อ้างจาก: author=พระพันธกานต์ อภิปญฺโญ link=topic=1819.msg15678#msg15678 date=1249596083
มีพระภิกษุสงฆ์บางท่าน โอดครวญให้บรรดาฆราวาสฟังในทำนองขอความเห็นใจ
โดยบอกว่า "ศีลของพระภิกษุ 227 ข้อนั้นมากมายเหลือเกิน"
ไม่สามารถที่จะทำการรักษาได้สำหรับในยุคสมัยปัจจุบันเช่นนี้ และกล่าวทำนองว่า "ขอบรรดาพวกฆราวาสทั้งหลาย
อย่าได้กล่าวตำหนิพวกอาตมาว่าเป็น "พระทุศีล" กันนักเลย เพราะศีลของพระ 227 ข้อนี้เยอะจริงๆนะโยมนะ"
เรื่องการตำหนิ ว่ากล่าวพระภิกษุหรือสามเณรหรืออุบาสกอุบาสิกา
ที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นไปตามหลักของพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเอาไว้ดีแล้วนั้น
อันนี้เป็นเรื่องที่สมควร เป็นเรื่องที่เหมาะสม เป็นเรื่องที่พุทธบริษัททั้งหลายสามารถที่จะกระทำได้
และอย่างที่เคยบอกไปในบางกระทู้ว่า แม้แต่บุคคลนอกพระพุทธศาสนาที่เขามีสติปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรอง
ถึงเหตุและผล ทำให้ทราบว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านี้ เป็นคำสอนที่ประเสริฐ เป็นคำสอนที่เลิศ
เมื่อเขาเหล่านั้นได้สืบทราบว่าบรรดาผู้ที่ประกาศตัวเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งสมณะและโยม
ต่างก็ประพฤติปฏิบัติตนหลีกเลี่ยงและขัดแย้งไปจากคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พวกเขาเหล่านั้นก็สามารถตำหนิได้ สามารถว่ากล่าวได้ และพวกเขาก็ได้บุญจากการตำหนิที่ถูกต้องนี้ไม่ใช่น้อย
เรื่องนี้มีบทสนทนาระหว่างพระผู้มีพระภาคเจ้าและท่านพระจุนทะเป็นตัวอย่าง
ในเล่ม 15 หน้า 263 (ปสาทิกสูตร ฑีฆนิกาย ปาฏิกวรรค) มีเนื้อความว่า
ดูก่อนจุนทะ อนึ่ง ศาสดาในโลกนี้ เป็นสัมมาสัมพุทธะและธรรมก็เป็นธรรมอันศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้ว
ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบ
เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ แต่สาวกไม่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมในธรรมนั้นอยู่
ไม่เป็นผู้ปฏิบัติชอบ ไม่เป็นผู้ประพฤติตามธรรมและย่อมประพฤติหลีกเลี่ยงจากธรรมนั้น
สาวกนั้นควรที่ใครๆจะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ไม่เป็นลาภของท่าน ท่านได้ไม่ดีแล้ว
ด้วยว่าศาสดาของท่าน เป็นสัมมาสัมพุทธะและธรรมก็เป็นธรรมที่ศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้ว
ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบ
เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้
แต่ว่าตัวท่านไม่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมในธรรมนั้นอยู่
ไม่เป็นผู้ปฏิบัติชอบ ไม่เป็นผู้ประพฤติตามธรรม และย่อมประพฤติหลีกเลี่ยงจากธรรมนั้น.
ด้วยเหตุดังนี้แล ดูก่อนจุนทะ แม้ศาสดาก็ควรได้รับการสรรเสริญในธรรมนั้น
แม้ธรรมก็ควรได้รับการสรรเสริญ แต่ว่า สาวกควรได้รับการติเตียนในธรรมนั้น อย่างนี้.
ดูก่อนจุนทะ ผู้ใดแล พึงกล่าวกะสาวกเห็นปานนั้นอย่างนี้ว่า
ท่านจงปฏิบัติธรรมที่ศาสดาของท่านแสดงไว้แล้ว และบัญญัติไว้แล้วเถิด.
ผู้ที่ชักชวน ผู้ที่ถูกชักชวน ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วย่อมปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น
คนทั้งหมดนั้นจะประสบบุญเป็นอันมาก.
ข้อนั้นเพราะเหตุไร. ดูก่อนจุนทะ เพราะว่าข้อนี้มีอยู่ในธรรมวินัยที่พระศาสดากล่าวไว้ดีแล้ว
ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบ
เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้อย่างนี้แล.
มีพระสงฆ์บางท่านโอดครวญให้บรรดาฆราวาสฟังในทำนองขอความเห็นใจ
โดยบอกว่า "ศีลของพระภิกษุ 227 ข้อนั้นมากมายเหลือเกิน"
ไม่สามารถที่จะทำการรักษาได้สำหรับในยุคสมัยปัจจุบันเช่นนี้ และกล่าวทำนองว่า
"ขอบรรดาพวกฆราวาสทั้งหลาย อย่าได้กล่าวตำหนิพวกอาตมาว่าเป็น "พระทุศีล" กันนักเลย
เพราะศีลของพระ 227 ข้อนี้เยอะจริงๆนะโยมนะ"
แต่เมื่อพระที่วัดสามแยกได้นับดูศีลที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ในหมวดวินัยปิฎก
ก็นับได้ไม่น้อยกว่า 9,000 ข้อ เมื่อนำมาบวกกับศีลอันเป็นประธาน
ที่ต้องสวดประกาศทุกวันอุโบสถอีก 227 ข้อ ก็เป็น 9,000 + 227 = 9,227 ข้อ
นี่เป็นจำนวนศีลที่ผู้บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามให้ได้
(ศีลอีก 9,000 ข้อนั้นเรียกกันว่าเป็นบริวารของศีลหรืออภิสมาจาริกสิกขา)
สำหรับพระไตรปิฎกอรรถกถาแปลไทยชุด 91 เล่ม ม.ม.ร. ในหมวดพระวินัยปิฎกนั้นมีอยู่ทั้งหมด 10 เล่ม
และนับรวมเล่มที่ 11 เข้าไปด้วยเพราะพระพุทธเจ้าตรัสเรื่องจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล
ไว้ในพรหมชาลสูตรและสามัญญผลสูตร ก็สามารถจำแนกจำนวนศีลออกตามเล่มต่างๆได้ดังนี้
(ไม่รวมศีลอันเป็นประธาน 227 ข้อ)
เล่มที่ 1 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 155 ข้อ
เล่มที่ 2 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 1118 ข้อ
เล่มที่ 3 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 2734 ข้อ
เล่มที่ 4 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 1672 ข้อ
เล่มที่ 6 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 397 ข้อ
เล่มที่ 7 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 606 ข้อ
เล่มที่ 8 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 122 ข้อ
เล่มที่ 9 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 1873 ข้อ
เล่มที่ 11 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 323 ข้อ
หมายเหตุ
ศีลในเล่มที่ 5 นั้นเป็นเรื่องของศีลภิกษุณีคือ ศีลของพระผู้หญิง จึงไม่นับรวมเข้าไว้ในที่นี้
ส่วนในเล่มที่ 10 เป็นเล่มที่บรรยายสรุปเรื่องของศีลที่พระภิกษุจะต้องศึกษาและปฏิบัติ
ก็ไม่นับรวมเข้าไว้ในที่นี้ เพราะจะเป็นการนับซ้ำซ้อนกับเล่มอื่นๆไป
ถ้าหากผู้ใดไม่เชื่อถือข้อมูลนี้
ก็ให้ไปนับจำนวนศีลของพระภิกษุในพระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม ม.ม.ร. ดูเอาเอง
ที่มาข้อความ
http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1819.msg15678#msg15678 date=1249596083
พระต้องรักษาศีลทั้งหมดไม่น้อยกว่า 9000 ข้อ
มีพระภิกษุสงฆ์บางท่าน โอดครวญให้บรรดาฆราวาสฟังในทำนองขอความเห็นใจ
โดยบอกว่า "ศีลของพระภิกษุ 227 ข้อนั้นมากมายเหลือเกิน"
ไม่สามารถที่จะทำการรักษาได้สำหรับในยุคสมัยปัจจุบันเช่นนี้ และกล่าวทำนองว่า "ขอบรรดาพวกฆราวาสทั้งหลาย
อย่าได้กล่าวตำหนิพวกอาตมาว่าเป็น "พระทุศีล" กันนักเลย เพราะศีลของพระ 227 ข้อนี้เยอะจริงๆนะโยมนะ"
เรื่องการตำหนิ ว่ากล่าวพระภิกษุหรือสามเณรหรืออุบาสกอุบาสิกา
ที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นไปตามหลักของพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเอาไว้ดีแล้วนั้น
อันนี้เป็นเรื่องที่สมควร เป็นเรื่องที่เหมาะสม เป็นเรื่องที่พุทธบริษัททั้งหลายสามารถที่จะกระทำได้
และอย่างที่เคยบอกไปในบางกระทู้ว่า แม้แต่บุคคลนอกพระพุทธศาสนาที่เขามีสติปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรอง
ถึงเหตุและผล ทำให้ทราบว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านี้ เป็นคำสอนที่ประเสริฐ เป็นคำสอนที่เลิศ
เมื่อเขาเหล่านั้นได้สืบทราบว่าบรรดาผู้ที่ประกาศตัวเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งสมณะและโยม
ต่างก็ประพฤติปฏิบัติตนหลีกเลี่ยงและขัดแย้งไปจากคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พวกเขาเหล่านั้นก็สามารถตำหนิได้ สามารถว่ากล่าวได้ และพวกเขาก็ได้บุญจากการตำหนิที่ถูกต้องนี้ไม่ใช่น้อย
เรื่องนี้มีบทสนทนาระหว่างพระผู้มีพระภาคเจ้าและท่านพระจุนทะเป็นตัวอย่าง
ในเล่ม 15 หน้า 263 (ปสาทิกสูตร ฑีฆนิกาย ปาฏิกวรรค) มีเนื้อความว่า
ดูก่อนจุนทะ อนึ่ง ศาสดาในโลกนี้ เป็นสัมมาสัมพุทธะและธรรมก็เป็นธรรมอันศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้ว
ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบ
เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ แต่สาวกไม่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมในธรรมนั้นอยู่
ไม่เป็นผู้ปฏิบัติชอบ ไม่เป็นผู้ประพฤติตามธรรมและย่อมประพฤติหลีกเลี่ยงจากธรรมนั้น
สาวกนั้นควรที่ใครๆจะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ไม่เป็นลาภของท่าน ท่านได้ไม่ดีแล้ว
ด้วยว่าศาสดาของท่าน เป็นสัมมาสัมพุทธะและธรรมก็เป็นธรรมที่ศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้ว
ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบ
เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้
แต่ว่าตัวท่านไม่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมในธรรมนั้นอยู่
ไม่เป็นผู้ปฏิบัติชอบ ไม่เป็นผู้ประพฤติตามธรรม และย่อมประพฤติหลีกเลี่ยงจากธรรมนั้น.
ด้วยเหตุดังนี้แล ดูก่อนจุนทะ แม้ศาสดาก็ควรได้รับการสรรเสริญในธรรมนั้น
แม้ธรรมก็ควรได้รับการสรรเสริญ แต่ว่า สาวกควรได้รับการติเตียนในธรรมนั้น อย่างนี้.
ดูก่อนจุนทะ ผู้ใดแล พึงกล่าวกะสาวกเห็นปานนั้นอย่างนี้ว่า
ท่านจงปฏิบัติธรรมที่ศาสดาของท่านแสดงไว้แล้ว และบัญญัติไว้แล้วเถิด.
ผู้ที่ชักชวน ผู้ที่ถูกชักชวน ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วย่อมปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น
คนทั้งหมดนั้นจะประสบบุญเป็นอันมาก.
ข้อนั้นเพราะเหตุไร. ดูก่อนจุนทะ เพราะว่าข้อนี้มีอยู่ในธรรมวินัยที่พระศาสดากล่าวไว้ดีแล้ว
ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบ
เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้อย่างนี้แล.
มีพระสงฆ์บางท่านโอดครวญให้บรรดาฆราวาสฟังในทำนองขอความเห็นใจ
โดยบอกว่า "ศีลของพระภิกษุ 227 ข้อนั้นมากมายเหลือเกิน"
ไม่สามารถที่จะทำการรักษาได้สำหรับในยุคสมัยปัจจุบันเช่นนี้ และกล่าวทำนองว่า
"ขอบรรดาพวกฆราวาสทั้งหลาย อย่าได้กล่าวตำหนิพวกอาตมาว่าเป็น "พระทุศีล" กันนักเลย
เพราะศีลของพระ 227 ข้อนี้เยอะจริงๆนะโยมนะ"
แต่เมื่อพระที่วัดสามแยกได้นับดูศีลที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ในหมวดวินัยปิฎก
ก็นับได้ไม่น้อยกว่า 9,000 ข้อ เมื่อนำมาบวกกับศีลอันเป็นประธาน
ที่ต้องสวดประกาศทุกวันอุโบสถอีก 227 ข้อ ก็เป็น 9,000 + 227 = 9,227 ข้อ
นี่เป็นจำนวนศีลที่ผู้บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามให้ได้
(ศีลอีก 9,000 ข้อนั้นเรียกกันว่าเป็นบริวารของศีลหรืออภิสมาจาริกสิกขา)
สำหรับพระไตรปิฎกอรรถกถาแปลไทยชุด 91 เล่ม ม.ม.ร. ในหมวดพระวินัยปิฎกนั้นมีอยู่ทั้งหมด 10 เล่ม
และนับรวมเล่มที่ 11 เข้าไปด้วยเพราะพระพุทธเจ้าตรัสเรื่องจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล
ไว้ในพรหมชาลสูตรและสามัญญผลสูตร ก็สามารถจำแนกจำนวนศีลออกตามเล่มต่างๆได้ดังนี้
(ไม่รวมศีลอันเป็นประธาน 227 ข้อ)
เล่มที่ 1 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 155 ข้อ
เล่มที่ 2 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 1118 ข้อ
เล่มที่ 3 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 2734 ข้อ
เล่มที่ 4 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 1672 ข้อ
เล่มที่ 6 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 397 ข้อ
เล่มที่ 7 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 606 ข้อ
เล่มที่ 8 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 122 ข้อ
เล่มที่ 9 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 1873 ข้อ
เล่มที่ 11 มีศีลที่พระจะต้องศึกษาและปฏิบัติจำนวน 323 ข้อ
หมายเหตุ
ศีลในเล่มที่ 5 นั้นเป็นเรื่องของศีลภิกษุณีคือ ศีลของพระผู้หญิง จึงไม่นับรวมเข้าไว้ในที่นี้
ส่วนในเล่มที่ 10 เป็นเล่มที่บรรยายสรุปเรื่องของศีลที่พระภิกษุจะต้องศึกษาและปฏิบัติ
ก็ไม่นับรวมเข้าไว้ในที่นี้ เพราะจะเป็นการนับซ้ำซ้อนกับเล่มอื่นๆไป
ถ้าหากผู้ใดไม่เชื่อถือข้อมูลนี้
ก็ให้ไปนับจำนวนศีลของพระภิกษุในพระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม ม.ม.ร. ดูเอาเอง
ที่มาข้อความ
http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1819.msg15678#msg15678 date=1249596083