สวัสดีค่ะ จขกท เพิ่งกลับจากเที่ยวแคนาดามาเมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อน พอมีเวลาว่างก็เลยรีบเขียนกระทู้รีวิว เผื่อใครสนใจจะไปค่ะ เนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นเกือบทั้งปี ช่วงเวลาที่จะเที่ยวแคนาดาได้สะดวกที่สุดก็คือช่วงหน้าร้อน ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – กันยายน ค่ะ โดยทริปนี้ จขกท ไป Montreal, Toronto, Ottawa, Calgary (Banff National Park), แล้วก้อแวะเยี่ยมญาติที่เมือง Tillsonburg เมืองเล็กๆไม่ไกลจากโตรอนโตค่ะ
การเดินทางของ จขกท ครั้งนี้จัดทริปได้แบบค่อนข้างบ้าระห่ำหน่อยๆ เที่ยวข้ามทวีปจากฝั่งตะวันออกไปยันตะวันตก ทั้งนี้เพราะว่าตอนขอวีซ่ายุ่งยากน่าดู เลยกะว่ามาทีเดียวต้องให้คุ้ม แต่จากคำบอกเล่าของญาติชาวแคนาเดียน เค้าบอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวของแคนาดาที่ถือเป็นสุดยอดของประเทศนี้ ก็มีอยู่ 3 แห่ง ก็คือที่ น้ำตกไนแองการา, Banff National Park, แล้วก็ Big Cities ซึ่งก็คือ Toronto, Ottawa, Vancouver ซึ่งเมืองหลัง จขกท ไม่ได้ไป แต่ไป Montreal แทน โดยรวมทริปนี้ก็เลยถือว่าคุ้มมากๆ เพราะเก็บมาครบเกือบหมด เพียงแต่ว่ารายละเอียดอาจจะไม่เยอะมากนะคะ เพราะ จขกท ไปแบบชิวๆ ไม่ได้วางแผนมากมาย หากใครมีอะไรสงสัยก็ถามหลังไมค์มาได้เลยค่ะ
เราไปเริ่มเมืองแรกที่มอนทรีอัลก่อนเลยค่ะ จขกท บินจากนิวยอร์ค ประมาณชม.กว่าๆ ไปถึงมอนทรีอัล ตอนบ่ายแก่ๆ โชคดีว่า จขกท มีเพื่อนเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ช่วยเอื้อเฟื้อที่พักให้แล้วก็เป็นไกด์พาเที่ยวด้วย ซึ่งมอนทรีอัลนี้จะเป็นเมืองที่อยู่ในเขตปกครองของรัฐ Quebec อันเป็นย่านอาณานิคมของฝรั่งเศส ทั้งบ้านเมือง อาหาร จึงมีกลิ่นอายฝรั่งเศส ตลอดจนผู้คนส่วนใหญ่ก็พูดภาษาฝรั่งเศสค่ะ แต่สำเนียงเค้าจะแปร่งๆกว่าชาวปารีสนิดหน่อย อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวที่พูดอังกฤษไม่ได้ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ เพราะคนที่นี่แทบทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ ตามป้ายทุกอย่างจะมีภาษาอังกฤษกำกับควบคู่กับภาษาฝรั่งเศสค่ะ
การคมนาคมขนส่งที่นี่สะดวกสบาย เพราะมีทั้งรถเมล์ รถไฟใต้ดิน จากสนามบินก็นั่งรถบัสเบอร์ 747 เข้าไปถึงตัวเมืองได้เลย ตั๋วรถราคา 10 เหรียญใช้ได้ 1 วันและใช้กับรถไฟใต้ดินได้ด้วยค่ะ แต่ถ้าจะเลือกเดินก็ได้ เพราะเมืองไม่ใหญ่มากเดินทั่วถึงหมด ส่วนอาหารขอแนะนำว่าอาหารจีนที่ไชน่าทาวน์อร่อยทุกร้าน แต่มาถึงที่นี่ก็ต้องลองอาหารท้องถิ่นของเค้าซะหน่อย ว่าแล้วก็กินก่อนเลยแล้วค่อยไปเดินเที่ยวนะคะ 555555
อาหารที่ว่านี่เรียกว่า Poutine ค่ะ ชื่อยังกะประธานาธิบดีรัสเซีย 5555 เป็นอาหารที่หาทานได้ที่แคนาดาเท่านั้นนะคะ จริงๆก็คือ เฟรนซ์ฟรายนี่ล่ะค่ะ แต่ราดดวยน้ำเกรวี่แล้วก็มีเนื้อสัตว์กับผักให้เลือก โปะด้วยชีสเต็มแม็กซ์ แบบกินให้อ้วนตายกันไปข้าง จขกท เลือกแบบมีไส้กรอก เบคอน หัวหอมแล้วก็เห็ด อร่อยดีค่ะ แต่ไม่สามารถทานหมดจริงๆ ขนาดสั่งจานเล็กมานะเนี่ยะ
ร้านนี้เปิดตลอด 24 ชม. แต่ก็คิวแน่นตลอด ถือเป็นร้านดังประจำเมืองมอนทรีอัลเลยค่ะ
ร้านจะอยู่ใกล้ๆกับ Park ใหญ่ใจกลางเมือง มีชาวเมืองมาพักผ่อนเยอะแยะเลย แม้จะเป็นเวลาเย็นแล้ว จากจุดนี้จะไม่ไกลจากจุดชมวิว Mount Royal แต่จขกท ยังเหนื่อยจากการเดินทางเลยไม่ได้ขึ้นไปค่ะ
บ้านคนย่านนี้ก็ดูน่ารักดีนะคะ คล้ายๆบ้านชานเมืองปารีสในฝรั่งเศส
จขกท เดินชมเมืองมาเรื่อยๆ จนมาถึงย่านใจกลางเมือง แถวนี้ก็จะมีโรงละคร ห้างสรรพสินค้า อาร์ตแกลอรี่มากมาย
เป้าหมายของการเดินทางวันนี้คือ ย่านเมืองเก่า Old Montreal ระหว่างนั้นฟ้าเริ่มมืด เลยได้เห็นสถานที่ต่างๆเปิดไฟสวยงาม มีการแสดงเปิดหมวกที่ผู้หญิงสองคนเอาตัวเองเข้าไปในลูกโป่ง เก่งมากๆเลย
จขกท ชอบย่านนี้มาก เพราะดูคล้ายยุโรป ระหว่างทางเดินจะมีร้านค้า ร้านอาหารเก๋ๆเต็มไปหมด
เดินไปเดินมาจนถึงโบสถ์เก่าแก่ชื่อ Notre-Dame Basilica of Montreal ซึ่งเป็นโบสถ์ที่นักร้องชื่อดัง Celine Dion แต่งงาน
จขกท เดินมาถึงจุดนี้ประมาณ 3 ทุ่มก็เดินกลับที่พักค่ะ เพราะรุ่งเช้าต้องนั่งรถไฟไปโตรอนโตแต่เช้า ซึ่ง จขกท ขอไปบอกเล่าการเดินทางในกระทู้หน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่เข้ามาอ่านกระทู้ค่ะ
[CR] คู่มือชะโงกทัวร์(เกือบ)ทั่วแคนาดาใน 14 วัน ตอนที่ 1 – มอนทรีอัล เมืองโรแมนติค (Montreal)
การเดินทางของ จขกท ครั้งนี้จัดทริปได้แบบค่อนข้างบ้าระห่ำหน่อยๆ เที่ยวข้ามทวีปจากฝั่งตะวันออกไปยันตะวันตก ทั้งนี้เพราะว่าตอนขอวีซ่ายุ่งยากน่าดู เลยกะว่ามาทีเดียวต้องให้คุ้ม แต่จากคำบอกเล่าของญาติชาวแคนาเดียน เค้าบอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวของแคนาดาที่ถือเป็นสุดยอดของประเทศนี้ ก็มีอยู่ 3 แห่ง ก็คือที่ น้ำตกไนแองการา, Banff National Park, แล้วก็ Big Cities ซึ่งก็คือ Toronto, Ottawa, Vancouver ซึ่งเมืองหลัง จขกท ไม่ได้ไป แต่ไป Montreal แทน โดยรวมทริปนี้ก็เลยถือว่าคุ้มมากๆ เพราะเก็บมาครบเกือบหมด เพียงแต่ว่ารายละเอียดอาจจะไม่เยอะมากนะคะ เพราะ จขกท ไปแบบชิวๆ ไม่ได้วางแผนมากมาย หากใครมีอะไรสงสัยก็ถามหลังไมค์มาได้เลยค่ะ
เราไปเริ่มเมืองแรกที่มอนทรีอัลก่อนเลยค่ะ จขกท บินจากนิวยอร์ค ประมาณชม.กว่าๆ ไปถึงมอนทรีอัล ตอนบ่ายแก่ๆ โชคดีว่า จขกท มีเพื่อนเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ช่วยเอื้อเฟื้อที่พักให้แล้วก็เป็นไกด์พาเที่ยวด้วย ซึ่งมอนทรีอัลนี้จะเป็นเมืองที่อยู่ในเขตปกครองของรัฐ Quebec อันเป็นย่านอาณานิคมของฝรั่งเศส ทั้งบ้านเมือง อาหาร จึงมีกลิ่นอายฝรั่งเศส ตลอดจนผู้คนส่วนใหญ่ก็พูดภาษาฝรั่งเศสค่ะ แต่สำเนียงเค้าจะแปร่งๆกว่าชาวปารีสนิดหน่อย อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวที่พูดอังกฤษไม่ได้ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ เพราะคนที่นี่แทบทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ ตามป้ายทุกอย่างจะมีภาษาอังกฤษกำกับควบคู่กับภาษาฝรั่งเศสค่ะ
การคมนาคมขนส่งที่นี่สะดวกสบาย เพราะมีทั้งรถเมล์ รถไฟใต้ดิน จากสนามบินก็นั่งรถบัสเบอร์ 747 เข้าไปถึงตัวเมืองได้เลย ตั๋วรถราคา 10 เหรียญใช้ได้ 1 วันและใช้กับรถไฟใต้ดินได้ด้วยค่ะ แต่ถ้าจะเลือกเดินก็ได้ เพราะเมืองไม่ใหญ่มากเดินทั่วถึงหมด ส่วนอาหารขอแนะนำว่าอาหารจีนที่ไชน่าทาวน์อร่อยทุกร้าน แต่มาถึงที่นี่ก็ต้องลองอาหารท้องถิ่นของเค้าซะหน่อย ว่าแล้วก็กินก่อนเลยแล้วค่อยไปเดินเที่ยวนะคะ 555555
อาหารที่ว่านี่เรียกว่า Poutine ค่ะ ชื่อยังกะประธานาธิบดีรัสเซีย 5555 เป็นอาหารที่หาทานได้ที่แคนาดาเท่านั้นนะคะ จริงๆก็คือ เฟรนซ์ฟรายนี่ล่ะค่ะ แต่ราดดวยน้ำเกรวี่แล้วก็มีเนื้อสัตว์กับผักให้เลือก โปะด้วยชีสเต็มแม็กซ์ แบบกินให้อ้วนตายกันไปข้าง จขกท เลือกแบบมีไส้กรอก เบคอน หัวหอมแล้วก็เห็ด อร่อยดีค่ะ แต่ไม่สามารถทานหมดจริงๆ ขนาดสั่งจานเล็กมานะเนี่ยะ
ร้านนี้เปิดตลอด 24 ชม. แต่ก็คิวแน่นตลอด ถือเป็นร้านดังประจำเมืองมอนทรีอัลเลยค่ะ
ร้านจะอยู่ใกล้ๆกับ Park ใหญ่ใจกลางเมือง มีชาวเมืองมาพักผ่อนเยอะแยะเลย แม้จะเป็นเวลาเย็นแล้ว จากจุดนี้จะไม่ไกลจากจุดชมวิว Mount Royal แต่จขกท ยังเหนื่อยจากการเดินทางเลยไม่ได้ขึ้นไปค่ะ
บ้านคนย่านนี้ก็ดูน่ารักดีนะคะ คล้ายๆบ้านชานเมืองปารีสในฝรั่งเศส
จขกท เดินชมเมืองมาเรื่อยๆ จนมาถึงย่านใจกลางเมือง แถวนี้ก็จะมีโรงละคร ห้างสรรพสินค้า อาร์ตแกลอรี่มากมาย
เป้าหมายของการเดินทางวันนี้คือ ย่านเมืองเก่า Old Montreal ระหว่างนั้นฟ้าเริ่มมืด เลยได้เห็นสถานที่ต่างๆเปิดไฟสวยงาม มีการแสดงเปิดหมวกที่ผู้หญิงสองคนเอาตัวเองเข้าไปในลูกโป่ง เก่งมากๆเลย
จขกท ชอบย่านนี้มาก เพราะดูคล้ายยุโรป ระหว่างทางเดินจะมีร้านค้า ร้านอาหารเก๋ๆเต็มไปหมด
เดินไปเดินมาจนถึงโบสถ์เก่าแก่ชื่อ Notre-Dame Basilica of Montreal ซึ่งเป็นโบสถ์ที่นักร้องชื่อดัง Celine Dion แต่งงาน
จขกท เดินมาถึงจุดนี้ประมาณ 3 ทุ่มก็เดินกลับที่พักค่ะ เพราะรุ่งเช้าต้องนั่งรถไฟไปโตรอนโตแต่เช้า ซึ่ง จขกท ขอไปบอกเล่าการเดินทางในกระทู้หน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่เข้ามาอ่านกระทู้ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น