หลังจากที่ติดตาม Apple มาตลอด ผมเริ่มทึ่งจริง ๆ กับนวัตกรรมของ Apple. อย่างไรมาดูกัน
Apple อาจจะคิดถูกที่ไม่ได้มองว่า Smartphone จะต้องเป็นเหมือนกับ PC อีกต่อไป คอมพิวเตอร์
ควรจะทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่ต้องทำได้จริง ๆ สิ่งที่ PC หรือ Smartphone ไม่ว่าจะรุ่นไหนยี่ห้อใด
ในโลกที่ขายในตลาดยังทำไม่ได้คือ .......... “มีความปลอดภัย” และคือจุดเริ่มต้นของแผนการ
1. Apple เริ่มจากการทำให้ OS ของตัวเองนั้นรันบนอุปกรณ์ของตัวเองเท่านั้น และต้องให้ประสบการณ์ที่ยากจะปฎิเสธ
2. ตามมาด้วยการที่ให้สิทธิ์ที่จำกัดจำเขียดกับ Application อย่างที่สุด ไม่แค่เพื่อประสบการณ์ที่ดี แต่ยิ่งกว่าคือความปลอดภัย
3. และตามด้วยการให้สิทธิ์เจ้าของ อุปกรณ์ เสมือนเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวได้ ถึงแม้อุปกรณ์นั้นจะถูกโจรกรรม
4. หลังจากปูทางทุกสิ่งอย่างมาเป็นอย่างดี (ไม่มีเจ้าไหนทำได้) Apple ก็พร้อมที่จะใช้มันจริง ๆ และนี่คือแผนการของ Apple
4.1 ใช้มันเป็นกระเป๋าสตางค์ ความปลอดภัยสูง และถ้าทำจริง ๆ มันต้องปลอดภัยกว่า Credit card แถบแม่เหล็ก
และใช่ มันทำได้แล้วในวันนี้ ด้วย touch ID อนาคต มันจะต้องปลอดภัยกว่านี้ และ upgradable
4.2 มันสามารถแสดงตัวตนผู้ใช้ได้ ในระดับที่เข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพ แน่นอน อุตสาหกรรม ยา และ การแพทย์
ในอนาคต Apple จะต้องเป็นตัวแปรสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Helth Kit คือเครื่องมือสำคัญในแผนการนี้
4.3 Apple เริ่มจากการสร้าง Home Kit หากมี Home kit เมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ มันคือแค่ของเล่น แต่วันนี้ ด้วย
Touch ID เปลี่ยนให้สิ่งสำคัญ ๆ ในบ้านสามารถใช้ลายนิ้วมือในการรักษาความปลอดภัยได้ ...
ความปลอดภัยของ Apple มาเป็นที่ หนึ่ง และถึงแม้ว่า อุปกรณ์ Smart Phone , Tablet ของ Apple จะไม่ได้มี CPU RAM
ที่แรงที่สุด แต่ Performance ของมันคือที่สุด.. นั่นทำให้ Keynote พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า นี่คือ The best Smart Phone.
ผมมองว่า keynote ครั้งก่อนหน้าที่ผ่านมาหลายคนมองว่าไม่น่าตื่นเต้นอะไร ดูกันตื้น ๆ ก็คือไม่มีอะไรใหม่ให้ซื้อว่างั้นเถอะ
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ของวงการ เพราะอะไรงั้นหรอ เพราะก่อนหน้านั้นคือการเปิดตัว Touch ID ซึ่งทุกคนคงคิดว่า
มีไว้ทำไม ??? ซึ่งการเปิดตัว API จำนวนมาก , ภาษาใหม่ , เอ็นจิ้นใหม่ ก็คือคำตอบต่อเนื่องมาถึงครั้งล่าสุดที่ Apple ได้
เปิดตัว Apple Pay. (จริง ต้องมองว่า Apple ฉลาดมากในการหากำไรเข้าบริษัท) สำหรับผมเขาวางแผนมาเป็นอย่างดี ที่
จะทำให้
“iPhone จะถูกเรียกว่า นวัตกรรมตอลดไป”
สิ่งที่ Apple ทำออกมาวันนี้ ทั้ง apple watch , iPhone , iPad , Macbook air , Macbook Pro , Macmini , Mac Pro
ก็ไม่ใช่ว่าจะชาญฉลาดไปกว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในท้องตลาดตัวอื่น ๆ ออกจะ Overprice ไปเสียด้วยซ้ำ
มันคงดูตื้นเขินถ้าบอกว่าใครกำลังลอกใครอยู่ เพราะ ในวงการ IT มีอะไรให้คิดมากกว่าแค่ทำให้อุปกรณ์แรงขึ้น
เพราะถ้าแค่นั้นก็คงไม่ต้องใช้วิศกร ไอที โปรแกรมเมอร์ เป็นพัน ๆ คน
แต่ถ้าคุณมองลึกลงไปกับสิ่งที่ Apple คิดค้นออกมา ผมว่า Apple คิดเยอะมากจริง ๆ
ยอมรับว่า keynote ที่เพิ่งจบลงไป ประทับใจจริง ๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เผื่อว่าใครยังไม่ทราบ Apple จับมือกับ IBM เมื่อไม่นานมานี้ และนี่อาจจะเป็นอนาคตของเรา
บางคนอาจจะมองว่า Apple deal กับ IBM เพราะอยากเข้าสู่ตลาด Enterprise ซึ่งนั่นก็ใช่
แต่ IBM มีสิ่งหนึ่งที่เราอาจจะยังไม่รู้กัน นั่นคือ “WATSON”
คุณคงรู้จัก Siri , Cortana หรือแม้แต่ Google now คุณคิดว่ามันฉลาดแล้ว แต่ผิดถนัด
ทั้งหมดนั้นเป็นแค่ผิวบาง ๆ ที่ฉาบอยู่บน ระบบ ปัญญาประดิษฐ์ ที่เราเคยจินตนาการใน
หนังฮอลลีวูด
จินตนาการถึง คอมพิวเตอร์ที่มีเหตุผล มีคลังข้อมูลเป็นโลกทั้งใบ และใช่มันสื่อสารกับมนุษย์ได้
มันเรียนรู้ และมันฉลาดถึงขนาดที่แทนที่มนุษย์ได้ (บางคนอาจจะเรียกมันว่าพระเจ้า)
วันนี้ มันอยู่ในมือของ IBM และใช่ Apple ก็จับมือเลียแข้งเลียขากันมาสักพักแล้ว
มาลองทำความรู้จักกับ Watson กัน ถ้าจะมีอะไรให้ผมคิดถึงอนาคตของ Apple ได้
อย่างระทึกใจ มากที่สุดในเวลานี้ ก็คงเป็นเจ้าสิ่งนี้
http://www.youtube.com/watch?v=Y_cqBP08yuA
นวัตกรรมของ Apple
Apple อาจจะคิดถูกที่ไม่ได้มองว่า Smartphone จะต้องเป็นเหมือนกับ PC อีกต่อไป คอมพิวเตอร์
ควรจะทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่ต้องทำได้จริง ๆ สิ่งที่ PC หรือ Smartphone ไม่ว่าจะรุ่นไหนยี่ห้อใด
ในโลกที่ขายในตลาดยังทำไม่ได้คือ .......... “มีความปลอดภัย” และคือจุดเริ่มต้นของแผนการ
1. Apple เริ่มจากการทำให้ OS ของตัวเองนั้นรันบนอุปกรณ์ของตัวเองเท่านั้น และต้องให้ประสบการณ์ที่ยากจะปฎิเสธ
2. ตามมาด้วยการที่ให้สิทธิ์ที่จำกัดจำเขียดกับ Application อย่างที่สุด ไม่แค่เพื่อประสบการณ์ที่ดี แต่ยิ่งกว่าคือความปลอดภัย
3. และตามด้วยการให้สิทธิ์เจ้าของ อุปกรณ์ เสมือนเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวได้ ถึงแม้อุปกรณ์นั้นจะถูกโจรกรรม
4. หลังจากปูทางทุกสิ่งอย่างมาเป็นอย่างดี (ไม่มีเจ้าไหนทำได้) Apple ก็พร้อมที่จะใช้มันจริง ๆ และนี่คือแผนการของ Apple
4.1 ใช้มันเป็นกระเป๋าสตางค์ ความปลอดภัยสูง และถ้าทำจริง ๆ มันต้องปลอดภัยกว่า Credit card แถบแม่เหล็ก
และใช่ มันทำได้แล้วในวันนี้ ด้วย touch ID อนาคต มันจะต้องปลอดภัยกว่านี้ และ upgradable
4.2 มันสามารถแสดงตัวตนผู้ใช้ได้ ในระดับที่เข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพ แน่นอน อุตสาหกรรม ยา และ การแพทย์
ในอนาคต Apple จะต้องเป็นตัวแปรสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Helth Kit คือเครื่องมือสำคัญในแผนการนี้
4.3 Apple เริ่มจากการสร้าง Home Kit หากมี Home kit เมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ มันคือแค่ของเล่น แต่วันนี้ ด้วย
Touch ID เปลี่ยนให้สิ่งสำคัญ ๆ ในบ้านสามารถใช้ลายนิ้วมือในการรักษาความปลอดภัยได้ ...
ความปลอดภัยของ Apple มาเป็นที่ หนึ่ง และถึงแม้ว่า อุปกรณ์ Smart Phone , Tablet ของ Apple จะไม่ได้มี CPU RAM
ที่แรงที่สุด แต่ Performance ของมันคือที่สุด.. นั่นทำให้ Keynote พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า นี่คือ The best Smart Phone.
ผมมองว่า keynote ครั้งก่อนหน้าที่ผ่านมาหลายคนมองว่าไม่น่าตื่นเต้นอะไร ดูกันตื้น ๆ ก็คือไม่มีอะไรใหม่ให้ซื้อว่างั้นเถอะ
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ของวงการ เพราะอะไรงั้นหรอ เพราะก่อนหน้านั้นคือการเปิดตัว Touch ID ซึ่งทุกคนคงคิดว่า
มีไว้ทำไม ??? ซึ่งการเปิดตัว API จำนวนมาก , ภาษาใหม่ , เอ็นจิ้นใหม่ ก็คือคำตอบต่อเนื่องมาถึงครั้งล่าสุดที่ Apple ได้
เปิดตัว Apple Pay. (จริง ต้องมองว่า Apple ฉลาดมากในการหากำไรเข้าบริษัท) สำหรับผมเขาวางแผนมาเป็นอย่างดี ที่
จะทำให้
“iPhone จะถูกเรียกว่า นวัตกรรมตอลดไป”
สิ่งที่ Apple ทำออกมาวันนี้ ทั้ง apple watch , iPhone , iPad , Macbook air , Macbook Pro , Macmini , Mac Pro
ก็ไม่ใช่ว่าจะชาญฉลาดไปกว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในท้องตลาดตัวอื่น ๆ ออกจะ Overprice ไปเสียด้วยซ้ำ
มันคงดูตื้นเขินถ้าบอกว่าใครกำลังลอกใครอยู่ เพราะ ในวงการ IT มีอะไรให้คิดมากกว่าแค่ทำให้อุปกรณ์แรงขึ้น
เพราะถ้าแค่นั้นก็คงไม่ต้องใช้วิศกร ไอที โปรแกรมเมอร์ เป็นพัน ๆ คน
แต่ถ้าคุณมองลึกลงไปกับสิ่งที่ Apple คิดค้นออกมา ผมว่า Apple คิดเยอะมากจริง ๆ
ยอมรับว่า keynote ที่เพิ่งจบลงไป ประทับใจจริง ๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เผื่อว่าใครยังไม่ทราบ Apple จับมือกับ IBM เมื่อไม่นานมานี้ และนี่อาจจะเป็นอนาคตของเรา
บางคนอาจจะมองว่า Apple deal กับ IBM เพราะอยากเข้าสู่ตลาด Enterprise ซึ่งนั่นก็ใช่
แต่ IBM มีสิ่งหนึ่งที่เราอาจจะยังไม่รู้กัน นั่นคือ “WATSON”
คุณคงรู้จัก Siri , Cortana หรือแม้แต่ Google now คุณคิดว่ามันฉลาดแล้ว แต่ผิดถนัด
ทั้งหมดนั้นเป็นแค่ผิวบาง ๆ ที่ฉาบอยู่บน ระบบ ปัญญาประดิษฐ์ ที่เราเคยจินตนาการใน
หนังฮอลลีวูด
จินตนาการถึง คอมพิวเตอร์ที่มีเหตุผล มีคลังข้อมูลเป็นโลกทั้งใบ และใช่มันสื่อสารกับมนุษย์ได้
มันเรียนรู้ และมันฉลาดถึงขนาดที่แทนที่มนุษย์ได้ (บางคนอาจจะเรียกมันว่าพระเจ้า)
วันนี้ มันอยู่ในมือของ IBM และใช่ Apple ก็จับมือเลียแข้งเลียขากันมาสักพักแล้ว
มาลองทำความรู้จักกับ Watson กัน ถ้าจะมีอะไรให้ผมคิดถึงอนาคตของ Apple ได้
อย่างระทึกใจ มากที่สุดในเวลานี้ ก็คงเป็นเจ้าสิ่งนี้
http://www.youtube.com/watch?v=Y_cqBP08yuA