นี่หรืองานแบงค์!!! เมื่องานธนาคารไม่ได้เป็นงานอย่างที่คิด อยู่ยากขึ้นทุกวัน

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของผม พอดีเมื่อหลายวันก่อนได้เห็นสาวคนหนึ่งได้ออกมาระบายความรู้สึกในใจเกี่ยวกับงานแบงค์แล้วก็เงียบหายไปผมก็เลยฉุกใจคิดขึ้นได้ว่า คงไม่ใช่ผมคนเดียวสินะที่อยากระบาย และอยากบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่า ตูเครียดดดด!!! ไม่ไหวแล้วกับงานธนาคารที่เป็นแบบนี้เลยทำให้ผมคิดว่าเอาวะ ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นบ้างแล้ว เพราะทนไม่ไหวแล้วว อาจจะยาวหน่อยนะครับ

ก่อนที่ผมจะเริ่มมาทำงานแบงค์ ก็พอจะรู้มาบ้างว่าต้องขาย แต่ในความของเราจากที่เห็นภายนอกคงไม่ได้ขายอะไรมากมาย สบายๆ แถมทำงาน 8.30 ปิด 16.30 น. โอ๊ยยย!! งานในฝัน สบายๆ ทำแป๊บบเดียว ก็ได้เลิกงานกลับบ้านไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และแล้วก็ตกลงปลงใจสมัครเพราะแฟนและครอบครัวก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะ การทำงานแบงค์ทำให้เราดูดี มีหน้ามีตาขึ้นมาพอดู (แต่ความจริงก็รู้ๆ กันอยู่) และก็ไปอบรม ช่วงอบรมเป็นช่วงเวลาที่แบบว่าโคตรสนุกและมีความสุขกับการทำงานมากๆ แถมที่พัก อาหารการกิน เรียกได้ว่า รีสอร์ทระดับ 3 ดาวเลยทีเดียว และแล้วชีวิตจริงของงานแบงค์ก็เริ่มขึ้นเมื่อมาลงสาขาที่เราเลือกไว้ หรือบางคนก็โดนส่งไปบางที่ที่เราไม่ได้เลือก

ผมขอตัดบทมาถึงเนื้อในที่ผมอยากจะพูดถึงเกี่ยวกับงานแบงค์เลยดีกว่า งานแบงค์ที่ทุกคนคิดว่าดี มีหน้ามีตา ในอดีตผมยอมรับเลยว่ามันเป็นแบบนั้น เห็นแล้วรู้สึกน่าภูมิใจ ใส่สูทผูกไท ทำงานห้องแอร์ วันๆอยู่แต่กับเงินกับทอง แต่ทุกวันนี้ พนักงานแบงค์กลับโดน ผู้จัดการสาขา ผู้จัดการเขต และระดับบริหารต่างๆ เปรียบเทียบเป็น "เห็บ เป็น หมัด ที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อเป็นตัวถ่วงความเจริญของทีม (คนที่ขายได้)" ทุกครั้งที่เดือนนั้น สัปดาห์นั้น หรือวันนั้นที่ประชุมคุณไม่มียอดเลย หรือยอดน้อยที่สุด ได้ยินบ่อยมากคำพูดนี้ บางคนถึงกับน้ำตาร่วง บางครั้งก็ถ้าแค่นี้คุณทำไม่ได้ "คุณคีย์ใบลาออกไปเลย มีคนอื่นอีกมากมายที่อยากมาทำงานแบงค์ คุณอย่ามาเป็นตัวถ่วง หรือตัดโอกาสคนที่เค้าอยากทำงานเลี้ยงดูครอบครัว ส่งเงินให้พ่อแม่ใช้เลย" ขอโทษเหอะครับ ทุกคนแหละครับที่อยากทำงานเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว

พวกผมก็ทำงานนะครับไม่ใช่ไม่ทำ ไม่ใช่ว่ามานั่งทำงานที่หน้าเคาท์เตอร์แล้วจะนั่งเฉยๆ เสียเมื่อไหร ฝาก ถอน โอน มือเป็นลิง ไหนจะเอกสาร เงินในลิ้นชักที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าหากขาดก็ต้องเอาเงินตัวเองใส่ชดในส่วนที่ขาด หากขาดเยอะๆ ก็ต้องตั้งพัก โดนสอบสวน หาว่าเรายักยอกเงินแบงค์ ซึ่งไม่มีสวัสดิการ หรือการช่วยเหลือใดๆ เลยในส่วนนี้ สักนิดหน่อยก็ยังดี แต่นี้ให้ภาระทุกอย่างเป็นของพนักงาน หากวันดีคืนดีโดนโจรปล้น ถ้าช่วงนั้นเงินที่อยู่ในลิ้นชักเงินที่กำหนด ก็ต้องโดนชดใช้เองอีก แต่เพียงแค่ไม่มียอดประกัน ก็ถูกตราหน้าว่า "ไม่ทำอะไร มานั่งกันเฉยๆ"

ผมจำคำพูดของระดับบริหารท่านนึงได้เลยว่า "คุณจะโตหรือไม่โต เขาดูกันที่ตัวเลข ถ้าคุณมีตัวเลขนำโด่งขึ้นมา เขาจะหยิบชื่อคุณมาพิจารณาก่อนเลย ว่าจะแต่งตั้งดีไหม หรือขึ้นเงินเดือนให้เท่าไหรดี ส่วนไอคนที่ตัวเลขเป็น 0 หรือ ต่ำ ใครเขาจะหยิบขึ้นมา"

ทุกวันนี้เป้าของสาขาที่ได้รับมอบหมายไม่ใช่น้อยๆ นะครับ ระดับล่างๆ หน่อย ก็อย่างน้อย 10,000-30,000 Fee หรือ 20,000-60,000 บาท อัตรา 1 Fee ต่อ 2 บาท โดยประมาณ โตขึ้นมาหน่อยอยู่เปิดบัญชี ก็ 30,000-100,000 Fee ระดับสุงขึ้นไปอีกก็ตามลำดับเป้าเหล่านี้ คือ ต่อเดือนนะครับไม่ใช่ต่อปี แต่แค่นี้ใช่ว่าจะพอครับ ทุกครั้งต้องต้องให้ได้เป้าทะลุ 100% สาขาไหนที่เป้าไม่ถึง 100% หรือได้แค่ 100% เขาว่ากระจอก ธรรมดา สาขาไหนที่เป้าทะลุ 100% เป็น 200 300 400 สาขานั้นแมร่งสุดยอด เวลาประชุมก็ได้ออกหน้าออกตา ส่วนสาขาไหนที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ก็โดนครับ แต่โดนประนามกันไป

บางครั้งถ้ากำหนดเป้ารายเดือนไม่พอ มีรายสัปดาห์ รายวันเข้ามาอีก เรียกได้ว่าทางภาค บี้ทางเขต แล้วเขตก็มาบี้ผู้จัดการ และสุดท้ายคนที่อยู่เบี้ยล่างอย่างเราที่เป็นพนักงานตาดำๆ ก็ต้องรับกรรมไป บี้กันชนิดว่ารายชั่วโมง หนักหน่อยเรียกเข้าห้องเย็นแบบรายคน พอโดนบี้เรื่อยๆ กดดันหนักๆ เข้าก็ต้องเดือนร้อนครอบครัว ที่ต้องบอกให้พ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้า น้าอา เพื่อนๆ มาช่วยกันทำประกันให้ ทำให้เดือนร้อนทุกคนกันหมด ซึ่งบางครั้งตัวผู้จัดการเองนั้นแหละที่บอกให้พ่อแม่ พี่น้องมาช่วยทำ เพื่อที่จะได้ผ่านโปร บางครั้งพนักงานเองก็ต้อง "เฉือนเนื้อหักกระดูกตัวเอง" เพื่อให้ผ่านความกดดันแบบวันต่อวัน (ผมเองก็หนึ่งในนั้น)

จนทุกวันนี้ความเป็นพนักงานแบงค์ที่ใครๆ เขาก็บอกว่าดูดี มีเกียรติ กลายเป็นเซลล์แมนขายประกันแบบเต็มตัว พอลูกค้าเข้ามาก็อ้อนวอน หว่านล้อมให้ลูกค้าทำ บอกข้อดีสารพัด เพื่อให้ลูกค้าเชื่อและซื้อประกันของเรา บางครั้งลูกค้าคนเดียว รุมกัน 3 4 คนเพื่อช่วยกันเชียร์ให้ลูกค้าซื้อประกัน โดยส่วนตัวผมเห็นถึงข้อดีของประกัน และยังเคยเจอประสบการณ์ตรงที่ทำให้เห็นว่าการทำประกันนั้นดีจริงๆ แต่มั่นอยู่ที่ว่าลูกค้าเขาจะเห็นด้วยกับเราไหม บางคนก็คิดว่าทำไปทำไมไร้สาระ บางครั้งโชคดีเจอคนที่เข้าใจเขาก็ซื้อ แต่ก็ยังงงว่าถ้าให้พนักงานแบงค์ขายประกัน แล้วบริษัทแม่ที่เขาขายประกันทำอะไร? แทบจะไม่ต้องขาย เพราะพนักงานแบงค์ขายให้อยู่แล้ว แทบไม่ต้องทำอะไรเลยแค่มาเก็บเอกสารแล้วก็ไป เงินเดือนได้มากกว่า งานเบากว่า โบนัสได้เยอะกว่า แล้วแบบนี้พนักงานแบงค์ไปทำไมยุบรวมแล้วขายประกันเต็มตัวไปเลยไม่ดีกว่าหรอครับ???

แค่ประกันอย่างเดียวไม่พอ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด เครื่องรูดบัตร กองทุน ที่ก็ต้องขายไม่แพ้ประกัน นั่งขายในสาขาอย่างเดียวไม่พอ ต้องตระเวรเร่ร่อน ออกไปขายตามบ้าน ร้านค้า โรงงาน โรงแรม บริษัทต่างๆ ที่มีพนักงานเยอะๆ เพื่อที่จะได้ขายบัตรเครดิต บัตรเกิดเงินสด ในเวลางานก็ต้องนั่งเปิดบัญชี ขายบัตร ATM บัตรธรรมดาก็ต้องให้บอกลูกค้าว่า "บัตรหมด ไม่มี แบงค์ใหญ่ยังไม่ส่งมา เพื่อให้เราเสนอขายแต่บัตรที่พ่วงประกัน และบัตรที่แพงที่สุดของแบงค์" เพื่อให้ได้คะแนนเยอะๆ เพราะถ้าได้คะแนนน้อยก็จะแพ้สาขาอื่นๆ ในกลุ่มแข่งขัน บางครั้งก็โดนลูกค้าว่า "นี่เล่นบังคับกันแบบนี้เลยหรอ อ้างหมดเพื่อบังคับให้ซื้อตัวที่แพง" เราก็กระอักกระอ่วมใจตอบไปว่า "ว่าไม่ได้บังคับ แต่บัตรหมดจริงๆ" แล้วก็โดนร้องเรียนไปตามระเบียบ ไหนจะ SMS  เติมเงิน แล้วอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องเสนอให้ลูกค้าทำ บางครั้งถึงขั้นยัดเยียดให้ลูกค้าทำ โดยการแอบทำให้ลูกค้าโดยที่ลูกค้าไม่รู้ตัว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายของฝ่าย บริหารทั้งสิ้น แต่เวลาลูกค้ารู้ตัวก็จะมาโวยวาย ต่อว่าพนักงาน ซึ่งคนที่เดือนร้อนก็เป็นพนักงานตาดำๆ เหมือนเดิม ที่ทำตามนโยบายของระดับจัดการใช้ให้ทำ

นี่เป็นเพียงส่วนนึงของสาเหตุ ที่ทำให้ชีวิตพนักงานแบงค์ บัดซบ!!! และตกต่ำที่สุด จนทำให้ช่วงนี้สายงานแบงค์เป็นสายงานที่มีอัตราการออกจากงานเยอะมากๆ บางคนทำได้ 1 เดือนลาออก บางคน 2 อาทิตย์ลาออก หนักสุดคือวันเดียวลาออก มันเปลี่ยนไปแล้วครับงานแบงค์ที่สวยหรู อย่างที่เป็นงานในฝันของใครหลายๆ คน หลายๆ คนคงจะได้เห็นหรือได้ยินคำว่า "กรรมกรห้องแอร์" หรือ "คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า" มาบ้าง ผมบอกได้เลยว่ามันคือเรื่องจริง !!! ทุกประการครับ คุณจะไม่มีความสุขกับการทำงานแบงค์เลยถ้าคุณไม่มีใจรักมัน คุณจะทุกข์มากๆ หากคุณพลาดหรือหลวมตัวเข้ามาทำงานแบงค์แล้ว ฉะนั้นก่อนจะตกลงเซ็นสัญญาทำงานแบงค์คิดให้ดีก่อนครับ ไม่งั้นคุณจะเสียใจและเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์

อ่อที่พูดมานี่มันเป็นเหมือนกันหมดทุกแบงค์แหละครับ ทั้งรัฐและเอกชน ฉะนั้นไม่ต้องคิดหรอกครับว่าถ้าจะออกจากแบงค์เอกชน แล้วไปแบงค์รัฐแล้วจะสบาย ในส่วนที่สบายอาจจะเป็นเป้าที่ลดลงแต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เหมือนๆ กันหมดและครับ

ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับงานแบงค์อีกมากมายที่อยากจะแฉ แชร์ และระบายให้ทุกคนได้ฟัง ไว้มีเวลาว่างผมจะมาโพสเพิ่มอีกเพื่อให้ ผู้ที่คิดจะทำงานแบงค์ได้พิจารณาตัวเองว่าเหมาะสมกับงานนี้จริงๆ ไหม ขอโทษนะครับที่ยาวไปหน่อย อยากระบายมากๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่