
กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องค่ะ ตามที่หัวข้อ กว่าจะได้เป็น Designer ที่ Australia ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก ขอกล่าวเบื้องต้นก่อนนะค่ะ ว่าเรื่องราวที่ต้องการแบ่งปัน เราไม่ได้ต้องการบอกว่าเราเก่ง เราดีอะไร แต่เพียงแค่อยากจะแบ่งปัน ความเชื่อ และความ ศรัทธา ในตัวเองค่ะ เราเชื่อค่ะว่าทุกๆคนสามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้ แต่เพียงแค่ว่า คุณมีความเชื่อในตัวคุณรึป่าว คุณมีความศรัทธา ในตัวคุณเองรึป่าว
เราเป็นคนหนึ่งค่ะ ที่มีความใฝ่ฝัน ที่อยากจะให้ทุกคนยอมรับ ได้ทำงานดีๆ มีเงินเยอะๆมาดูแลพ่อแม่ เอาค่ะ เราเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่มีความฝัน ว่าอยากจจะเป็น ดีไซด์เนอร์ เพราะมันเท่ห์ค่ะ อยากทำงานกับฝรั่ง อยากให้ฝรั่งยอมรับ และชอบฝรั่งค่ะ 555 ความชอบส่วนตัว เดี๊ยน

เราอยากจะแบ่งปันเรื่องราวเล็กๆน้อย ของตัวเราเอง ให้เป็นแรงบันดาลใจกับหลายๆคน
เริ่มตั้งแต่สมัยเด็กๆ เราเป็นคนค่อนข้างจะไม่ตามกระแส เพื่อนๆไปเรียนที่โรงเรียนดีๆๆกัน สายวิทย์คณิต แต่เรากลับเลือกไปเรียนที่ อาชีวะ ประจำจังหวัด ซึ่งถ้าพูดถึง อาชีวะก็จะมีแต่คน อี๊ !!!!! แต่เราไม่สนใจค่ะ เพราะเราจะเป็นดีไซด์เนอร์ อีกอย่างเพราะเรารู้ว่าเราเรียนสาย วิทย์คณิตไม่ได้ สมองมันไม่ ซมซับในด้านนั้น เราเริ่มสนใจเรื่องออกแบบมาตั้งแต่ เด็กๆ เราเป็นคนวาดรูปไม่สวยเลย แต่ก็ด้วยความอยากทำให้ได้ ความพยายามว่าเราจะต้องผ่านไปในแต่ละปีให้ได้ และเราจะต้องวาดเหมือน รุ่นพี่รุ่นก่อนให้ได้ ด้วยที่เราเชื่อแบบนั้นมันสร้างกำลังใจจนทำได้ และเราก็จบทางด้านออกแบบมา และไปสอบต่อที่ จังหวัดเชียงใหม่ ต่อทางด้าน ออกแบบเหมือนเดิมค่ะ ตอนแรกเราชอบ งานกราฟฟิคมากและเราทำได้ดีในด้านนี้ แต่ ทว่า ทุกมหาลัยมีสาขา นิเทศน์ศิลป์ กราฟฟิคดีไซด์ ถ้ารุ่นเราจบออกมา คนคงจะเกลื่อนแน่ๆๆ ดังนั้นจึงเลือก สาขาเครื่องประดับค่ะ เพราะมันมีแค่ ไม่ถึง 10ที่ ในประเทศไทย ณ ตอน 9-10 ปีแล้วนะค่ะ เราจึงตัดสินใจ สอบเข้า สถาบันมีชื่อแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ค่ะ สาขา Gems and Jewellery of Technology
อ๊ะ เท่ห์ม่ะละ !!!!! คิดอย่างเดียวมันเท่ห์ค่ะตอนนั้น เรียนไปด้วยความยากลำบาก เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง แต่ด้วยพี่ชายบอกว่า ทำยังไงก็ได้ให้จบเหมือนคนอื่น อย่าให้พ่อแม่ต้องเสียเวลา เราเลย ตั้งใจเรียน เมื่อ 2 ปีสุดท้ายและจบดังหวังค่ะ
ด้วยความมุ่งมั่นของการเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่ประเทศไทยครั้งแรก หลังจากจบใหม่เราก็ไปสมัครหมดทุกที่ที่เค้ามีให้สมัคร ทั้ง กรุงเทพ และเชียงใหม่ ด้วยความที่จบใหม่ไม่มีประสบกาณณ์ มีแต่ใจอย่างเดียว มันเลย ทำให้เรา ได้เงินเดือนน้อยค่ะ เริ่มต้นที่ 9000 บาทต่อเดือน พอผ่านโปร เงินเดือนขึ้นมาเป็น 9600 บาท เหอๆๆดีใจสุดๆๆ

คุณค่ะ เด็กต่างจังหวัด ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ปาไปละ 2500 บาท ค่าน้ำมันรถอีก 3000 บาท ที่เหลือ บริหารให้ถึงวันที่ 25 ของเดือนนี้ ก็ เทพสุดๆๆค่ะ นี้ไม่ร่วม งานแต่ง งานบวช พ่อตาย แม่เสีย ของเพื่อนที่ทำงานอีกน่ะค่ะ เหอๆๆๆ เราก็ทำอะไรไม่ได้ ยอบรับและก้มหน้าต่อไป ด้วยความที่อยากจะอยู่เชียงใหม่ ไม่อยากไปไหนไกลค่ะ และเพราะแบบนี้แหละค่ะ มันถึงทำให้เราไปไม่ถึงไหน เรามีแต่คำถามในใจ

!!!!! ทำไม ดีไซด์เนอร์ ต่างประเทศ หรือ ดีไซด์เนอร์ดังๆๆ ได้เงินเยอะจัง และจะทำยังไงให้ได้แบบนั้น ตอนนั้นได้แค่คิดค่ะ แต่ทำอะไรไม่ได้ (จริงๆมันมีทางที่จะทำให้ได้แต่เราไม่เลือกทำมากกว่า ณ ตอนนั้น )

คิดทุกครั้งว่าจะทำยังไงให้ได้เงินเดือนเยอะๆ ทำยังไงถึงจะเลี้ยงพ่อแม่ได้ แต่ตอนนั้น แค่เลี้ยงตัวเองได้ ก็ดีใจมากแล้ว เราใช้ชีวิตเรื่อยๆๆอยู่ไปวันๆๆ ทำงานไปวันๆๆ จนมาวันหนึ่ง ได้เจอแฟนค่ะ แฟนเป็นฝรั่ง (สมใจค่ะ) 555 เราคุยกันเกือบ 2 ปี พูดถูกบ้างผิดบ้าง แต่มันก็ทำให้เราพอรู้ มีพื้นฐานบ้าง โชคดีค่ะที่แฟนใจเย็นและอธิบาย สอนหลายๆอย่าง เราเลยเข้ากันได้ เวลาผ่านไปปีที่3 จากที่รู้จักกัน และได้เวลาอันสมควร ฤกษ์แล้ว เราก็จับเค้าแต่งงานเลยค่ะ ตอนแรกเราจะอยู่ไทย และทำงานที่ไทยและให้เค้าย้ายมา แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นซิค่ะ เราเลยต้องเปลี่ยนแปลงและย้ายไปอยู่กับเค้า ตอนนี้แหละค่ะที่ชีวิตเปลียน ก่อนที่จากไทยมา ก็ได้แต่ร้องเพลงให้แม่ฟังว่า " ไม่เด่นไม่ดังจะไม่หันหลังกลับมา "

เริ่มเดือนแรกของชีวิตใน ซิดนีย์ค่ะ เราไม่มีเพื่อน เราไม่มีใครทั้งนั้น อยู่แต่บ้าน จากตอนแรกแอบมั่นใจในตัวเองว่าฉันคุยกับแฟนฉันได้ ฉันต้องคุยคนอื่นได้ (จริงๆๆ แฟนใช้ศัพท์ที่ง่ายที่สุดในโลก มาคุยกับเรา เราเลยเข้าใจเค้า )
แต่ in real life เหอๆๆ ฟังไม่รู้เรื่อง ฟังได้ได้พูดไม่ได้ตอบไม่ได้ เหมือนคนโง่ คนที่นี้เวลาช่วงเย็น เค้าจูงหมามาเดินเล่น เค้าก็จะทักทายเพื่อนบ้านเป็นธรรมดา ด้วยความที่กลัวเค้าจะทักเราเลยไม่กล้าออกบ้านค่ะ เราต้องออกมารดน้ำต้นไม้หน้าหลังจาก 6 โมงเย็นค่ะ เพื่อที่ว่า จะได้ไม่มีใครมาทักเรา ดูความกลัวของเดี๊ยนค่ะ เดี่ยวมาต่อนะค่ะ
กว่าจะได้เป็น Designer ที่ Australia ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก
เราเป็นคนหนึ่งค่ะ ที่มีความใฝ่ฝัน ที่อยากจะให้ทุกคนยอมรับ ได้ทำงานดีๆ มีเงินเยอะๆมาดูแลพ่อแม่ เอาค่ะ เราเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่มีความฝัน ว่าอยากจจะเป็น ดีไซด์เนอร์ เพราะมันเท่ห์ค่ะ อยากทำงานกับฝรั่ง อยากให้ฝรั่งยอมรับ และชอบฝรั่งค่ะ 555 ความชอบส่วนตัว เดี๊ยน
เริ่มตั้งแต่สมัยเด็กๆ เราเป็นคนค่อนข้างจะไม่ตามกระแส เพื่อนๆไปเรียนที่โรงเรียนดีๆๆกัน สายวิทย์คณิต แต่เรากลับเลือกไปเรียนที่ อาชีวะ ประจำจังหวัด ซึ่งถ้าพูดถึง อาชีวะก็จะมีแต่คน อี๊ !!!!! แต่เราไม่สนใจค่ะ เพราะเราจะเป็นดีไซด์เนอร์ อีกอย่างเพราะเรารู้ว่าเราเรียนสาย วิทย์คณิตไม่ได้ สมองมันไม่ ซมซับในด้านนั้น เราเริ่มสนใจเรื่องออกแบบมาตั้งแต่ เด็กๆ เราเป็นคนวาดรูปไม่สวยเลย แต่ก็ด้วยความอยากทำให้ได้ ความพยายามว่าเราจะต้องผ่านไปในแต่ละปีให้ได้ และเราจะต้องวาดเหมือน รุ่นพี่รุ่นก่อนให้ได้ ด้วยที่เราเชื่อแบบนั้นมันสร้างกำลังใจจนทำได้ และเราก็จบทางด้านออกแบบมา และไปสอบต่อที่ จังหวัดเชียงใหม่ ต่อทางด้าน ออกแบบเหมือนเดิมค่ะ ตอนแรกเราชอบ งานกราฟฟิคมากและเราทำได้ดีในด้านนี้ แต่ ทว่า ทุกมหาลัยมีสาขา นิเทศน์ศิลป์ กราฟฟิคดีไซด์ ถ้ารุ่นเราจบออกมา คนคงจะเกลื่อนแน่ๆๆ ดังนั้นจึงเลือก สาขาเครื่องประดับค่ะ เพราะมันมีแค่ ไม่ถึง 10ที่ ในประเทศไทย ณ ตอน 9-10 ปีแล้วนะค่ะ เราจึงตัดสินใจ สอบเข้า สถาบันมีชื่อแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ค่ะ สาขา Gems and Jewellery of Technology
อ๊ะ เท่ห์ม่ะละ !!!!! คิดอย่างเดียวมันเท่ห์ค่ะตอนนั้น เรียนไปด้วยความยากลำบาก เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง แต่ด้วยพี่ชายบอกว่า ทำยังไงก็ได้ให้จบเหมือนคนอื่น อย่าให้พ่อแม่ต้องเสียเวลา เราเลย ตั้งใจเรียน เมื่อ 2 ปีสุดท้ายและจบดังหวังค่ะ
ด้วยความมุ่งมั่นของการเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่ประเทศไทยครั้งแรก หลังจากจบใหม่เราก็ไปสมัครหมดทุกที่ที่เค้ามีให้สมัคร ทั้ง กรุงเทพ และเชียงใหม่ ด้วยความที่จบใหม่ไม่มีประสบกาณณ์ มีแต่ใจอย่างเดียว มันเลย ทำให้เรา ได้เงินเดือนน้อยค่ะ เริ่มต้นที่ 9000 บาทต่อเดือน พอผ่านโปร เงินเดือนขึ้นมาเป็น 9600 บาท เหอๆๆดีใจสุดๆๆ
คิดทุกครั้งว่าจะทำยังไงให้ได้เงินเดือนเยอะๆ ทำยังไงถึงจะเลี้ยงพ่อแม่ได้ แต่ตอนนั้น แค่เลี้ยงตัวเองได้ ก็ดีใจมากแล้ว เราใช้ชีวิตเรื่อยๆๆอยู่ไปวันๆๆ ทำงานไปวันๆๆ จนมาวันหนึ่ง ได้เจอแฟนค่ะ แฟนเป็นฝรั่ง (สมใจค่ะ) 555 เราคุยกันเกือบ 2 ปี พูดถูกบ้างผิดบ้าง แต่มันก็ทำให้เราพอรู้ มีพื้นฐานบ้าง โชคดีค่ะที่แฟนใจเย็นและอธิบาย สอนหลายๆอย่าง เราเลยเข้ากันได้ เวลาผ่านไปปีที่3 จากที่รู้จักกัน และได้เวลาอันสมควร ฤกษ์แล้ว เราก็จับเค้าแต่งงานเลยค่ะ ตอนแรกเราจะอยู่ไทย และทำงานที่ไทยและให้เค้าย้ายมา แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นซิค่ะ เราเลยต้องเปลี่ยนแปลงและย้ายไปอยู่กับเค้า ตอนนี้แหละค่ะที่ชีวิตเปลียน ก่อนที่จากไทยมา ก็ได้แต่ร้องเพลงให้แม่ฟังว่า " ไม่เด่นไม่ดังจะไม่หันหลังกลับมา "
เริ่มเดือนแรกของชีวิตใน ซิดนีย์ค่ะ เราไม่มีเพื่อน เราไม่มีใครทั้งนั้น อยู่แต่บ้าน จากตอนแรกแอบมั่นใจในตัวเองว่าฉันคุยกับแฟนฉันได้ ฉันต้องคุยคนอื่นได้ (จริงๆๆ แฟนใช้ศัพท์ที่ง่ายที่สุดในโลก มาคุยกับเรา เราเลยเข้าใจเค้า )
แต่ in real life เหอๆๆ ฟังไม่รู้เรื่อง ฟังได้ได้พูดไม่ได้ตอบไม่ได้ เหมือนคนโง่ คนที่นี้เวลาช่วงเย็น เค้าจูงหมามาเดินเล่น เค้าก็จะทักทายเพื่อนบ้านเป็นธรรมดา ด้วยความที่กลัวเค้าจะทักเราเลยไม่กล้าออกบ้านค่ะ เราต้องออกมารดน้ำต้นไม้หน้าหลังจาก 6 โมงเย็นค่ะ เพื่อที่ว่า จะได้ไม่มีใครมาทักเรา ดูความกลัวของเดี๊ยนค่ะ เดี่ยวมาต่อนะค่ะ