เล่าสู่กันฟังนะคะ
ยอมรับว่าตัวเองเป็นแฟนคลับการบินไทยที่เหนียวแน่นมาก ไม่ขึ้นสายการบินอื่นเลย ถ้าไม่จำเป็น นั่งทุกคลาส และใช้การบินไทยตลอดหากมีเส้นทางบิน เมื่อเร็วๆ นี้มีเรื่องที่หงุดหงิดใจกับการให้ข้อมูลผิดๆ ของพนักงานการบินไทย เขียนจดหมายร้องเรียนไป ได้รับคำตอบช้ามาก และคำตอบที่ได้ไม่ต่างจากคำแก้ตัวของพนักงานที่ให้ข้อมูลเราผิดๆ มา และทำให้เราเสียเวลาเป็นอย่างมาก ขอไม่เล่าถึงเหตุการณ์นี้ เพราะมันซับซ้อนเกินไป แต่จากจุดบกพร่องที่รับไม่ค่อยได้นี้ ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองการบินไทยไปเยอะพอควร และนึกย้อนกลับไปว่า อันที่จริง เราก็เคยเจอเรื่องที่รับไม่ได้จากการบินไทยหลายครั้ง แต่ทุกครั้งด้วยใจรักและเป็นบิ๊กแฟน ก็เลยหยวนๆ มาตลอด ขำๆ อยากจะเล่าเหตุการณ์นึง ที่พอนึกย้อนกลับไปแล้วก็ไม่น่าให้อภัยอย่างยิ่ง และเป็นความบกพร่องที่เลวร้ายกว่าครั้งล่าสุดที่เจอเสียอีก แต่เวลานั้น ความรักบังตา ความสเน่หาบังใจ เลยมองข้ามไปซะงั้น
เรื่องมีอยู่แว้... (ว่า)
วันนั้น ต้องกลับกรุงเทพกันทั้งครอบครัว พ่อแม่ลูก 4 คน และไม่ได้จองตั๋วไว้ เดินทางจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ ห้องขายตั๋วที่เชียงใหม่ปิด 2 ทุ่มครึ่ง และเครื่องจะออกเวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ เป็นเที่ยวสุดท้าย
เราทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกทำธุระเสร็จ ก็รีบเดินทางไปสนามบินเชียงใหม่ โดยคิดว่าน่าจะมีตั๋ว เพราะไป Business class ทั้ง 4 คน และเป็นเที่ยวดึกกลางคืน ซึ่งวันนั้นเป็นวันธรรมดา ปรกติคนไม่ค่อยมี
เราเดินทางไปถึงสนามบินเกือบสองทุ่มครึ่งคืออีกสัก 5 นาทีห้องตั๋วปิด ก็รีบไปซื้อตั๋ว บอกกับพนักงานผู้หญิงไปว่า สุวรรณภูมิ 4 ที่ business ค่ะ
พนักงาน ถามว่าจองมาหรือเปล่า เราบอกไม่ได้จอง น่าจะมีที่เนอะ เพราะวันนี้วันธรรมดา พนักงานบอก เดี๋ยวดูให้ค่ะ แล้วก็บอกว่า 4 ที่เลยเหรอ ไม่แน่ใจว่ามีมั้ย เราก็เลยบอกว่า business นะคะ จากนั้นพนักงานก็บอกว่ามี บอกจำนวนเงินมา ซึ่งเราเคยนั่ง business จากเชียงใหม่ไป กทม ประจำ ราคา 4200 บาท แต่เวลานั่ง Eco ราคาจะแตกต่างกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะ business 4 คน ก็คงหมื่นกว่าบาท พนักงานแจ้งราคา 13,200 บาท เราก็รีบรูดบัตรจ่ายเงินไป ด้วยความที่ต้องวิ่งอย่างเดียว เลยไม่ทันคิดอะไร ว่าความจริงมันน่าจะ 15000 กว่าๆ (เด็ก 2 คน)
เพราะพอจ่ายเงินแล้ว ต้องรีบวิ่งไปเชคอินเท่านั้น เนื่องจาก เค้าท์เตอร์เชคอินก็จะปิดอีก ตอนนั้นสองทุ่มครึ่งละ แต่เครื่องออกสามทุ่มกว่า บอร์ดดิ้งก็สามทุ่มนิดๆ เลยคิดว่าพอมีเวลา และยังน่าจะไปนั่งดื่มน้ำให้หายเหนื่อยในเล้าจน์ได้
จ่ายตังเสร็จก็รีบวิ่งไปเชคอินทันที ไม่มีกระเป๋าโหลดด้วย เราก็เดินเข้าช่องเช็คอินของ royal silk ทันที แล้วก็บอกพนักงานว่าขอริมหน้าต่าง ถ้าที่ว่างนะคะ พนักงานทำหน้าเบื่อๆ (อันนี้สังเกตุได้) แล้วก็บอกว่าจะพยายามหาให้นะคะ จากนั้นก็บอกว่าไม่มีที่นั่งริมหน้าต่างนะคะมีแต่แถวตรงกลาง นั่งได้ ทั้งแถวสี่คนพอดี พยายามจัดให้นั่งด้วยกันเพราะเด็กเล็กไป สี่คน เราก็เอะใจนิดนึงว่า business class มันมีสี่คนตรงกลางทั้งแถวด้วยเหรอ แต่ก็คิดว่าพนักงานอาจหมายถึง ได้ที่นั่งตรงกลางทั้งหมด สี่คน แบบนั่ง 2 กับ 2 เป็นสองแถวอ่ะค่ะ แล้วพนักงานก็พูดต่อว่า ครั้งนี้ทำให้แต่ครั้งหน้าให้ตรงช่องนะคะ เราก็งง ช่องอะไร (มารู้ทีหลังว่าหมายถึงช่องอีโคกับ business ที่งงเพราะเราซื้อ business และเข้าช่อง royal silk ซึ่งถูกแล้ว)
จากนั้นดูเวลา แล้วไม่ต้องวิ่ง เพราะเหลือมากกว่า 25 นาทีจะเรียกบอร์ดดิ้ง เราก็เลยพากันเดินไปชั้นสอง จะไปที่เกท แต่ว่าคนเยอะมาก แน่น ออกันหน้าทางเข้ายาวเหยียด เต็มไปหมด ก็บอกกับคุณสามีว่า สงสัยมาชนกับทัวร์ ทำไงดี ก็เห็นเด็กๆ ยืนออกัน แต่ไม่ได้เข้าไปเลยรีบแหวกช่องเข้าไป โล่งใจว่าไม่ได้ต้องไปต่อแถวทางเข้านาน ก็ผ่านการตรวจกระเป๋าเรียบร้อยเหลือเวลากว่า 20 นาทีจะเรียกบอร์ดดิ้ง ก็เลยเดินไปที่เล้าจน์ ส่งบัตรให้พนักงาน
พนักงานแจ้งว่า ต้องเป็น gold member นะคะ เราก็บอกว่า ปรกติ business ก็ได้นี่คะ (เราเป็น Silver member) เพราะปรกติซื้อบัตร business ก็เข้าได้อยู่แล้ว พนักงานแจ้งว่า ก็นี่ไม่ใช่ business เป็น eco เราตกใจเลยรีบเอาตั๋วมาดู ใช่ เป็น Eco แจ้งทางพนักงานว่าทำไงดีเค้าออกตั๋วให้เราผิด พนักงานบอกว่าไม่รู้ค่ะ ต้องไปติดต่อห้องตั๋วเอง เราก็ถามเค้าว่าโทรแจ้งให้หน่อยได้มั้ย เพราะเมื่อกี้ข้างหน้าคนเยอะมาก เค้าก็บอกยังไงก็ต้องลงไปออกตั๋วใหม่อยู่ดี เราเลยบอกให้ลูกกับแฟนรอตรงนั้น เราวิ่งออกมาและลงมาข้างล่าง ใจคิดว่าตรงเค้าท์เตอร์เชคอิน ออกตั๋วให้ผิด
ก็เลยวิ่งไปที่เค้าท์เตอร์เชคอินก่อน บอกว่าน้องคะ ดูตั๋วให้หน่อย น้องออกเป็น eco ให้พี่ น้องก็บอกว่า ก็พี่ซื้อ eco นี่คะ เราก็เลยบอกเค้าว่าพี่ซื้อ business ค่ะ ไม่งั้นพี่จะมาเชคอินที่ช่องนี้ทำไมคะ พนักงานก็เลยโทรไปที่ห้องออกตั๋ว ห้องออกตั๋วก็บอกให้เราไปจ่ายเงินเพิ่ม เราก็รีบวิ่งไปที่ห้องออกตั๋ว แล้วพนักงานก็ถามว่า ซื้อ business เหรอคะ เราก็ตอบว่าบอกสองทีเลยนะคะ ว่า business พนักงานก็บอกค่ะๆ เราก็บอกรีบหน่อยนะคะ เพราะเดี๋ยวไม่ทันเครื่องออก พนักงานก็โทรไปที่เช็คอิน เช็คอินพูดอะไรสักอย่างแล้วบอกว่าไม่ทัน พนักงานขายตั๋วให้เราวิ่งไปคุยกับเช็คอิน
เราก็วิ่งไปเช็คอิน ตอนนั้นแฟนกับลูกเราลงมาละ เพราะเห็นเราหายไปนาน เราก็ถามพนักงานเช็คอินว่าไม่ทันเหรอคะ ทำไมไม่ทันเพราะอีกตั้ง 10 นาทีกว่าจะบอร์ดดิ้ง คือตั้งอีกสิบนาทีกว่าจะเรียกขึ้นเครื่อง แล้วตั๋วที่ซื้อแล้วเอาไง พนักงานบอกว่า ไม่ทันนะคะ เราก็เถึยงว่าทำไมไม่ทัน น้องออกตั๋วตอนนี้ ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงเกทแล้ว และก็ยังไม่ปิดเชคอินด้วย และก็ไม่ใช่ความผิดเราด้วย เค้าบอกว่าพี่มีออร์เดอร์อาหารเจ ยังไงทางเราก็ไม่ได้เตรียมอาหารมา ให้ขึ้นเครื่องไม่ได้ค่ะ
เราก็งงเลย ถามกลับว่าออร์เดอร์อะไรคะน้อง พี่ไม่เคยออร์เดอร์อาหารเจอะไรเลย เค้าก็ทำท่าแบบรีบๆ อ่ะค่ะ แล้วก็บอกยังไงก็ไม่ทันนะคะ เปลี่ยนไฟลท์ไปพรุ่งนี้แทนนะคะ ทุกๆ คนดูรีบๆ หมดเลย เหมือนพยายามจะปัดให้ได้ เราก็ไม่ยอม บอกว่าถ้าไปพรุ่งนี้ คืนนี้พี่ต้องไปค้างโรงแรมอีกนะ และพรุ่งนี้พี่ก็มีประชุมเช้า พี่จะไปทันได้ยังไง แล้วทำไมออกตั๋วไม่ได้ เค้าก็บอกไม่ได้ มีออร์เดอร์อาหารแล้วไม่มีให้ลูกค้าไม่ได้ ยังไงก็ให้ขึ้นเครื่องไม่ได้ ไปเปลี่ยนตั๋วที่ห้องขายตั๋วนะคะ เราก็บอกไปว่าไม่ได้ออร์เดอร์อาหาร ไม่กินอะไรยังได้เลย ทำไมไม่ให้เชคอิน เค้าก็บอกงั้นไปเปลี่ยนตั๋วที่ห้องขายตั๋ว
เราก็รีบวิ่งไปห้องขายตั๋ว ห้องขายตั๋วรูดบัตรเงินเพิ่มเติมไป แล้วก็ออกตั๋วให้มาเป็นวันพรุ่งนี้เที่ยวแรก bc เราก็บอก อ้าว อันนี้มันวันพรุ่งนี้ พนักงานก็บอกว่า ก็ทางเช็คอินบอกว่า บอกลูกค้าแล้วให้เปลี่ยนตั๋วเป็นพรุ่งนี้ แล้วลูกค้าก็โอเค เราก็โมโหเลย จะไปที่เช็คอิน แต่มองไปคือเช็คอินไม่มีคน ปิดเค้าท์เตอร์หมดเลย เราก็เลยโวยวาย พนักงานผู้ชายเลยมาบอกว่าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทางห้องตั๋วทำอะไรไม่ได้ ต้องให้เช็คอินออกบัตรที่นั่งให้เท่านั้น
แฟนเราก็เลยบอกว่า งั้นก็ไป eco แหละ เอาตั๋วเดิม ขึ้นเครื่องทันอยู่ พนักงานก็บอก แคนเซิลไปแล้ว เพราะเก็บค่าตั๋วเพิ่มไปแล้ว
สรุปก็คือทำอะไรไม่ได้ ต้องรอไปพรุ่งนี้อย่างเดียว เราก็พยายามจะถามหาความรับผิดชอบ เพราะถึงตอนนั้น ก็ยังไม่ได้ประกาศเรียกขึ้นเครื่องเลยด้วยซ้ำ เราก็คิดว่าน่าจะทำได้ แต่แฟนเราก็บอกว่าช่างเหอะ วิ่งไปวิ่งมาเหนื่อย เราก็เลยยอม
แล้วก็พากันไปนั่งกินน้ำที่แมคโดนัลชั้นสอง เพราะยังไม่รู้จะไปไหนต่อ นั่งอยู่นานเกือบครึ่ง ชม. เครื่องถึงจะออกไป แต่พวกเรายังนั่งกันอยู่ พอเครื่องออกไป ก็มีเด็กๆ หลายคน มาแมคโดนัล แล้วก็กรี๊ดกร๊าดกัน ทำให้เรารู้ความจริงว่า
วันนั้น และตอนนั้น เจมส์ จิ กลับ กทม ไฟลท์นั้นพอดี และคนที่ออๆ กันคือไปรอเจมส์จิ เราเลยบอกแฟนว่า เค้ามารอเจมส์จิกันเหรอ แฟนบอกก็ตอนเราไปที่เล้าจน์ที่จะเข้าเล้าจน์ ก็เห็นเจมส์จินั่งอยู่ข้างใน เราก็เลยคิดว่า จะเกี่ยวกันมั้ย ที่ไม่ยอมให้เราขึ้นเครื่อง แถมยังอ้างที่ให้เราขึ้นเครื่องไมได้ เพราะเราออร์เดอร์อาหารเจ ทำให้ไม่สามารถขึ้นเครื่องได้เพราะกลัวว่าไม่มีอาหารเจให้แล้วเราจะคอมเพลน ตามคำบอกของพนักงานเช็คอิน
พนักงานเล้าจน์ก็คงคิดว่าเราบ้าดาราสินะ ซื้อตั๋ว eco แต่พยายามจะเข้าไปในเล้าจน์ พนักงานเช็คอินก็คงมองเราไม่ดีซินะ ที่ซื้อตั๋ว eco แต่ไปเชคอินช่อง bc และพนักงานขายตั๋วคงเมาตาเจเจ สินะ ถึงออกตั๋ว eco ให้เราแล้วลงไปว่าเราจะเอาอาหารเจ ทั้งที่ปรกติซื้อตั๋วหน้าเค้าท์เตอร์ ในเวลากระชั้นเครื่องออก ใครเค้าบ้าไปออร์เดอร์อาหารพิเศษกัน
แต่เวลานั้น ความเป็นบิ๊กแฟน บังตา แม้จะวีนๆ พนักงานไปบ้าง เพราะไม่ต้องการค้างเชียงใหม่อีกคืน และตอนเช้ามีธุระด้วย แต่ด้วยความเป็นบิ๊กแฟน ก็ยอมถอยออกมา
แต่ก็คาใจมาตลอดว่า ทำไมวันนั้น เหตุการณ์มันถึงเป็นเช่นนั้น ทุกครั้งที่ไปซื้อตั๋วแล้วเจอพนักงานหญิงคนเดิม ก็คิดตลอดว่าร้องเรียนดีมั้ย แต่ไม่ดีกว่า เพราะเป็นแฟนคลับการบินไทยมาตลอด
จนเมื่อล่าสุดที่เจอกับข้อมูลมั่วๆ ของพนักงานการบินไทยตั้งแต่เชียงใหม่ยันสุวรรณภูมิ ทำให้เสียเวลาอย่างมาก และร้องเรียนไปก็ได้คำตอบแบบแก้ตัวแทนพนักงาน เลยรู้สึกเซ็งกับการบินไทย และย้อนนึกถึงหลายๆ เหตุการณ์ ทั้งหมดทั้งมวล เหตุการณ์นี้รับไม่ได้ที่สุด เฮ้อ
ตอนนี้ เริ่มบินสายการบินอื่นบ้างละ แต่ก็ยอมรับว่าก็ยังรักการบินไทยอยู่ แต่ผิดหวังชะมัดบอกตรงๆค่ะ ก็เล่าสู่กันฟังนะคะ ถามว่าแล้วทำไมไม่ร้องเรียนเรื่องนี้ไปด้วย ก็เพิ่งอีเมล์ร้องเรียนไปสักครู่นี่แหละค่ะ และก็อยากแชร์ให้รับรู้ ส่วนตัวก็มองว่าตัวเองสะเพร่าที่ไม่ได้ดูตั๋วตั้งแต่ตอนออกจากห้องขายตั๋ว แต่ก็คิดว่าพอแก้ไขได้แล้ว ทำไมพนักงานไม่ให้ขึ้นเครื่อง ทั้งที่ก็ไม่ได้มีกระเป๋าโหลดอะไร ไปตั๋วเปล่ากัน และวันอื่นๆ ที่บิน ไปตอนเค้าประกาศเรียกครั้งสุดท้าย (คือปล่อยคนขึ้นเครื่องแล้ว เราเพิ่งซื้อตั๋ว เพิ่งเช็คอิน) เราก็ยังขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ
เล่าสู่กันฟังค่ะ
เป็นแฟนคลับการบินไทย แต่นับวันยิ่งเจอแต่เรื่องเซ็งๆ จนอยากเปลี่ยนใจไปนั่งสายการบินอื่น
ยอมรับว่าตัวเองเป็นแฟนคลับการบินไทยที่เหนียวแน่นมาก ไม่ขึ้นสายการบินอื่นเลย ถ้าไม่จำเป็น นั่งทุกคลาส และใช้การบินไทยตลอดหากมีเส้นทางบิน เมื่อเร็วๆ นี้มีเรื่องที่หงุดหงิดใจกับการให้ข้อมูลผิดๆ ของพนักงานการบินไทย เขียนจดหมายร้องเรียนไป ได้รับคำตอบช้ามาก และคำตอบที่ได้ไม่ต่างจากคำแก้ตัวของพนักงานที่ให้ข้อมูลเราผิดๆ มา และทำให้เราเสียเวลาเป็นอย่างมาก ขอไม่เล่าถึงเหตุการณ์นี้ เพราะมันซับซ้อนเกินไป แต่จากจุดบกพร่องที่รับไม่ค่อยได้นี้ ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองการบินไทยไปเยอะพอควร และนึกย้อนกลับไปว่า อันที่จริง เราก็เคยเจอเรื่องที่รับไม่ได้จากการบินไทยหลายครั้ง แต่ทุกครั้งด้วยใจรักและเป็นบิ๊กแฟน ก็เลยหยวนๆ มาตลอด ขำๆ อยากจะเล่าเหตุการณ์นึง ที่พอนึกย้อนกลับไปแล้วก็ไม่น่าให้อภัยอย่างยิ่ง และเป็นความบกพร่องที่เลวร้ายกว่าครั้งล่าสุดที่เจอเสียอีก แต่เวลานั้น ความรักบังตา ความสเน่หาบังใจ เลยมองข้ามไปซะงั้น
เรื่องมีอยู่แว้... (ว่า)
วันนั้น ต้องกลับกรุงเทพกันทั้งครอบครัว พ่อแม่ลูก 4 คน และไม่ได้จองตั๋วไว้ เดินทางจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ ห้องขายตั๋วที่เชียงใหม่ปิด 2 ทุ่มครึ่ง และเครื่องจะออกเวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ เป็นเที่ยวสุดท้าย
เราทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกทำธุระเสร็จ ก็รีบเดินทางไปสนามบินเชียงใหม่ โดยคิดว่าน่าจะมีตั๋ว เพราะไป Business class ทั้ง 4 คน และเป็นเที่ยวดึกกลางคืน ซึ่งวันนั้นเป็นวันธรรมดา ปรกติคนไม่ค่อยมี
เราเดินทางไปถึงสนามบินเกือบสองทุ่มครึ่งคืออีกสัก 5 นาทีห้องตั๋วปิด ก็รีบไปซื้อตั๋ว บอกกับพนักงานผู้หญิงไปว่า สุวรรณภูมิ 4 ที่ business ค่ะ
พนักงาน ถามว่าจองมาหรือเปล่า เราบอกไม่ได้จอง น่าจะมีที่เนอะ เพราะวันนี้วันธรรมดา พนักงานบอก เดี๋ยวดูให้ค่ะ แล้วก็บอกว่า 4 ที่เลยเหรอ ไม่แน่ใจว่ามีมั้ย เราก็เลยบอกว่า business นะคะ จากนั้นพนักงานก็บอกว่ามี บอกจำนวนเงินมา ซึ่งเราเคยนั่ง business จากเชียงใหม่ไป กทม ประจำ ราคา 4200 บาท แต่เวลานั่ง Eco ราคาจะแตกต่างกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะ business 4 คน ก็คงหมื่นกว่าบาท พนักงานแจ้งราคา 13,200 บาท เราก็รีบรูดบัตรจ่ายเงินไป ด้วยความที่ต้องวิ่งอย่างเดียว เลยไม่ทันคิดอะไร ว่าความจริงมันน่าจะ 15000 กว่าๆ (เด็ก 2 คน)
เพราะพอจ่ายเงินแล้ว ต้องรีบวิ่งไปเชคอินเท่านั้น เนื่องจาก เค้าท์เตอร์เชคอินก็จะปิดอีก ตอนนั้นสองทุ่มครึ่งละ แต่เครื่องออกสามทุ่มกว่า บอร์ดดิ้งก็สามทุ่มนิดๆ เลยคิดว่าพอมีเวลา และยังน่าจะไปนั่งดื่มน้ำให้หายเหนื่อยในเล้าจน์ได้
จ่ายตังเสร็จก็รีบวิ่งไปเชคอินทันที ไม่มีกระเป๋าโหลดด้วย เราก็เดินเข้าช่องเช็คอินของ royal silk ทันที แล้วก็บอกพนักงานว่าขอริมหน้าต่าง ถ้าที่ว่างนะคะ พนักงานทำหน้าเบื่อๆ (อันนี้สังเกตุได้) แล้วก็บอกว่าจะพยายามหาให้นะคะ จากนั้นก็บอกว่าไม่มีที่นั่งริมหน้าต่างนะคะมีแต่แถวตรงกลาง นั่งได้ ทั้งแถวสี่คนพอดี พยายามจัดให้นั่งด้วยกันเพราะเด็กเล็กไป สี่คน เราก็เอะใจนิดนึงว่า business class มันมีสี่คนตรงกลางทั้งแถวด้วยเหรอ แต่ก็คิดว่าพนักงานอาจหมายถึง ได้ที่นั่งตรงกลางทั้งหมด สี่คน แบบนั่ง 2 กับ 2 เป็นสองแถวอ่ะค่ะ แล้วพนักงานก็พูดต่อว่า ครั้งนี้ทำให้แต่ครั้งหน้าให้ตรงช่องนะคะ เราก็งง ช่องอะไร (มารู้ทีหลังว่าหมายถึงช่องอีโคกับ business ที่งงเพราะเราซื้อ business และเข้าช่อง royal silk ซึ่งถูกแล้ว)
จากนั้นดูเวลา แล้วไม่ต้องวิ่ง เพราะเหลือมากกว่า 25 นาทีจะเรียกบอร์ดดิ้ง เราก็เลยพากันเดินไปชั้นสอง จะไปที่เกท แต่ว่าคนเยอะมาก แน่น ออกันหน้าทางเข้ายาวเหยียด เต็มไปหมด ก็บอกกับคุณสามีว่า สงสัยมาชนกับทัวร์ ทำไงดี ก็เห็นเด็กๆ ยืนออกัน แต่ไม่ได้เข้าไปเลยรีบแหวกช่องเข้าไป โล่งใจว่าไม่ได้ต้องไปต่อแถวทางเข้านาน ก็ผ่านการตรวจกระเป๋าเรียบร้อยเหลือเวลากว่า 20 นาทีจะเรียกบอร์ดดิ้ง ก็เลยเดินไปที่เล้าจน์ ส่งบัตรให้พนักงาน
พนักงานแจ้งว่า ต้องเป็น gold member นะคะ เราก็บอกว่า ปรกติ business ก็ได้นี่คะ (เราเป็น Silver member) เพราะปรกติซื้อบัตร business ก็เข้าได้อยู่แล้ว พนักงานแจ้งว่า ก็นี่ไม่ใช่ business เป็น eco เราตกใจเลยรีบเอาตั๋วมาดู ใช่ เป็น Eco แจ้งทางพนักงานว่าทำไงดีเค้าออกตั๋วให้เราผิด พนักงานบอกว่าไม่รู้ค่ะ ต้องไปติดต่อห้องตั๋วเอง เราก็ถามเค้าว่าโทรแจ้งให้หน่อยได้มั้ย เพราะเมื่อกี้ข้างหน้าคนเยอะมาก เค้าก็บอกยังไงก็ต้องลงไปออกตั๋วใหม่อยู่ดี เราเลยบอกให้ลูกกับแฟนรอตรงนั้น เราวิ่งออกมาและลงมาข้างล่าง ใจคิดว่าตรงเค้าท์เตอร์เชคอิน ออกตั๋วให้ผิด
ก็เลยวิ่งไปที่เค้าท์เตอร์เชคอินก่อน บอกว่าน้องคะ ดูตั๋วให้หน่อย น้องออกเป็น eco ให้พี่ น้องก็บอกว่า ก็พี่ซื้อ eco นี่คะ เราก็เลยบอกเค้าว่าพี่ซื้อ business ค่ะ ไม่งั้นพี่จะมาเชคอินที่ช่องนี้ทำไมคะ พนักงานก็เลยโทรไปที่ห้องออกตั๋ว ห้องออกตั๋วก็บอกให้เราไปจ่ายเงินเพิ่ม เราก็รีบวิ่งไปที่ห้องออกตั๋ว แล้วพนักงานก็ถามว่า ซื้อ business เหรอคะ เราก็ตอบว่าบอกสองทีเลยนะคะ ว่า business พนักงานก็บอกค่ะๆ เราก็บอกรีบหน่อยนะคะ เพราะเดี๋ยวไม่ทันเครื่องออก พนักงานก็โทรไปที่เช็คอิน เช็คอินพูดอะไรสักอย่างแล้วบอกว่าไม่ทัน พนักงานขายตั๋วให้เราวิ่งไปคุยกับเช็คอิน
เราก็วิ่งไปเช็คอิน ตอนนั้นแฟนกับลูกเราลงมาละ เพราะเห็นเราหายไปนาน เราก็ถามพนักงานเช็คอินว่าไม่ทันเหรอคะ ทำไมไม่ทันเพราะอีกตั้ง 10 นาทีกว่าจะบอร์ดดิ้ง คือตั้งอีกสิบนาทีกว่าจะเรียกขึ้นเครื่อง แล้วตั๋วที่ซื้อแล้วเอาไง พนักงานบอกว่า ไม่ทันนะคะ เราก็เถึยงว่าทำไมไม่ทัน น้องออกตั๋วตอนนี้ ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงเกทแล้ว และก็ยังไม่ปิดเชคอินด้วย และก็ไม่ใช่ความผิดเราด้วย เค้าบอกว่าพี่มีออร์เดอร์อาหารเจ ยังไงทางเราก็ไม่ได้เตรียมอาหารมา ให้ขึ้นเครื่องไม่ได้ค่ะ
เราก็งงเลย ถามกลับว่าออร์เดอร์อะไรคะน้อง พี่ไม่เคยออร์เดอร์อาหารเจอะไรเลย เค้าก็ทำท่าแบบรีบๆ อ่ะค่ะ แล้วก็บอกยังไงก็ไม่ทันนะคะ เปลี่ยนไฟลท์ไปพรุ่งนี้แทนนะคะ ทุกๆ คนดูรีบๆ หมดเลย เหมือนพยายามจะปัดให้ได้ เราก็ไม่ยอม บอกว่าถ้าไปพรุ่งนี้ คืนนี้พี่ต้องไปค้างโรงแรมอีกนะ และพรุ่งนี้พี่ก็มีประชุมเช้า พี่จะไปทันได้ยังไง แล้วทำไมออกตั๋วไม่ได้ เค้าก็บอกไม่ได้ มีออร์เดอร์อาหารแล้วไม่มีให้ลูกค้าไม่ได้ ยังไงก็ให้ขึ้นเครื่องไม่ได้ ไปเปลี่ยนตั๋วที่ห้องขายตั๋วนะคะ เราก็บอกไปว่าไม่ได้ออร์เดอร์อาหาร ไม่กินอะไรยังได้เลย ทำไมไม่ให้เชคอิน เค้าก็บอกงั้นไปเปลี่ยนตั๋วที่ห้องขายตั๋ว
เราก็รีบวิ่งไปห้องขายตั๋ว ห้องขายตั๋วรูดบัตรเงินเพิ่มเติมไป แล้วก็ออกตั๋วให้มาเป็นวันพรุ่งนี้เที่ยวแรก bc เราก็บอก อ้าว อันนี้มันวันพรุ่งนี้ พนักงานก็บอกว่า ก็ทางเช็คอินบอกว่า บอกลูกค้าแล้วให้เปลี่ยนตั๋วเป็นพรุ่งนี้ แล้วลูกค้าก็โอเค เราก็โมโหเลย จะไปที่เช็คอิน แต่มองไปคือเช็คอินไม่มีคน ปิดเค้าท์เตอร์หมดเลย เราก็เลยโวยวาย พนักงานผู้ชายเลยมาบอกว่าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทางห้องตั๋วทำอะไรไม่ได้ ต้องให้เช็คอินออกบัตรที่นั่งให้เท่านั้น
แฟนเราก็เลยบอกว่า งั้นก็ไป eco แหละ เอาตั๋วเดิม ขึ้นเครื่องทันอยู่ พนักงานก็บอก แคนเซิลไปแล้ว เพราะเก็บค่าตั๋วเพิ่มไปแล้ว
สรุปก็คือทำอะไรไม่ได้ ต้องรอไปพรุ่งนี้อย่างเดียว เราก็พยายามจะถามหาความรับผิดชอบ เพราะถึงตอนนั้น ก็ยังไม่ได้ประกาศเรียกขึ้นเครื่องเลยด้วยซ้ำ เราก็คิดว่าน่าจะทำได้ แต่แฟนเราก็บอกว่าช่างเหอะ วิ่งไปวิ่งมาเหนื่อย เราก็เลยยอม
แล้วก็พากันไปนั่งกินน้ำที่แมคโดนัลชั้นสอง เพราะยังไม่รู้จะไปไหนต่อ นั่งอยู่นานเกือบครึ่ง ชม. เครื่องถึงจะออกไป แต่พวกเรายังนั่งกันอยู่ พอเครื่องออกไป ก็มีเด็กๆ หลายคน มาแมคโดนัล แล้วก็กรี๊ดกร๊าดกัน ทำให้เรารู้ความจริงว่า
วันนั้น และตอนนั้น เจมส์ จิ กลับ กทม ไฟลท์นั้นพอดี และคนที่ออๆ กันคือไปรอเจมส์จิ เราเลยบอกแฟนว่า เค้ามารอเจมส์จิกันเหรอ แฟนบอกก็ตอนเราไปที่เล้าจน์ที่จะเข้าเล้าจน์ ก็เห็นเจมส์จินั่งอยู่ข้างใน เราก็เลยคิดว่า จะเกี่ยวกันมั้ย ที่ไม่ยอมให้เราขึ้นเครื่อง แถมยังอ้างที่ให้เราขึ้นเครื่องไมได้ เพราะเราออร์เดอร์อาหารเจ ทำให้ไม่สามารถขึ้นเครื่องได้เพราะกลัวว่าไม่มีอาหารเจให้แล้วเราจะคอมเพลน ตามคำบอกของพนักงานเช็คอิน
พนักงานเล้าจน์ก็คงคิดว่าเราบ้าดาราสินะ ซื้อตั๋ว eco แต่พยายามจะเข้าไปในเล้าจน์ พนักงานเช็คอินก็คงมองเราไม่ดีซินะ ที่ซื้อตั๋ว eco แต่ไปเชคอินช่อง bc และพนักงานขายตั๋วคงเมาตาเจเจ สินะ ถึงออกตั๋ว eco ให้เราแล้วลงไปว่าเราจะเอาอาหารเจ ทั้งที่ปรกติซื้อตั๋วหน้าเค้าท์เตอร์ ในเวลากระชั้นเครื่องออก ใครเค้าบ้าไปออร์เดอร์อาหารพิเศษกัน
แต่เวลานั้น ความเป็นบิ๊กแฟน บังตา แม้จะวีนๆ พนักงานไปบ้าง เพราะไม่ต้องการค้างเชียงใหม่อีกคืน และตอนเช้ามีธุระด้วย แต่ด้วยความเป็นบิ๊กแฟน ก็ยอมถอยออกมา
แต่ก็คาใจมาตลอดว่า ทำไมวันนั้น เหตุการณ์มันถึงเป็นเช่นนั้น ทุกครั้งที่ไปซื้อตั๋วแล้วเจอพนักงานหญิงคนเดิม ก็คิดตลอดว่าร้องเรียนดีมั้ย แต่ไม่ดีกว่า เพราะเป็นแฟนคลับการบินไทยมาตลอด
จนเมื่อล่าสุดที่เจอกับข้อมูลมั่วๆ ของพนักงานการบินไทยตั้งแต่เชียงใหม่ยันสุวรรณภูมิ ทำให้เสียเวลาอย่างมาก และร้องเรียนไปก็ได้คำตอบแบบแก้ตัวแทนพนักงาน เลยรู้สึกเซ็งกับการบินไทย และย้อนนึกถึงหลายๆ เหตุการณ์ ทั้งหมดทั้งมวล เหตุการณ์นี้รับไม่ได้ที่สุด เฮ้อ
ตอนนี้ เริ่มบินสายการบินอื่นบ้างละ แต่ก็ยอมรับว่าก็ยังรักการบินไทยอยู่ แต่ผิดหวังชะมัดบอกตรงๆค่ะ ก็เล่าสู่กันฟังนะคะ ถามว่าแล้วทำไมไม่ร้องเรียนเรื่องนี้ไปด้วย ก็เพิ่งอีเมล์ร้องเรียนไปสักครู่นี่แหละค่ะ และก็อยากแชร์ให้รับรู้ ส่วนตัวก็มองว่าตัวเองสะเพร่าที่ไม่ได้ดูตั๋วตั้งแต่ตอนออกจากห้องขายตั๋ว แต่ก็คิดว่าพอแก้ไขได้แล้ว ทำไมพนักงานไม่ให้ขึ้นเครื่อง ทั้งที่ก็ไม่ได้มีกระเป๋าโหลดอะไร ไปตั๋วเปล่ากัน และวันอื่นๆ ที่บิน ไปตอนเค้าประกาศเรียกครั้งสุดท้าย (คือปล่อยคนขึ้นเครื่องแล้ว เราเพิ่งซื้อตั๋ว เพิ่งเช็คอิน) เราก็ยังขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ
เล่าสู่กันฟังค่ะ