..."ห้องเพลง คนรากหญ้า"("กลุ่มอดีตคนเคยสวยรากหญ้าสร้างชาติรักประชาธิปไตย นอนตะแคงจนตาแข็ง") 7/9/2557...!!!




...ทู้นี้เป็นทู้เพลง กลุ่มพวกเรายินดีต้อนรับสมาชิกชาวราชดำเนินทุกท่านนะคะ...


...โหลลลลล 1โหล 12 , 2 โหล 24 , 3โหล 36 , เทสท์
ทดสอบ ทดสอบ 1 2 3 4 5 ทดสอบ ทดสอบ เทศท์ เทสท์
เรียนทั่นรองพญา In C ทั่นเลขาพิม ทั่นฝ่ายกฏหมายชุนเทียน
ทั่น 2 ระยะ "ฝ่ายการต่างประเทศและลูกค้าสัมพันธ์ "
ทั่นหมีน้อยตัวเล็ก เสมียญหน้าห้อง
ทั่นนู๋สร้างชาติ ผู้ก่อตั้ง ห้องเพลงคนรากหญ้า
และท่าน Old Law Boy นิติวิพากษ์ เป็นที่ปรึกษา (เงา) ด้านกดม่าย
ของหัวหน้าทีมฝ่ายกฎหมาย "กลุ่มอดีตคนเคยสวยรากหญ้าสร้างชาติรักประชาธิปไตย นอนตะแคงจนตาแข็ง"
รวมทั้งสวัสดีท่านสมาชิกที่น่ารักทุกท่าน...



...กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของสังคม...



...ยังไงก็ระมัดระวังตัวกันหน่อยเด้อพ่อ แม่ พี่ น้อง
ทู้นี้ท่านประธานจะงดพูดเรื่องการเมือง
แต่พูดถึงว่าไมค์ตัวละ 1.45 แสนนี้ ทั่นประธานอยากเห็นอยากใช้ซักครั้ง 1 ในชีวิต
แต่พอรู้ว่าบริษัทขายไมค์ มีเมียหมอรีแพร์เป็นหุ้นส่วน
ทั่นประธานก็เลยหยุดความคิดเรื่องไมค์ไม่อยากได้แหล๊ะ
คนอะไรพูดจา ลามกหยาบคาย มากถึงมากที่สุด
เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ทั่นประธานก็พึ่งเคยได้ยิน
เคยฟังครั้งเดียวตั้งแต่ก่อนนู้น ทำเอาใจหงุดหงิดไปหลายวัน
พูดว่าคนอื่นโกงงั้นงี้ แล้วทีนี้ตัวเองจะว่าไงจ๊ะ เอ๊าพากันรวยโลดสู..

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
จึงเรียนมาเพื่อทราบว่าประธานสวย


(ประธาน  "กลุ่มอดีตคนเคยสวยรากหญ้าสร้างชาติรักประชาธิปไตย นอนตะแคงจนตาแข็ง")





คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 26
สวัสดีค่ะพี่น้อง วันนี้อินเทรนด์กับเพลง The Sound Of Silence ที่ท่าน ดับเบิ้ลระยะ ขอให้เพื่อนๆ นะคะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

The Sound Of Silence 1966

Hello darkness, my old friend,                                     สวัสดี ความมืดมิดสหายเก่าของฉัน
I’ve come to talk with you again,                                 ฉันมาคุยกับคุณอีกแล้ว
Because a vision softly creeping,                                 เพราะว่ามันมีภาพหนึ่งค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
Left it’s seeds while I was sleeping,                              และได้ทิ้งเมล็ดพันธุ์เอาไว้ขณะที่ฉันกำลังหลับใหล
And the vision that was planted in my brain                  และภาพที่ถูกปลูกเพาะขึ้นในสมองของฉันนั้น
Still remains                                                               มันยังคงอยู่อย่างนั้น
Within the sound of silence.                                         ภายในเสียงแห่งความเงียบงัน
In restless dreams I walked alone                                ฉันเดินไปอย่างเดียวดายในความฝันที่ไม่สงบ
Narrow streets of cobblestone,                                     บนถนนแคบๆ ปูด้วยก้อนหิน
’neath the halo of a street lamp,                                   ภายใต้แสงสลัวของโคมไฟบนถนน

I turned my collar to the cold and damp                         ฉันกระชับปกเสื้อขึ้นเพื่อหนีจากความหนาวชื้น
When my eyes were stabbed by the flash of                   ทันใดสายตาฉันก็แสงวาบจากแสงนีออนที่สาดส่องเข้ามา
A neon light
That split the night                                                      ซึ่งแหวกความมืดยามค่ำคืน
And touched the sound of silence.                                 และสัมผัสกับเสียงแห่งความเงียบงัน
And in the naked light I saw                                          และในแสงที่ว่างเปล่านั้น ฉันได้เห็น
Ten thousand people, maybe more.                               ผู้คนเป็นหมื่น หรืออาจจะมากกว่านั้น
People talking without speaking,                                    พวกเขาต่างคุย  โดยไม่พูดจากัน
People hearing without listening,                                    มีแต่คนได้ยินแต่ไม่มีใครฟังกัน
People writing songs that voices never share                   พวกเขาแต่งเพลง แต่ไม่ได้แบ่งปันไปที่ใด (ไม่มีใครได้ฟัง)

And no one deared                                                       และไม่มีใครกล้าที่จะ
Disturb the sound of silence.                                         ไปรบกวนเสียง แห่งความเงียบ
”Fools” said i,”you do not know                                      ฉันกล่าวไปว่า “พวกโง่เอ๋ย เธอไม่รู้เลยหรือไร”
Silence like a cancer grows.                                           ความเงียบนั้นเหมือนดั่งเนื้อร้ายที่ลุกลาม
Hear my words that I might teach you,                           มาฟังสิ ฉันจะสอนให้
Take my arms that I might reach you.”                           เกาะแขนฉันไว้ ฉันจะได้เข้าถึงเธอได้

But my words like silent raindrops fell,                            แต่ถ้อยคำของฉันนั้นคล้ายหยาดฝนที่ร่วงหล่น
And echoed                                                                 ส่งเสียงก้องกังวานสะท้อน
In the wells of silence                                                   ในบ่อแห่งความเงียบ
And the people bowed and prayed                                  ผู้คนกราบกรานสวดวิงวอน
To the neon God they made.                                          ต่อพระเจ้าองค์ใหม่ที่เขาสร้างกันขึ้น
And the sign flashed out it’s warning,                              พลันก็มีคำเตือนสาดส่องออกมา
In the words that it was forming.                                    อ่านเป็นถ้อยคำได้ว่า
And the signs said, the words of the prophets                   คำสอนของท่านศาสดานั้น
Are written on the subway walls                                      ถูกจารึกไว้ที่กำแพงทางเดินใต้ดิน
And tenement halls.                                                       แม้แต่ตึกรามบ้านเช่า
And whisper’d in the sounds of silence.                            และมันถูกกระซิบอยู่ในสุ้มเสียงแห่งความเงียบงัน

*********

เพลงนี้ค่อนข้างปรัชญาลึกซึ้ง ใช้คำที่ขัดแย้งกัน ฟังไปก็งงๆ เอ๊ะ ในความเงียบจะมีเสียงด้วยเหรอ อะไร ยังไง

สรุปว่าทุกวันนี้เราอยู่กันแบบแปลกแยก ผู้คนต่างคนต่างพูดโดยไม่เจรจากัน ทุกคนต่างได้ยินเสียง แต่ไม่ฟังกันหรอก

เวลาเงียบ ก็เป็นเงียบแบบไร้ความหมาย ประมาณว่า สนทนา แต่ "มิได้นำพา" ซึ่งกันและกันเลย

ผู้คนต่างสวดมนต์วอนขอพระเจ้า ทั้งๆ ที่ถ้าเราเปิดใจแล้วจะรู้ว่าคำสอนพระเจ้าอยู่ในทุกหนแห่งนั่นเอง แม้แต่ในความเงียบ

สรุปอีกที ให้เราเปิดใจ แล้วจะพบคุณค่า คำสอน ต่างๆ แม้ในความเงียบเราก็ค้นพบได้


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่