เป็นหัวข้อถกเถียงที่ปัญญาอ่อนยิ่งนัก
เห็นแฟนทั้งสองทีมเถียงกัน ช่างไร้สาระเป็นบ้า
ฝั่งแมนยูก็บอกว่า เป็ดใช้เงินเยอะกว่าโดยดูที่ยอดรวมซื้อ
ฝั่งลิเวอร์พูลก็เถียงว่า เปรตใช้เงินเยอะกว่าเมื่อหักยอดส่วนที่ขายไปเรียบร้อยแล้ว
ความจริงก็คือตลอดยุคพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลเปลี่ยน ผจก. เข้ามาใหม่นับไม่ถ้วน
ก็เป็นธรรมดาที่จะมียอดซื้อและยอดขายนักเตะสูงกว่าแมนยู
ซึ่งคุมทีมโดย ผจก. แทบจะคนเดียวมาตลอด
ทำให้ทีมมีความต่อเนื่องมากกว่า และไม่ต้องซื้อ-ขายบ่อยๆ
เพราะ ผจก. แต่ละคนมีไอเดียทำทีมต่างกัน
ต่างคนต่างก็เข้ามาลองผิดลองถูก ซื้อนักเตะตามแบบฉบับของตนเอง
ในแง่ยอดซื้อ-ขาย ยอดรวมเป็ดดีกว่าแน่นอน เพราะซื้อมาขายไป
ในขณะที่เปรตซื้อนักเตะมาเล่นจนแก่ถึงขายไม่ค่อยออก
แต่ในแง่ความคุ้มค่าจนถึงตอนนี้ยังไงก็ต้องยกให้เปรต เพราะผลงานมันเห็นชัดๆทั้งในและนอกสนาม
ต้องบอกว่าที่ผ่านมาเปรตโชคดีเจอคนที่ใช่มาคุมทีม
ก็ดูกันไปว่าถ้าเจอคนที่ไม่ใช่บ่อยๆต่อไป จะใช้ยอดเงินเท่าไรเพื่อสร้างทีม
เปรียบเทียบการใช้เงินระหว่างแมนยูกับลิเวอร์พูลตั้งแต่เริ่มพรีเมียร์ลีก
เห็นแฟนทั้งสองทีมเถียงกัน ช่างไร้สาระเป็นบ้า
ฝั่งแมนยูก็บอกว่า เป็ดใช้เงินเยอะกว่าโดยดูที่ยอดรวมซื้อ
ฝั่งลิเวอร์พูลก็เถียงว่า เปรตใช้เงินเยอะกว่าเมื่อหักยอดส่วนที่ขายไปเรียบร้อยแล้ว
ความจริงก็คือตลอดยุคพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลเปลี่ยน ผจก. เข้ามาใหม่นับไม่ถ้วน
ก็เป็นธรรมดาที่จะมียอดซื้อและยอดขายนักเตะสูงกว่าแมนยู
ซึ่งคุมทีมโดย ผจก. แทบจะคนเดียวมาตลอด
ทำให้ทีมมีความต่อเนื่องมากกว่า และไม่ต้องซื้อ-ขายบ่อยๆ
เพราะ ผจก. แต่ละคนมีไอเดียทำทีมต่างกัน
ต่างคนต่างก็เข้ามาลองผิดลองถูก ซื้อนักเตะตามแบบฉบับของตนเอง
ในแง่ยอดซื้อ-ขาย ยอดรวมเป็ดดีกว่าแน่นอน เพราะซื้อมาขายไป
ในขณะที่เปรตซื้อนักเตะมาเล่นจนแก่ถึงขายไม่ค่อยออก
แต่ในแง่ความคุ้มค่าจนถึงตอนนี้ยังไงก็ต้องยกให้เปรต เพราะผลงานมันเห็นชัดๆทั้งในและนอกสนาม
ต้องบอกว่าที่ผ่านมาเปรตโชคดีเจอคนที่ใช่มาคุมทีม
ก็ดูกันไปว่าถ้าเจอคนที่ไม่ใช่บ่อยๆต่อไป จะใช้ยอดเงินเท่าไรเพื่อสร้างทีม