไทยพีบีเอส เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ให้บริการเป็นการทั่วไปเป็นช่องทีวีดิจิตอลทั้ง 36 ช่องแทน ได้รับการคุ้มครองจากประกาศมัสต์แคร์รี่ ข้อ 8 ระบุว่า ผู้ทำหน้าที่ตามบทเฉพาะกาล คือทีวีอนาล็อก 6 ช่อง จะทำหน้าที่จนกว่าบอร์ด กสท. จะมีความเห็นเป็นอย่างอื่น
@ ชี้ต้องขอใบอนุญาตเปย์ทีวีใหม่
แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อบอร์ด กสท.มีมติดังกล่าวออกมา ทางช่อง 3 จึงได้ยื่นเรื่องใช้สิทธิฟ้องร้องแก่ศาลปกครองกลาง อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ต่อมาบอร์ด กสท.ได้มีมติต่ออายุสถานะการเป็นช่องรายการที่ให้บริการเป็นทั่วไป (ระบบอนาล็อก) อีก 100 วัน แก่ 6 ช่องรายการดังกล่าว และครบกำหนดเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ช่วงที่ผ่านมา 5 ช่องรายการฟรีทีวีที่ไม่ใช่ช่อง 3 ได้ดำเนินการออกอากาศในระบบดิจิตอลแล้ว พร้อมกับการออกอากาศคู่ขนานไปกับระบบอนาล็อก ดังนั้น หลังวันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป หากช่อง 3 ยังคงถ่ายทอดในระบบอนาล็อกจะไม่ได้รับการคุ้มครองตามประกาศ กสทช.เรื่องมัสต์แคร์รี่
อีกทั้งช่อง 3 ยังไม่มีใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์ในระบบบอกรับสมาชิก (เปย์ทีวี) จึงไม่สามารถออกอากาศบนทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีได้ ดังนั้น ช่อง 3 ต้องขอใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบเปย์ทีวี แต่จะส่งผลถึงการโฆษณาในระบบอนาล็อกต้องลดลงจาก 10-12 นาทีต่อชั่วโมง เหลือ 5-6 นาทีต่อชั่วโมง
@ ดูได้เฉพาะหนวดกุ้ง-ก้างปลา
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับฐานผู้ชมโทรทัศน์ในปัจจุบันจะแบ่งเป็นระบบทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีที่ช่อง 3 อนาล็อก ไม่สามารถออกอากาศได้ตามมติบอร์ด กสท.อยู่ที่ 70% หรือราว 15 ล้านครัวเรือน กลุ่มผู้ชมทีวีอนาล็อกดูผ่านเสาอากาศหนวดกุ้งและก้างปลาอยู่ที่ราว 30% หรือราว 7 ล้านครัวเรือน การที่ช่อง 3 ไม่ยอมออกอากาศคู่ขนานเช่นเดียวกับช่องทีวีอนาล็อกอื่นๆ อีก 5 ช่อง แม้ช่อง 3 จะประมูลช่องทีวีดิจิตอลได้เช่นกันในจำนวน 3 ช่อง เนื่องจากช่อง 3 ได้เลือกแล้วว่าต้องการดำเนินการตามแผนธุรกิจ ต้องการให้บริการช่องรายการกับประชาชนจำนวน 4 ช่องรายการใน 2 ช่องทางทั้งทีวีอนาล็อก และทีวีดิจิตอล
"มติบอร์ด กสท.ให้ยุติออกอากาศช่อง 3 อนาล็อกบนทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการออกอากาศภาคพื้นดินระบบอนาล็อก สามารถรับชมได้ผ่านทางเสาหนวดกุ้งหรือก้างปลา การออกอากาศภาคพื้นดินในระบบอนาล็อกนั้น ช่อง 3 ยังคงมีสัญญาสัมปทานร่วมกับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จนถึงปี 2563 จึงสามารถออกอากาศได้ต่อไปจนสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน หรือจนกว่าคู่สัญญาสัมปทานมีข้อตกลงในการยุติสัญญาร่วมกัน เพียงแต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามประกาศ กสทช.เรื่องมัสต์แคร์รี่ จึงต้องบังคับให้ผู้ให้บริการทีวีดาวเทียมและเคเบิลห้ามออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก" แหล่งข่าวกล่าว
@ กสทช.เผยช่อง3เตรียมพบปธ.
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากกรณีบอร์ด กสท.มีมติ ให้สำนักงาน กสทช.ส่งหนังสือคำสั่งทางปกครองให้แก่ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี ให้นำช่อง 3 ในระบบอนาล็อก ออกจากการให้บริการในโครงข่ายของตนเอง ล่าสุดได้มีการลงนามในหนังสือคำสั่งเรียบร้อยแล้ว และจะส่งให้ผู้ประกอบการทุกรายในวันที่ 10 กันยายนนี้
นอกจากนี้ทางผู้บริหารช่อง 3 ได้ติดต่อมาทาง พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. อย่างไม่เป็นทางการด้วยวาจาทางโทรศัพท์แล้ว ระบุว่า เร็วๆ นี้ ช่อง 3 จะส่งหนังสืออุทธรณ์ผลกระทบจากคำสั่งทางปกครอง กสทช. ส่งไปให้ผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีจากการไม่ให้นำช่อง 3 ระบบอนาล็อกไปออกอากาศมายัง กสทช. พร้อมทั้งจะหาโอกาสเหมาะสมเดินทางเข้ามาหารือในเรื่องดังกล่าวกับประธาน กสทช. หากช่อง 3 ยื่นหนังสืออุทธรณ์อย่างเป็นทางการเข้ามา ทางสำนักงาน กสทช.จะเสนอหารือในที่ประชุมบอร์ด กสทช. วันที่ 17 กันยายนนี้ เพื่อหาทางออกของปัญหาร่วมกันอีกครั้งในที่ประชุมบอร์ด กสทช.
@ ดาวเทียม-เคเบิลแนะถกร่วม
นายมานพ โตการค้า ประธานชมรมโครงข่ายทีวีดาวเทียม และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด กล่าวว่า ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมได้รับการแจ้งทางโทรศัพท์จากลูกค้าจำนวนมากสอบถามถึงกรณีมติบอร์ด กสท. จะทำให้ช่อง 3 อนาล็อกหายไปจากทีวีดาวเทียม เบื้องต้น
ทางผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งตามมติบอร์ด กสท. แต่ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม มีจุดยืนต้องการให้ทั้ง กสท. และช่อง 3 หารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ส่วนผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี จะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปนั้น จะขอไปหารือร่วมกันอีกครั้ง
นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญเคเบิลทีวี จำกัด กล่าวว่า จากการพูดคุยกับทางช่อง 3 ยังมีท่าทีชัดเจนในการไม่ออกอากาศคู่ขนานทั้งในระบบทีวีอนาล็อกและทีวีดิจิตอล หรืออย่างน้อยหากยอมออกอากาศคู่ขนานก็จะดำเนินการในอีก 5-6 ปี แต่ไม่ใช่ตอนนี้ จากการที่ช่อง 3 ไม่ออกอากาศคู่ขนาน และทาง กสท.ก็ไม่สามารถบังคับช่อง 3 ได้ สุดท้ายจึงต้องมาบังคับผู้ประกอบการแทน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังคงไม่เข้าใจหากช่อง 3 ในระบบอนาล็อกหายไปจากหน้าจอ หากหนังสือคำสั่งยุติออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก บนทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีจากสำนักงาน กสทช.มาถึง คงต้องปฏิบัติตาม โดยจะขึ้นตัวหนังสือระบุว่า การดำเนินการยุติออกอากาศช่อง 3 เป็นไปตามคำสั่ง กสทช. หากมีข้อสงสัยให้สอบถามไปยังสำนักงาน กสทช.ที่เบอร์ 1200
@ ยื่นคัดค้านจัดช่องดิจิตอลใหม่
วันเดียวกัน ตัวแทนผู้ประกอบการผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียม นำโดย นายมานพ โตการค้า ประธานชมรมโครงข่ายทีวีดาวเทียม และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด รวมทั้งตัวแทนผู้ประกอบการดาวเทียม อาทิ พีเอสไอ ซีทีเอช และบิ๊ก 4 ได้เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านมติกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ.2556 และให้จัดทำประกาศจัดเรียงช่องใหม่แก่ กสท. โดยมีนายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ เป็นผู้รับหนังสือ
นายมานพ โตการค้า ประธานชมรมโครงข่ายทีวีดาวเทียม และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมมายื่นหนังสือคัดค้านครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าบอร์ด กสท.ได้มีมติให้จัดทำประกาศ กสทช.ฉบับใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงการจัดลำดับช่องรายการทีวีดิจิตอลทั้ง 36 ช่อง ได้รับการคุ้มครองให้ออกอากาศทุกช่องทาง ตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปหรือมัสต์แคร์รี่ ประกาศฉบับเดิมให้ผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี นำสัญญาณช่องรายการทีวีดิจิตอลทั้ง 36 ช่อง ไปออกอากาศในหมายเลขที่ 11-46 และให้ผู้ให้บริการโครงข่ายสามารถคัดเลือกช่องรายการไปออกอากาศในหมายเลข 1-10 เองได้ แต่ประกาศฉบับใหม่ได้เปลี่ยนให้ช่องรายการทีวีดิจิตอลทั้ง 36 ช่อง อยู่ในลำดับที่ 1-36
@ ขู่ฟ้องศาลขอความเป็นธรรม
นายมานพกล่าวว่า กรณีดังกล่าวผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีเห็นว่าการมีมติให้จัดเรียงช่องใหม่นั้นไม่เป็นธรรมต่อโครงข่าย เพราะที่ผ่านมาผู้ให้บริการโครงข่ายได้ลงทุนระบบไปแล้ว มีการทำประชาสัมพันธ์เรื่องตำแหน่งช่องรายการในหมายเลขต่างๆ อีกทั้งลูกค้าสามารถจดจำหมายเลขช่องที่ตนเองต้องการรับชมได้แล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงลูกค้าอาจเกิดความสับสนได้ ทางผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีจึงต้องการให้ดำเนินการตามประกาศฉบับเดิม ที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการโครงข่ายทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาได้แล้ว แต่หากออกประกาศฉบับใหม่ออกมาอีก คงเป็นการยากจะปฏิบัติตาม
นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการออกประกาศจัดเรียงช่องแบบใหม่ของ กสท. เนื่องจากเป็นการบีบบังคับให้ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมนำทรัพยากรที่ลงทุนไป มาใช้สนับสนุนคู่แข่งในตลาดคือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ทั้งที่ผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิตอลประมูลช่องมากลับได้สิทธิพิเศษ ทั้งการแจกคูปองเงินสนับสนุนค่าอุปกรณ์รับชมฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำช่องรายการของตนเองไปออกบนทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ทั้งที่สิ่งผู้ประกอบการช่องรายการทีวีดิจิตอลประมูลมาได้คือการให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ฉะนั้น จึงไม่ควรเกี่ยวข้องกับทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี เป็นคู่แข่งกันในตลาด
"ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียมในครั้งนี้อย่าเพิ่งพูดถึงเลย อยากให้มองเรื่องความเป็นธรรมก่อน ครั้งนี้เป็นการยื่นหนังสือคัดค้าน คัดค้านการทำประชาพิจารณ์ แต่หากยังมีประกาศ กสทช.เรื่องนี้เกิดขึ้น คงต้องฟ้องร้องต่อศาลในขั้นตอนสุดท้าย" นายสมพรกล่าว
@ วอนเห็นใจลูกค้าจ่ายรายเดือน
นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญเคเบิลทีวี จำกัด กล่าวว่า ในการออกอากาศทั้ง 36 ช่องทีวีดิจิตอล ตามคำสั่ง กสทช. ปัจจุบันผู้ประกอบการเคเบิลทีวีแต่ละรายปัจจุบันมีอยู่ราว 300 ราย ต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเองในการส่งสัญญาณภาพ ในอัตรา 36 ล้านบาทต่อเดือน ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าประกาศ กสทช. เรื่องจัดเรียงช่องรายการนั้น ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการโครงข่ายมาตั้งแต่ต้นแล้ว ที่ผ่านมาทางผู้ให้บริการเคเบิลทีวีต้องรับหน้ารับคำต่อว่า และอธิบายกับลูกค้าอย่างมากมาแล้วครั้งหนึ่ง ลูกค้าของเคเบิลทีวีนั้นแทบทั้งหมดเป็นลูกค้าเสียค่าบริการรายเดือน จึงต้องคำนึงถึงการให้บริการเป็นสำคัญด้วย การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดต่างๆ อยากให้ทาง กสท.มองและเห็นใจผู้บริโภคกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410340981
.....................................................................................................
ช่อง3ดิ้นขอพบ ปธ.กสทช. ถกทางออกสู้อนาล็อกจอดับ ′เคเบิลทีวี′ค้านเรียงช่องใหม่
@ กสทช.แจงถอดช่อง3อนาล็อก
เมื่อวันที่ 9 กันยายน จากกรณีเกิดข้อถกเถียงกันระหว่างช่อง 3 และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ทำให้ประชาชนสับสนว่าทำไมช่อง 3 ถึงออกอากาศในระบบอนาล็อกผ่านโครงข่ายทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีไม่ได้
แหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวว่า สาเหตุที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ออกคำสั่งทางปกครองให้ผู้ให้บริการโครงข่ายในกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่หรือทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี นำช่อง 3 ในระบบอนาล็อก ออกจากการให้บริการโครงข่ายตนเอง เริ่มมาจากเดิมที บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด หรือผู้ให้บริการช่อง 3 ในระบบอนาล็อกได้รับการคุ้มครองให้ออกอากาศในทุกช่องทาง อาทิ ทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี ภายใต้ประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปหรือมัสต์แคร์รี่ แต่เมื่อเสร็จสิ้นการประมูลทีวีดิจิตอล และมีการออกอากาศของทีวีดิจิตอลมาสักระยะหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บอร์ด กสท.ได้มีมติยกเลิกสถานะเป็นผู้ให้บริการเป็นการทั่วไปหรือฟรีทีวี แก่ช่องทีวีในระบบอนาล็อกทั้ง 6 ช่อง ได้แก่ 3 5 7 9 11 และไทยพีบีเอส เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ให้บริการเป็นการทั่วไปเป็นช่องทีวีดิจิตอลทั้ง 36 ช่องแทน ได้รับการคุ้มครองจากประกาศมัสต์แคร์รี่ ข้อ 8 ระบุว่า ผู้ทำหน้าที่ตามบทเฉพาะกาล คือทีวีอนาล็อก 6 ช่อง จะทำหน้าที่จนกว่าบอร์ด กสท. จะมีความเห็นเป็นอย่างอื่น
@ ชี้ต้องขอใบอนุญาตเปย์ทีวีใหม่
แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อบอร์ด กสท.มีมติดังกล่าวออกมา ทางช่อง 3 จึงได้ยื่นเรื่องใช้สิทธิฟ้องร้องแก่ศาลปกครองกลาง อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ต่อมาบอร์ด กสท.ได้มีมติต่ออายุสถานะการเป็นช่องรายการที่ให้บริการเป็นทั่วไป (ระบบอนาล็อก) อีก 100 วัน แก่ 6 ช่องรายการดังกล่าว และครบกำหนดเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ช่วงที่ผ่านมา 5 ช่องรายการฟรีทีวีที่ไม่ใช่ช่อง 3 ได้ดำเนินการออกอากาศในระบบดิจิตอลแล้ว พร้อมกับการออกอากาศคู่ขนานไปกับระบบอนาล็อก ดังนั้น หลังวันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป หากช่อง 3 ยังคงถ่ายทอดในระบบอนาล็อกจะไม่ได้รับการคุ้มครองตามประกาศ กสทช.เรื่องมัสต์แคร์รี่
อีกทั้งช่อง 3 ยังไม่มีใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์ในระบบบอกรับสมาชิก (เปย์ทีวี) จึงไม่สามารถออกอากาศบนทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีได้ ดังนั้น ช่อง 3 ต้องขอใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบเปย์ทีวี แต่จะส่งผลถึงการโฆษณาในระบบอนาล็อกต้องลดลงจาก 10-12 นาทีต่อชั่วโมง เหลือ 5-6 นาทีต่อชั่วโมง
@ ดูได้เฉพาะหนวดกุ้ง-ก้างปลา
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับฐานผู้ชมโทรทัศน์ในปัจจุบันจะแบ่งเป็นระบบทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีที่ช่อง 3 อนาล็อก ไม่สามารถออกอากาศได้ตามมติบอร์ด กสท.อยู่ที่ 70% หรือราว 15 ล้านครัวเรือน กลุ่มผู้ชมทีวีอนาล็อกดูผ่านเสาอากาศหนวดกุ้งและก้างปลาอยู่ที่ราว 30% หรือราว 7 ล้านครัวเรือน การที่ช่อง 3 ไม่ยอมออกอากาศคู่ขนานเช่นเดียวกับช่องทีวีอนาล็อกอื่นๆ อีก 5 ช่อง แม้ช่อง 3 จะประมูลช่องทีวีดิจิตอลได้เช่นกันในจำนวน 3 ช่อง เนื่องจากช่อง 3 ได้เลือกแล้วว่าต้องการดำเนินการตามแผนธุรกิจ ต้องการให้บริการช่องรายการกับประชาชนจำนวน 4 ช่องรายการใน 2 ช่องทางทั้งทีวีอนาล็อก และทีวีดิจิตอล
"มติบอร์ด กสท.ให้ยุติออกอากาศช่อง 3 อนาล็อกบนทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการออกอากาศภาคพื้นดินระบบอนาล็อก สามารถรับชมได้ผ่านทางเสาหนวดกุ้งหรือก้างปลา การออกอากาศภาคพื้นดินในระบบอนาล็อกนั้น ช่อง 3 ยังคงมีสัญญาสัมปทานร่วมกับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จนถึงปี 2563 จึงสามารถออกอากาศได้ต่อไปจนสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน หรือจนกว่าคู่สัญญาสัมปทานมีข้อตกลงในการยุติสัญญาร่วมกัน เพียงแต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามประกาศ กสทช.เรื่องมัสต์แคร์รี่ จึงต้องบังคับให้ผู้ให้บริการทีวีดาวเทียมและเคเบิลห้ามออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก" แหล่งข่าวกล่าว
@ กสทช.เผยช่อง3เตรียมพบปธ.
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากกรณีบอร์ด กสท.มีมติ ให้สำนักงาน กสทช.ส่งหนังสือคำสั่งทางปกครองให้แก่ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี ให้นำช่อง 3 ในระบบอนาล็อก ออกจากการให้บริการในโครงข่ายของตนเอง ล่าสุดได้มีการลงนามในหนังสือคำสั่งเรียบร้อยแล้ว และจะส่งให้ผู้ประกอบการทุกรายในวันที่ 10 กันยายนนี้
นอกจากนี้ทางผู้บริหารช่อง 3 ได้ติดต่อมาทาง พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. อย่างไม่เป็นทางการด้วยวาจาทางโทรศัพท์แล้ว ระบุว่า เร็วๆ นี้ ช่อง 3 จะส่งหนังสืออุทธรณ์ผลกระทบจากคำสั่งทางปกครอง กสทช. ส่งไปให้ผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีจากการไม่ให้นำช่อง 3 ระบบอนาล็อกไปออกอากาศมายัง กสทช. พร้อมทั้งจะหาโอกาสเหมาะสมเดินทางเข้ามาหารือในเรื่องดังกล่าวกับประธาน กสทช. หากช่อง 3 ยื่นหนังสืออุทธรณ์อย่างเป็นทางการเข้ามา ทางสำนักงาน กสทช.จะเสนอหารือในที่ประชุมบอร์ด กสทช. วันที่ 17 กันยายนนี้ เพื่อหาทางออกของปัญหาร่วมกันอีกครั้งในที่ประชุมบอร์ด กสทช.
@ ดาวเทียม-เคเบิลแนะถกร่วม
นายมานพ โตการค้า ประธานชมรมโครงข่ายทีวีดาวเทียม และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด กล่าวว่า ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมได้รับการแจ้งทางโทรศัพท์จากลูกค้าจำนวนมากสอบถามถึงกรณีมติบอร์ด กสท. จะทำให้ช่อง 3 อนาล็อกหายไปจากทีวีดาวเทียม เบื้องต้น
ทางผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งตามมติบอร์ด กสท. แต่ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม มีจุดยืนต้องการให้ทั้ง กสท. และช่อง 3 หารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ส่วนผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี จะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปนั้น จะขอไปหารือร่วมกันอีกครั้ง
นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญเคเบิลทีวี จำกัด กล่าวว่า จากการพูดคุยกับทางช่อง 3 ยังมีท่าทีชัดเจนในการไม่ออกอากาศคู่ขนานทั้งในระบบทีวีอนาล็อกและทีวีดิจิตอล หรืออย่างน้อยหากยอมออกอากาศคู่ขนานก็จะดำเนินการในอีก 5-6 ปี แต่ไม่ใช่ตอนนี้ จากการที่ช่อง 3 ไม่ออกอากาศคู่ขนาน และทาง กสท.ก็ไม่สามารถบังคับช่อง 3 ได้ สุดท้ายจึงต้องมาบังคับผู้ประกอบการแทน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังคงไม่เข้าใจหากช่อง 3 ในระบบอนาล็อกหายไปจากหน้าจอ หากหนังสือคำสั่งยุติออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก บนทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีจากสำนักงาน กสทช.มาถึง คงต้องปฏิบัติตาม โดยจะขึ้นตัวหนังสือระบุว่า การดำเนินการยุติออกอากาศช่อง 3 เป็นไปตามคำสั่ง กสทช. หากมีข้อสงสัยให้สอบถามไปยังสำนักงาน กสทช.ที่เบอร์ 1200
@ ยื่นคัดค้านจัดช่องดิจิตอลใหม่
วันเดียวกัน ตัวแทนผู้ประกอบการผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียม นำโดย นายมานพ โตการค้า ประธานชมรมโครงข่ายทีวีดาวเทียม และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด รวมทั้งตัวแทนผู้ประกอบการดาวเทียม อาทิ พีเอสไอ ซีทีเอช และบิ๊ก 4 ได้เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านมติกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ.2556 และให้จัดทำประกาศจัดเรียงช่องใหม่แก่ กสท. โดยมีนายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ เป็นผู้รับหนังสือ
นายมานพ โตการค้า ประธานชมรมโครงข่ายทีวีดาวเทียม และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมมายื่นหนังสือคัดค้านครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าบอร์ด กสท.ได้มีมติให้จัดทำประกาศ กสทช.ฉบับใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงการจัดลำดับช่องรายการทีวีดิจิตอลทั้ง 36 ช่อง ได้รับการคุ้มครองให้ออกอากาศทุกช่องทาง ตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปหรือมัสต์แคร์รี่ ประกาศฉบับเดิมให้ผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี นำสัญญาณช่องรายการทีวีดิจิตอลทั้ง 36 ช่อง ไปออกอากาศในหมายเลขที่ 11-46 และให้ผู้ให้บริการโครงข่ายสามารถคัดเลือกช่องรายการไปออกอากาศในหมายเลข 1-10 เองได้ แต่ประกาศฉบับใหม่ได้เปลี่ยนให้ช่องรายการทีวีดิจิตอลทั้ง 36 ช่อง อยู่ในลำดับที่ 1-36
@ ขู่ฟ้องศาลขอความเป็นธรรม
นายมานพกล่าวว่า กรณีดังกล่าวผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีเห็นว่าการมีมติให้จัดเรียงช่องใหม่นั้นไม่เป็นธรรมต่อโครงข่าย เพราะที่ผ่านมาผู้ให้บริการโครงข่ายได้ลงทุนระบบไปแล้ว มีการทำประชาสัมพันธ์เรื่องตำแหน่งช่องรายการในหมายเลขต่างๆ อีกทั้งลูกค้าสามารถจดจำหมายเลขช่องที่ตนเองต้องการรับชมได้แล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงลูกค้าอาจเกิดความสับสนได้ ทางผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีจึงต้องการให้ดำเนินการตามประกาศฉบับเดิม ที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการโครงข่ายทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาได้แล้ว แต่หากออกประกาศฉบับใหม่ออกมาอีก คงเป็นการยากจะปฏิบัติตาม
นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการออกประกาศจัดเรียงช่องแบบใหม่ของ กสท. เนื่องจากเป็นการบีบบังคับให้ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมนำทรัพยากรที่ลงทุนไป มาใช้สนับสนุนคู่แข่งในตลาดคือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ทั้งที่ผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิตอลประมูลช่องมากลับได้สิทธิพิเศษ ทั้งการแจกคูปองเงินสนับสนุนค่าอุปกรณ์รับชมฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำช่องรายการของตนเองไปออกบนทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ทั้งที่สิ่งผู้ประกอบการช่องรายการทีวีดิจิตอลประมูลมาได้คือการให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ฉะนั้น จึงไม่ควรเกี่ยวข้องกับทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี เป็นคู่แข่งกันในตลาด
"ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียมในครั้งนี้อย่าเพิ่งพูดถึงเลย อยากให้มองเรื่องความเป็นธรรมก่อน ครั้งนี้เป็นการยื่นหนังสือคัดค้าน คัดค้านการทำประชาพิจารณ์ แต่หากยังมีประกาศ กสทช.เรื่องนี้เกิดขึ้น คงต้องฟ้องร้องต่อศาลในขั้นตอนสุดท้าย" นายสมพรกล่าว
@ วอนเห็นใจลูกค้าจ่ายรายเดือน
นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญเคเบิลทีวี จำกัด กล่าวว่า ในการออกอากาศทั้ง 36 ช่องทีวีดิจิตอล ตามคำสั่ง กสทช. ปัจจุบันผู้ประกอบการเคเบิลทีวีแต่ละรายปัจจุบันมีอยู่ราว 300 ราย ต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเองในการส่งสัญญาณภาพ ในอัตรา 36 ล้านบาทต่อเดือน ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าประกาศ กสทช. เรื่องจัดเรียงช่องรายการนั้น ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการโครงข่ายมาตั้งแต่ต้นแล้ว ที่ผ่านมาทางผู้ให้บริการเคเบิลทีวีต้องรับหน้ารับคำต่อว่า และอธิบายกับลูกค้าอย่างมากมาแล้วครั้งหนึ่ง ลูกค้าของเคเบิลทีวีนั้นแทบทั้งหมดเป็นลูกค้าเสียค่าบริการรายเดือน จึงต้องคำนึงถึงการให้บริการเป็นสำคัญด้วย การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดต่างๆ อยากให้ทาง กสท.มองและเห็นใจผู้บริโภคกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410340981
.....................................................................................................