รีวิวครั้งแรกของผมครั้งนี้ จะไม่เวิ่นเว้อมากมายแต่จะเน้นข้อมูลการเดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆครับ เพื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่สนใจจะเดินทางไปเที่ยวฉงชิ่งครับ การเดินทางครั้งนี้พวกเรา
3 คนเลือกเดินทางไปกับ
สายการบินไทยแอร์เอเชียครับ ซึ่งมี
2 เที่ยวบินต่อวัน
ขาไป
FD 556 : DMK 06:20 - CKG 10:20
FD 552 : DMK 13:50 - CKG 18:00
ขากลับ
FD 557 : CKG 11:10 - DMK 13:20
FD 553 : CKG 13:50 - DMK 20:50
สายการบินแอร์เอเชียออกโปรโมชั่นมาตลอดทั้งปี สนใจสามารถคลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
http://www.airasia.com/th/th/home.page?cid=1 ทริปนี้พวกเรามีเวลาแค่ 3 วัน เลยเลือกที่จะบินไฟล์ทขาไป
FD 556 และขากลับ
FD 553 เพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดครับ
การเดินทางไปประเทศจีนนั้นสำหรับผู้ที่ถือพาสปอร์ตไทย ต้องทำการยื่นขอวีซ่าจีนที่
ชั้น2 อาคาร AA Building หน้าปากทางรัชดาซอย 3 เวลาทำการ 09:00-11:30 ครับ
เอกสารในการขอวีซ่ามีดังนี้ครับ :
1. แบบฟอร์มขอวีซ่าจีน (สามารถปริ้นได้จากเวปสถานฑูตจีน)
2. รูปถ่ายปัจจุบัน หน้าตรง ไม่สวมหมวก 1 รูป
3. พาสปอร์ตตัวจริงที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปและมีหน้าว่าง พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
4. สำเนาเอกสารการจองที่พัก 1 ฉบับ
5. สำเนาตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 1 ฉบับ
ไปถึงก็รับบัตรคิวจากเจ้าหน้าที่ เราต้องสังเกตุจากหน้าจอเอาเอง ไม่มีการเรียกใดๆทั้งสิ้นครับ เมื่อถึงคิวเราแล้วก็เดินตรงเข้าไปยื่นเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตรวจ ผมได้คิวที่ 13 ครับ
เมื่อตรวจเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะยื่นใบนัดมารับวีซ่า วีซ่าใช้เวลาประมาณ
4 วันทำการครับ วันที่นัดรับวีซ่าต้องนำใบชมพูนี้มาด้วย ไม่ต้องรับบัตรคิว ไปยืนรอต่อแถวชำระเงินค่าวีซ่าที่เคาท์เตอร์ซ้ายมือสุดได้เลย เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว นำใบเสร็จไปรับพาสปอร์ตคืนที่เคาท์เตอร์ถัดไป เมื่อได้รับวีซ่าแล้ว รบกวนตรวจสอบข้อมูลให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จสิ้นการขอวีซ่าจีนแบบคร่าวๆครับ ตอนนี้ก็มีวีซ่าจีนอยู่ในมือแล้ว รออะไรอยู่ครับ แพคกระเป๋าเตรียมตัวไปลุยมหานครฉงชิ่งกันเลยดีกว่า...
วันที่
23 ส.ค. 2557 พวกเราตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเดินทางไปเช็คอินที่สนามบินดอนเมือง เราเช็คอินที่เคาท์เตอร์ 1-2 ของสายการบินไทยแอร์เอเชียครับ
เมื่อทำการเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และผ่านเครื่องสแกนตัวเพื่อไปยังประตูขึ้นเครื่องหมายเลข 12 ครับ
พนักงานสายการบินก็ได้ประกาศให้ผู้โดยสารทุกท่านขึ้นเครื่องได้ เมื่อได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น พวกเราไม่รอช้าครับ รีบลุกไปขึ้นเครื่องทันที
บนเครื่อง
Airbus A320 ของสายการบินไทยแอร์เอเชียครับ
ที่นั่งของพวกเรา
3 คนครับ
ใช้เวลาไม่นาน เครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าสู่ "
มหานครฉงชิ่ง"
เนื่องจากว่าเช้าเกินไปพวกเราไม่มีเวลาทานอาหารเช้า เลยทำการ
Pre-book Meal บนเครื่องแอร์เอเชียไว้ล่วงหน้าครับ มีหลากหลายเมนูให้เลือกสรรค์ แต่เราขอแนะนำเมนู "
Pancake" กลิ่นหอม เย้ายวน ชวนให้กินจัง
และเมนู "
Chicken Sausage Danish Combo" อร่อยมากก...คือมันดีอ่ะ
สักพักพนักงานต้อนรับน่ารักๆ ก็เดินมาแจกใบตรวจคนเข้าเมืองประเทศจีน ให้เรากรอกครับ
กัปตันประกาศว่า "อากาศที่ฉงชิ่งอุณภูมิโดยประมาณ
20 องศาเซลเซียส มีเมฆมาก ฝนตกเล็กน้อย" เมื่อเวลาผ่านไป
3 ชม. พวกเราก็มาถึง
Chongqing Jiangbei International Airport แล้วคร๊าบบบ... เวลาที่ประเทศจีนเร็วกว่าประเทศไทย
1 ชม. อย่าลืมปรับนาฬิกากันด้วยนะ ก้าวแรกที่เดินลงจากเครื่อง พวกเราสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นสบายพร้อมกับฝนปรอยๆ
การเดินทางเข้าเมืองฉงชิ่งนั้น สะดวกที่สุดคือ "
รถไฟ" สถานีรถไฟนั้นตั้งอยู่ใกล้กับอาคารภายในประเทศ(
Domestic Terminal) เมื่อเราเดินออกจากอาคารระหว่างประเทศ(
International Terminal)แล้ว ให้เลี้ยวไปทางซ้าย เดินไปตามถนนระยะทางพอสมควร จะมีป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟครับ เมื่อเห็นสถานีรถไฟแล้วเราก็มุ่งหน้าเดินทางเพื่อไปเช็คอินที่พักที่เราจองไว้กับ
http://www.hostelworld.com/ ที่พักของเราชื่อ
Chongqing Green Forest Hostel ทำไมถึงต้องที่นี่? ก็เพราะว่าใกล้สถานีรถไฟสะดวกสบายในการเดินทาง และใกล้ถนนคนเดินอีกด้วย ค่ารถไฟที่นี่ถือว่าถูกมากถ้าเทียบกับบ้านเรา
บรรยากาศมหานครฉงชิ่ง จากบนรถไฟครับ
เราเดินทางจากสถานี
Jiangbei Airport (Line 3) จากนั้นลงสถานี
Lianglukou เพื่อเปลี่ยนสายไปลงสถานี
Jiaochangkou (Line 1) Exit 4 ออกมาก็จะเห็น
Chongqing Green Forest Hostel อยู่ฝั่งตรงข้าม ราคาค่ารถไฟประมาณ
6 RMB
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงที่พักแล้วค้าบ....
บรรยากาศภายใน
Hostel
ที่ซุกหัวนอนของพวกเราครับ
Basic Double Bed Private Ensuite
ห้องน้ำจร้า....
วิวจากหน้าต่างห้องครับ
เมื่อถึงที่พัก พักผ่อนเอาแรงกันแล้ว พวกเราก็พร้อมที่จะไปตะลุยฉงชิ่งกันแล้วครับ ที่แรกเลยที่เราไปคือ
Ci Qi Kou Ancient Town การเดินทางนั้นสามารถนั่งรถไฟไปลงที่สถานี
Ci Qi Kou (Line 1) จากนั้นเดินสักพัก ก็จะเจอประตูแบบนี้ แสดงว่ามาถูกทางแล้ว
เป็นถนนที่มีร้านรวงมากมาย วันที่ไปคนเยอะพอสมควร ถนนสายนี้ค่อนข้างยาว เดินกันน่องโต ทรัพย์จาง พร้อมกับพุงโตกันเลยทีเดียว
เวลาเปิดปิด 07:00-22:00 น. ครับ
สามารถมาหาซื้อของกินของฝากกันได้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่าง เนื้อแพะเสียบไม้ ลูกกวาดสีสันสวยงามเรียกความสนใจจากเด็กๆได้ดีเชียว
สถานที่ต่อไป
Yangtze River Cable Car อยู่ใกล้กับที่พักของเราสามารถเดินไปได้ หรือจะนั่งรถไฟไปลงสถานี
Xiao Shi Zi (Line 1) Exit 5 ออกมาก็จะเจอทางเข้าแบบนี้เลย
เวลาเปิดปิด 07:00-22:00 น. ราคาไปกลับ
20 RMB ครับ
มาขึ้นกระเช้าข้ามแม่น้ำแยงซีไปพร้อมๆกัน ชมวิว กินบรรยากาศกันครับ
ขึ้นกระเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดิน พวกเราก็ไปเดินเล่นที่ถนน
Jiangfangbei กันครับ คล้ายสยามบ้านเรา มีห้างสรรพสินค้ามากมาย สีสันของไฟจากตึกทำให้ดูสนุกขึ้นมาแล้วสิ
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ
Liberation Monument ครับ
จาก
Liberation Monument พวกเราก็เดินต่อไปยัง
Hong Ya Dong Folk Custom Area เป็นตึกที่มีแสงไฟสวยงามตั้งอยู่ริมแม่น้ำ บรรยากาศดีทีเดียวครับ
บนชั้น 4 มีถนนคนเดินคล้ายกับ
Ci Qi Kou Ancient Town ขนาดย่อม
เวลาเปิดปิด 07:00-22:00 น. ครับ
สำหรับวันแรกของการท่องเที่ยวในตัวเมืองฉงชิ่งก็สิ้นสุดลง ที่เราต้องอัดแต่ละสถานที่ไว้ในวันเดียว เพื่อวันที่2 เราจะต้องใช้เวลาทั้งวันไปกับ Wulong ครับ
วันที่
24 ส.ค. 2557 พวกเราตื่นแต่เช้าเช่นเคย เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยัง
Wulong Karst กันครับ เริ่มต้นการเดินทางโดยที่เราจะต้องนั่งรถไฟไปลงสถานี
Sigongli (Line 3) เพื่อไปสถานีรถบัส ที่จะพาเราไป
Wulong ครับ
เมื่อเดินทางมาถึงสถานี
Sigongli แล้ว เราจะเห็นสถานีขนส่งตามภาพครับ
รีบซื้อตั๋วเดินทางไป
Wulong กันดีกว่าครับ ราคาตั๋วเที่ยวเดียว
60 RMB
Yeah!!! เราได้ตั๋วมาแล้ว รถออก
07:30 ครับ
จากตั๋วบอกให้เราไปขึ้นรถที่ประตูหมายเลข
7 ครับ
จาก
Chongqing ใช้เวลาเดินทางไปถึง
Wulong ประมาณ
2 ชม. 15 นาที
พอถึงสถานีขนส่ง
Wulong เราจะเดินทางโดยรถตู้แบบนี้ เพื่อไปยัง
ตึกปีรามิดครับ ราคาตั๋วเที่ยวเดียว
8 RMB
รถจะขับขึ้นเขาอากาศเริ่มเย็นขึ้นๆ เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยก็ดีนะครับ ใช้เวลาจากสถานีขนส่งมาถึงตึกปีรามิดประมาณ
30 นาที
เมื่อถึง
ตึกปีรามิดแล้ว พวกเราก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วเพื่อไปเดินชม
Three Natural Bridges กันครับ ราคา
135 RMB รวมค่ารถและค่าลิฟท์แล้ว เมื่อซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินลงบันไดเลื่อนไปรอรถบัสที่จะพาเราไปยังจุดหมายปลายทาง รถบัสจะใช้เวลาเดินทางประมาณ
25 นาทีครับ
เมื่อเห็นหุ่นยนต์จากเรื่อง
Transformers แล้วก็คือถึงแล้วครับ แวะถ่ายรูปกันนิดนึงก่อนที่จะเดินไปที่ทางเข้า
จากนั้นเราก็เดินไปตามทางเพื่อไปลงลิฟท์
เมื่อลงลิฟท์มาแล้วเราก็จะเจอสถานที่ถ่ายทำในภาพยนตร์เรื่อง
Transformers สวยมากครับได้รับ
World Natural Heritage by UNESCO in 2007.
[CR] Chongqing-Wulong on 23-25 AUG 2014
รีวิวครั้งแรกของผมครั้งนี้ จะไม่เวิ่นเว้อมากมายแต่จะเน้นข้อมูลการเดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆครับ เพื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่สนใจจะเดินทางไปเที่ยวฉงชิ่งครับ การเดินทางครั้งนี้พวกเรา 3 คนเลือกเดินทางไปกับสายการบินไทยแอร์เอเชียครับ ซึ่งมี 2 เที่ยวบินต่อวัน
ขาไป
FD 556 : DMK 06:20 - CKG 10:20
FD 552 : DMK 13:50 - CKG 18:00
ขากลับ
FD 557 : CKG 11:10 - DMK 13:20
FD 553 : CKG 13:50 - DMK 20:50
สายการบินแอร์เอเชียออกโปรโมชั่นมาตลอดทั้งปี สนใจสามารถคลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.airasia.com/th/th/home.page?cid=1 ทริปนี้พวกเรามีเวลาแค่ 3 วัน เลยเลือกที่จะบินไฟล์ทขาไป FD 556 และขากลับ FD 553 เพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดครับ
การเดินทางไปประเทศจีนนั้นสำหรับผู้ที่ถือพาสปอร์ตไทย ต้องทำการยื่นขอวีซ่าจีนที่ ชั้น2 อาคาร AA Building หน้าปากทางรัชดาซอย 3 เวลาทำการ 09:00-11:30 ครับ
เอกสารในการขอวีซ่ามีดังนี้ครับ :
1. แบบฟอร์มขอวีซ่าจีน (สามารถปริ้นได้จากเวปสถานฑูตจีน)
2. รูปถ่ายปัจจุบัน หน้าตรง ไม่สวมหมวก 1 รูป
3. พาสปอร์ตตัวจริงที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปและมีหน้าว่าง พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
4. สำเนาเอกสารการจองที่พัก 1 ฉบับ
5. สำเนาตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 1 ฉบับ
ไปถึงก็รับบัตรคิวจากเจ้าหน้าที่ เราต้องสังเกตุจากหน้าจอเอาเอง ไม่มีการเรียกใดๆทั้งสิ้นครับ เมื่อถึงคิวเราแล้วก็เดินตรงเข้าไปยื่นเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตรวจ ผมได้คิวที่ 13 ครับ
เมื่อตรวจเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะยื่นใบนัดมารับวีซ่า วีซ่าใช้เวลาประมาณ 4 วันทำการครับ วันที่นัดรับวีซ่าต้องนำใบชมพูนี้มาด้วย ไม่ต้องรับบัตรคิว ไปยืนรอต่อแถวชำระเงินค่าวีซ่าที่เคาท์เตอร์ซ้ายมือสุดได้เลย เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว นำใบเสร็จไปรับพาสปอร์ตคืนที่เคาท์เตอร์ถัดไป เมื่อได้รับวีซ่าแล้ว รบกวนตรวจสอบข้อมูลให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จสิ้นการขอวีซ่าจีนแบบคร่าวๆครับ ตอนนี้ก็มีวีซ่าจีนอยู่ในมือแล้ว รออะไรอยู่ครับ แพคกระเป๋าเตรียมตัวไปลุยมหานครฉงชิ่งกันเลยดีกว่า...
วันที่ 23 ส.ค. 2557 พวกเราตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเดินทางไปเช็คอินที่สนามบินดอนเมือง เราเช็คอินที่เคาท์เตอร์ 1-2 ของสายการบินไทยแอร์เอเชียครับ
เมื่อทำการเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และผ่านเครื่องสแกนตัวเพื่อไปยังประตูขึ้นเครื่องหมายเลข 12 ครับ
พนักงานสายการบินก็ได้ประกาศให้ผู้โดยสารทุกท่านขึ้นเครื่องได้ เมื่อได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น พวกเราไม่รอช้าครับ รีบลุกไปขึ้นเครื่องทันที
บนเครื่อง Airbus A320 ของสายการบินไทยแอร์เอเชียครับ
ที่นั่งของพวกเรา 3 คนครับ
ใช้เวลาไม่นาน เครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าสู่ "มหานครฉงชิ่ง"
เนื่องจากว่าเช้าเกินไปพวกเราไม่มีเวลาทานอาหารเช้า เลยทำการ Pre-book Meal บนเครื่องแอร์เอเชียไว้ล่วงหน้าครับ มีหลากหลายเมนูให้เลือกสรรค์ แต่เราขอแนะนำเมนู "Pancake" กลิ่นหอม เย้ายวน ชวนให้กินจัง
และเมนู "Chicken Sausage Danish Combo" อร่อยมากก...คือมันดีอ่ะ
สักพักพนักงานต้อนรับน่ารักๆ ก็เดินมาแจกใบตรวจคนเข้าเมืองประเทศจีน ให้เรากรอกครับ
กัปตันประกาศว่า "อากาศที่ฉงชิ่งอุณภูมิโดยประมาณ 20 องศาเซลเซียส มีเมฆมาก ฝนตกเล็กน้อย" เมื่อเวลาผ่านไป 3 ชม. พวกเราก็มาถึง Chongqing Jiangbei International Airport แล้วคร๊าบบบ... เวลาที่ประเทศจีนเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชม. อย่าลืมปรับนาฬิกากันด้วยนะ ก้าวแรกที่เดินลงจากเครื่อง พวกเราสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นสบายพร้อมกับฝนปรอยๆ
การเดินทางเข้าเมืองฉงชิ่งนั้น สะดวกที่สุดคือ "รถไฟ" สถานีรถไฟนั้นตั้งอยู่ใกล้กับอาคารภายในประเทศ(Domestic Terminal) เมื่อเราเดินออกจากอาคารระหว่างประเทศ(International Terminal)แล้ว ให้เลี้ยวไปทางซ้าย เดินไปตามถนนระยะทางพอสมควร จะมีป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟครับ เมื่อเห็นสถานีรถไฟแล้วเราก็มุ่งหน้าเดินทางเพื่อไปเช็คอินที่พักที่เราจองไว้กับ http://www.hostelworld.com/ ที่พักของเราชื่อ Chongqing Green Forest Hostel ทำไมถึงต้องที่นี่? ก็เพราะว่าใกล้สถานีรถไฟสะดวกสบายในการเดินทาง และใกล้ถนนคนเดินอีกด้วย ค่ารถไฟที่นี่ถือว่าถูกมากถ้าเทียบกับบ้านเรา
บรรยากาศมหานครฉงชิ่ง จากบนรถไฟครับ
เราเดินทางจากสถานี Jiangbei Airport (Line 3) จากนั้นลงสถานี Lianglukou เพื่อเปลี่ยนสายไปลงสถานี Jiaochangkou (Line 1) Exit 4 ออกมาก็จะเห็น Chongqing Green Forest Hostel อยู่ฝั่งตรงข้าม ราคาค่ารถไฟประมาณ 6 RMB
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงที่พักแล้วค้าบ....
บรรยากาศภายใน Hostel
ที่ซุกหัวนอนของพวกเราครับ Basic Double Bed Private Ensuite
ห้องน้ำจร้า....
วิวจากหน้าต่างห้องครับ
เมื่อถึงที่พัก พักผ่อนเอาแรงกันแล้ว พวกเราก็พร้อมที่จะไปตะลุยฉงชิ่งกันแล้วครับ ที่แรกเลยที่เราไปคือ Ci Qi Kou Ancient Town การเดินทางนั้นสามารถนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Ci Qi Kou (Line 1) จากนั้นเดินสักพัก ก็จะเจอประตูแบบนี้ แสดงว่ามาถูกทางแล้ว
เป็นถนนที่มีร้านรวงมากมาย วันที่ไปคนเยอะพอสมควร ถนนสายนี้ค่อนข้างยาว เดินกันน่องโต ทรัพย์จาง พร้อมกับพุงโตกันเลยทีเดียว เวลาเปิดปิด 07:00-22:00 น. ครับ
สามารถมาหาซื้อของกินของฝากกันได้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่าง เนื้อแพะเสียบไม้ ลูกกวาดสีสันสวยงามเรียกความสนใจจากเด็กๆได้ดีเชียว
สถานที่ต่อไป Yangtze River Cable Car อยู่ใกล้กับที่พักของเราสามารถเดินไปได้ หรือจะนั่งรถไฟไปลงสถานี Xiao Shi Zi (Line 1) Exit 5 ออกมาก็จะเจอทางเข้าแบบนี้เลย เวลาเปิดปิด 07:00-22:00 น. ราคาไปกลับ 20 RMB ครับ
มาขึ้นกระเช้าข้ามแม่น้ำแยงซีไปพร้อมๆกัน ชมวิว กินบรรยากาศกันครับ
ขึ้นกระเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดิน พวกเราก็ไปเดินเล่นที่ถนน Jiangfangbei กันครับ คล้ายสยามบ้านเรา มีห้างสรรพสินค้ามากมาย สีสันของไฟจากตึกทำให้ดูสนุกขึ้นมาแล้วสิ
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ Liberation Monument ครับ
จาก Liberation Monument พวกเราก็เดินต่อไปยัง Hong Ya Dong Folk Custom Area เป็นตึกที่มีแสงไฟสวยงามตั้งอยู่ริมแม่น้ำ บรรยากาศดีทีเดียวครับ
บนชั้น 4 มีถนนคนเดินคล้ายกับ Ci Qi Kou Ancient Town ขนาดย่อม เวลาเปิดปิด 07:00-22:00 น. ครับ
สำหรับวันแรกของการท่องเที่ยวในตัวเมืองฉงชิ่งก็สิ้นสุดลง ที่เราต้องอัดแต่ละสถานที่ไว้ในวันเดียว เพื่อวันที่2 เราจะต้องใช้เวลาทั้งวันไปกับ Wulong ครับ
วันที่ 24 ส.ค. 2557 พวกเราตื่นแต่เช้าเช่นเคย เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยัง Wulong Karst กันครับ เริ่มต้นการเดินทางโดยที่เราจะต้องนั่งรถไฟไปลงสถานี Sigongli (Line 3) เพื่อไปสถานีรถบัส ที่จะพาเราไป Wulong ครับ
เมื่อเดินทางมาถึงสถานี Sigongli แล้ว เราจะเห็นสถานีขนส่งตามภาพครับ
รีบซื้อตั๋วเดินทางไป Wulong กันดีกว่าครับ ราคาตั๋วเที่ยวเดียว 60 RMB
Yeah!!! เราได้ตั๋วมาแล้ว รถออก 07:30 ครับ
จากตั๋วบอกให้เราไปขึ้นรถที่ประตูหมายเลข 7 ครับ
จาก Chongqing ใช้เวลาเดินทางไปถึง Wulong ประมาณ 2 ชม. 15 นาที
พอถึงสถานีขนส่ง Wulong เราจะเดินทางโดยรถตู้แบบนี้ เพื่อไปยังตึกปีรามิดครับ ราคาตั๋วเที่ยวเดียว 8 RMB
รถจะขับขึ้นเขาอากาศเริ่มเย็นขึ้นๆ เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยก็ดีนะครับ ใช้เวลาจากสถานีขนส่งมาถึงตึกปีรามิดประมาณ 30 นาที
เมื่อถึงตึกปีรามิดแล้ว พวกเราก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วเพื่อไปเดินชม Three Natural Bridges กันครับ ราคา 135 RMB รวมค่ารถและค่าลิฟท์แล้ว เมื่อซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินลงบันไดเลื่อนไปรอรถบัสที่จะพาเราไปยังจุดหมายปลายทาง รถบัสจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาทีครับ
เมื่อเห็นหุ่นยนต์จากเรื่อง Transformers แล้วก็คือถึงแล้วครับ แวะถ่ายรูปกันนิดนึงก่อนที่จะเดินไปที่ทางเข้า
จากนั้นเราก็เดินไปตามทางเพื่อไปลงลิฟท์
เมื่อลงลิฟท์มาแล้วเราก็จะเจอสถานที่ถ่ายทำในภาพยนตร์เรื่อง Transformers สวยมากครับได้รับ World Natural Heritage by UNESCO in 2007.