ผมก็กำลังมีแผนจะแต่งงาน เพื่อนสนิทคนนี้เค้ามาปรึกษาผมฐานะที่คิดว่าผมจะมีประสบการณ์มากกว่ามัน หารู้ไม่ตรูก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย
ที่ผมเอามาโพสผมขออนุญาติเพื่อนผมแล้ว เพราะทั้งเพื่อนผมและแฟนมันไม่ได้ใช้พันทิป
เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนผม(ชาย) คบหากับแฟนมันมากหลายปี วันดีคืนดีแฟนมันก็พูดเกริ่นกับเพื่อนผมสองต่อสองบ่อยครั้ง ว่า อยากแต่งงานกับเธอไหม แล้วจะได้ค่าสินสอดไหม แล้วจะได้จดทะเบียนไหม ว่าไปไอ้เพื่อนผมคนนี้ มันมีหน้าที่การงานดีมาก หน้าตาดี รูปร่างดี และ ฐานะการเงินดีมาก ขับรถยุโรป มีที่ดินหลายไร่ที่ต่างจังหวัด มีคอนโดระดับไฮเอนหลายที่ มีสาวๆมายุ่งกับมันมากมาย แต่มันก็รักเดียวใจเดียวไม่ยุ่งกับใครทั้งๆที่มันก็ทำได้ เพราะสาวๆก็มาเสนอถึงที่ ผมยังอิจฉามันเลย และอีกประเด็นเรื่องแฟนของมัน คือ เธอไม่อยากมีลูก ซึ่งไอ้เพื่อนผมก็อยากมีลูกนะ แต่มันก็บอกว่าไม่มีก็ได้หว่ะ ผมก็งงๆมันว่าทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้น้า แต่มันบอกว่ามันรักคนนี้ คนนี้เข้าใจมันสุด มันต้องปรับตัวน้อยสุดแล้ว
มันมาปรึกษาผมว่ามันควรจะคุยกับแฟนมันอย่างไรดี จริงๆมันกับผมคิดคล้ายๆกันว่า จริงๆ คนเรารักกันก็อยู่ด้วยกันได้ มีลูกด้วยกัน เรื่องพิธีก็จัดให้เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว แต่มันอึ้งงงกับคำถามและไอเดียของแฟนมันเข้า ซึ่งผมก็อึ้งงงกันไปว่าทำไมผู้หญิงที่รักกัน เธอคิดอย่างไรกับคำพูดที่เค้าพูดออกมา ผมเลยนำมาเป็นบทเรียนให้สาวๆที่คิดจะรักกับใครต้องคิดดีๆก่อนพูดนะครับ
1. เธอบอกกับเพื่อนผมว่า จะจัดงานแต่งงานไหม .... เพื่อนผมก็ตอบว่าก็จัดได้ครับ จัดพอเป็นพิธีให้ผู้ใหญ่ในครอบครัวรับรู้ได้ไหม ... เธอก็เงียบๆไป
2. เธอบอกว่า แล้วเธอจะได้จดทะเบียนสมรสไหม .... เพื่อนผม ก็ตอบว่า จดได้ครับ
3. เธอบอกว่าแล้วเธอจะได้ค่าสินสอดไหม เพื่อนผมก็ถามว่าค่าสินสอดหมายความว่าไง เธอตอบว่าเป็นเงินที่ฝ่ายชายให้เพื่อที่จะเป็นการตอบแทนคุณพ่อแม่ของฝ่ายหญิงที่เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี เพื่อนผมก็มาถามผมว่าจริงๆมันเป็นอย่างไรกัน ผมก็บอกว่าประเพณีไทยแต่ก่อนก็ประมาณนี้นะ แต่ทางปฏิบัติก็แล้วแต่แต่ละครอบครัวไป
4. เธอถามซ้ำว่าจะได้ค่าสินสอดไหม เพื่อนผมก็ถามว่าต้องเท่าไร เธอตอบว่า 3 ล้านบาท เพื่อนผมก็เงียบๆและฟังเธอต่อไป เธอบอกว่าเป็นค่าน้ำนมที่พ่อแม่ดูแลเธอมา ซึ่งหลังจากอยู่กับเพื่อนผมไปก็จะไม่ได้ดูแลครอบครัวอีก เพื่อนผมก็ถามไปว่าแล้วอยู่กับเพื่อนผมเธอก็ไปดูแลพ่อแม่ได้ตามปกตินะ แล้วเธอก็ส่งเงินดูแลพ่อแม่ได้ตามปกติ เพื่อนผมไม่ว่าอะไรหรอก ส่วนเรื่องเงิน 3 ล้าน เพื่อนผมก็ออกความเห็นว่า เงินก็พอสมควรน่าจะเป็นทุนสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ครองของเราก็น่าจะดีนะ และบ้านเพื่อนผมเอง ญาติแต่งงานกันเงินค่าสินสอดที่ฝ่ายชายจัดหาให้ ฝ่ายหญิงก็ต้องมาสบทบอย่างน้อยเท่ากันเพื่อนเป็นทุนเริ่มต้นชีวิตคู่นะ พอมันพูดแบบนี้ เธอก็ปรี๊ดขึ้น แล้วบอกว่า เธออยากได้เงินค่าสินสอดให้พ่อแม่เธอ ให้ได้ไหม ....เพื่อนผมก็.... เงียบๆไป
5. เพื่อนผม เลยมาปรึกษาผมว่า แฟนผมมีไอเดียแบบนี้ป่าว ... ผมตอบว่าก็ไม่หนักเท่านี้แต่ก็มีความเป็นผู้หญิงหัวโบราณพอสมควร
6. คำถามเด็ดที่มันถามผม คือ

ว่าผู้หญิงเค้ารักกูจริงป่าว หรือเค้ารักเงินของเพื่อนผมนะ .... ผมฟังแล้วอึ้งไปว่า แต่ก็ตอบเพื่อนผมไปว่า เฮ้ยนายใจเย็นๆนะ แฟนนายคงพูดไปด้วยอารมณ์โกรธไม่พอใจล้วนๆแหละ รอให้เธอใจเย็นๆแล้วค่อยไปคุยกับเธอใหม่ดีกว่านะ และบอกเพื่อนผมไปว่า นายลองกลับไปคิดดูให้ดีว่าทำไมนายถึงเลือกเธอคนนี้ล่ะ ทั้งๆที่นายก็มีผู้หญิงดีๆน่ารักนิสัยดีอีก 2-3 คนที่เค้าก็รอนายอยู่ ที่พูดแบบนี้ไม่ได้ให้นายไปหาผู้หญิงเหล่านั้นนะ แต่ให้นายถามตัวเองว่าทำไมต้องเป็นคนนี้ หากนายตอบได้ ก็เหลือแต่ที่จะต้องยอมเธอไปสำหรับเรื่องนี้ เพราะถ้าไม่ยอมก็อาจจะมีปัญหาอย่างแน่นอน และอีกอย่างเงิน 3 ล้านที่เธอขอ ผมก็บอกมันไปว่า สำหรับนายเงินแค่นี้ไม่ถึงปีนายก็หาได้แล้ว นายอย่าคิดมากเลย
ที่ผมนำเรื่องนี้มาโพสไม่ได้เป็นการประจานใครคนใดคนหนึ่ง ส่วนตัวเห็นว่าการเลือกที่จะเดินทางไปด้วยกันแล้วสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความรัก คือ การรู้จักเสียสละให้กันและกัน และพยายามเข้าใจคนที่เรารักให้มากว่า เค้าหรือเธอคิดอย่างไร และพร้อมที่จะปรับความคิดและทัศนคติให้เข้ากันและไปในทางเดียวกันได้ เพราะไม่เช่นนั้น คุณอาจจะเสียคนดีๆที่รักคุณไปอย่างไม่หวนกลับมาอีกก็เป็นได้ครับ
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ตามสะดวกครับ .... เพราะผมขออนุญาติเพื่อนผมแล้ว แต่ขอแบบสร้างสรรค์หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
ว่าด้วยเรื่องสินสอด อีกกรณี
ที่ผมเอามาโพสผมขออนุญาติเพื่อนผมแล้ว เพราะทั้งเพื่อนผมและแฟนมันไม่ได้ใช้พันทิป
เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนผม(ชาย) คบหากับแฟนมันมากหลายปี วันดีคืนดีแฟนมันก็พูดเกริ่นกับเพื่อนผมสองต่อสองบ่อยครั้ง ว่า อยากแต่งงานกับเธอไหม แล้วจะได้ค่าสินสอดไหม แล้วจะได้จดทะเบียนไหม ว่าไปไอ้เพื่อนผมคนนี้ มันมีหน้าที่การงานดีมาก หน้าตาดี รูปร่างดี และ ฐานะการเงินดีมาก ขับรถยุโรป มีที่ดินหลายไร่ที่ต่างจังหวัด มีคอนโดระดับไฮเอนหลายที่ มีสาวๆมายุ่งกับมันมากมาย แต่มันก็รักเดียวใจเดียวไม่ยุ่งกับใครทั้งๆที่มันก็ทำได้ เพราะสาวๆก็มาเสนอถึงที่ ผมยังอิจฉามันเลย และอีกประเด็นเรื่องแฟนของมัน คือ เธอไม่อยากมีลูก ซึ่งไอ้เพื่อนผมก็อยากมีลูกนะ แต่มันก็บอกว่าไม่มีก็ได้หว่ะ ผมก็งงๆมันว่าทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้น้า แต่มันบอกว่ามันรักคนนี้ คนนี้เข้าใจมันสุด มันต้องปรับตัวน้อยสุดแล้ว
มันมาปรึกษาผมว่ามันควรจะคุยกับแฟนมันอย่างไรดี จริงๆมันกับผมคิดคล้ายๆกันว่า จริงๆ คนเรารักกันก็อยู่ด้วยกันได้ มีลูกด้วยกัน เรื่องพิธีก็จัดให้เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว แต่มันอึ้งงงกับคำถามและไอเดียของแฟนมันเข้า ซึ่งผมก็อึ้งงงกันไปว่าทำไมผู้หญิงที่รักกัน เธอคิดอย่างไรกับคำพูดที่เค้าพูดออกมา ผมเลยนำมาเป็นบทเรียนให้สาวๆที่คิดจะรักกับใครต้องคิดดีๆก่อนพูดนะครับ
1. เธอบอกกับเพื่อนผมว่า จะจัดงานแต่งงานไหม .... เพื่อนผมก็ตอบว่าก็จัดได้ครับ จัดพอเป็นพิธีให้ผู้ใหญ่ในครอบครัวรับรู้ได้ไหม ... เธอก็เงียบๆไป
2. เธอบอกว่า แล้วเธอจะได้จดทะเบียนสมรสไหม .... เพื่อนผม ก็ตอบว่า จดได้ครับ
3. เธอบอกว่าแล้วเธอจะได้ค่าสินสอดไหม เพื่อนผมก็ถามว่าค่าสินสอดหมายความว่าไง เธอตอบว่าเป็นเงินที่ฝ่ายชายให้เพื่อที่จะเป็นการตอบแทนคุณพ่อแม่ของฝ่ายหญิงที่เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี เพื่อนผมก็มาถามผมว่าจริงๆมันเป็นอย่างไรกัน ผมก็บอกว่าประเพณีไทยแต่ก่อนก็ประมาณนี้นะ แต่ทางปฏิบัติก็แล้วแต่แต่ละครอบครัวไป
4. เธอถามซ้ำว่าจะได้ค่าสินสอดไหม เพื่อนผมก็ถามว่าต้องเท่าไร เธอตอบว่า 3 ล้านบาท เพื่อนผมก็เงียบๆและฟังเธอต่อไป เธอบอกว่าเป็นค่าน้ำนมที่พ่อแม่ดูแลเธอมา ซึ่งหลังจากอยู่กับเพื่อนผมไปก็จะไม่ได้ดูแลครอบครัวอีก เพื่อนผมก็ถามไปว่าแล้วอยู่กับเพื่อนผมเธอก็ไปดูแลพ่อแม่ได้ตามปกตินะ แล้วเธอก็ส่งเงินดูแลพ่อแม่ได้ตามปกติ เพื่อนผมไม่ว่าอะไรหรอก ส่วนเรื่องเงิน 3 ล้าน เพื่อนผมก็ออกความเห็นว่า เงินก็พอสมควรน่าจะเป็นทุนสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ครองของเราก็น่าจะดีนะ และบ้านเพื่อนผมเอง ญาติแต่งงานกันเงินค่าสินสอดที่ฝ่ายชายจัดหาให้ ฝ่ายหญิงก็ต้องมาสบทบอย่างน้อยเท่ากันเพื่อนเป็นทุนเริ่มต้นชีวิตคู่นะ พอมันพูดแบบนี้ เธอก็ปรี๊ดขึ้น แล้วบอกว่า เธออยากได้เงินค่าสินสอดให้พ่อแม่เธอ ให้ได้ไหม ....เพื่อนผมก็.... เงียบๆไป
5. เพื่อนผม เลยมาปรึกษาผมว่า แฟนผมมีไอเดียแบบนี้ป่าว ... ผมตอบว่าก็ไม่หนักเท่านี้แต่ก็มีความเป็นผู้หญิงหัวโบราณพอสมควร
6. คำถามเด็ดที่มันถามผม คือ
ที่ผมนำเรื่องนี้มาโพสไม่ได้เป็นการประจานใครคนใดคนหนึ่ง ส่วนตัวเห็นว่าการเลือกที่จะเดินทางไปด้วยกันแล้วสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความรัก คือ การรู้จักเสียสละให้กันและกัน และพยายามเข้าใจคนที่เรารักให้มากว่า เค้าหรือเธอคิดอย่างไร และพร้อมที่จะปรับความคิดและทัศนคติให้เข้ากันและไปในทางเดียวกันได้ เพราะไม่เช่นนั้น คุณอาจจะเสียคนดีๆที่รักคุณไปอย่างไม่หวนกลับมาอีกก็เป็นได้ครับ
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ตามสะดวกครับ .... เพราะผมขออนุญาติเพื่อนผมแล้ว แต่ขอแบบสร้างสรรค์หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ