จากบทวิเคราะห์ก่อนหน้าที่ผมได้เล่าถึงประวัติศาสตร์อันแสนโหดมันฮาของ TT&T และ JAS กันไปแล้ว เรามาต่อกันในเรื่องของคดีความกันดีกว่าครับ ซึ่ง.. ผมไม่รู้หรอกว่าใครจะชนะคดีนี้ เอ้า !
แต่ผมจะมาสรุปถึง "ข้อสรุปที่อาจเป็นไปได้" ในการตัดสินคดีของ 3BB เจ้าปัญหา ว่าน้องนางจะได้ไปอยู่กับคนรักเก่า (TT&T) หรือคนรักใหม่ (JAS) หรืออยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคนกันแน่ !?
(อ่านบทวิเคราะห์อันเก่าก่อนนะครับ ไม่งั้นบทวิเคราะห์อันนี้อาจทำให้คุณตายได้เบย ตามนี้ครัชช
http://pantip.com/topic/32557095 )
ข้อมูลที่ผมจะหยิบยกขึ้นมาสรุปนั้นมาจากบทวิเคราะห์ของ Maybank Kimeng ครับ พอดีผมเจอในระหว่างที่หาข้อมูลเพื่อเขียนบทความเกี่ยวกับหุ้น JAS อันแรก ซึ่ง ! แค่ชื่อของบทวิเคราะห์อันนี้ก็น่าสนใจแล้ว
โดยได้พาดหัวไว้ว่า "เมื่อมีความไม่แน่นอน ..ขาย.. คือทางออกที่ดีที่สุด"
แหม่ เกริ่นพาดหัวซะขนาดนี้ถ้าไม่อ่านก็คงไม่ใช่ผมเป็นแน่ หลังจากอ่านไปได้สักพัก ทางนักวิเคราะห์ของกิมเองได้สรุปผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้ของคดีฟ้องร้องบรรลือโลกครั้งนี้ โดยแบ่งได้เป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ
1. หากศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว (คุ้มครองหุ้น 70% ของ TTTBB ตามที่ TT&T เรียกร้อง) จะกระทบต่อ JAS อย่างแน่นอนครับ เพราะบริษัทจะไม่สามารถตั้งกองทุนได้เลยจนกว่าศาลจะตัดสินคดี นั่นหมายถึงเงินก้อนใหญ่ที่ JAS หวังไว้จะมลายหายไปในอากาศ..
แต่ๆๆ ผลลัพธ์ในส่วนนี้ไม่ได้มีแค่การถูกศาลคุ้มครองหุ้นทั้งหมด 70% ล้วนๆ นะครับ ผลลัพธ์ย่อยที่ทางนักวิเคราะห์ได้สรุปมาก็มีอีกและไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว (หมายถึงที่เลวร้ายกว่านี้ก็มีนะ - -) มีดังนี้ครับ
1.1 ศาลมีสิทธิสั่งคุ้มครองและอาจสั่งไม่ให้ JAS รับรู้รายได้จาก TTTBB
ซึ่งถ้ามีคำตัดสินดังนี้.. "โกยเถอะโยม" ครับ 555+ เพราะรายได้กว่า 85% ของ JAS มาจากบริษัท TTTBB การที่ศาลสั่งห้ามรับรู้รายได้ เท่ากับว่าเครื่องจักรผลิตเงินสดของบริษัทถูกทำลายไปแล้วนั่นเอง
1.2 หากศาลสั่งคุ้มครอง 70% ตามที่ TT&T ร้องขอ แต่อีก 30% ที่เหลืออนุญาตให้ JAS สามารถรับรู้รายได้ได้เหมือนเดิม (เพราะบริษัทลูกของ JAS ถือหุ้นใน TTTBB เกือ 100% ในขณะที่ TT&T ฟ้องต่อศาลให้คุ้มครองแค่ร้อยละ 70)
แม้ผลลัพธ์ในข้อนี้อาจไม่ดูเลวร้ายเท่ากับข้อ 1.1 แต่ก็เลวร้ายมากพอที่ทำให้ราคาหุ้นโดนกดไปได้แบบเละเทะเช่นกัน
อาจจะงงๆ ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ ในบทวิเคราะห์ของกิมเองคาดว่าปี 58 JAS จะมีกำไรประมาณ 4,155 ล้านบาท หากศาลบอก JAS ว่า "ชั้นคุ้มครองหุ้น 70% นะ แต่อีก 30% ชั้นให้เธอไปรับรู้รายได้ละกันจะได้ไม่ดูใจร้ายเกินไป" เท่ากับว่ากำไรจำนวนนั้นทางบริษัทจะมีส่วนแบ่งเพียงแค่ 30% นั่นเอง
และสรุปง่ายๆ ครับ กำไรที่น้อยลง ราคาหุ้นก็จะน้อยลงตามไปเช่นกัน จะว่าไปผลลัพธ์ก็ไม่ค่อยต่างกับข้อแรกเท่าไหร่เลย T-T
1.3 หากศาลคุ้มครองชั่วคราวแต่อนุญาตให้ทำธุรกิจต่อได้ !!
ความหมายตรงตัวครับ JAS สามารถใช้ TTTBB ทำเงินได้เหมือนเดิม รับรู้รายได้เหมือนเดิม แต่ห้ามออกกองทุนตามที่วางแผนไว้ ในกรณีนี้พื้นฐานจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ เพียงแค่อาจกระทบจิตใจอันหวั่นไหวของนักลงทุนให้ว้าวุ่นเล่นๆ ในระยะสั้นเท่านั้น
สำหรับผมเองถ้าหากผลลัพธ์เป็นแบบข้อ 1.3 จริงๆ ผมคิดว่านี้คงเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่ดีมากถึงมากที่สุดครับ แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่คือ ในอนาคตศาลสามารถสั่งให้ JAS ขายหุ้น TTTBB คืนได้เช่นกัน และถึงตอนนั้นก็ต้องตัวใครตัวมันนะคะ - -
โอ้ จบข้อ 1 ใหญ่ไปแล้ว มีแต่เรื่องร้ายๆ เต็มไปหมดเลย ท่าทาง JAS คงจะถึงจุดจบเป็นแน่แท้ใช่หรือไม่.. ยังครับ อย่าลืมว่ายังมีข้อ 2 ใหญ่ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ใครๆ ก็อยากให้เกิดมากที่สุด นั่นคือ !!
2. ศาลไม่คุ้มครอง TTTBB ชั่วคราวตามที่ TT&T ร้องขอ
จะทำให้ทาง JAS สามารถทำมิดีมิร้ายกับ TTTBB ยังไงก็ได้ รับส่วนแบ่งรายได้เหมือนเดิม และที่สำคัญ ออกกองทุนได้ด้วย ! ซึ่งหากผลลัพธ์เป็นแบบนี้จริงๆ ราคาหุ้นย่อมกลับไปอยู่ที่จุดเดิมในไม่ช้า
ทั้งหมดที่ผมพูดมาคือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหลังการตัดสินคดีครับ แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมเองก็มองไม่ออกเหมือนกันว่าที่สุดแล้วคดีจะมีสิทธิ์จบแบบไหน เพราะต้องยอมรับแบบไม่ปิดบังครับว่ามีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวพอสมควร ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผันผวนและแปรปรวนยิ่งกว่าตลาดหุ้นมากนัก
และมีบางคนครับที่ตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้ศาลจะตัดสินให้ JAS คืน TTTBB ให้กับ TT&T จริง แต่ก็คงเป็นบริษัทเปล่าๆ ที่ไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะในระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำสั่งใดๆ JAS สามารถย้ายทรัพย์สินไปอยู่ที่อื่นได้แบบง่ายๆ
ต้องติดตามดูกันต่อไปครับ นี่คือหุ้นอีกบริษัทนึงที่เราเดาอะไรไม่ได้จริงๆ ลงทุนกันด้วยความระมัดระวังนะครับผู้อ่านผู้น่ารัก :3
ปล. บทวิเคราะห์ของกิมเอง "ต้องอ่าน" ครับ ถ้าไม่อ่านนี่ผมร้องไห้เลยนะ เป็นบทวิเคราะห์ที่มันส์จริงๆ ครับ 555+
http://www.settrade.com/brokerpage/AnalystConsensus/Research/mbket_jas.pdf
=====================================
อ่านบทวิเคราะห์อื่นเพิ่มเติมได้ที่
Tm-Thailand.com
ศึกชิงนาง 3BB ใครเล่าจะได้ใจเธอไปครอง !
แต่ผมจะมาสรุปถึง "ข้อสรุปที่อาจเป็นไปได้" ในการตัดสินคดีของ 3BB เจ้าปัญหา ว่าน้องนางจะได้ไปอยู่กับคนรักเก่า (TT&T) หรือคนรักใหม่ (JAS) หรืออยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคนกันแน่ !?
(อ่านบทวิเคราะห์อันเก่าก่อนนะครับ ไม่งั้นบทวิเคราะห์อันนี้อาจทำให้คุณตายได้เบย ตามนี้ครัชช http://pantip.com/topic/32557095 )
ข้อมูลที่ผมจะหยิบยกขึ้นมาสรุปนั้นมาจากบทวิเคราะห์ของ Maybank Kimeng ครับ พอดีผมเจอในระหว่างที่หาข้อมูลเพื่อเขียนบทความเกี่ยวกับหุ้น JAS อันแรก ซึ่ง ! แค่ชื่อของบทวิเคราะห์อันนี้ก็น่าสนใจแล้ว
โดยได้พาดหัวไว้ว่า "เมื่อมีความไม่แน่นอน ..ขาย.. คือทางออกที่ดีที่สุด"
แหม่ เกริ่นพาดหัวซะขนาดนี้ถ้าไม่อ่านก็คงไม่ใช่ผมเป็นแน่ หลังจากอ่านไปได้สักพัก ทางนักวิเคราะห์ของกิมเองได้สรุปผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้ของคดีฟ้องร้องบรรลือโลกครั้งนี้ โดยแบ่งได้เป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ
1. หากศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว (คุ้มครองหุ้น 70% ของ TTTBB ตามที่ TT&T เรียกร้อง) จะกระทบต่อ JAS อย่างแน่นอนครับ เพราะบริษัทจะไม่สามารถตั้งกองทุนได้เลยจนกว่าศาลจะตัดสินคดี นั่นหมายถึงเงินก้อนใหญ่ที่ JAS หวังไว้จะมลายหายไปในอากาศ..
แต่ๆๆ ผลลัพธ์ในส่วนนี้ไม่ได้มีแค่การถูกศาลคุ้มครองหุ้นทั้งหมด 70% ล้วนๆ นะครับ ผลลัพธ์ย่อยที่ทางนักวิเคราะห์ได้สรุปมาก็มีอีกและไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว (หมายถึงที่เลวร้ายกว่านี้ก็มีนะ - -) มีดังนี้ครับ
1.1 ศาลมีสิทธิสั่งคุ้มครองและอาจสั่งไม่ให้ JAS รับรู้รายได้จาก TTTBB
ซึ่งถ้ามีคำตัดสินดังนี้.. "โกยเถอะโยม" ครับ 555+ เพราะรายได้กว่า 85% ของ JAS มาจากบริษัท TTTBB การที่ศาลสั่งห้ามรับรู้รายได้ เท่ากับว่าเครื่องจักรผลิตเงินสดของบริษัทถูกทำลายไปแล้วนั่นเอง
1.2 หากศาลสั่งคุ้มครอง 70% ตามที่ TT&T ร้องขอ แต่อีก 30% ที่เหลืออนุญาตให้ JAS สามารถรับรู้รายได้ได้เหมือนเดิม (เพราะบริษัทลูกของ JAS ถือหุ้นใน TTTBB เกือ 100% ในขณะที่ TT&T ฟ้องต่อศาลให้คุ้มครองแค่ร้อยละ 70)
แม้ผลลัพธ์ในข้อนี้อาจไม่ดูเลวร้ายเท่ากับข้อ 1.1 แต่ก็เลวร้ายมากพอที่ทำให้ราคาหุ้นโดนกดไปได้แบบเละเทะเช่นกัน
อาจจะงงๆ ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ ในบทวิเคราะห์ของกิมเองคาดว่าปี 58 JAS จะมีกำไรประมาณ 4,155 ล้านบาท หากศาลบอก JAS ว่า "ชั้นคุ้มครองหุ้น 70% นะ แต่อีก 30% ชั้นให้เธอไปรับรู้รายได้ละกันจะได้ไม่ดูใจร้ายเกินไป" เท่ากับว่ากำไรจำนวนนั้นทางบริษัทจะมีส่วนแบ่งเพียงแค่ 30% นั่นเอง
และสรุปง่ายๆ ครับ กำไรที่น้อยลง ราคาหุ้นก็จะน้อยลงตามไปเช่นกัน จะว่าไปผลลัพธ์ก็ไม่ค่อยต่างกับข้อแรกเท่าไหร่เลย T-T
1.3 หากศาลคุ้มครองชั่วคราวแต่อนุญาตให้ทำธุรกิจต่อได้ !!
ความหมายตรงตัวครับ JAS สามารถใช้ TTTBB ทำเงินได้เหมือนเดิม รับรู้รายได้เหมือนเดิม แต่ห้ามออกกองทุนตามที่วางแผนไว้ ในกรณีนี้พื้นฐานจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ เพียงแค่อาจกระทบจิตใจอันหวั่นไหวของนักลงทุนให้ว้าวุ่นเล่นๆ ในระยะสั้นเท่านั้น
สำหรับผมเองถ้าหากผลลัพธ์เป็นแบบข้อ 1.3 จริงๆ ผมคิดว่านี้คงเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่ดีมากถึงมากที่สุดครับ แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่คือ ในอนาคตศาลสามารถสั่งให้ JAS ขายหุ้น TTTBB คืนได้เช่นกัน และถึงตอนนั้นก็ต้องตัวใครตัวมันนะคะ - -
โอ้ จบข้อ 1 ใหญ่ไปแล้ว มีแต่เรื่องร้ายๆ เต็มไปหมดเลย ท่าทาง JAS คงจะถึงจุดจบเป็นแน่แท้ใช่หรือไม่.. ยังครับ อย่าลืมว่ายังมีข้อ 2 ใหญ่ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ใครๆ ก็อยากให้เกิดมากที่สุด นั่นคือ !!
2. ศาลไม่คุ้มครอง TTTBB ชั่วคราวตามที่ TT&T ร้องขอ
จะทำให้ทาง JAS สามารถทำมิดีมิร้ายกับ TTTBB ยังไงก็ได้ รับส่วนแบ่งรายได้เหมือนเดิม และที่สำคัญ ออกกองทุนได้ด้วย ! ซึ่งหากผลลัพธ์เป็นแบบนี้จริงๆ ราคาหุ้นย่อมกลับไปอยู่ที่จุดเดิมในไม่ช้า
ทั้งหมดที่ผมพูดมาคือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหลังการตัดสินคดีครับ แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมเองก็มองไม่ออกเหมือนกันว่าที่สุดแล้วคดีจะมีสิทธิ์จบแบบไหน เพราะต้องยอมรับแบบไม่ปิดบังครับว่ามีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวพอสมควร ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผันผวนและแปรปรวนยิ่งกว่าตลาดหุ้นมากนัก
และมีบางคนครับที่ตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้ศาลจะตัดสินให้ JAS คืน TTTBB ให้กับ TT&T จริง แต่ก็คงเป็นบริษัทเปล่าๆ ที่ไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะในระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำสั่งใดๆ JAS สามารถย้ายทรัพย์สินไปอยู่ที่อื่นได้แบบง่ายๆ
ต้องติดตามดูกันต่อไปครับ นี่คือหุ้นอีกบริษัทนึงที่เราเดาอะไรไม่ได้จริงๆ ลงทุนกันด้วยความระมัดระวังนะครับผู้อ่านผู้น่ารัก :3
ปล. บทวิเคราะห์ของกิมเอง "ต้องอ่าน" ครับ ถ้าไม่อ่านนี่ผมร้องไห้เลยนะ เป็นบทวิเคราะห์ที่มันส์จริงๆ ครับ 555+ http://www.settrade.com/brokerpage/AnalystConsensus/Research/mbket_jas.pdf
=====================================
อ่านบทวิเคราะห์อื่นเพิ่มเติมได้ที่ Tm-Thailand.com